Categories
TOP STORIES

จังหวัดเชียงใหม่ มีคน ‘รายได้น้อย’ ที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ

 
ข้อมูลวิจัยของ Worldbank ระบุ แม้ตั้งแต่ปี 2531 เป็นต้นมา กรุงเทพฯ มีการเปลี่ยนแปลง สามารถลดความยากจนได้ประมาณ 10% ต่อปี แต่ด้วยประเทศไทย เป็นเมืองเกษตรกรรม คนแต่ละภูมิภาคยังพึ่งพาการเกษตร เป็นแหล่งรายได้ที่พร้อมจะเผชิญปัจจัยแปรปรวน น้ำท่วม น้ำแล้ง ตลอดเวลา ราคาซื้อ-ขายพืชผล จึงขึ้นลงตามสภาพอากาศ ทำให้ “ประเทศไทย” ยังคงติดกับดักอยู่ในตำแหน่งประเทศรายได้ปานกลางมาเป็นเวลานานแล้ว 
 

“คนจน” ไม่ได้ยืนอยู่บนมิติในแง่รายได้ต่ำ กำหนดด้วยปริมาณเงินในกระเป๋าต่อเดือน/ต่อปีเท่านั้น แต่จากข้อมูลวิเคราะห์ของ ระบบ TPMAP หรือ Thai People Map and Analytics Platform ซึ่งถือเป็นระบบ Big Data ของภาครัฐที่สามารถระบุได้ว่า คนจนนั้นอยู่ที่ไหน มีปัญหาในมิติอะไรบ้าง? 

พบว่าอัปเดตปี 2566 ภาพรวมคนจนของประเทศไทย (เป้าหมายที่ต้องได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ) มีจำนวนอยู่ที่ 655,365 คน ทั้งนี้ มาจากประชากรสำรวจ 36,130,610 คน โดยวัดจาก 5 มิติด้วยกัน และพบว่าคนจน 1 คน มีปัญหาได้มากกว่า 1 ด้าน

  1. ด้านสุขภาพ 
  2. ด้านความเป็นอยู่ 
  3. ด้านการศึกษา 
  4. ด้านรายได้ 
  5. ด้านการเข้าถึงบริการรัฐ 

ยกตัวอย่าง ในเกณฑ์ด้านความเป็นอยู่ รัฐจะพิจารณาจากเงื่อนไขหลักๆ เช่น 

  • ครัวเรือนมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย และบ้านมีสภาพคงทนถาวรหรือไม่
  • ครัวเรือนมีน้ำสะอาดสำหรับดื่มและบริโภคเพียงพอตลอดปี อย่างน้อยคนละ 5 ลิตรต่อวันหรือไม่ 
  • ครัวเรือนมีน้ำใช้เพียงพอตลอดปี อย่างน้อยคนละ 45 ลิตรต่อวันหรือไม่
  • ครัวเรือนมีการจัดการบ้านเรือนเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด และถูกสุขลักษณะหรือไม่ 

ขณะในมาตรวัดด้านรายได้ ประเมินจากช่วงอายุ อาชีพ และรายได้ที่เหมาะสมทั้งรายบุคคลและระดับครัวเรือน นอกจากนี้ จำนวนคนจนยังถูกนับเข้ามาจากข้อมูลผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงการคลังอีกด้วย 

เจาะความหมายของรัฐเกี่ยวกับมิติความยากจน คือ 1. จนเงิน ไม่มีเงิน ขาดเงินทุน เข้าไม่ถึงแหล่งทุน 2. จนทางสังคม ขาดสถานะทางสังคม 3. จนทางวัฒนธรรม ขาดการมีส่วนร่วม 4. จนทางการศึกษา ด้อยโอกาส และขาดความรู้ความสามารถ 5. จนทางการเมือง 6. จนทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่มีโอกาสได้สิทธิในการใช้ประโยชน์ และ 7. จนทางจิตวิญญาณ ขาดการมีโอกาสใช้ความคิดริเริ่มใหม่ๆ 

 

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดข้อมูล “บิ๊กดาต้า” สำรวจปริมาณคนจนแบบครบวงจร ครั้งแรกของประเทศไทย นายศรัณย์ สัมฤทธ์เดชขจร ผอ.เนคเทค เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความยากจนของประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานว่า ปัจจุบันประเทศ ไทยใช้เส้นความยากจนที่เป็นทางการคือ ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 2,667 บาทต่อคน/เดือน หากมองย้อนไปในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พบว่าปัญหาความยากจนในภาพรวมของไทยลดลงอย่างมาก จำนวนคนจนลดลงประมาณ 28 ล้านคนในช่วงเวลาดังกล่าว จากจำนวนคนจน 34.1 ล้านคน ในปี 2531 เหลือเพียง 5.8 ล้านคน ในปี 2559 สัดส่วนคนจนลดลงจากร้อยละ 65.2 เป็นเพียงร้อยละ 8.6 ในปี 2559 ทั้งนี้ การประเมินสถานการณ์ความยากจนของประเทศไทย สะท้อนถึงสถานการณ์ที่แท้จริงได้ จำเป็นต้องใช้ตัวชี้วัดจากหลายด้านมาประกอบกัน นอกจากคิดจากรูปแบบตัวเงินแล้วยังพิจารณาในมิติอื่นๆด้วย

 

ผอ.เนคเทคกล่าวต่อว่า จึงเป็นที่มาให้คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ มีมติเห็นชอบการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อศึกษาการพัฒนาระบบ “บิ๊กดาต้า” ของภาครัฐและมอบให้ ศสช.ร่วมกับเนคเทค พัฒนาระบบ TPMAP ซึ่งเป็นระบบบิ๊กดาต้าของภาครัฐ ในประเด็นการแก้ปัญหาความยากจนที่สามารถระบุความยากจนในระดับบุคคล ครัวเรือน ชุมชน ท้องถิ่น ท้องที่ หรือปัญหาความยากจนรายประเด็น ทำให้เกิดการแก้ปัญหาความยากจนได้ตรงจุดมากขึ้น เนคเทคพร้อมทีมนักวิจัยลงพื้นที่จริงสำรวจข้อมูลสัมภาษณ์ ใช้ข้อมูลการสำรวจความจำเป็นพื้นฐาน กรมพัฒนาชุมชน ที่พบว่ามีคนจนทั่วประเทศ 36,647,817 คน และจากการลงทะเบียนคนจน กระทรวงการคลัง 11 ล้านคน นำทั้งหมดมาหาค่าผู้ที่ยากจน จากการวัดผลใน 5 มิติ คือ รายได้ การศึกษา สุขภาพ ความเป็นอยู่และการเข้าถึงบริการทางภาครัฐ พบว่า มีคนจนใน 5 มิติ ทั่วประเทศ 1,032,987 คน ลดลงจากปี 2560 ที่พบ 1.3 ล้านคน ข้อมูลดังกล่าวนำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อสั่งการ การแก้ปัญหาตามความเหมาะสมแล้ว

 

นายสุทธิพงศ์ ธัชยพงษ์ นักวิจัยการวิเคราะห์ข้อมูลและการคำนวณเนคเทค กล่าวว่า ในการสำรวจข้อมูลพบว่าจังหวัดที่มีคนจนมากที่สุดคือ เชียงใหม่ มี 54,887 คน โดย อ.อมก๋อย มีจำนวนคนจนมากที่สุดคือ 4,441 คน ขณะที่จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนมากที่สุดคือแม่ฮ่องสอน 22,783 คน โดย อ.ปางมะผ้า มีคนจน 3,040 คน และพื้นที่ที่มีคนจนมากที่สุดคือ ต.นาปู่ป้อม มี 933 คน จังหวัดที่มีคนจนน้อยที่สุด คือ สมุทรสงคราม มี 903 คน โดย ต.บางนางลี่ อ.อัมพวา มีคนจน 16 คน สำหรับจังหวัดที่มีสัดส่วนของคนจนน้อยที่สุด คือหนองบัวลำภู มีคนจน 1,277 คน ทั้งนี้ สัดส่วนจะเทียบจากจำนวนประชากรในจังหวัดนั้นๆ แต่ถ้าเป็นจำนวนคนจนคือเฉลี่ยจากประชากรในจังหวัดนั้น

 

“หากแยกละเอียดลงไปตามมิติต่างๆ พบว่า มิติทางด้านสุขภาพ มีคนจน 217,080 คน มิติความเป็นอยู่มีคนจน 244,739 คน มิติการศึกษามีคนจน 378,080 คน มิติรายได้คือรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 2,067 บาท 376,091 คน ในมิติเข้าถึงบริการของรัฐมีคนจน 6,490 คน ทั้งนี้ สัดส่วนของคนจนมาจากเอาจำนวนคนจนทั้งหมดหารปริมาณประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เรื่องความยากจนกับเรื่องความสุขของประชาชนในบางพื้นที่ อาจจะไม่สอดคล้องกัน เช่น ที่แม่ฮ่องสอน พบว่าบางมิติไม่ค่อยดีนัก เช่น เรื่องการเข้าถึงการศึกษา และรายได้ต่ำมาก แต่กลับพบว่าคนเหล่านี้มีความสุข ทั้งนี้ในอนาคตจะเพิ่มข้อมูลเรื่องดัชนีความสุข เข้าเป็นตัวชี้วัดเพิ่มเข้าไปด้วย” นายสุทธิพงศ์กล่าว

 

นายสุทธิพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับการพิจารณาความยากจนในมิติต่างๆนั้นนักวิจัยจะพิจารณาจากข้อมูลทั้งของกระทรวงการคลังและกรมพัฒนาชุมชน รวมกับการเข้าไปสัมภาษณ์รายบุคคลของเนคเทค เช่น มิติด้านสุขภาพ พิจารณาจากจำนวนเด็กแรกเกิดที่มีน้ำหนักเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์ 2.5 กิโลกรัม ด้านการศึกษาพิจารณาจากเด็กอายุ 3-5 ปี ได้รับการเตรียมพร้อมพร้อมวัยเรียนหรือไม่ 6-14 ปี ไม่ได้รับการศึกษาภาคบังคับกี่คน เป็นต้น ด้านรายได้ พิจารณาจากคนที่มีอายุ 15-59 ปี กี่คน ที่ไม่มีอาชีพ หรือไม่มีรายได้ เรื่องความเป็นอยู่ พิจารณาจาก ครัวเรือนมีน้ำใช้เพียงพอหรือไม่ ที่อยู่อาศัยมั่นคงหรือไม่ และเรื่องการเข้าถึงบริการภาครัฐ พิจารณาจากจำนวนผู้พิการ ผู้สูงอายุที่ได้รับการดูแล

 

จากที่ระบุตัวเลขดังกล่าว มาจากตัวอย่างการสำรวจราว 36 ล้านคนเท่านั้น ทำให้ฐานข้อมูลค่อนข้างแตกต่างจากข้อมูลของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ประมวลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ และมีข้อมูลสรุปว่า ปัจจุบันไทยมีคนยากจน (ตามดัชนี MPI) ราว 4.4 ล้านคน และอีกก้อนคือกลุ่มที่มาลงทะเบียนกับรัฐ (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) รวม 11.4 ล้านคน 

เจาะเชิงลึก อ้างอิงข้อมูลชุดของระบบ TPMAP 

5 อันดับ คนจน “มากสุด”

  • เชียงใหม่ 
  • นครศรีธรรมราช
  • อุดรธานี
  • กระบี่
  • บุรีรัมย์ 

5 อันดับ คนจน “น้อยสุด”

  • สมุทรสาคร
  • ตราด
  • สมุทรสงคราม
  • แพร่
  • พังงา 

รายได้เท่าไร ถึงเรียกว่า “จน” 

วิเคราะห์แง่รายได้ ที่ใช้ตัดเส้นความยากจนตามรายภูมิภาค ดังนี้ 

  • กทม. : ต่ำกว่า 3,556 บาท/เดือน
  • ภาคกลาง : ต่ำกว่า 3,175 บาท/เดือน
  • ภาคเหนือ : ต่ำกว่า 2,678 บาท/เดือน
  • ภาคอีสาน : ต่ำกว่า 2,684 บาท/เดือน
  • ภาคใต้ : ต่ำกว่า 3,036 บาท/เดือน 

“เบอร์กิท ฮานสล์” ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย ช่วงปี 2561 เคยกล่าวไว้ว่า “แนวโน้มความยากจนในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าแม้ประเทศไทยจะมีการพัฒนาการด้านเศรษฐกิจที่ดีในระดับหนึ่ง แต่กระนั้นครัวเรือนก็ยังมีความเปราะบางต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ”

ทั้งนี้ การที่ประเทศไทยจะก้าวสู่สถานะประเทศที่มีรายได้สูงอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้นั้น ครัวเรือนของประเทศไทยต้องได้รับการปกป้องจากการที่รายได้ของครัวเรือนปรับลดลงรุนแรง เช่น จากความเจ็บป่วย การตกงาน และภัยธรรมชาติที่ดีกว่านี้ ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ประเทศไทยต้องสนับสนุนให้มีการสร้างงานที่มีผลิตภาพ และงานที่มีค่าจ้างที่สูงกว่านี้ 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME