Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงรายนำทัพ! เร่งสร้างแนวป้องกันแม่น้ำสาย เผยคืบหน้า 51%

กองทัพเร่งสร้างแนวป้องกันน้ำริมแม่น้ำสาย คืบหน้ากว่า 51% – เจ้ากรมทหารช่างเสนอฝึกซ้อมแผนรับมือเหตุอุทกภัยอย่างเป็นระบบ

เชียงราย, 6 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางความเสี่ยงจากภาวะอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นซ้ำในพื้นที่ชายแดนเหนือของไทย จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะบริเวณอำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนสำคัญติดกับประเทศเมียนมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมวางแผนรับมือภัยพิบัติ โดยมีการรายงานความคืบหน้าของการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำริมแม่น้ำสาย พร้อมเสนอแนวทางฝึกซ้อมแผนรับมืออุทกภัยอย่างเป็นระบบ เพื่อลดผลกระทบทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่

วาระเร่งด่วนของการป้องกันน้ำท่วม – ประชุมติดตามความคืบหน้าแบบรายวัน

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคารศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) ที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเพื่อ ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่แม่สาย” โดยเน้นการเร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเขตแดน การขุดลอกแม่น้ำสาย–แม่น้ำรวก และการเร่งสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร

ในที่ประชุม พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง ได้รายงานถึงความคืบหน้าการก่อสร้างแนวป้องกันชั่วคราว-กึ่งถาวรริมแม่น้ำสาย ว่าขณะนี้มีความก้าวหน้าแล้ว ร้อยละ 51.39 (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2568) และในส่วนของการขุดลอกแม่น้ำรวก – ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมระหว่างกองทัพภาคที่ 3 และกรมการทหารช่าง – มีความคืบหน้าโดยรวมอยู่ที่ ร้อยละ 41.94 จากระยะทางรวม 32 กิโลเมตร โดยแบ่งเป็นภารกิจของกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 14 กิโลเมตร และกรมการทหารช่าง 18 กิโลเมตร

แผนฝึกซ้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน – ต้องมีระบบ-มีคน-มีความพร้อม

เพื่อให้แผนงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เจ้ากรมการทหารช่างได้เสนอแนวทางให้จังหวัดเชียงรายจัด การฝึกซ้อมรับแผนเผชิญเหตุ” อย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่

  1. แผนเข้าพื้นที่ซ่อมจุดรั่วแนวป้องกัน – เตรียมอุปกรณ์ ซักซ้อมการเข้าสกัดน้ำทะลุแบบเฉพาะจุด
  2. แผนระบายน้ำ-สูบน้ำ – สำรวจความพร้อมของระบบระบายน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง
  3. แผนบริหารจัดการอาสาสมัคร – วางโครงสร้างรับมือการระดมคนจากหลายหน่วยงานเพื่อป้องกันการทำงานซ้ำซ้อน หรือขาดประสิทธิภาพในภาวะวิกฤต

ลงพื้นที่สำรวจงานจริง – ตรวจสอบแนวป้องกันริมแม่น้ำสายด้วยเรือยาง

หลังการประชุม นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พลโท สิรภพ ศุภวานิช ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ด้วยเรือยาง เพื่อสำรวจสภาพการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวรริมแม่น้ำสาย ตั้งแต่บริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ไปจนถึงฐานปฏิบัติการนเรศวร หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ณ กองบังคับการผาทมิฬ

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ “ตรวจสอบการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบแปลน มาตรฐาน และระยะเวลาที่กำหนด” ตลอดจนประเมินความพร้อมของจุดเชื่อมโยงกับระบบระบายน้ำของเทศบาล และชุมชนในเขตเมืองแม่สาย

น้ำคือภัยคุกคามซ้ำซาก แต่แผนรับมือที่ดีคือเกราะป้องกันสำคัญ

อำเภอแม่สายเคยประสบปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2560 และอีกหลายครั้งตลอดทศวรรษที่ผ่านมา สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน พื้นที่เศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ การพัฒนาระบบป้องกันน้ำและการขุดลอกลำน้ำจึงถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีการบูรณาการระหว่างฝ่ายความมั่นคง หน่วยงานโยธา การปกครองท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ที่พร้อมให้ความร่วมมือโดยรู้บทบาทของตน

แนวป้องกันน้ำแบบชั่วคราว-กึ่งถาวร อาจไม่ใช่คำตอบถาวรในระยะยาว หากไม่มีการ “ฝึกซ้อมซ้ำจริง” และ “อัปเกรดระบบเตือนภัย” ให้ทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะในบริบทชายแดนที่มีปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และปริมาณน้ำไหลผ่านจากเมียนมาที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วตามฤดูกาล

สรุป

การดำเนินการของกองทัพไทยในการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำ และข้อเสนอให้มีแผนรับมืออุทกภัยอย่างเป็นระบบ ถือเป็นแบบอย่างของการจัดการเชิงป้องกันที่รัฐบาลไทยควรส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง หากสามารถบูรณาการทุกภาคส่วนได้อย่างมีเอกภาพ จะสามารถป้องกันภัยที่เกิดขึ้นซ้ำซาก และลดความสูญเสียได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • รายงานการประชุมป้องกันอุทกภัย อ.แม่สาย จ.เชียงราย วันที่ 6 มิถุนายน 2568
  • กรมการทหารช่าง กองทัพบก
  • สำนักงานจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์ข้อมูลน้ำ กรมชลประทาน
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กอ.รมน.เชียงราย เตรียมแผนป้องกันน้ำท่วมแม่สาย

กอ.รมน.เชียงราย จับมือท้องถิ่นเตรียมรับมืออุทกภัยแม่สาย งวดที่ 2 ประจำปี 2568 เดินหน้าวางแผนบูรณาการร่วมทุกภาคส่วน

เชียงราย, 20 พฤษภาคม 2568 – กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดเชียงราย โดย พันโทนิรุธ ณ ลำปาง รองหัวหน้ากลุ่มงานประสานความมั่นคง ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอแม่สาย เร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งวดที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อรับมือสถานการณ์อุทกภัยในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

จากปัญหาซ้ำซากสู่แนวทางรับมือ: การลงพื้นที่ร่วมภาคีเครือข่าย

เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 กอ.รมน.เชียงราย ลงพื้นที่พบปะประสานการปฏิบัติร่วมกับนายวรรณศิลป์ จีระกาศ ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย เพื่อติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าในการเตรียมรับมืออุทกภัยในพื้นที่

กิจกรรมในครั้งนี้ครอบคลุมการตรวจสอบสภาพคลองภายในชุมชน บริเวณบ้านหัวฝาย ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน โดยมีการตรวจความคืบหน้าการขุดลอกและทำผนังกันน้ำที่ดำเนินการโดยทหารช่าง รวมถึงการวางแนวทางในการขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำและเร่งรัดการเตรียมระบบแจ้งเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สรุปข้อเสนอและแนวทางแก้ไขปัญหาจากเวทีหารือ

การหารือร่วมระหว่าง กอ.รมน.และเทศบาลตำบลแม่สายได้ข้อสรุปเบื้องต้น ดังนี้:

  1. เทศบาลตำบลแม่สายดำเนินการขุดลอกท่อและคลองภายในชุมชนแล้วจำนวน 4 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา
  2. ปัญหาหลักคือเมื่อตกฝนหนัก มวลน้ำและทรายจากพื้นที่สูงไหลเข้าสู่ทางระบายน้ำ ทำให้เกิดการอุดตันอย่างรวดเร็ว
  3. เทศบาลยังประสบปัญหาด้านงบประมาณในการดูแลรักษาและขุดลอกระบบระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง
  4. การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำทางระบายน้ำได้รับการมอบหมายให้ทหารช่างดำเนินการ โดยเทศบาลจะเป็นผู้ประสานงานกับชาวบ้าน
  5. ตลาดสายลมจอย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ มีการเช่าพื้นที่ล่วงหน้าในระยะยาว 4-5 ปี โดยแม่ค้ายืนยันไม่ขอย้ายออกและยอมรับความเสี่ยงกรณีเกิดอุทกภัยโดยไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาล
  6. เทศบาลมีแผนการแจ้งเตือนและอพยพประชาชนอย่างเป็นระบบหากเกิดเหตุอุทกภัยฉับพลัน
  7. ประชาชนในพื้นที่มีความตื่นตัวและให้ความร่วมมือกับทางราชการเป็นอย่างดี
  8. เทศบาลแม่สายได้ขอประสานกับ กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย เพื่อแจ้งหน่วยงานอื่น ๆ ได้แก่ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จว.ชร.), หน่วยทหาร, ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงราย เพื่อจัดทำแผนรับมืออุทกภัยและซักซ้อมการอพยพให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งหมด

วิเคราะห์ภาพรวมและผลกระทบเชิงระบบ

จากการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.เชียงราย พบว่าปัญหาอุทกภัยในพื้นที่แม่สายเป็นปัญหาซ้ำซาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ยจากแนวเทือกเขาด้านตะวันตกของอำเภอ ซึ่งทำให้เกิดน้ำหลากรุนแรงและรวดเร็ว

แนวทางที่ได้รับการเสนอจากนักวิชาการท้องถิ่นประกอบด้วยการพัฒนาระบบ Early Warning System (EWS) โดยอาศัยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจวัดน้ำฝนและน้ำหลาก รวมถึงการสร้างฝายชะลอน้ำและบ่อพักน้ำในชุมชน เพื่อแบ่งเบาภาระของระบบระบายน้ำหลัก

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

  • จากรายงานของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ปี 2566 ระบุว่า อำเภอแม่สายมีเหตุอุทกภัยเกิดขึ้น 6 ครั้ง มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 3,100 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตรเสียหายมากกว่า 1,800 ไร่
  • รายงานจากเทศบาลตำบลแม่สาย ปี 2567 พบว่าในช่วงฤดูฝน มีการขุดลอกท่อระบายน้ำเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง แต่ยังไม่เพียงพอต่อการรองรับปริมาณน้ำฝนที่มากขึ้นทุกปี
  • ศูนย์พยากรณ์อากาศภาคเหนือ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ปี 2568 ภาคเหนือจะมีฝนตกสูงกว่าค่าเฉลี่ย 15% โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จังหวัดเชียงราย (กอ.รมน.เชียงราย)
  • เทศบาลตำบลแม่สาย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์พยากรณ์อากาศภาคเหนือ กรมอุตุนิยมวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สภากาชาดเยี่ยมแม่สาย หนุนสร้างพนังกั้นน้ำ

สภากาชาดไทย-กาชาดเชียงราย ลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โครงการแนวป้องกันน้ำและขุดลอกแม่น้ำสายแม่สาย

เชียงราย, 18 พฤษภาคม 2568 – สภากาชาดไทยร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ปฏิบัติงานก่อสร้างแนวป้องกันน้ำและขุดลอกแม่น้ำสาย เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในฤดูฝนปีนี้ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน

จุดเริ่มต้นของภารกิจ: การระดมพลังข้ามหน่วยงานเพื่อปกป้องชีวิตประชาชน

โครงการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร และการขุดลอกแม่น้ำสาย เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยน้ำหลากและตลิ่งพัง ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อำเภอแม่สายต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน การค้า และการคมนาคมในพื้นที่

พื้นที่ปฏิบัติงานครอบคลุมตั้งแต่บ้านหัวฝาย หมู่ที่ 1 ตำบลเวียงพางคำ ไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร โดยได้รับการสนับสนุนด้านกำลังพลและเครื่องจักรจากกรมการทหารช่าง กองทัพบก ร่วมกับกองกำลังผาเมือง และมณฑลทหารบกที่ 37

กำลังใจถึงแนวหน้า ผู้นำลงพื้นที่ด้วยตนเอง

ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568 คณะจากสภากาชาดไทย นำโดย นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด พร้อมด้วย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และที่ปรึกษาคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการเหล่ากาชาดอำเภอแม่สาย ร่วมกับที่ทำการปกครองอำเภอแม่สายและแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

บรรยากาศของการลงพื้นที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความหวัง โดยมีการจัดเตรียมน้ำดื่ม อาหารว่าง และอุปกรณ์ป้องกันแดดเพื่อแจกจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณในความเสียสละและความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทุกนาย

รายละเอียดโครงการ ระบบป้องกันน้ำที่ออกแบบอย่างหลากหลาย

เพื่อให้การป้องกันน้ำมีประสิทธิภาพในทุกสภาพพื้นที่ โครงการดังกล่าวได้ออกแบบแนวป้องกันน้ำใน 5 รูปแบบ ดังนี้:

  • แบบที่ 1: ใช้เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก แผ่น Precast panel และคานทับหลัง พร้อมถมดินและเสริมแนว Big bag ด้านบน
  • แบบที่ 2: มีแนวกำแพงพร้อมเสาเหล็กค้ำยัน ใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป
  • แบบที่ 3: เป็นเสาและกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมด
  • แบบที่ 4: กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กมีช่องเปิดสำหรับอาคารริมน้ำ ใช้เหล็กหนา 2 มิลลิเมตร
  • แบบที่ 5: ใช้ Big bag เป็นหลักในการกันน้ำบริเวณแนวอ่อนแรง

นอกจากการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำแล้ว ยังมีการขุดลอกแม่น้ำรวก ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักของพื้นที่ โดยเริ่มตั้งแต่ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ไปจนถึงพื้นที่ในอำเภอเชียงแสน เพื่อเพิ่มความจุของแม่น้ำ ลดแรงดันน้ำและป้องกันตลิ่งทรุด

การขุดลอกแม่น้ำ ขั้นตอนที่ต้องอาศัยความแม่นยำและระมัดระวัง

การดำเนินการขุดลอกแม่น้ำดำเนินด้วยความรอบคอบ โดยเริ่มจากการสำรวจสภาพพื้นที่ สภาพดิน ความกว้าง-ลึกของลำน้ำ และระยะห่างจากสิ่งปลูกสร้างริมตลิ่ง ก่อนจะเริ่มขุดในช่วงละ 50–100 เมตร

จุดที่มีความเสี่ยงต่อการทรุดตัวของตลิ่งจะมีการตอกเสาเข็มไม้ขนาด 6–8 นิ้ว เรียงชิดเป็นแนว เพื่อป้องกันการไหลทลายของดินลงสู่แม่น้ำ อันจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านเรือนริมฝั่งในอนาคต

ความร่วมมือเพื่อความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชน

โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงแนวทางการจัดการภัยพิบัติอย่างมีระบบที่อาศัยความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งพลเรือน ทหาร และภาคประชาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงพื้นที่ของสภากาชาดไทยและเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ ไม่ได้เพียงเป็นการให้กำลังใจเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังเป็นการส่งเสริมขวัญกำลังใจและสร้างแรงสนับสนุนจากระดับนโยบายไปถึงระดับปฏิบัติการ

การป้องกันน้ำท่วมไม่อาจพึ่งพาเฉพาะโครงสร้างทางวิศวกรรม หากต้องเสริมด้วยความเข้าใจในระบบนิเวศ ความร่วมมือของชุมชน และการบำรุงรักษาระบบที่ก่อสร้างไปแล้วอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถลดผลกระทบในระยะยาวได้อย่างแท้จริง

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี 2566 ระบุว่า จังหวัดเชียงรายประสบภัยพิบัติน้ำท่วมรวมทั้งสิ้น 12 ครั้ง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวมกว่า 22,000 ครัวเรือน
  • แม่น้ำสายและแม่น้ำรวก เป็นสองลำน้ำหลักที่มีน้ำหลากบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน
  • กรมทรัพยากรน้ำรายงานว่า ในปี 2567 มีปริมาณฝนสะสมในเขตภาคเหนือสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 13.7% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านน้ำท่วมเฉียบพลัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สภากาชาดไทย
  • เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย
  • กรมการทหารช่าง กองทัพบก
  • กองกำลังผาเมือง
  • มณฑลทหารบกที่ 37
  • ที่ทำการปกครองอำเภอแม่สาย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • กรมทรัพยากรน้ำ
  • สำนักงานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ธนารักษ์เลิกสัญญาเช่าริมน้ำสาย 3 รายไม่ยอม รื้อถอนคืบหน้า 20%

แม่สายเร่งเจรจารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำสาย เปิดทางสร้างพนังกั้นน้ำก่อนฤดูฝน ด้านกรมธนารักษ์ยกเลิกสัญญาเช่า เหลืออีก 3 รายยังไม่ยินยอม

เชียงราย, 13 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงราย โดยอำเภอแม่สาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อเร่งผลักดันโครงการป้องกันอุทกภัยบริเวณแนวลำน้ำสาย ซึ่งเป็นแนวเขตชายแดนไทย-เมียนมา หลังเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่อาจก่อให้เกิดน้ำหลากและกระทบต่อชุมชนริมฝั่ง

แม้ว่าเจ้าของสิ่งปลูกสร้างริมฝั่งแม่น้ำหลายรายได้ยินยอมให้ดำเนินการรื้อถอนเพื่อเปิดทางให้หน่วยงานทหารและวิศวกรเข้าปรับพื้นที่แล้วกว่า 11 จุด แต่ยังคงมีอีก 3 รายที่ยังไม่ยินยอมให้รื้อถอนอาคาร ส่งผลให้การดำเนินงานพนังกั้นน้ำอาจล่าช้าและไม่ทันฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

นายอำเภอแม่สายรุดหน้าเจรจา หวั่นชุมชนถูกน้ำท่วมซ้ำ

นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ได้นำทีมเจ้าหน้าที่จากหลากหลายหน่วยงาน ได้แก่ กรมการทหารช่าง กองทัพบก กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน เทศบาลตำบลแม่สาย และเทศบาลตำบลเวียงพางคำ ลงพื้นที่เจรจากับเจ้าของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสาย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่จุดผ่อนปรนบริเวณสายลมจอยไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2

เป้าหมายหลักของการเจรจาคือการขอความร่วมมือให้เจ้าของอาคารยินยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ราชพัสดุ เพื่อให้กรมการทหารช่างสามารถเข้าพื้นที่และก่อสร้างพนังกั้นน้ำกึ่งถาวร-ชั่วคราวได้ทันก่อนถึงช่วงน้ำหลาก

ความคืบหน้ารื้อถอน 11 รายยินยอม เหลืออีก 3 รายยังขัดข้อง

จนถึงขณะนี้ การเจรจาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและได้รับความร่วมมือจากเจ้าของอาคารหลายราย โดยเฉพาะรายใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการรื้อถอนแล้วมากกว่า 11 จุด

อย่างไรก็ตาม ยังคงมี 3 รายที่ยังไม่ยินยอม ได้แก่

  • 2 รายในชุมชนหัวฝาย ซึ่งเป็นบ้านของผู้สูงอายุที่ครอบครองพื้นที่มานาน
  • 1 รายในชุมชนสายลมจอย ที่ยังคงพักอาศัยอยู่ในอาคาร แม้จะได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าจากกรมธนารักษ์แล้วก็ตาม

แม้ทางกรมธนารักษ์จะดำเนินการบอกเลิกสัญญาเช่า และแจ้งให้ผู้เช่าย้ายออกพร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่เจ้าของอาคารรายหนึ่ง ซึ่งเป็นชายสูงอายุ ยังคงอาศัยอยู่ในอาคาร และเฝ้าดูการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จากภายนอก

ดำเนินการตามกรอบข้อตกลงไทย-เมียนมา หวังป้องกันน้ำหลากซ้ำ

แนวทางการก่อสร้างพนังกั้นน้ำครั้งนี้ สืบเนื่องจากข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและเมียนมา ในการบริหารจัดการลำน้ำสายและแม่น้ำรวก ซึ่งกำหนดกรอบเวลาการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ถึง 20 มิถุนายน 2568

เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งรื้อถอนอาคารที่ได้รับความยินยอมไปก่อน เพื่อให้สามารถดำเนินงานตามกรอบเวลาได้ และหากการเจรจากับอีก 3 รายสำเร็จ จะดำเนินการรื้อถอนในลำดับถัดไป

ความคืบหน้าการก่อสร้างพนังและขุดลอกลำน้ำ

ฝั่งไทย

  • ความคืบหน้าการก่อสร้างพนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำสายฝั่งไทย ปัจจุบันเสร็จไปแล้ว ประมาณ 20%
  • ดำเนินการโดย กรมการทหารช่าง กองทัพบก ด้วยการฝังเสาเข็มห่างกัน 1 เมตร ลึกลงดิน 4 เมตร สูงเหนือดิน 3 เมตร ครอบคลุมระยะทางราว 3 กิโลเมตร

แม่น้ำรวก (ใต้แม่น้ำสายลงไป)

  • ทหารกองทัพภาคที่ 3 ขุดลอกระยะทาง 14 กิโลเมตร
  • กรมการทหารช่าง ขุดลอกระยะทาง 18 กิโลเมตร
  • รวมระยะทางการขุดลอก 32 กิโลเมตร
  • ความคืบหน้าในส่วนนี้อยู่ที่ ประมาณ 9%

ฝั่งเมียนมา

  • ยังไม่มีการขุดลอกแม่น้ำสาย แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา

นายอำเภอย้ำต้องเร่งสร้างให้ทันฤดูฝน

นายวรายุทธระบุว่า “ขณะนี้กำลังเข้าสู่ฤดูฝน หากไม่สามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่รุกล้ำได้ทัน อาจส่งผลให้การก่อสร้างพนังกั้นน้ำล่าช้าและเกิดความเสี่ยงน้ำท่วมในเขตชุมชนซ้ำอีกในปีนี้” พร้อมยืนยันว่าจะยังคงใช้แนวทางเจรจาอย่างสันติ และหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการทางกฎหมายเว้นแต่ในกรณีที่จำเป็น

วิเคราะห์สถานการณ์ การบริหารพื้นที่ชายแดนกับความจำเป็นด้านความปลอดภัย

กรณีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างริมแม่น้ำสายเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับทั้งสิทธิในการเช่าที่ราชพัสดุ การดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ และความจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการภัยพิบัติ

แม้การรื้อถอนจะกระทบต่อผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่โดยตรง แต่ในภาพรวมแล้ว การสร้างพนังกั้นน้ำถือเป็นภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • พื้นที่แนวแม่น้ำสายที่อยู่ในแผนดำเนินการสร้างพนังกั้นน้ำ: มากกว่า 3 กิโลเมตร (ข้อมูลจากกรมการทหารช่าง)
  • ระยะเวลาที่กำหนดในข้อตกลงไทย-เมียนมา: 15 เม.ย. – 20 มิ.ย. 2568 (แหล่งที่มา: สำนักงานความร่วมมือชายแดนไทย-เมียนมา)
  • ความคืบหน้าในการก่อสร้างพนังกั้นน้ำฝั่งไทย: 20% ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568
  • ความคืบหน้าในการขุดลอกแม่น้ำรวกฝั่งไทย: 9% จากเป้าหมายรวม 32 กิโลเมตร
  • จำนวนสิ่งปลูกสร้างริมแม่น้ำสายที่ยินยอมรื้อถอนแล้ว: 11 จุด
  • จำนวนอาคารที่ยังไม่ยินยอมรื้อถอน: 3 จุด

สรุป ความพยายามของจังหวัดเชียงรายในการจัดระเบียบพื้นที่ริมแม่น้ำสาย และการก่อสร้างพนังกั้นน้ำเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการจัดการเชิงยุทธศาสตร์ที่คำนึงถึงทั้งความปลอดภัยและผลกระทบต่อชุมชน หากสามารถเจรจากับผู้ที่ยังไม่ยินยอมได้อย่างราบรื่น จะช่วยให้โครงการสามารถดำเนินการได้ทันฤดูฝน และลดความเสี่ยงของอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืนในอนาคต.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย
  • กรมธนารักษ์
  • กรมการทหารช่าง
  • อำเภอแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แม่สายรื้อร้านค้า ไทย-เมียนมาขุดลอก น้ำสายป้องกันท่วม

ไทย-เมียนมาร่วมมือแก้ปัญหาน้ำท่วมแม่สาย รื้อถอนอาคารริมน้ำสายกว่า 800 หลัง ขุดลอกลำน้ำ-สร้างพนังกั้นน้ำ

เชียงราย, 6 มีนาคม 2568 – การแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และ จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา กำลังเดินหน้าตามข้อตกลงระหว่างสองประเทศ โดยขณะนี้ เมียนมาเริ่มดำเนินการขุดลอกและทำลายสิ่งกีดขวางในแม่น้ำสาย เพื่อคืนพื้นที่ให้กับลำน้ำ พร้อมก่อสร้างพนังกั้นน้ำความสูง 17.6 ฟุต (ประมาณ 2 เมตร) เพื่อป้องกันอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศกำลังเร่งศึกษาวิธีป้องกันน้ำท่วม คาดว่าจำเป็นต้องรื้อถอนอาคารริมน้ำสายมากกว่า 800 หลังคาเรือน เพื่อเพิ่มพื้นที่การไหลของน้ำ รวมถึงการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกให้สามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น

เมียนมาเริ่มขุดลอกและสร้างพนังกั้นน้ำ ป้องกันน้ำท่วม

นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ทางการเมียนมาได้เริ่มดำเนินการขุดลอกและทำลายสิ่งกีดขวางในแม่น้ำสาย ฝั่งท่าขี้เหล็ก ติดกับสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 เพื่อป้องกันน้ำท่วมตามข้อตกลงไทย-เมียนมา โดยการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 3 จุดหลัก ได้แก่

  • จุดที่ 1 ใต้สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ความยาว 60 ฟุต x 2 ฟุต x 17.6 ฟุต
  • จุดที่ 2 ใต้สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 (จุดที่ 2) ความยาว 140 ฟุต x 2 ฟุต x 17.6 ฟุต
  • จุดที่ 3 บริเวณหลังโรงแรมอารัว ความยาว 180 ฟุต x 2 ฟุต x 17.6 ฟุต

แม้ว่าทางการเมียนมาจะยังไม่ได้ดำเนินการขุดลอกแม่น้ำสายทั้งหมดตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ระยะทาง 14.45 กิโลเมตร แต่ได้มีการแบ่งโซนพื้นที่ขุดลอกออกเป็น

  • โซนที่ 1 ระยะทาง 12.39 กิโลเมตร
  • โซนที่ 2 ระยะทาง 2.06 กิโลเมตร

ส่วน แนวการสร้างพนังกั้นน้ำ มีระยะทาง 3.960 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีแผนขุดลอกแม่น้ำรวกเพิ่มเติมอีก 30.89 กิโลเมตร ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน พฤษภาคม 2568 โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท

ไทยเร่งศึกษาแนวทางป้องกันน้ำท่วม รื้อถอนอาคารริมน้ำสาย

ด้านหน่วยงานของไทย นำโดย กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอแม่สาย โดยมีการวางแผนรื้อถอนอาคารริมน้ำสายที่อยู่ในแนวการก่อสร้างพนังกั้นน้ำและพื้นที่รับน้ำหลาก กว่า 800 หลังคาเรือน

การก่อสร้างพนังกั้นน้ำมี 2 แนวทาง คือ

  1. พนังกั้นน้ำแบบถาวร ต้องเวนคืนพื้นที่ 40 เมตร จากริมฝั่งแม่น้ำสาย ครอบคลุมพื้นที่ 800 ครัวเรือน ใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2572
  2. พนังกั้นน้ำแบบกึ่งถาวร ซึ่งสามารถดำเนินการได้เร็วกว่า และจะแล้วเสร็จภายใน มิถุนายน 2568 เพื่อให้ทันก่อนฤดูน้ำหลาก

นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่นำเสนอ คือ การสร้างคันปิดล้อมพื้นที่ชุมชนแม่สาย เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วม โดยจะมีการก่อสร้างคันดินสูง 3 เมตร ความยาวรวม 3,960 เมตร ซึ่งจะช่วยป้องกันน้ำไหลเข้าพื้นที่ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พื้นที่ได้รับประโยชน์จากแนวคันปิดล้อมจะครอบคลุม 10.7 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6,700 ไร่ มีบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการรื้อถอน 843 หลังคาเรือน แบ่งเป็น

  • อาคารที่มีกรรมสิทธิ์ 178 หลัง
  • อาคารที่ตั้งอยู่บนที่ดินของกรมธนารักษ์ 112 หลัง
  • อาคารที่รุกล้ำที่สาธารณะ 503 หลัง

แนวทางขุดลอกและป้องกันการเปลี่ยนแปลงของลำน้ำ

พล.ต.สิรภพ สุวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง รายงานว่าแนวทางการขุดลอกแม่น้ำสายแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่

  1. โซนเขตเมือง ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร ความกว้าง 30 เมตร ความลึก 2.5 เมตร
  2. โซนนอกเมือง ความกว้างสูงสุด 50 เมตร ความลึกเฉลี่ย 2.5 เมตร
  3. โซนแม่น้ำรวก-สามเหลี่ยมทองคำ ความกว้าง 25-70 เมตร (ไม่ต้องขุดลอกเพิ่มเติม)

แนวทางการขุดร่องน้ำลึกมีเป้าหมาย ไม่ให้ชิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงของลำน้ำและลดความเสี่ยงจากการกัดเซาะตลิ่ง

ความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ

กลุ่มที่เห็นด้วยกับโครงการ

  • หน่วยงานรัฐ เห็นว่าแนวทางขุดลอกแม่น้ำสายและสร้างพนังกั้นน้ำจะช่วยป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของแม่น้ำให้สมดุล
  • ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม สนับสนุนโครงการนี้ เนื่องจากจะช่วยป้องกันภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • ภาคธุรกิจในพื้นที่แม่สาย มองว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำจะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง

 กลุ่มที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการ

  • ประชาชนที่ต้องถูกเวนคืนที่ดิน กังวลเกี่ยวกับกระบวนการเยียวยาและค่าชดเชยที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
  • นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เตือนว่าการขุดลอกแม่น้ำอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และอาจทำให้บางพื้นที่เกิดการพังทลายของตลิ่ง
  • ผู้ค้าริมน้ำสาย หลายคนกังวลเกี่ยวกับการรื้อถอนอาคารซึ่งอาจกระทบต่อการประกอบอาชีพของพวกเขา

บทสรุป

การขุดลอกแม่น้ำสายและสร้างพนังกั้นน้ำถือเป็นโครงการสำคัญที่มีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอแม่สาย และ จังหวัดท่าขี้เหล็ก อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนที่ต้องถูกเวนคืนที่ดิน รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ และสามารถลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในอนาคตได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงนิวส์ / เพจฮักแม่สาย /แม่สาย ปิงปิง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

เชียงราย-ท่าขี้เหล็ก จับมือขุดลอกแม่น้ำสาย แก้น้ำท่วมยั่งยืน

เชียงราย-ท่าขี้เหล็ก หารือแผนขุดลอกแม่น้ำสาย สร้างความร่วมมือแก้ปัญหาน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมประชุมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อกำหนดแนวทางในการขุดลอกแม่น้ำสาย โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและฟื้นฟูสภาพแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวกให้สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างยั่งยืน

ที่มาและความสำคัญของแม่น้ำสาย

แม่น้ำสาย หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า “แม่น้ำละว้า” เป็นแม่น้ำที่มีความยาว 30 กิโลเมตร โดยแบ่งความยาวในประเทศไทย 15 กิโลเมตร แม่น้ำสายนี้ถือเป็นเส้นแบ่งเขตแดนธรรมชาติระหว่างไทยและเมียนมา โดยมีต้นน้ำอยู่ในประเทศเมียนมาและไหลผ่านจังหวัดเชียงราย จนไปบรรจบกับแม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงแสน

แม่น้ำสายเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญสำหรับการเกษตรกรรมและการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่น แต่ปัญหาการกัดเซาะของแม่น้ำที่ทำให้ตลิ่งเปลี่ยนทิศทาง เกิดแผ่นดินงอกและแผ่นดินหด ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางทรัพยากรและพื้นที่ชายแดน

ความร่วมมือข้ามพรมแดน

การประชุมในครั้งนี้มีการวางแผนการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมาเกี่ยวกับสิทธิการเดินเรือและการใช้น้ำอย่างเป็นธรรม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16-17 มกราคม 2568 เพื่อกำหนดแนวทางการขุดลอกแม่น้ำและพัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วมระยะยาว

นอกจากนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ยังได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation) ในการดำเนินโครงการเพื่อบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำสาย – ลุ่มน้ำรวก โดยเน้นการพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าและปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผลกระทบและการแก้ปัญหา

จากการประชุมในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา หน่วยงานทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะร่วมมือกันพัฒนาพื้นที่และแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งส่งผลให้ชุมชนชายแดนทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์ โดยมีแผนการดำเนินการ 3 ขั้นตอน ได้แก่

  1. วางแผนสำรวจข้อมูล: ประเมินพื้นที่และเสนอความต้องการงบประมาณ
  2. ดำเนินการตามแผน: ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงแม่น้ำและตลิ่ง
  3. พัฒนาอย่างยั่งยืน: ติดตามผลการดำเนินการและพัฒนาระบบป้องกันในระยะยาว

ความสำเร็จในอนาคต

การขุดลอกแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวกและการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยคาดว่าจะช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วมและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรน้ำ นอกจากนี้ การมีเขตแดนที่ชัดเจนยังสร้างโอกาสให้เกิดความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยวระหว่างไทยและเมียนมาในอนาคต

คำถามที่พบบ่อย

  • โครงการนี้จะส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างไร?
    ช่วยลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมและเพิ่มความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำ

  • ใครเป็นผู้ดำเนินโครงการนี้?
    สทนช. และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมมือกับประเทศเมียนมา

  • ระยะเวลาการดำเนินโครงการนี้นานเท่าไหร่?
    โครงการจะเริ่มตั้งแต่ปี 2568 และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

การขุดลอกแม่น้ำสายและความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่ยังเป็นตัวอย่างของความร่วมมือข้ามพรมแดนที่ส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : รายงานสถานการณ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE