Categories
FEATURED NEWS

เครือข่ายสื่อมวลชนร่วมต้านคอร์รัปชัน สร้างสังคมโปร่งใสยั่งยืน

เครือข่ายสื่อมวลชนรวมพลังต่อต้านคอร์รัปชัน เดินหน้าโครงการสื่อสืบสวนระดับชาติ

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 โครงการความร่วมมือ “เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านคอร์รัปชัน” (Investigative Journalism Fellowship Program for Anti-Corruption) ได้จัดขึ้น ณ The Botanical House ซอยพระราม 9 โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเพื่อคนไทย คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายหลายหน่วยงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมบทบาทสื่อมวลชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ป้องกันและเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชันในสังคม

วัตถุประสงค์โครงการ: เสริมบทบาทสื่อสืบสวนเพื่อสังคมไทยที่โปร่งใส

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานของสื่อมวลชนด้านสืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันในหลากหลายมิติ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่สังคม พร้อมปลุกพลังประชาชนให้มีส่วนร่วมในการต่อต้านการคอร์รัปชัน

กิจกรรมภายในงาน: แบ่งปันประสบการณ์ ปลุกพลังสื่อ

ภายในงานมีการบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่

  • คุณวิเชียร พงศธร ประธานมูลนิธิเพื่อคนไทย
  • คุณปรางค์ทิพย์ ดาวเรือง นักวิจัยอิสระด้านมาเลเซีย และสมาชิกเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ)
  • พิพัฒน์ พึ่งพาพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
  • มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) 

ไฮไลต์กิจกรรมสำคัญ:

  1. เผยผลวิจัยสื่อ: สะท้อนปัญหาและความท้าทายการทำงานสืบสวนสอบสวน
  2. ระดมความคิดสร้างสรรค์: ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาและพัฒนาแผนงานสื่อสืบสวน
  3. สร้างเครือข่าย: รวมพลังสื่อมวลชนเพื่อขับเคลื่อนงานตรวจสอบทั่วประเทศ

การมีส่วนร่วมของสื่อมวลชนหลากหลายช่องทาง

งานนี้ได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนทั่วประเทศ เช่น ThaiPBS News, ช่อง 7 HD, สำนักข่าวอิศรา, THE STANDARD, The Momentum, Songkhla Focus, นครเชียงรายนิวส์ เป็นต้น โดยมีสื่อท้องถิ่นและสื่อภูมิภาคเข้าร่วมอย่างคึกคัก

คุณกันณพงศ์ – มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารนครเชียงรายนิวส์ กล่าวถึงความสำคัญของการร่วมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนที่มีเป้าหมายเดียวกันในการตรวจสอบการคอร์รัปชันในทุกมิติ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของสื่อท้องถิ่นในฐานะผู้ใกล้ชิดกับปัญหาและประชาชน

ความสำเร็จและเป้าหมายในอนาคต

ท้ายที่สุด ผู้เข้าร่วมโครงการได้ร่วมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนระดับชาติ เพื่อสนับสนุนการทำงานด้านสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมุ่งหวังให้เกิดสังคมที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และลดปัญหาคอร์รัปชันในระยะยาว

โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการทำงานของสื่อมวลชน แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับสื่อในทุกระดับในการใช้ศักยภาพของตนเพื่อตรวจสอบและสร้างสรรค์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
TOP STORIES

ACT เปิดโปง 10 คดีทุจริต อบจ. เสียหาย 377 ล้านบาท

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ เปิดข้อมูล 10 คดีทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง อบจ.

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผยข้อมูล “10 ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง” ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เกิดขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2547-2567) ซึ่งสะท้อนถึงความรุนแรงและความเสียหายต่อระบบงบประมาณท้องถิ่น รวมมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 377 ล้านบาท

สถิติคดีที่พบมากที่สุด

จากข้อมูลที่ ACT เปิดเผย พบว่าอดีตนายก อบจ. อุบลราชธานี มีคดีทุจริตสูงสุดถึง 42 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 114 ล้านบาท รองลงมาคือกรณีทุจริตโครงการขุดลอกลำน้ำใน อบจ. ลำปาง มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการจัดซื้อถุงยังชีพใน อบจ. ปทุมธานี และการจัดซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายที่ อบจ. กำแพงเพชร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของกลโกงที่ใช้

ความเชื่อของประชาชนสวนทางกับความจริง

นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวถึงผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยปี 2567 ที่พบว่ากว่าร้อยละ 95 ของประชาชนเชื่อว่ามีการโกงงบประมาณในอบจ. จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สถิติจาก ป.ป.ช. กลับพบว่ามีคดีร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างในปี 2566 เพียง 827 เรื่อง แม้ว่าจะมีการร้องเรียนผ่านหน่วยงานอื่นๆ เช่น ป.ป.ท. และศูนย์ดำรงธรรม แต่คดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมีเพียงเล็กน้อย และมักใช้เวลานานในการดำเนินคดี

ตัวอย่างกลโกงที่พบในระบบ

  1. การฮั้วประมูล
  2. การให้บริษัทในเครือข่ายหรือคนในครอบครัวมารับงาน
  3. การทำเอกสารเท็จและปกปิดข้อมูล

โดยอดีตนายกอบจ. อุบลราชธานี กระทำทุจริตมากที่สุดถึง 42 คดี ขณะที่ อบจ.สงขลายังมีคดีทุจริตพัวพันอดีตนายก อบจ. มากกว่าจังหวัดใดในประเทศไทย

  1. ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง 42 คดี โดย อดีตนายก อบจ. อุบลราชธานี มูลค่าความเสียหาย 114 ล้านบาท
  2. ทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ โดยอดีตนายก อบจ.ปทุมธานี มูลค่าความเสียหาย 3 ล้านบาท
  3. ทุจริตจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำ โดยอดีตนายก อบจ.ลำปาง มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
  4. ทุจริตเงินอุดหนุนสมาคมกีฬา โดยอดีตนายก อบจ. พิจิตร มูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท
  5. ทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายและหนังสือเรียน โดยอดีตนายก อบจ.กำแพงเพชร มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
  6. ทุจริตจัดซื้อท่อระบายน้ำมิชอบ โดยอดีตนายก อบจ.พะเยา มูลค่าความเสียหาย 9.6 ล้านบาท
  7. ทุจริตทำถนน 6 โครงการ โดยอดีตนายก อบจ.นครราชสีมา มูลค่าความเสียหายกว่า 9 ล้านบาท
  8. ทุจริตเงินอุดหนุนวัด โดยอดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
  9. ทุจริต 5 กรณี โดยอดีตนายก อบจ.สงขลา มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 18.6 ล้านบาท
  10. ทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ “แคร์เซ็ต” โดยอดีตนายก อบจ.ลำพูน มูลค่าความเสียหายเกือบ 6 ล้านบาท

ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา

นายมานะเสนอแนวทางแก้ไข โดยเน้นการจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม (Participatory Budgeting) เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และกำหนดแผนการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส นอกจากนี้ยังเสนอให้หน่วยงานรัฐ เช่น ปปง. และกรมสรรพากร ตรวจสอบเส้นทางการเงินและการเสียภาษีของผู้ที่เกี่ยวข้องในกลุ่มที่มีพฤติกรรมทุจริต

บทบาทของประชาชน

“ประชาชนต้องมีบทบาทสำคัญในการปกป้องผลประโยชน์ของท้องถิ่น อย่าปล่อยให้การซื้อเสียงกลับมาทำลายระบบประชาธิปไตย” นายมานะกล่าว พร้อมกระตุ้นให้ประชาชนร่วมกันตรวจสอบการใช้งบประมาณ และรายงานสิ่งผิดปกติในท้องถิ่น

ความสำคัญของการปรับปรุงระบบ

ACT ย้ำว่าการพิจารณาคดีคอร์รัปชันยังล่าช้าและมีบทลงโทษที่เบา จึงจำเป็นต้องปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบ รวมถึงการบูรณาการข้อมูลและการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ เพื่อปิดช่องว่างที่นำไปสู่การทุจริต

ข้อสรุป

ข้อมูลที่ ACT เผยแพร่ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตในระดับท้องถิ่น แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อสร้างความโปร่งใสและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว

ข้อมูลทุจริตองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)

  1. ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง 42 คดี ของอดีตนายก อบจ. อุบลราชธานี ผู้มีคดีทุจริตมากที่สุดในประเทศไทย

ปี 2566 นายพรชัย โควสุรัตน์ อดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี 3 สมัยระหว่างปี 2547-58 กับพวกถูกร้องเรียนมากถึง 42 คดี ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้วหลายคดี มูลค่าความเสียหายรวมสูงถึง 114 ล้านบาท ทำให้นายพรชัยกลายเป็นนายก อบจ. ที่มีคดีทุจริตมากที่สุดในประเทศไทย หลายคดีถูกศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก รวมระยะเวลาจำคุกกว่า 30 ปี ปัจจุบันนายพรชัยอยู่ในสถานะหนีคดี

  1. ทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ โดยอดีตนายก อบจ.ปทุมธานี

ปี 2554 เกิดอุทกภัยในจังหวัด ทำให้ อบจ.ปทุมธานีจัดซื้อถุงยังชีพ 2 ครั้ง รวม 6,000 ถุง มูลค่า 3 ล้านบาท เป็นเหตุให้ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายชาญ พวงเพ็ชร์ และพวกรวม 12 คน ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และละเลยไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ เมื่อศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดี ส่งผลให้ นายชาญ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แม้จะเพิ่งชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ต่อมาปี 2567 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 6 ปี 18 เดือน  นอกจากนี้ นายชาญ ยังมีคดีจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายราคาแพงเกินจริงถึงกว่า 40 ล้านบาท ปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างไต่สวนของ ป.ป.ช.

  1. ทุจริตจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำของ อบจ.ลำปาง

ช่วงปี 2549-2550 นางสุนี สมมี อดีตนายก อบจ.ลำปาง พร้อมพวก 9 คน ร่วมกันทุจริตโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำ ต่อมา ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เพราะพบว่ามีการ “จัดฉากตั้งบริษัทรับเหมา” เพื่อเข้าร่วมประมูลรับงานมากถึง 29 โครงการ มีการทำใบเสนอราคาเท็จ ยื่นเสนอราคาเท็จ และปลอมลายมือชื่อกรรมการเปิดซองสอบราคา เพื่อใช้เบิกจ่ายเงินงบประมาณ มีการจ่ายเงินทอน คิดเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท แถมยังใช้สำนักงาน อบจ. ลำปางเป็นที่แบ่งเงินทุจริต ส่วนผู้รับเหมาที่ทำงานจริงรับเงินแค่ 60% ศาลพิพากษาจำคุกรวม 116 ปี แต่ให้คงจำคุกจริง 50 ปี นอกจากนี้ นางสุนียังถูกจำคุก 8 ปี จากคดีทุจริตจ้างเหมาถมดินอีก 7 โครงการ และมีคดีฐานยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ศาลฎีกาสั่งห้ามดำรงตำแหน่งการเมือง 5 ปี จําคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 1 ปี

  1. ทุจริตเงินอุดหนุนสมาคมกีฬา โดยอดีตนายก อบจ. พิจิตร

ปี 2565 นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ. พิจิตรกับพวก ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจากการมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่สมาคมกีฬาจังหวัดพิจิตร ซึ่งตนดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ นั้นด้วย เมื่อสมาคมฯ มีหนังสือขอรับเงินสนับสนุนจาก อบจ. พิจิตรโดยไม่มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายในโครงการประกอบการพิจารณา นายชาติชาย อนุมัติเบิกจ่ายเงินตลอด 3 ปี เป็นเงินรวม 15,654,115.12 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้สมาคมกีฬาฯ ได้ส่งต่อให้แก่ทีมสโมสรฟุตบอลที่นายชาติชายเป็นที่ปรึกษาสโมสรฟุตบอลพิจิตรเอฟซี และผู้จัดการสนาม สโมสรฟุตบอล ทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีคำพิพากษาจำคุก 9 ปี 12 เดือน ปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุด จำเลยมีสิทธิ์อุทธรณ์ได้

  1. ทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายและหนังสือเรียน โดยอดีตนายก อบจ. กำแพงเพชร

ปี 2565 นายจุลพันธ์ ทับทิม อดีตนายก อบจ. กำแพงเพชร ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย และศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 12 ปี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยมีสิทธิ์อุทธรณ์ได้ ต่อมา      ปี 2567 ก็ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีทุจริตจัดซื้อหนังสือและสื่อการเรียนการสอน 3 โครงการมูลค่ารวม 2 ล้านบาท ด้วยวิธีพิเศษ ฐานละเลยปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง คดีนี้หมดอายุความแล้ว 

  1. ทุจริตจัดซื้อท่อระบายน้ำมิชอบ โดยอดีตนายก อบจ.พะเยา

ปี 2561 นายวรวิทย์ บุรณศิริ อดีตนายก อบจ. พะเยา ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดจากการจัดซื้อท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก งบประมาณ 241,800 บาท เพื่อนำไปใช้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัด ต่อมาปี 2564 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษนายวรวิทย์ บุรณศิริ จำคุก 2 ปี และปรับ 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี  นอกจากนี้ นายวรวิทย์ยังถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในคดีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายางพาราเพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกร 426,250 ต้น งบประมาณ 17,050,000 บาท ปัจจุบันคดีนี้อยู่ในชั้นศาลพิจารณา

  1. ทุจริตทำถนน 6 โครงการ โดยอดีตนายก อบจ.นครราชสีมา

ปี 2567 นายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา ถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีทุจริตโครงการก่อสร้างถนนหลายโครงการ โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 25 ปี ส่วนบริษัทผู้รับเหมา 3 รายถูกปรับรายละ 40,000 บาท  โดยกรรมการผู้มีอำนาจลงนามทุกรายโดนโทษจำคุก อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังสามารถอุทธรณ์ต่อได้ คดีนี้จึงยังไม่สิ้นสุด

  1. ทุจริตเงินอุดหนุนวัด โดยอดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ

ปี 2565 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ กับพวก ทุจริตการจัดสรรเงินอุดหนุนวัดในจังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างปี 2554-2556 รวม 68 โครงการ งบประมาณรวม 836,129,125 บาท โดยเงินเหล่านี้จะต้องนำไปใช้เพื่อบูรณะบำรุงวัด และเตาเผาศพ แต่กลับมีเงินทอนครึ่งหนึ่งของเงินอุดหนุนที่วัดเหล่านี้ควรจะได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดย ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดและทำส่งสำนวนให้กับอัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

  1. 5 คดีทุจริต โดยอดีตนายก อบจ. สงขลา

ระหว่างปี 2551-2552 นายนวพล บุญญามณี อดีตนายก อบจ.สงขลา กับพวก ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เริ่มที่คดีแรก  ทุจริตโครงการส่งเสริมพัฒนาสุขภาพประชาชนโครงการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ ด้วยการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ พร้อมชี้มูลความผิดเอกชนที่เป็นสถานพยาบาล ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการทุจริตต่อการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐด้วย ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล  คดีที่สอง  ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดการสมยอมกันเสนอราคาโครงการจัดซื้อกุ้งก้ามกราม 40 ล้านตัว งบประมาณ 10,000,000 บาท โดยเอื้อ

ประโยชน์แก่ผู้เสนอราคาบางราย คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฯ พิพากษาจำคุก 7 ปี  คดีที่สาม ทุจริตการสำรวจออกแบบโครงการก่อสร้างทางหลวงชนบท 30 เส้นทางวงเงินรวม 8,068,000 บาท ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีที่สี่ คดีนำรถยนต์ราชการไปจำนำที่บ่อนการพนัน ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 18 ปี 24 เดือน คดีที่ห้า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโครงการจ้างสำรวจและออกแบบ ถนนลาดยางทางหลวงชนบทศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี

มีข้อสังเกตว่า จังหวัดสงขลายังมีคดีทุจริตพัวพันอดีตนายก อบจ. มากกว่าจังหวัดใดในประเทศไทย      เมื่อนับรวมอีก 2 ราย คือ นายนิพนธ์ บุญญามณี และนายอุทิศ ชูช่วย

  1. ทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ “แคร์เซ็ต” โดยอดีตนายก อบจ.ลำพูน

ช่วงโควิดระบาดปี 2563 นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ. ลำพูนในขณะนั้น จัดซื้อชุดของใช้ประจำวันเพื่อแจกผู้สูงอายุ (Care Set) วงเงิน 16,343,000 บาท ต่อมา ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดตามกฎหมายอาญาและกฎหมายฮั้ว แล้วยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ จนมีคำพิพากษาในปี 2566 ให้จำคุกเจ้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง คนละ 2 ปี ปรับ 120,000 บาท ให้จำคุกรองปลัด อบจ. 3 ปี และร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 5,918,769.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่ อบจ.ลำพูน ส่วน รองนายก อบจ. 2 คน ปลัด 1 คน และรองปลัด 1 คน  ศาลพิพากษา ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี  ปรับคนละ 100,000 บาท และให้ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 5,918,769.80 บาท พร้อมดอกเบี้ย สำหรับ นายก อบจ.ลำพูน ศาลพิพากษายกฟ้อง ปัจจุบัน ป.ป.ช. กำลังเตรียมการขออุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News