Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ชาวบ้านเชียงรายค้านเขื่อนปากแบง หวั่นน้ำเท้อกระทบชีวิตและสิ่งแวดล้อม

กลุ่มชาวบ้าน 3 อำเภอเชียงรายรวมพลังคัดค้านเขื่อนปากแบง หวั่นกระทบวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ณ โฮงเฮียนแม่น้ำของ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ชาวบ้านจาก 3 อำเภอริมแม่น้ำโขง ได้แก่ อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ และอำเภอเวียงแก่น รวมตัวประมาณ 150 คน ประกอบด้วยตัวแทนชุมชน ผู้นำสตรี ผู้นำท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และนายกเทศมนตรี เพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยต่อโครงการสร้างเขื่อนปากแบง (Pak Beng Dam) ในประเทศลาว ที่ห่างจากพรมแดนไทยด้านอำเภอเวียงแก่นเพียง 96 กิโลเมตร โดยโครงการดังกล่าวมีการลงนามซื้อไฟฟ้าระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับบริษัทเอกชนผู้พัฒนาโครงการแล้ว แต่การศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนยังไม่มีความชัดเจน

ความกังวลของชุมชนริมโขง

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ “ครูตี๋” ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า การสร้างเขื่อนปากแบงจะซ้ำเติมปัญหาน้ำโขงเท้อเข้าสู่แม่น้ำสาขา เช่น แม่น้ำอิงและแม่น้ำกก ซึ่งเกิดอุทกภัยใหญ่ในปีนี้จนสร้างความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรและชุมชน เขาย้ำว่าหากโครงการดำเนินต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายที่แก้ไขได้ยาก โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น แก่งผาได ในอำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมและแหล่งพักผ่อนของประชาชน รวมถึงหาดบ้านดอนมหาวัน ในอำเภอเชียงของ ที่จะจมหายไปหากมีการสร้างเขื่อน

นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เกษตรริมโขงที่ชาวบ้านพึ่งพาในช่วงฤดูแล้ง เช่น สวนส้มโอในอำเภอเวียงแก่น ที่ถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ หากเกิดน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อน ชาวบ้านจะสูญเสียรายได้และต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์

เสียงสะท้อนจากผู้นำชุมชนและท้องถิ่น

นายอภิธาร ทิตตา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลม่วงยาย กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไม่จำเป็นต้องสร้างเขื่อนเสมอไป โดยเสนอทางเลือกอื่น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมแสดงความกังวลว่าข้อมูลผลกระทบยังไม่ชัดเจน ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถวางแผนการเกษตรได้

นายประยุทธ โพธิ กำนันตำบลเวียง กล่าวว่า รายได้จากการท่องเที่ยวในพื้นที่จะหายไป เช่น รายได้จากหาดบ้านดอนมหาวัน ที่เคยสร้างรายได้นับแสนบาทต่อปี พร้อมวิพากษ์ว่าการเยียวยาที่เสนอมักไม่ครอบคลุมหรือเพียงพอ

นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อบูรณาการน้ำ เสนอให้หยุดโครงการและศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนอย่างจริงจังก่อน เพราะเขื่อนปากแบงจะมีผลกระทบต่อพื้นที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะน้ำเท้อจากแม่น้ำโขงที่อาจทำลายพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนริมแม่น้ำ

ข้อเสนอแนะจากชุมชน

ชาวบ้านเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลอย่างโปร่งใส รวมถึงผลักดันทางเลือกพลังงานที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกหรือเลื่อนโครงการจนกว่าจะมีข้อมูลที่เพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีพลังงานไฟฟ้าสำรองเพียงพอ และการสร้างเขื่อนจะสร้างผลกระทบต่อชุมชนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต

นางประกายรัตน์ ตันดี ผู้ใหญ่บ้านทุ่งงิ้ว อำเภอเชียงของ กล่าวว่า การสร้างเขื่อนปากแบงจะกระทบกลุ่มผู้หญิงริมโขงที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การเก็บไกและปลูกถั่วงอกเพื่อเลี้ยงชีพ เธอเรียกร้องให้ทุกคนร่วมกันเป็นพลังต่อต้านโครงการนี้

ข้อสรุป

ชาวบ้านและผู้นำชุมชนจาก 3 อำเภอริมแม่น้ำโขงในจังหวัดเชียงรายแสดงจุดยืนชัดเจนต่อการคัดค้านโครงการสร้างเขื่อนปากแบง โดยมุ่งเน้นการปกป้องสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลที่โปร่งใสและพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืนแทนการสร้างเขื่อน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โฮงเฮียนแม่น้ำของ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
TOP STORIES

ชาวบ้านคัดค้านกฎหมายป่าใหม่ กระทบวิถีชีวิตรัฐบาลต้องฟังเสียง

ชาวบ้านรวมตัวคัดค้าน พ.ร.ฎ. ป่าอนุรักษ์กว่า 5,000 คน ชุมนุมศาลากลางเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ‘สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า’ (สชป.) พร้อมชาวบ้านกว่า 5,000 คนรวมตัวแสดงพลังคัดค้านการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยยื่นหนังสือเรียกร้องต่อ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ผู้แทนนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 1.8 ล้านคนที่อาศัยในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ

ประเด็นปัญหาและข้อเรียกร้อง

นายวิชิต เมธาอนันต์กุล ผู้แทน สชป. ระบุว่า พ.ร.ฎ. ดังกล่าวมีข้อบัญญัติหลายมาตราที่กระทบสิทธิชุมชน เช่น

  • มาตรา 5: จำกัดการอยู่อาศัยในพื้นที่อนุรักษ์เพียง 20 ปี ขัดต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน
  • มาตรา 10: กำหนดพื้นที่ใช้ประโยชน์ครัวเรือนละไม่เกิน 40 ไร่
  • มาตรา 11: ผู้มีสิทธิต้องไม่มีที่ดินนอกเขตอุทยานฯ ส่งผลต่อครอบครัวที่มีที่ดินหลายแห่ง

ทั้งนี้ สชป. ได้เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการ 4 ประการ ได้แก่

  1. ยุติการประกาศใช้ พ.ร.ฎ. ทั้งสองฉบับ
  2. จัดตั้งคณะทำงานรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนในพื้นที่อนุรักษ์
  3. แก้ไข พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้อง โดยมีส่วนร่วมจากชุมชน
  4. ชะลอการประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 23 แห่ง

การเจรจาและผลสรุป

หลังการยื่นหนังสือ ผู้แทนรัฐบาล นำโดย ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เจรจากับแกนนำผู้ชุมนุม โดยมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งรัฐบาลรับหลักการทั้ง 4 ข้อ และจะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อไป

สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ชี้แจงว่า รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาที่ชาวบ้านเผชิญ และพร้อมปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน

ปฏิกิริยาหลังเจรจา

หลังจากเจรจาเสร็จสิ้น แกนนำ สชป. ได้อ่านแถลงการณ์ยืนยันเจตนารมณ์และแจกบันทึกข้อตกลงแก่ผู้ชุมนุม พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนในชุมชนติดตามและร่วมผลักดันการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

จุดเริ่มต้นสำคัญ

การชุมนุมครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการขับเคลื่อนปัญหาสิทธิชุมชนในพื้นที่อนุรักษ์ โดยผู้แทน สชป. ได้เน้นย้ำให้ประชาชนร่วมมือกันต่อสู้เพื่อสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : lannernews

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

K-pop กับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ซีดีที่สร้างขยะพลาสติกมหาศาล

การผลิตอัลบั้ม K-pop กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 The Jakarta Post รายงานเรื่องราวที่สะท้อนถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอัลบั้ม K-pop โดยเฉพาะการสะสมซีดีจำนวนมากที่มาพร้อมกับแคมเปญการตลาดที่ดึงดูดใจแฟนเพลงทั่วโลก

ปัญหาการผลิตและขยะซีดี K-pop

คิม นา-ยอน แฟนเพลง K-pop ชาวเกาหลีใต้เผยว่า ในอดีตเธอเคยซื้อซีดีจำนวนมากเพียงเพื่อตามหา “โฟโต้การ์ด” หรือของสะสมจากศิลปินในอัลบั้ม จนกระทั่งเธอเริ่มตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการสะสมเหล่านี้ โดยซีดีที่ผลิตจากโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) แม้จะสามารถรีไซเคิลได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการเฉพาะเพื่อป้องกันก๊าซพิษที่อาจปล่อยออกมา ข้อมูลจากการศึกษาของ Keele University ในสหราชอาณาจักรเผยว่า การผลิตซีดี 1 แผ่น สร้างการปล่อยก๊าซคาร์บอนประมาณ 500 กรัม หากคำนวณจากยอดขายรายสัปดาห์ของวง K-pop ชั้นนำ ยอดการปล่อยคาร์บอนอาจเทียบเท่ากับการเดินทางรอบโลก 74 ครั้ง

แคมเปญการตลาดและความนิยมซีดี

ถึงแม้แฟนเพลงจำนวนมากจะฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งแล้ว แต่ยอดขายซีดียังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2023 อุตสาหกรรม K-pop ขายซีดีได้มากกว่า 115 ล้านแผ่น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ยอดขายทะลุ 100 ล้านแผ่น การส่งเสริมการขายผ่านแคมเปญ เช่น การแถม “โฟโต้การ์ด” รุ่นลิมิเต็ด หรือโอกาสลุ้นวิดีโอคอลกับศิลปิน กลายเป็นแรงจูงใจให้แฟนเพลงซื้อซีดีมากขึ้น นอกจากนี้ อัลบั้มบางชุดยังออกแบบให้มีหลายปก เพื่อเพิ่มยอดขาย

โรซา เดอ จอง แฟนเพลง K-pop อีกรายกล่าวว่า การซื้ออัลบั้มเปรียบเสมือนการซื้อลอตเตอรี่ เพราะแฟนๆ ต้องการโอกาสในการได้ของสะสมหรือสิทธิพิเศษจากศิลปิน แต่กลับทำให้เกิดขยะพลาสติกสะสมในที่สาธารณะ เช่น ถนนและบันไดในกรุงโซล

การเรียกร้องให้ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

กลุ่ม Kpop4Planet ที่ก่อตั้งโดยแฟนเพลงชาวอินโดนีเซียในปี 2020 เริ่มรณรงค์ให้บริษัทบันเทิงลดการผลิตซีดีพลาสติก พวกเขาจัดการประท้วงและรวบรวมลายเซ็นเพื่อยื่นคำร้องให้บริษัทลดการใช้วัสดุพลาสติกและเปลี่ยนวิธีการตลาดที่กระตุ้นการบริโภค

HYBE บริษัทผู้จัดการวง BTS ระบุว่า บริษัทพยายามใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการผลิตอัลบั้มและสินค้า แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ด้านกระทรวงสิ่งแวดล้อมของเกาหลีใต้พยายามลดการผลิตซีดีโดยการเก็บค่าปรับสำหรับการสร้างขยะพลาสติกตั้งแต่ปี 2003 แต่ค่าปรับเพียง 2 พันล้านวอน (ประมาณ 143,000 ดอลลาร์) ในปี 2023 กลับไม่มีผลกระทบมากนัก

แฟนเพลงยังคงสนับสนุนศิลปิน

คิม นา-ยอน ยืนยันว่า แม้เธอจะวิพากษ์วิจารณ์บริษัทบันเทิงเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่เธอไม่สามารถบอยคอตศิลปินได้ เพราะแฟนเพลงทุกคนต้องการเห็นศิลปินของตนประสบความสำเร็จ เธอเชื่อว่าปัญหานี้ต้องเริ่มแก้ไขจากการตลาดและการผลิตของบริษัทโดยตรง ไม่ใช่ตัวศิลปิน

อนาคตของอุตสาหกรรม K-pop และสิ่งแวดล้อม

ในขณะที่ยอดขายอัลบั้มพุ่งสูงขึ้น ความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมกลายเป็นความท้าทายใหญ่ของอุตสาหกรรม K-pop แฟนเพลงและกลุ่มเคลื่อนไหวต่างหวังว่าบริษัทบันเทิงจะเริ่มหันมาใช้แนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยไม่กระทบต่อความนิยมของศิลปินและความสุขของแฟนเพลงทั่วโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : the jakarta post

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News