เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แสดงความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังขยายวงกว้างในพื้นที่ 33 จังหวัดของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมวลน้ำจำนวนมหาศาล ทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมถึงรายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในพื้นที่
น้ำท่วมเชียงใหม่กระทบหนัก รายได้หายกว่า 2,000 ล้านบาท
นายพัลลภ แซ่จิว รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาพลักษณ์ของเชียงใหม่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยจำนวนมากยกเลิกการเดินทางมายังเชียงใหม่ ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวที่เคยเฉลี่ยเดือนละ 6,000 ล้านบาท เหลือเพียง 200 ล้านบาทต่อวัน คิดเป็นความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอย่าง อำเภอแม่แตง และ อำเภอแม่ริม ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ และคาดว่าสถานการณ์นี้จะลากยาวออกไปอีกอย่างน้อย 15 วัน หากไม่มีการฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นอย่างรวดเร็ว
น้ำท่วมกระทบภาคเกษตร เชียงรายเสียหายสูงสุด
จากการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากอุทกภัยในครั้งนี้ มูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 30,000 ล้านบาท โดยภาคการเกษตรได้รับผลกระทบหนักที่สุด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 24,553 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82.3% ของความเสียหายทั้งหมด ส่วนภาคบริการเสียหายเป็นมูลค่า 5,121 ล้านบาท และภาคอุตสาหกรรม 171 ล้านบาท
สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 6,412 ล้านบาท รองลงมาคือ จังหวัดพะเยา 3,292 ล้านบาท และ จังหวัดสุโขทัย 3,042 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่มีความเสียหายรวม 2,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขยังไม่นิ่งและอาจสูงกว่าที่ประเมินในปัจจุบัน
ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเรียกร้องมาตรการช่วยเหลือด่วน
นายสนั่นได้เน้นย้ำว่า หอการค้าไทย ได้เร่งหารือกับภาครัฐเพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเชียงใหม่ โดยหอการค้าไทยจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือ ทั้งการจัดหาสินค้าในราคาประหยัด การซ่อมแซมบ้านเรือน และการเยียวยาเชิงเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ หอการค้าไทยยังมีแผนฟื้นฟูภาพลักษณ์การท่องเที่ยว โดยการจัดแคมเปญ “เชียงใหม่ปลอดภัย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาเยือน หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ซึ่งหากการประชาสัมพันธ์ล่าช้า จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี และอาจทำให้รายได้หายไปอีกหลายพันล้านบาท
รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทางด้านรัฐบาลได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประสบภัย เช่น โครงการมอบเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท สำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น สนับสนุนเงินเพิ่มอีก 10,000 บาท เมื่อประชาชนใช้จ่ายครบ 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงรณรงค์ให้ผู้มีรายได้สูงร่วมบริจาคเงิน โดยสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ข้อเสนอเพื่อรับมือวิกฤตอุทกภัยในอนาคต
นายสนั่นได้เสนอแนวทางในการรับมือกับอุทกภัยในอนาคต โดยเน้นการบูรณาการความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน ทั้งการพัฒนาระบบชลประทาน การออกแบบเมืองที่มีความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ การประกันภัยเพื่อรองรับความเสี่ยง และการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความพร้อมและสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุป: การฟื้นฟูและการสร้างความเชื่อมั่นสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
การฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายหลังน้ำท่วมจะเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ หากสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยลดผลกระทบระยะยาวและกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย