Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเร่งช่วย พายุถล่ม 300 หลัง ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน หลังพายุฤดูร้อนถล่มเสียหายกว่า 300 ครัวเรือน

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย และนายสุรเชษฐ์ พุ้ยน้อย นายอำเภอพาน ได้นำคณะผู้แทนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานด้านการบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจเยี่ยม ติดตามสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัยที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

โดยมีการเดินทางไปยังอาคารอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน หมู่ที่ 17 บ้านแม่แก้วพัฒนา ซึ่งเป็นจุดรวบรวมข้อมูลและศูนย์ประสานการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์ล่าสุดจากผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุพายุฤดูร้อนในครั้งนี้

บ้านเรือนเสียหายกว่า 300 ครัวเรือนในตำบลแม่อ้อ

จากรายงานขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ พบว่าผลกระทบจากพายุฤดูร้อนซึ่งมีลมกระโชกแรงในช่วงค่ำวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ตำบลแม่อ้อได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมจำนวนกว่า 300 ครัวเรือน กระจายอยู่ในหลายหมู่บ้าน โดยเฉพาะในเขตบ้านแม่แก้วพัฒนา บ้านใหม่สามัคคี และบ้านใหม่ห้วยทราย ซึ่งมีบ้านเรือนที่หลังคาถูกลมพัดปลิว ไม้กระเบื้องและอุปกรณ์ภายในบ้านได้รับความเสียหาย บางหลังเสียหายทั้งหลังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้

ขณะเดียวกันยังมีรายงานความเสียหายด้านสาธารณูปโภค เช่น สายไฟฟ้าหลุดขาด เสาไฟฟ้าหักโค่น ถนนบางเส้นมีต้นไม้ล้มขวางทางจราจร รวมถึงมีโรงเรือนเกษตรและแปลงเพาะปลูกที่ถูกกระแสลมทำลายจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติมโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานภาครัฐเร่งสำรวจและฟื้นฟูความเสียหายอย่างเร่งด่วน

ในเบื้องต้น หน่วยงานท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ ได้ประสานกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย) เพื่อเร่งจัดส่งกำลังพลและเครื่องมือเข้าเคลียร์พื้นที่ซากปรักหักพัง และจัดหาที่พักชั่วคราวให้กับครัวเรือนที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ พร้อมเร่งประเมินความเสียหายรายครัวเรือนเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบของทางราชการ

ขณะเดียวกันเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และเครือข่ายภาคประชาชน ได้ลงพื้นที่นำถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤต

ผู้ว่าฯ ย้ำความห่วงใย พร้อมสั่งการให้ช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

ในการพบปะประชาชน นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวให้กำลังใจชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครอบคลุมโดยไม่ตกหล่น

“เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่เราต้องร่วมกันฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ โดยเน้นการทำงานที่โปร่งใส ทันต่อสถานการณ์ และเข้าถึงประชาชนในทุกครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการ” นายชรินทร์กล่าว

ภัยพิบัติกับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในเขตภาคเหนือ

จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี คือช่วงฤดูเปลี่ยนผ่าน ซึ่งมักเกิดพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความเสี่ยงสูงจากกระแสลมร้อนและกระแสลมเย็นปะทะกัน ส่งผลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้

กรณีตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศอย่างฉับพลันในช่วงต้นปี 2568 โดยเหตุวาตภัยครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันที่เคยเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งทำให้บ้านเรือนเสียหายกว่า 250 หลังคาเรือน

ความคิดเห็นจาก 2 มุมมอง: บทบาทรัฐและความเข้มแข็งของชุมชน

ฝ่ายสนับสนุนภาครัฐ มองว่า การลงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการแสดงความห่วงใยต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยอมรับว่าในภาวะวิกฤต รัฐมีบทบาทสำคัญในการระดมสรรพกำลังและงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันเวลา ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมของระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติของไทยในระดับหนึ่ง

ขณะที่ฝ่ายวิจารณ์ ชี้ให้เห็นว่าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังคงเผชิญปัญหาการสำรวจที่ล่าช้า การขาดแคลนเครื่องมือหนักและบุคลากรในพื้นที่ และบางรายที่ยังตกหล่นจากการได้รับความช่วยเหลือในระยะเริ่มต้น จึงเสนอให้มีการวางระบบสำรองฉุกเฉินแบบถาวร เช่น การจัดตั้งคลังยังชีพในแต่ละตำบล การฝึกอบรมอาสาสมัครให้สามารถช่วยเหลือเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง

เสียงสะท้อนจากทั้งสองฝ่ายชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้าง “ความพร้อมเชิงระบบ” ทั้งในเชิงโครงสร้าง การสื่อสาร และกลไกความร่วมมือระหว่างรัฐกับชุมชน เพื่อให้การจัดการภัยพิบัติในอนาคตมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยในตำบลแม่อ้อ ครั้งล่าสุด (มีนาคม 2568): กว่า 300 ครัวเรือน
    ที่มา: องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ, รายงานสถานการณ์ ณ วันที่ 20 มีนาคม 2568
  • เหตุวาตภัยที่เกิดขึ้นในอำเภอพาน ปี 2566 มีบ้านเรือนเสียหายรวม 251 ครัวเรือน
    ที่มา: สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย), รายงานภัยพิบัติประจำปี 2566
  • ช่วงเวลาที่เกิดพายุฤดูร้อนในประเทศไทยส่วนใหญ่: เดือนมีนาคม–เมษายน ของทุกปี
    ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา, รายงานแนวโน้มสภาพอากาศประจำปี 2567
  • จังหวัดเชียงรายมีครัวเรือนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงวาตภัยกว่า 12,000 ครัวเรือน
    ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ฐานข้อมูลแผนที่ภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ. 2566

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย,สำนักงานจังหวัดเชียงราย, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ, กรมอุตุนิยมวิทยา, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News