Categories
NEWS UPDATE

ให้คะแนนรัฐบาล ‘นิด้าโพล’ เผย 6 เดือน “แพทองธาร” ทำงาน

นิด้าโพลเผยผลสำรวจ 6 เดือนรัฐบาลแพทองธาร ประชาชนพอใจบางนโยบายแต่ยังมีข้อกังวล

ประชาชนให้คะแนนรัฐบาลครบรอบ 6 เดือน – การทำงานของแต่ละกระทรวงแตกต่างกัน

เชียงราย, 2 มีนาคม 2568 – ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับผลงานของ รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร หลังดำรงตำแหน่งครบ 6 เดือน โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2568 จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวมจำนวน 1,310 คน

การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) และเก็บข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยมีค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 97.0 ผลสำรวจสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาล รวมถึงการทำงานของกระทรวงต่าง ๆ ในช่วงครึ่งปีแรกของรัฐบาล

ความพึงพอใจต่อภาพรวมการทำงานของรัฐบาล

จากผลสำรวจ 34.58% ของประชาชนระบุว่าไม่ค่อยพอใจ กับการทำงานของรัฐบาล รองลงมา 32.60% ค่อนข้างพอใจ, 20.00% ไม่พอใจเลย และ 12.82% พอใจมาก สะท้อนให้เห็นว่าแม้ประชาชนบางส่วนจะเห็นว่านโยบายบางด้านมีความก้าวหน้า แต่ยังมีข้อกังวลในบางประเด็น

เมื่อถามถึงความพึงพอใจต่อ การทำงานของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรโดยตรง พบว่า 32.60% ของประชาชนไม่ค่อยพอใจ, 31.76% ค่อนข้างพอใจ, 22.28% ไม่พอใจเลย และ 13.36% พอใจมาก แสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นของประชาชนต่อผลงานนายกรัฐมนตรีมีทั้งบวกและลบอย่างสมดุล

ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาประเทศ

  • 36.41% ของประชาชนระบุว่าไม่ค่อยเชื่อมั่น
  • 26.26% ไม่เชื่อมั่นเลย
  • 25.04% ค่อนข้างเชื่อมั่น
  • 12.29% เชื่อมั่นมาก

แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาประเทศของรัฐบาล แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ให้การสนับสนุน

การประเมินผลงานของแต่ละกระทรวง

เมื่อแยกผลสำรวจตาม กระทรวงหลัก ๆ พบว่าประชาชนมีความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยมีคะแนนพอใจและไม่พอใจที่แตกต่างกัน

กระทรวงที่ได้รับคะแนนค่อนข้างดี

  1. กระทรวงสาธารณสุข
    • ค่อนข้างพอใจ: 32.45%
    • พอใจมาก: 17.02%
    • ไม่ค่อยพอใจ: 29.16%
    • ไม่พอใจเลย: 19.08%
    • ไม่มีข้อมูล: 2.29%
  2. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
    • ค่อนข้างพอใจ: 32.14%
    • พอใจมาก: 15.04%
    • ไม่ค่อยพอใจ: 27.25%
    • ไม่พอใจเลย: 17.02%
    • ไม่มีข้อมูล: 8.55%
  1. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    • ค่อนข้างพอใจ: 33.44%
    • พอใจมาก: 10.76%
    • ไม่ค่อยพอใจ: 31.00%
    • ไม่พอใจเลย: 19.69%
    • ไม่มีข้อมูล: 5.11%

กระทรวงที่ได้รับคะแนนต่ำ

  1. กระทรวงมหาดไทย
    • ไม่ค่อยพอใจ: 36.03%
    • ไม่พอใจเลย: 24.27%
    • ค่อนข้างพอใจ: 26.26%
    • พอใจมาก: 11.91%
    • ไม่มีข้อมูล: 1.53%
  2. กระทรวงกลาโหม
    • ไม่ค่อยพอใจ: 36.56%
    • ไม่พอใจเลย: 21.60%
    • ค่อนข้างพอใจ: 28.63%
    • พอใจมาก: 10.31%
    • ไม่มีข้อมูล: 2.90%
  3. กระทรวงพาณิชย์
    • ไม่ค่อยพอใจ: 35.95%
    • ไม่พอใจเลย: 26.49%
    • ค่อนข้างพอใจ: 25.80%
    • พอใจมาก: 9.39%
    • ไม่มีข้อมูล: 2.37%

ข้อคิดเห็นจากสองมุมมอง

  • ฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล: เห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของแพทองธาร ชินวัตร ได้ดำเนินนโยบายหลายด้านที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจส่งผลดีในระยะยาว
  • ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์: มีข้อกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง นอกจากนี้ยังมีเสียงสะท้อนว่ารัฐบาลยังต้องเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องและการบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

จากข้อมูลของ นิด้าโพล และ สำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า:

  • ในช่วง 6 เดือนแรกของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร มีการออกนโยบายใหม่กว่า 50 ฉบับ
  • อัตราความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 37.3%
  • กระทรวงที่ได้รับคะแนนความพึงพอใจสูงสุด ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • กระทรวงที่ได้รับคะแนนความพึงพอใจต่ำสุด ได้แก่ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : นิด้าโพล / สำนักงานสถิติแห่งชาติ / สำนักวิจัยเศรษฐกิจและสังคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘วิโรจน์’ เผยผลสำรวจหลังร่วมฟื้นฟู น้ำท่วมเชียงราย เสนอมาตรการระยะยาว

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เปิดเผยผลสำรวจหลังร่วมฟื้นฟูน้ำท่วมเชียงราย เสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยระยะยาว

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้เปิดเผยผลการดำเนินงานของทีมอาสาสมัครฟื้นฟูน้ำท่วมจังหวัดเชียงราย ซึ่งเกิดขึ้นจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยนายวิโรจน์ได้เน้นย้ำถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่อย่างรุนแรง

ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี

เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ไม่เพียงแต่เป็นน้ำท่วมทั่วไป แต่ยังรวมถึงน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานอย่างรุนแรง นายวิโรจน์ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2547 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอแม่สาย ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุด

ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟู

หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชนประจำจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น และได้ร่วมกันจัดตั้ง “ศูนย์ประชาชนอาสา” เพื่อระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีมูลนิธิกระจกเงาเข้ามาร่วมเป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินงาน

ปัญหาที่พบและข้อเสนอแนะ

จากการลงพื้นที่และดำเนินงานฟื้นฟู นายวิโรจน์ได้พบปัญหาสำคัญหลายประการ เช่น ปัญหาเรื่องหนี้สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อำเภอแม่สาย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม

เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ นายวิโรจน์ได้เสนอข้อเสนอแนะหลายประการ เช่น การให้รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประสบภัย เพื่อให้สามารถฟื้นฟูชีวิตและธุรกิจได้ รวมถึงการเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อำเภอแม่สาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากในอนาคต

ความสำคัญของการร่วมมือกัน

นายวิโรจน์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะยาว เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

หลังจากตนประเมินสภาพพื้นที่ จึงได้พูดคุยขอคำปรึกษาจากเจ้ากรมยุทธการทหารและเจ้ากรมทหารช่าง ซึ่งต้องขอบคุณที่ในเวลาต่อมา ทหารช่างส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่อย่างรวดเร็ว นี่คือตัวอย่างของการร่วมแรงร่วมใจทำงาน เราผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนทั้งราชการและท้องถิ่นเพื่อให้งานสำเร็จ

(1) จะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงการชดเชยเยียวยาอย่างรวดเร็วไม่ตกหล่น

(2) จะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินในระบบ เพราะจากการลงพื้นที่ ตนพบว่าทุกบ้านจะมีบัตรของแหล่งเงินกู้นอกระบบตกอยู่ตามพื้นเต็มไปหมด แสดงว่านายทุนเงินกู้นอกระบบรู้ว่าชาวบ้านคนตัวเล็กต้องการเงินทุนเพื่อตั้งต้นชีวิตใหม่

ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ธนาคารออมสินซึ่งเป็นกลไกหลักของรัฐ ทำให้ประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินในระบบได้ ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้ภาวะหนี้ครัวเรือนจะยิ่งซ้ำเติมชาวเชียงราย

(3) ระบบระบายน้ำที่พร้อมรองรับฤดูฝนในปี 2568 เพราะเราเชื่อว่ายังมีโคลนค้างอยู่ในท่อบางจุด จึงจำเป็นต้องมีการลอกท่อครั้งใหญ่ ข้อจำกัดตอนนี้ คือ งบประมาณของท้องถิ่นอาจร่อยหรอลงเพราะต้องนำเงินสะสมไปใช้ในช่วงภัยพิบัติ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องพิจารณางบประมาณให้เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือประชาชน

(4) ปัญหาเอกสารสิทธิในที่ดิน เนื่องจากหลายบ้านไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เข้าไม่ถึงการชดเชยเยียวยา รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน รวมถึงย้ายประชาชนที่ปัจจุบันอาศัยในพื้นที่เสี่ยง ให้ออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย

(5) ปัญหาบ่อบำบัดน้ำเสียที่ อ.แม่สาย ที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าสร้างขวางทางไหลของน้ำหรือไม่ ตอนนี้บ่อชำรุด รัฐควรให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบว่าขวางทางน้ำจริงหรือไม่ ปรับปรุงให้มีการระบายน้ำที่ดีขึ้นกว่านี้ได้หรือไม่ ในอนาคตจะได้ไม่เกิดปัญหาซ้ำเดิม

โดยเรื่องนี้ตนได้ตั้งกระทู้ถามไปยังนายกรัฐมนตรีให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ประชาชนทราบว่ารัฐจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากยังมีประชาชนไม่สบายใจ กังวลว่าปีหน้าจะเกิดเหตุแบบปีนี้ ซึ่งนายกฯ มีหนังสือตอบกลับมาแล้ว ขอเวลาในการตอบเพิ่มเติม ตนจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป

(6) การขุดลอกแม่น้ำสาย เนื่องจากเป็นแม่น้ำที่กั้นพรมแดนระหว่างไทยและเมียนมา การทำอะไรจึงมีข้อจำกัดเพราะมีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องพูดคุยว่าจะขุดลอกแม่น้ำสายร่วมกันอย่างไร ทำระบบเตือนภัยให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งลำน้ำได้ประโยชน์ รวมถึงพิจารณาปัญหาการรุกล้ำลำน้ำ

บทสรุป

เหตุการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของสังคมต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมและวางแผนรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนเพื่อฟื้นฟูและสร้างสรรค์สังคมให้กลับมามีความเข้มแข็งอีกครั้ง

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายมากน้อยเพียงใด? เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อบ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐาน และเศรษฐกิจของประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอแม่สาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี

  2. มีการดำเนินการใดบ้างเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย? มีการจัดตั้งศูนย์ประชาชนอาสาเพื่อระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีการจัดส่งทีมอาสาสมัครเข้าไปช่วยเหลือในการทำความสะอาดบ้านเรือนและชุมชน

  3. ปัญหาที่สำคัญที่พบในการฟื้นฟูคืออะไร? ปัญหาที่สำคัญคือหนี้สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ และปัญหาเรื่องระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อำเภอแม่สาย

  4. มีมาตรการใดบ้างเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น? ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การให้รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประสบภัย และการเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องระบบบำบัดน้ำเสีย

  5. บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์นี้คืออะไร? เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมและวางแผนรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต รวมถึงความสำคัญของการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟู

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News