
แม่สายเร่งเจรจารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำสาย เปิดทางสร้างพนังกั้นน้ำก่อนฤดูฝน ด้านกรมธนารักษ์ยกเลิกสัญญาเช่า เหลืออีก 3 รายยังไม่ยินยอม
เชียงราย, 13 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงราย โดยอำเภอแม่สาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อเร่งผลักดันโครงการป้องกันอุทกภัยบริเวณแนวลำน้ำสาย ซึ่งเป็นแนวเขตชายแดนไทย-เมียนมา หลังเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่อาจก่อให้เกิดน้ำหลากและกระทบต่อชุมชนริมฝั่ง
แม้ว่าเจ้าของสิ่งปลูกสร้างริมฝั่งแม่น้ำหลายรายได้ยินยอมให้ดำเนินการรื้อถอนเพื่อเปิดทางให้หน่วยงานทหารและวิศวกรเข้าปรับพื้นที่แล้วกว่า 11 จุด แต่ยังคงมีอีก 3 รายที่ยังไม่ยินยอมให้รื้อถอนอาคาร ส่งผลให้การดำเนินงานพนังกั้นน้ำอาจล่าช้าและไม่ทันฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง
นายอำเภอแม่สายรุดหน้าเจรจา หวั่นชุมชนถูกน้ำท่วมซ้ำ
นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ได้นำทีมเจ้าหน้าที่จากหลากหลายหน่วยงาน ได้แก่ กรมการทหารช่าง กองทัพบก กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน เทศบาลตำบลแม่สาย และเทศบาลตำบลเวียงพางคำ ลงพื้นที่เจรจากับเจ้าของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสาย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่จุดผ่อนปรนบริเวณสายลมจอยไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2
เป้าหมายหลักของการเจรจาคือการขอความร่วมมือให้เจ้าของอาคารยินยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ราชพัสดุ เพื่อให้กรมการทหารช่างสามารถเข้าพื้นที่และก่อสร้างพนังกั้นน้ำกึ่งถาวร-ชั่วคราวได้ทันก่อนถึงช่วงน้ำหลาก
ความคืบหน้ารื้อถอน 11 รายยินยอม เหลืออีก 3 รายยังขัดข้อง
จนถึงขณะนี้ การเจรจาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและได้รับความร่วมมือจากเจ้าของอาคารหลายราย โดยเฉพาะรายใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการรื้อถอนแล้วมากกว่า 11 จุด
อย่างไรก็ตาม ยังคงมี 3 รายที่ยังไม่ยินยอม ได้แก่
- 2 รายในชุมชนหัวฝาย ซึ่งเป็นบ้านของผู้สูงอายุที่ครอบครองพื้นที่มานาน
- 1 รายในชุมชนสายลมจอย ที่ยังคงพักอาศัยอยู่ในอาคาร แม้จะได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าจากกรมธนารักษ์แล้วก็ตาม
แม้ทางกรมธนารักษ์จะดำเนินการบอกเลิกสัญญาเช่า และแจ้งให้ผู้เช่าย้ายออกพร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่เจ้าของอาคารรายหนึ่ง ซึ่งเป็นชายสูงอายุ ยังคงอาศัยอยู่ในอาคาร และเฝ้าดูการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จากภายนอก
ดำเนินการตามกรอบข้อตกลงไทย-เมียนมา หวังป้องกันน้ำหลากซ้ำ
แนวทางการก่อสร้างพนังกั้นน้ำครั้งนี้ สืบเนื่องจากข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและเมียนมา ในการบริหารจัดการลำน้ำสายและแม่น้ำรวก ซึ่งกำหนดกรอบเวลาการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ถึง 20 มิถุนายน 2568
เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งรื้อถอนอาคารที่ได้รับความยินยอมไปก่อน เพื่อให้สามารถดำเนินงานตามกรอบเวลาได้ และหากการเจรจากับอีก 3 รายสำเร็จ จะดำเนินการรื้อถอนในลำดับถัดไป
ความคืบหน้าการก่อสร้างพนังและขุดลอกลำน้ำ
ฝั่งไทย
- ความคืบหน้าการก่อสร้างพนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำสายฝั่งไทย ปัจจุบันเสร็จไปแล้ว ประมาณ 20%
- ดำเนินการโดย กรมการทหารช่าง กองทัพบก ด้วยการฝังเสาเข็มห่างกัน 1 เมตร ลึกลงดิน 4 เมตร สูงเหนือดิน 3 เมตร ครอบคลุมระยะทางราว 3 กิโลเมตร
แม่น้ำรวก (ใต้แม่น้ำสายลงไป)
- ทหารกองทัพภาคที่ 3 ขุดลอกระยะทาง 14 กิโลเมตร
- กรมการทหารช่าง ขุดลอกระยะทาง 18 กิโลเมตร
- รวมระยะทางการขุดลอก 32 กิโลเมตร
- ความคืบหน้าในส่วนนี้อยู่ที่ ประมาณ 9%
ฝั่งเมียนมา
- ยังไม่มีการขุดลอกแม่น้ำสาย แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา
นายอำเภอย้ำต้องเร่งสร้างให้ทันฤดูฝน
นายวรายุทธระบุว่า “ขณะนี้กำลังเข้าสู่ฤดูฝน หากไม่สามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่รุกล้ำได้ทัน อาจส่งผลให้การก่อสร้างพนังกั้นน้ำล่าช้าและเกิดความเสี่ยงน้ำท่วมในเขตชุมชนซ้ำอีกในปีนี้” พร้อมยืนยันว่าจะยังคงใช้แนวทางเจรจาอย่างสันติ และหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการทางกฎหมายเว้นแต่ในกรณีที่จำเป็น
วิเคราะห์สถานการณ์ การบริหารพื้นที่ชายแดนกับความจำเป็นด้านความปลอดภัย
กรณีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างริมแม่น้ำสายเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับทั้งสิทธิในการเช่าที่ราชพัสดุ การดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ และความจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการภัยพิบัติ
แม้การรื้อถอนจะกระทบต่อผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่โดยตรง แต่ในภาพรวมแล้ว การสร้างพนังกั้นน้ำถือเป็นภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยในระยะยาว
สถิติที่เกี่ยวข้อง
- พื้นที่แนวแม่น้ำสายที่อยู่ในแผนดำเนินการสร้างพนังกั้นน้ำ: มากกว่า 3 กิโลเมตร (ข้อมูลจากกรมการทหารช่าง)
- ระยะเวลาที่กำหนดในข้อตกลงไทย-เมียนมา: 15 เม.ย. – 20 มิ.ย. 2568 (แหล่งที่มา: สำนักงานความร่วมมือชายแดนไทย-เมียนมา)
- ความคืบหน้าในการก่อสร้างพนังกั้นน้ำฝั่งไทย: 20% ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568
- ความคืบหน้าในการขุดลอกแม่น้ำรวกฝั่งไทย: 9% จากเป้าหมายรวม 32 กิโลเมตร
- จำนวนสิ่งปลูกสร้างริมแม่น้ำสายที่ยินยอมรื้อถอนแล้ว: 11 จุด
- จำนวนอาคารที่ยังไม่ยินยอมรื้อถอน: 3 จุด
สรุป ความพยายามของจังหวัดเชียงรายในการจัดระเบียบพื้นที่ริมแม่น้ำสาย และการก่อสร้างพนังกั้นน้ำเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการจัดการเชิงยุทธศาสตร์ที่คำนึงถึงทั้งความปลอดภัยและผลกระทบต่อชุมชน หากสามารถเจรจากับผู้ที่ยังไม่ยินยอมได้อย่างราบรื่น จะช่วยให้โครงการสามารถดำเนินการได้ทันฤดูฝน และลดความเสี่ยงของอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืนในอนาคต.
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย
- กรมธนารักษ์
- กรมการทหารช่าง
- อำเภอแม่สาย