Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รองนายก อบจ.ลุยเอง สำรวจน้ำท่วม รพ.สต.แม่เปา ดันบริการแพทย์คืนสู่ปกติ

รองนายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่ รพ.สต.แม่เปา เร่งสำรวจ-ฟื้นฟู หลังเจอน้ำป่าไหลหลาก กระทบระบบบริการสุขภาพชุมชน

เชียงราย, 28 มิถุนายน 2568 – สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดเชียงรายยังคงสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่เปา (รพ.สต.แม่เปา) ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยบริการสาธารณสุขสำคัญของชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากอุทกภัยครั้งนี้

สำรวจสถานการณ์จริง รับฟังข้อมูลเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ได้รับฟังรายงานสถานการณ์ความเสียหายจากนางอนงค์ ปาคำวัฒนสกุล ผู้อำนวยการ รพ.สต.แม่เปา ซึ่งชี้แจงว่า สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายต่ออาคารสถานที่ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และอุปกรณ์การแพทย์ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะโคลนและเศษวัสดุต่าง ๆ ที่ไหลทับถมภายในพื้นที่ ส่งผลให้บริการแก่ประชาชนต้องหยุดชะงักชั่วคราว

นายจิราวุฒิ ได้ประสานไปยังกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย เพื่อจัดส่งเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงและอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าพื้นที่เป็นการเร่งด่วน พร้อมทั้งเร่งฟื้นฟูความสะอาดและซ่อมแซมจุดที่ได้รับความเสียหายโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บริการสาธารณสุขพื้นฐานกลับมาเปิดให้บริการประชาชนได้โดยไม่ล่าช้า

ย้ำเดินหน้าแผนฟื้นฟูและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

อบจ.เชียงราย ได้วางแผนการดำเนินงานในสองระยะ ได้แก่ การฟื้นฟูและบรรเทาทุกข์เร่งด่วนในช่วงสถานการณ์วิกฤต และการวางแผนป้องกันภัยในระยะยาว เพื่อรับมือกับเหตุการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ โดยเฉพาะการพัฒนาและปรับปรุงระบบระบายน้ำ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน การจัดเก็บเวชภัณฑ์ให้ปลอดภัย รวมถึงการอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติอย่างมืออาชีพ

สำหรับการสนับสนุนเบื้องต้น อบจ.เชียงรายจะเร่งดำเนินการจัดสรรงบประมาณที่จำเป็น รวมถึงการประสานวัสดุอุปกรณ์และกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟู ทั้งนี้ ยังคงเปิดรับการประสานงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างครอบคลุมและตรงจุดมากที่สุด

เสียงสะท้อนจากชุมชน – สุขภาพต้องมาก่อน

นางอนงค์ ปาคำวัฒนสกุล ผู้อำนวยการ รพ.สต.แม่เปา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่พยายามเร่งฟื้นฟูอาคารสถานที่และระบบสาธารณูปโภคเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานทางสาธารณสุขได้ตามปกติ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด”

นอกจากนี้ การดูแลสุขอนามัยหลังเหตุอุทกภัยก็เป็นประเด็นสำคัญ เพราะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อจากน้ำและสิ่งแวดล้อม อบจ.เชียงรายและ รพ.สต.แม่เปา ได้เน้นย้ำถึงมาตรการให้ความรู้และประชาสัมพันธ์แก่ชาวบ้านในการป้องกันโรคที่อาจมากับน้ำท่วม

บทเรียนและทิศทางต่อไป

สถานการณ์ในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมทั้งเชิงโครงสร้างพื้นฐานและเชิงนโยบายรับมือภัยธรรมชาติ โดยหน่วยงานในพื้นที่และภาคีเครือข่าย ต้องร่วมมือกันวางมาตรการป้องกันและบรรเทาภัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อบจ.เชียงราย ยืนยันว่า จะสนับสนุนการฟื้นฟูโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่เปาและหน่วยบริการสาธารณสุขทุกแห่งที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพและทั่วถึง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่เปา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ขึ้นเชียงราย เร่งช่วยน้ำท่วม ย้ำฟื้นฟูยั่งยืน พร้อมรับฟังประชาชน

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เร่งช่วยเหลือ-เยียวยา เดินหน้าฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย

เชียงราย, 28 มิถุนายน 2568 – นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูง เดินทางถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจและแสดงความหวังใจต่อผู้นำรัฐบาล ก่อนนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอพญาเม็งรายและพื้นที่ประสบภัยอื่น ๆ ของจังหวัด

รับฟังรายงานและสำรวจพื้นที่จริง

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะทราบ โดยเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ส่งผลกระทบต่อ 5 อำเภอ 10 ตำบล 32 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบถึง 4,405 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 3 จุด สถานพยาบาล 2 แห่ง และพื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะนาข้าว ได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่

จังหวัดเชียงรายได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเร่งอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมจัดส่งถุงยังชีพ สิ่งของจำเป็น และให้หน่วยงานด้านการเกษตรสำรวจความเสียหายเพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป

ลงพื้นที่พบปะ-มอบถุงยังชีพ สร้างพลังใจ

นายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่บ้านสบเปา ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย เพื่อพบปะประชาชนผู้ประสบภัย มอบถุงยังชีพ และกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และจิตอาสาที่ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า

“ดิฉันเดินทางมาในวันนี้เพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชน เพราะปีนี้ฝนตกมากกว่าปกติ หลายพื้นที่ไม่เคยประสบเหตุลักษณะนี้มาก่อน ธรรมชาติที่แปรปรวนได้สร้างสถานการณ์ยากลำบาก แต่ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน จะเร่งฟื้นฟูและช่วยเหลือทุกคนให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านในการฟื้นฟูพื้นที่ และเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาและส่งความช่วยเหลือให้ถึงมือประชาชนโดยเร็ว พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

วางแผนระยะสั้น-กลาง-ยาว เพื่อรับมือภัยพิบัติซ้ำซาก

จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนรับมือทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นของระบบเตือนภัยล่วงหน้า การจัดเตรียมศูนย์พักพิงที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการน้ำ การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนเกษตรกรในระยะยาว

ทั้งนี้ การบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และท้องถิ่น ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเร่งสำรวจ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบภัยให้กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ละเลยกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง

ประชาชนสะท้อนปัญหาและข้อเสนอแนะต่อผู้นำรัฐบาล

ในระหว่างภารกิจลงพื้นที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้พูดคุย สอบถามความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย น้ำดื่ม อาหาร เครื่องใช้จำเป็น รวมถึงเงินเยียวยาจากเหตุอุทกภัยครั้งก่อนที่บางครอบครัวยังไม่ได้รับ พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการฟื้นฟูศูนย์เด็กเล็กที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยไม่ให้ประชาชนต้องรอนาน

บรรยากาศอบอุ่น สะท้อนพลังใจคนเชียงราย

บรรยากาศการลงพื้นที่ตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยเฉพาะการต้อนรับจากประชาชนที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงและบ้านสบเปา หลายคนสวมเสื้อแดงและนำดอกกุหลาบ พวงมาลัยมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี รวมทั้งร่วมถ่ายภาพเซลฟี่และส่งเสียงเชียร์ “สู้ๆ นะเจ้า” อย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีตอบรับด้วยรอยยิ้มและถ้อยคำให้กำลังใจกลับไป

ภารกิจในพื้นที่ยังรวมถึงการเดินทางไปยังวัดสันติคีรี อำเภอพญาเม็งราย เพื่อมอบถุงยังชีพและให้กำลังใจประชาชน พร้อมย้ำว่าวิกฤตนี้จะผ่านพ้นไปด้วยความร่วมมือและพลังใจจากทุกฝ่าย

วิเคราะห์ผลลัพธ์และทิศทางการเยียวยา

การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เน้นย้ำบทบาทของรัฐบาลและหน่วยงานทุกระดับในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างจริงจัง ทั้งการแจกจ่ายถุงยังชีพ การดูแลกลุ่มเปราะบาง การวางแผนฟื้นฟูและจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาในระยะยาว ขณะเดียวกันยังเป็นเวทีรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะโดยตรงจากประชาชน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการบริหารจัดการภัยพิบัติและเยียวยาให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

“ขอมาให้กำลังใจให้ทุกคนและหวังเป็นอย่างยิ่งวันนี้ได้พบปะกันจะมีกำลังใจกันมากขึ้นและหวังว่าวิกฤตนี้จะผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว รัฐบาลเห็นความสำคัญของประชาชนเสมอ วันนี้มาให้กำลังใจมาพูดคุย ขอให้ทุกคนทำตัวสบายๆ ถ่ายรูปเจอกันได้ อย่างน้อยๆให้เป็นช่วงเวลาดีๆที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ดิฉันมาที่นี่ก็ได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชนเช่นกันตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว รู้สึกอบอุ่นใจมากๆขอมาเป็นกำลังใจและขอรับกำลังใจจากประชาชนด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ข่าวประชาสัมพันธ์ทำเนียบรัฐบาล
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

อีกหนึ่งบทเรียนน้ำท่วม สร้าง ‘คู่มือรับมือ’ สู่เมืองรับภัยยั่งยืน

ถอดบทเรียนเพื่ออนาคต: “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย”

เชียงราย, 28 มิถุนายน 2568 – จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย 27 มิถุนายน 2568กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนทั้งความท้าทายและความเข้มแข็งของระบบการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ ภาพของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข พร้อมด้วยนางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ลงพื้นที่มอบข้าวกล่อง ผ้าห่ม และถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงในตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย คือภาพแทนของการทำงานที่ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” พร้อมย้ำชัดเจนถึงความจำเป็นในการ “ถอดบทเรียน” เพื่อเตรียมรับมือภัยพิบัติในอนาคตอย่างเป็นระบบ

ภาพรวมสถานการณ์และมาตรการเร่งด่วน

หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของเชียงราย ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรเป็นวงกว้าง ทางจังหวัดได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที ทั้งการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ขนย้ายสิ่งของสู่ที่สูง การจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือ การเตรียมครัวสนามแจกจ่ายอาหาร รวมถึงการลำเลียงกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตราย

อย่างไรก็ดี แม้การบูรณาการความร่วมมือจะเป็นไปอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง แต่ก็พบ “จุดอ่อน” และ “ข้อจำกัด” ในการรับมือกับวิกฤต เช่น ช่องว่างของระบบเตือนภัย ความสับสนในกระบวนการอพยพบางพื้นที่ รวมถึงการประเมินความเสี่ยงและเตรียมพร้อมของประชาชนในพื้นที่ต่ำหรือพื้นที่ติดลำห้วย

วิเคราะห์และถอดบทเรียน “น้ำท่วมเชียงราย 2568”

สิ่งสำคัญที่จังหวัดเชียงรายต้อง “ถอดบทเรียน” จากเหตุการณ์นี้ให้ได้มากที่สุด ได้แก่

  1. การวิเคราะห์สาเหตุและพฤติกรรมของน้ำท่วม
    ควรมีการศึกษาข้อมูลสถิติฝนตกและลักษณะภูมิประเทศเชิงลึกในแต่ละพื้นที่ พร้อมวิเคราะห์จุดเสี่ยงและความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่รับน้ำ เพื่อประเมินแนวโน้มความรุนแรงในอนาคต
  2. ประสิทธิภาพระบบเตือนภัย
    ต้องประเมินความทันสมัยของเครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝน จุดตรวจวัดน้ำท่า และระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าทั้งผ่าน Cell Broadcast วิทยุชุมชน และสื่อโซเชียล พร้อมทบทวนขั้นตอนแจ้งเตือนและอพยพให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าใจตรงกัน
  3. การสำรวจจุดอ่อนและการประสานงาน
    สำรวจขั้นตอนการอพยพและการจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว การบริหารเครื่องมือและอุปกรณ์ฉุกเฉิน ความชัดเจนของบทบาทแต่ละหน่วยงานในภาวะวิกฤต รวมถึงช่องทางการสื่อสารกับประชาชนให้มีประสิทธิภาพ
  4. การวางแผนฟื้นฟูและช่วยเหลือหลังภัย
    เร่งสำรวจและประเมินความเสียหายเพื่อจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นธรรม ทันเวลา และโปร่งใส พร้อมวางแผนฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบประปา ระบบไฟฟ้า และพื้นที่เกษตรกรรมโดยไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน

แนวทางสู่ “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย”

เมื่อบทเรียนได้รับการสรุปอย่างรอบด้าน จังหวัดเชียงรายควรเดินหน้าจัดทำ “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย” ที่มีเนื้อหาเฉพาะสอดรับกับบริบทพื้นที่ ประกอบด้วยแนวทางปฏิบัติสำหรับทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และหน่วยงานท้องถิ่นในระดับหมู่บ้าน – ชุมชน ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมความพร้อม การแจ้งเตือน การอพยพ การช่วยเหลือฉุกเฉิน ไปจนถึงการฟื้นฟูหลังน้ำลด รวมถึงข้อมูลเส้นทางอพยพ จุดปลอดภัยในแต่ละพื้นที่ หมายเลขติดต่อฉุกเฉิน และแบบฟอร์มสำรวจความเสียหาย

การมีคู่มือฯ ที่เป็นรูปธรรมและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือ ลดความสูญเสีย และเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต

สรุป

ภัยพิบัติในครั้งนี้คือบททดสอบที่สำคัญของระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติในจังหวัดเชียงราย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างตระหนักดีว่าการ “ถอดบทเรียน” และ “พัฒนาแนวทางป้องกัน” ให้รัดกุมและทันสมัยคือภารกิจที่ต้องขับเคลื่อนอย่างจริงจังในอนาคต การมี “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย” ที่เกิดจากประสบการณ์จริง จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่สร้างความมั่นใจและลดความสูญเสียในทุกมิติ สร้างเมืองที่มีภูมิคุ้มกัน พร้อมเผชิญทุกวิกฤตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ อบจ.เชียงรายไม่นิ่งนอนใจ ระดมสรรพกำลังช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

อบจ.เชียงราย เร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก มอบน้ำอุปโภคบริโภค-ถุงยังชีพ พร้อมลุยฟื้นฟูพื้นที่แม่เปา หลังวิกฤตน้ำท่วมหนัก

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – หลังเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ส่งผลให้บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานได้รับผลกระทบอย่างหนัก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย และรองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้แสดงจุดยืน “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เร่งระดมทรัพยากรและกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

อบจ.เชียงราย” เดินหน้าเคียงข้างชาวบ้าน ลุยทุกจุดเสี่ยง

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ. นายอาทิตย์ รู้ทำนอง สมาชิกสภา อบจ. อำเภอเทิง เขต 1 นายสุชัด เสนคำ สมาชิกสภา อบจ. อำเภอเทิง เขต 2 นายสุใจ เชื้อเมืองพาน สมาชิกสภา อบจ. อำเภอพญาเม็งราย เขต 1 ตลอดจนบุคลากรจากกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองสาธารณสุข และหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการในทุกจุดเสี่ยง

บ้านเรือนพัง-ประปาเสียหาย ชาวบ้านขาดน้ำใช้ อบจ.จัด “รถน้ำ-ถุงยังชีพ” กระจายความช่วยเหลือ

ผลกระทบจากน้ำป่าที่ไหลหลากฉับพลัน ไม่เพียงสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน แต่ยังส่งผลต่อระบบประปาหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องขาดแคลนน้ำสะอาด ทั้งในการอุปโภคบริโภคและทำความสะอาดบ้านที่เต็มไปด้วยโคลน อบจ.เชียงรายจึงระดม “รถน้ำขนาดใหญ่” ตระเวนแจกจ่ายน้ำสะอาดในทุกพื้นที่ประสบภัย พร้อมจัดชุดถุงยังชีพที่ประกอบด้วยสิ่งของจำเป็นและน้ำดื่มสะอาด แจกจ่ายถึงมือประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

ลงพื้นที่-เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมประเมินวางแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด

นอกจากการจัดส่งทรัพยากร อบจ.เชียงราย ยังส่งบุคลากรลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ สำรวจความเสียหาย วางแผนการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน ระบบประปา เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติให้เร็วที่สุด

มุ่งบรรเทาทุกข์ระยะสั้น-ฟื้นฟูระยะยาว คืนคุณภาพชีวิตแก่ประชาชน

การให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้มุ่งเน้นทั้งการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นและการฟื้นฟูในระยะต่อไป โดยอบจ.เชียงรายประกาศยืนยันจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการสนับสนุนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และจิตอาสา เพื่อร่วมกันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

เสียงแห่งความหวังจาก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวให้กำลังใจว่า “ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกคน อบจ.เชียงรายขอประกาศเจตนารมณ์อย่างมั่นคงว่า จะเดินหน้าให้การช่วยเหลือ สนับสนุน และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง จนกว่าทุกชีวิตจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติอีกครั้ง”

สรุป

วิกฤตน้ำป่าไหลหลากครั้งนี้ แม้สร้างบาดแผลให้กับชาวบ้านแม่เปาอย่างหนัก แต่ด้วยความร่วมมือของ อบจ.เชียงราย หน่วยงานท้องถิ่น และจิตอาสา เชื่อมั่นว่าความเข้มแข็งและความช่วยเหลือที่รวดเร็วจะช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและสร้างรอยยิ้มคืนสู่ทุกครัวเรือนอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายหนัก น้ำป่าถล่ม 5 อำเภอ ทหารเร่งช่วย-ตั้งครัวสนาม

เชียงรายวิกฤต! น้ำป่าไหลหลาก 5 อำเภอ 32 หมู่บ้านจมบาดาล บ้านเรือนเสียหายกว่า 4,400 ครัวเรือน ทหาร-หน่วยงานรัฐระดมช่วยเหลือ เตือนเฝ้าระวังต่อเนื่อง

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญกับสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ หลังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ 5 อำเภอ 10 ตำบล รวม 32 หมู่บ้าน บ้านเรือนราษฎรกว่า 4,405 ครัวเรือน ถนนสายหลัก 3 จุด และสถานบริการสาธารณสุข 2 แห่ง ได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะที่พื้นที่เกษตรโดยเฉพาะนาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 500 ไร่ และยังมีความเสียหายอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม

ฝนถล่มต่อเนื่อง – สถานการณ์ยังไม่สิ้นสุด

ข้อมูลรายงานเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ระบุว่า จังหวัดเชียงรายยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายได้แจ้งเตือนทุกอำเภอให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ รวมถึงกำลังพลเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

พื้นที่ประสบภัยหนัก ครอบคลุม 5 อำเภอ

  • อำเภอพญาเม็งราย
    1. ต.ตาดควัน หมู่ 4 น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมโรงเรียนและบ้านเรือน 200 ครัวเรือน สะพานขาดการสัญจร
    2. ต.แม่เปา หมู่ 1, 2, 3, 6, 11, 12, 14, 16, 20 น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมขุนห้วยแม่เปา บ้านเรือน 3,705 ครัวเรือน รพ.สต.แม่เปาได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ถนนขาด
    3. ต.แม่ต๋ำ หมู่ 2, 7, 8, 10 น้ำท่วมบ้านเรือน 500 ครัวเรือน
  • อำเภอเวียงชัย
    1. ต.ผางาม หมู่ 1, 3, 7, 13 น้ำป่าเข้าท่วมพื้นที่เกษตรและถนนสายหลัก ทล.1326 รถสัญจรไม่ได้
    2. ต.ดอนศิลา หมู่ 10 น้ำท่วมนาข้าว 500 ไร่
  • อำเภอเชียงแสน
  1. ต.บ้านแซว หมู่ 4, 11, 12 น้ำท่วมถนน เส้นทางถูกตัดขาด
  • อำเภอเวียงเชียงรุ้ง
    1. ต.ทุ่งก่อ หมู่ 6, 7, 15
    2. ต.ป่าซาง หมู่ 5, 6, 7, 10, 14
    3. ต.ดงมหาวัน หมู่ 4 น้ำท่วมโรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง พื้นที่เกษตร บ้านเรือนได้รับผลกระทบบางส่วน
  • อำเภอเทิง
    1. ต.เวียง หมู่ 20 น้ำเข้าท่วมถนนหน้าโรงพยาบาลเทิง

ทหาร-หน่วยงานรัฐลงพื้นที่ช่วยเหลือเต็มกำลัง

พลตรีจักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) นำกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ รถยกสูงและเรือยาง เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ตำบลแม่เปา อ.พญาเม็งราย โดยเน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง เด็กและผู้สูงอายุ ลำเลียงออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงปลอดภัย ขณะเดียวกันยังจัดตั้ง “ครัวสนาม” สำหรับปรุงอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัย เริ่มตั้งแต่มื้อเย็นวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ผลิตได้ 3,000 กล่องต่อมื้อ พร้อมรับการสนับสนุนวัตถุดิบประกอบอาหารอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรมการทหารช่างยังจัดส่งกำลังพล เรือยางติดเครื่อง เรือท้องแบน และรถ FTS ยกสูง เพื่ออำนวยความสะดวกในการลำเลียงผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่ที่ถูกตัดขาด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในบ้านเรือนริมห้วยหรือในพื้นที่ต่ำ

มาตรการรับมือและแนวโน้มสถานการณ์

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้ประสานและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบอย่างรวดเร็ว พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามสถานการณ์น้ำและฝนฟ้าอากาศจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

จากแนวโน้มฝนตกหนักต่อเนื่อง คาดว่าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายใน 1-2 วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและบริเวณใกล้ลำห้วยที่มีความเสี่ยงสูง ประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และเตรียมการขนย้ายสิ่งของจำเป็นให้พร้อมกรณีต้องอพยพฉุกเฉิน

วิเคราะห์ผลกระทบ – จัดการน้ำและฟื้นฟูระยะยาว

สถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้สะท้อนความเปราะบางของโครงสร้างพื้นฐานในชนบท ทั้งด้านสะพาน ถนน และการเข้าถึงสถานพยาบาลที่อาจต้องได้รับการปรับปรุงและยกระดับในระยะยาว ทั้งนี้การตั้ง “ครัวสนาม” และการระดมทรัพยากรทั้งทหารและหน่วยงานพลเรือนถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในเบื้องต้น

อย่างไรก็ดี ภาคการเกษตรโดยเฉพาะนาข้าวในพื้นที่กว่า 500 ไร่ที่ได้รับความเสียหาย อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในฤดูกาลนี้ จำเป็นต้องมีมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูทั้งภาคการผลิตและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการจัดการน้ำแบบบูรณาการเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำซากในอนาคต

สรุป

เชียงรายกำลังเผชิญวิกฤตน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร และจิตอาสาเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกด้าน พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อเนื่อง ขณะนี้การช่วยเหลือกำลังดำเนินอย่างเข้มข้นจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37)
  • กรมการทหารช่าง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ฝนถล่มเชียงราย น้ำป่าหลาก-สะพานขาด รัฐบาลชูแผนบริหารจัดการน้ำรับมือ

เชียงรายเผชิญน้ำท่วมฉับพลัน หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีสั่งระดมทุกหน่วยงานเร่งช่วยเหลือ ย้ำต้องจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – รายงานข่าวจากหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงเช้าวันนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในเขตอำเภอพญาเม็งรายและอำเภอเวียงชัย โดยชาวบ้านจำนวนมากต้องรีบขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย พร้อมมีการเร่งระดมเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หลังปริมาณน้ำฝนสะสมที่วัดได้บางจุดสูงถึง 298.5 มิลลิเมตร

สถานการณ์น้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลากรุนแรงในพื้นที่เสี่ยง

นายอำเภอพญาเม็งรายได้สั่งการให้ปลัดอำเภอ ประสานการทำงานร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทันที โดยความเสียหายเบื้องต้นพบว่าสะพานเชื่อมต่อระหว่างหมู่ 4 ตำบลตาดควัน ไปยังหมู่ 1, 5, 16, 17 ตำบลแม่เปา ถูกกระแสน้ำตัดขาด ขณะเดียวกันพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ติดลำห้วยขุนแม่เปาก็ได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ขณะที่ปริมาณน้ำฝนที่จุดวัด ณ วนอุทยานน้ำตกตาดสายรุ้ง บ้านป่าสา ตำบลป่าซาง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง ในวันนี้ วัดได้ถึง 195 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นปริมาณที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับสถิติในรอบหลายปี สร้างความกังวลถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ

ผู้ว่าราชการจังหวัด-ภาครัฐทุกหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยเหลือ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เขตเชียงราย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือแก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการอพยพผู้ที่ติดอยู่ในจุดเสี่ยงออกไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว การแจกจ่ายถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ยังชีพที่จำเป็น ขณะเดียวกันได้จัดชุดแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีการประกาศเตือนภัยผ่านทุกช่องทาง รวมถึง Cell Broadcast และการแจ้งข่าวจากในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรีสั่งการด่วน-บูรณาการทุกกระทรวงรับมือ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ยืนยันการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้กระทรวงกลาโหม ประสานความร่วมมือช่วยเหลือด้านกำลังพลและอุปกรณ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที พร้อมขอให้ อปท. และปภ. เตรียมสิ่งของอุปโภคบริโภค และให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือ 24 ชั่วโมง ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะกรมอุตุนิยมวิทยา เร่งประเมินสถานการณ์และแจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบเป็นระยะ

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลจะดูแลทุกชีวิตอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยรัฐบาลมีแผนงานไว้แล้ว และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

วิเคราะห์ปัจจัย-โครงสร้างและแนวโน้มในอนาคต

สถานการณ์น้ำท่วมเชียงรายครั้งนี้ สะท้อนถึงความเปราะบางด้านโครงสร้างพื้นฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะการตัดขาดของสะพานและเส้นทางคมนาคมหลัก ซึ่งสร้างความลำบากให้ประชาชนในการเข้าถึงความช่วยเหลือและการเคลื่อนย้ายสิ่งของ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำฝนที่มากผิดปกติอาจเป็นผลจากสภาพอากาศแปรปรวนและภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือกับน้ำท่วมจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของจังหวัดและรัฐบาลกลาง ซึ่งหากดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม ย่อมช่วยลดความเสียหายและความเสี่ยงในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เตือนภัยประชาชน-เฝ้าระวังสถานการณ์ต่อเนื่อง

หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยายังคงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่มในช่วงนี้ พร้อมขอความร่วมมือในการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กองทัพบกผนึกกำลังอำเภอแม่สาย สู้ภัยดินโคลน เร่งสร้างแนวป้องกัน

เชียงรายเดินหน้าป้องกันดินโคลนน้ำหลาก กองทัพบกร่วมอำเภอแม่สาย เร่งขุดลอกแม่น้ำ-เสริมแนวป้องกันชั่วคราว สร้างภูมิคุ้มกันชุมชนช่วงฤดูฝน

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางสภาพอากาศฤดูฝนที่ทวีความรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะเขตอำเภอแม่สาย กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากดินโคลนน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง จากสถานการณ์ดังกล่าว หน่วยงานทหารกองทัพบก โดยหน่วยทหารช่าง ได้ประสานความร่วมมือกับที่ว่าการอำเภอแม่สาย ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง

เดินหน้า 2 แนวทางหลัก ขุดลอก-เสริมแนวป้องกัน

การบริหารจัดการพื้นที่ในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การขุดลอกดินตะกอนในแม่น้ำสายสำคัญ เพื่อเปิดทางน้ำและลดการท่วมขัง และการเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในเขตชุมชนเศรษฐกิจ เพื่อปกป้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงในช่วงรอการก่อสร้างแนวป้องกันถาวรในอนาคต

โดยเฉพาะในส่วนของแม่น้ำรวก ฝั่งไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในลำน้ำสายหลักที่มักมีน้ำหลากไหลผ่านและก่อให้เกิดน้ำท่วมในหลายชุมชน ความคืบหน้าการขุดลอกล่าสุดอยู่ที่ 65.91% งานนี้ดำเนินการด้วยความต่อเนื่องแม้จะเผชิญกับสภาพฝนฟ้าคะนอง เพื่อให้สามารถลดปริมาณตะกอน เปิดทางระบายน้ำ ลดความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วม และรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝนที่กำลังจะถึง

ขณะเดียวกัน โครงการเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในเขตชุมชนเศรษฐกิจ ได้เร่งอุดและเสริมความแข็งแรงให้กับแนวป้องกันเดิม เพื่อเพิ่มความมั่นคงก่อนจะมีการก่อสร้างแนวป้องกันถาวรตามแผนยุทธศาสตร์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง งานในส่วนนี้มีความคืบหน้าถึง 73.06% แล้ว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านเรือน ผู้ประกอบการ และโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชุมชน

ทหารช่างลุย 24 ชั่วโมง – ปฏิบัติการกลางฝน

กองกำลังจากหน่วยทหารช่างของกองทัพบกยังคงเดินหน้าปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน ภายใต้สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากการเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือกับดินโคลนน้ำหลากจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเร่งด่วน เป้าหมายสูงสุดคือให้ทุกภารกิจแล้วเสร็จก่อนที่ฝนหนักจะเริ่มส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้นในพื้นที่

ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานแต่ละวัน มีการวางแผนและติดตามผลอย่างใกล้ชิด พร้อมการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ช่างผู้ควบคุมเครื่องจักร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นและปรับแผนงานให้ทันต่อสถานการณ์

ผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและเศรษฐกิจ

ความคืบหน้าในการขุดลอกและเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากดินโคลนน้ำหลากเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งในแง่ของความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนช่วยลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในเขตชุมชนที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวของอำเภอแม่สาย

บทเรียนจากเหตุการณ์น้ำท่วมและดินโคลนไหลหลากในอดีต ทำให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงรายตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการจัดการเชิงรุก โดยอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ทหาร และประชาชน ซึ่งการขับเคลื่อนเชิงรุกในปีนี้คาดว่าจะช่วยลดความสูญเสียและผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุปและวิเคราะห์

จากความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างกองทัพบกกับที่ว่าการอำเภอแม่สายในครั้งนี้ สะท้อนถึงแนวคิด “ป้องกันดีกว่าแก้ไข” ที่เน้นการบูรณาการแผนงานระยะสั้นและระยะยาวควบคู่กันอย่างเป็นระบบ นำไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงภัยของเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • หน่วยทหารช่างกองทัพบก
  • ที่ว่าการอำเภอแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

วิกฤตน้ำกก 7 ชุมชนรวมพลังสู้ภัยพิษ-น้ำท่วม ชี้รัฐไร้คำตอบ

เชียงรายผนึกพลังชุมชน สู้วิกฤต “น้ำกก-น้ำโขง” ปนเปื้อนสารพิษ ขยายเครือข่ายรับมือภัยพิบัติข้ามพรมแดน

ปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนข้ามพรมแดนกลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของชุมชนริมฝั่งน้ำกกและแม่น้ำโขง

เชียงราย, 8 มิถุนายน 2568 – เมื่อเครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (คอก.) และองค์กรภาคประชาชนจากจังหวัดเชียงรายรวมตัวเปิดเวทีแลกเปลี่ยน ณ โฮงเฮียนแม่น้ำของ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย หวังต่อยอดการเฝ้าระวังเชิงรุกจากปัญหาน้ำท่วมสู่การรับมือ “น้ำเป็นพิษ” ที่กำลังแทรกซึมเข้าสู่วิถีชีวิตของคนในพื้นที่อย่างเงียบงัน

การรวมตัวของผู้แทนจาก 7 หมู่บ้านสองฝั่งแม่น้ำกก ได้แก่ บ้านร่มไทย, บ้านใหม่หมอกจ๋าม, บ้านผาใต้, บ้านจะคือ, บ้านแคววัวดำ, บ้านผาขวาง และบ้านโป่งนาคำ นับเป็นการรวมพลังท้องถิ่นที่ไม่รอความช่วยเหลือจากรัฐเพียงฝ่ายเดียว โดยในวงเสวนา มีการเปิดเผยถึงสถานการณ์จริงจากพื้นที่ที่ต้องเผชิญภัยน้ำหลากซ้ำซาก รวมถึงการพบสารโลหะหนัก เช่น สารหนู ปรอท และแคดเมียม ซึ่งสันนิษฐานว่ามาจากเหมืองแร่ต้นน้ำฝั่งเมียนมาที่มีมากกว่า 40 แห่งโดยไม่มีข้อมูลเปิดเผย

เสียงจากชุมชน เมื่อแม่น้ำไม่ปลอดภัย ชีวิตต้องสู้เพื่ออยู่กับความจริง

“ตอนนี้เราดื่มน้ำไม่ได้ จับปลามาก็ไม่แน่ใจว่าจะกินได้ไหม ปลูกผักก็ไม่มั่นใจเรื่องดิน” คือคำกล่าวจากชาวบ้านในเวทีที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตที่ต้องพึ่งพาแม่น้ำ แต่กลับถูกบีบให้เผชิญกับสารพิษที่ไร้ชื่อ ผู้คนต้องกลายเป็นแนวหน้ารับผลกระทบโดยไม่มีระบบเตือนภัย ไม่มีข้อมูลจากรัฐที่สามารถตรวจสอบได้ และไม่มีกลไกใดที่สามารถชะลอความเสียหายได้ทันท่วงที

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ “ครูตี๋” ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ เปิดเผยว่า การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำโดยภาคประชาชนพบว่าปริมาณตะกอนและโลหะหนักในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากต้นน้ำในเมียนมาไปจนถึงเชียงของ การเฝ้าระวังจากรัฐยังล่าช้าและไม่มีช่องทางให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม ทั้งที่ประชาชนคือผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง

พระมหานิคม มหาภินิกฺขมโน จากวัดท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอย่างมีพลังว่า “เราเป็นลูกแม่น้ำกก เราจะไม่ยอมให้สิ่งแวดล้อมของลูกหลานเราถูกทำลาย แม้เราจะไม่เห็นผลในรุ่นเรา แต่เราจะส่งต่อการต่อสู้ต่อไป”

การเปลี่ยนแปลงเริ่มจากล่างขึ้นบน สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังภัยพิบัติ

ในกิจกรรมครั้งนี้ยังมีการอบรมการวัดระดับน้ำ การตรวจค่าตะกอน และการใช้ไลน์กลุ่มแจ้งเตือนระดับน้ำเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ฉับพลัน โดยมีผู้แทนจากทั้งท้องถิ่น ภิกษุ ผู้นำชุมชน และภาคประชาสังคมเข้าร่วมอย่างเข้มแข็ง นายทาเคโอ โตโยต้า ผู้เชี่ยวชาญจากโครงการเสริมศักยภาพฯ ได้ถ่ายทอดเทคนิคการเตือนภัยที่ใช้ได้จริงในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เครือข่ายสามารถช่วยเหลือกันเองเมื่อเกิดภัยซ้ำ

ชาวบ้านแต่ละพื้นที่ยังได้แชร์ประสบการณ์น้ำท่วมหนักในปี 2567 ทั้งที่ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า น้ำขึ้นกว่า 20 เซนติเมตรใน 1 ชั่วโมง และบางพื้นที่ถึงขั้นสูญเสียผู้คนจากความเศร้าหลังภัยพิบัติ ยิ่งตอกย้ำความจำเป็นในการมีระบบเตือนภัยที่แม่นยำและทันท่วงที

รัฐเริ่มขยับ ตั้งศูนย์เฝ้าระวัง 4 จุดในเชียงราย-เชียงใหม่

ในวันเดียวกัน นายนิกร ศิรโรจนานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้ง “ศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม” รวม 4 จุด ได้แก่

  • จุดที่ 1: ศูนย์การแพทย์แผนไทย อบต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ (แม่น้ำกก)
  • จุดที่ 2: ศาลากลางจังหวัดเชียงราย (แม่น้ำกก)
  • จุดที่ 3: ด่านพรมแดนแม่สาย (แม่น้ำสาย)
  • จุดที่ 4: สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน (แม่น้ำโขง)

โดยแต่ละจุดจะตรวจสอบคุณภาพน้ำ ตะกอนดิน และสารปนเปื้อน พร้อมแสดงผลแบบเรียลไทม์ผ่านป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ข้อมูลสาธารณะโปร่งใส พร้อมรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนอย่างเป็นระบบ

เส้นทางต่อสู้ของประชาชนเมื่อรัฐยังช้า

แม้การตั้งศูนย์เฝ้าระวังจะเป็นสัญญาณบวก แต่คำถามสำคัญคือ “ทันหรือไม่?” เพราะชาวบ้านยังต้องใช้น้ำ กินปลา และปลูกผักอยู่ทุกวัน ขณะที่สารพิษอาจแพร่กระจายโดยไร้การเตือน

เวทีในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ แต่คือการส่งสัญญาณเตือนรัฐและสังคมไทยว่า ภัยพิบัติในยุคใหม่ไม่ได้มีเพียงน้ำหลากหรือแผ่นดินไหว แต่รวมถึง “ภัยเงียบ” จากสารพิษที่ไหลมากับสายน้ำ และไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา
  • กลุ่มรักษ์เชียงของ
  • เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (คอก.)
  • กลุ่มเสรีภาพแม่น้ำโขง
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)
  • สัมภาษณ์ภาคสนามโดยสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์
    (เผยแพร่วันที่ 8 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

สกสว. หนุนวิจัย “เชียงราย” นำร่องวิจัยโครงสร้างรับมือ ‘น้ำท่วม’

สกสว.หนุนนักวิจัยลงพื้นที่เชียงราย สำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม มุ่งปั้นจังหวัดต้นแบบจัดการสาธารณภัย

เชียงราย, 4 มิถุนายน 2568 – สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศเดินหน้า “โครงการสำรวจความเสียหายโครงสร้างจากน้ำท่วมในภาคเหนือ” โดยเลือก จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่นำร่อง ดึงนักวิจัยวิศวกรรมโครงสร้างและทีมวิศวกรอาสาหลายร้อยชีวิตลงพื้นที่สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลความเสียหายอย่างเป็นระบบ หวังยกระดับการจัดการสาธารณภัยด้วยองค์ความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ ผนึกกำลังภาครัฐ ท้องถิ่น และชุมชนเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยอย่างยั่งยืนในอนาคต

วิกฤตน้ำท่วมซ้ำซากในเชียงราย จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

พื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติซ้ำซาก ทั้งอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม รวมถึงแผ่นดินไหวและฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ วิถีชีวิตชุมชน และความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างหนัก เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ สกสว. ร่วมกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย นำทีมสำรวจบ้านเรือน สะพาน ถนน และโครงสร้างสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของน้ำหลาก

ศ. ดร.อมร พิมานมาศ หัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า “เราใช้โอกาสจากเหตุการณ์ฟื้นฟูน้ำท่วมครั้งล่าสุด ระดมนักวิศวกรอาสามืออาชีพนับร้อยชีวิต สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลความเสียหายของโครงสร้างสำคัญอย่างเป็นระบบ นำเทคโนโลยีสำรวจสมัยใหม่มาใช้เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วน แม่นยำ รองรับการวางแผนฟื้นฟูและออกแบบมาตรการป้องกันในอนาคต”

เชียงรายสู่เมืองต้นแบบ “จัดการสาธารณภัย” บูรณาการวิจัย-นโยบาย

จุดเด่นของโครงการคือการนำองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมโครงสร้างมาผสานกับ “ระบบฐานข้อมูลดิจิทัล” จัดทำ “แผนที่ความเสียหาย” และ “แผนที่เสี่ยงภัย” เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานบริหารจัดการน้ำของรัฐ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ที่ต้องซ่อมแซมหรือป้องกันเป็นการเร่งด่วน

ศ.ดร.อมร ระบุอีกว่า “เชียงรายคือพื้นที่ที่เหมาะสมกับการพัฒนาต้นแบบงานวิจัยลักษณะนี้ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เสี่ยงภัยพิบัติหลายรูปแบบ ข้อมูลที่เราได้จากการลงพื้นที่ ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูหลังเกิดเหตุ แต่ยังต่อยอดไปสู่งานวิจัยด้านระบบแจ้งเตือนภัย ฐานข้อมูลความเสียหายที่ลงลึกในแต่ละอาคาร ไปจนถึงแนวทางประกอบการพิจารณาเบิกจ่ายงบประมาณซ่อมแซม และแผนงานฟื้นฟูระยะยาว”

ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชน-ภาครัฐ เพิ่มภูมิคุ้มกันสังคมไทย

นอกจากการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ทางวิศวกรรมแล้ว โครงการยังให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดองค์ความรู้ระบบป้องกันน้ำท่วมและวิธีลดความเสียหายของโครงสร้างต่อประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการ สัมมนาเชิงวิชาการ และคู่มือความรู้สำหรับชุมชน

ผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า “ข้อมูลจากงานวิจัยครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนรับมือและฟื้นฟูภัยพิบัติทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการสร้างกำแพงกั้นน้ำ ระบบเตือนภัย การออกแบบบ้านเรือนที่ทนทานต่อน้ำหลาก และการวางแผนจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรขยายการถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าวไปยังพื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ ทั่วประเทศ”

วางรากฐาน “ฐานข้อมูลเชิงพื้นที่” สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

รศ. ดร.นิรมล สุธรรมกิจ ผู้อำนวยการหน่วยภารกิจยุทธศาสตร์ ววน. การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม สกสว. เผยว่า “สกสว.มีแผนประสานงานกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เพื่อขยายผลโครงการนี้ ทั้งด้านการสร้างฐานข้อมูลเสี่ยงภัยดิจิทัล และการผลักดันนวัตกรรมอุปกรณ์ตรวจวัดเพื่อใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ในรูปแบบของสตาร์ทอัพ รวมถึงสนับสนุนให้เกิดกฎ/เทศบัญญัติเพื่อยกระดับมาตรฐานโครงสร้างในพื้นที่เสี่ยง”

การทำงานแบบบูรณาการเช่นนี้จะนำไปสู่การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย เช่น การจัดทำ “แผนที่เสี่ยงภัยแบบซ้อนทับ” (Overlay Risk Map) เพื่อดูจุดเสี่ยงแต่ละประเภทภัยพิบัติในพื้นที่เดียวกัน ต่อยอดสู่การวางแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเตือนภัยล่วงหน้า และการฝึกอบรมเครือข่ายเฝ้าระวังให้เข้มแข็งขึ้น

ผลลัพธ์และข้อเสนอแนะ

  • เชียงรายเป็นต้นแบบการประสานความร่วมมือระหว่างนักวิจัย ภาครัฐ และชุมชนในการจัดการสาธารณภัยเชิงรุก
  • องค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ได้สามารถถ่ายทอดสู่พื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ ในประเทศได้จริง
  • ควรผลักดันข้อมูลวิจัยสู่นโยบายและกฎ/เทศบัญญัติในระดับท้องถิ่น
  • สกสว. วางแผนขยายผลสู่การสร้างมาตรฐานวิศวกรรมภัยพิบัติสำหรับประเทศไทย
“การสำรวจเพื่อจัดทำฐานข้อมูลความเสียหายโครงสร้างจากน้ำท่วมภาคเหนือ (โครงการต้นแบบ จังหวัดเชียงราย)” ซึ่งมี ศ. ดร.อมร พิมานมาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เป็นหัวหน้าโครงการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) www.tsri.or.th
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) www.disaster.go.th
  • สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
  • รายงานประชุมและข้อมูลโครงการ “การสำรวจเพื่อจัดทำฐานข้อมูลความเสียหายโครงสร้างจากน้ำท่วมภาคเหนือ (เชียงราย)”
  • ข่าวที่เกี่ยวข้อง สำนักข่าวไทย, ThaiPBS, สยามรัฐ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายก อบจ.เชียงราย ลุยน้ำท่วมแม่สาย

อบจ.เชียงรายเร่งลงพื้นที่รับมืออุทกภัยแม่สาย น้ำสายล้นตลิ่งท่วมชุมชนบ้านปิยะพร

เชียงราย, 30 พฤษภาคม 2568 – จากอิทธิพลของฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดหลายวัน ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนบ้านปิยะพร ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทำให้ประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังในบริเวณบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรม

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) พร้อมด้วยคณะทำงาน ประกอบด้วย นายเสน่ห์ ปัญญาดี ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย พันจ่าเอกทวีป เชี่ยวสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่บ้านปิยะพรอย่างเร่งด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น

กระสอบทราย-กำลังใจ แผนช่วยเหลือด่วนจาก อบจ.เชียงราย

อบจ.เชียงราย ได้ดำเนินการจัดส่งกระสอบทรายให้แก่ประชาชนที่ประสบภัย เพื่อนำไปวางกั้นน้ำบริเวณบ้านพักอาศัยและจุดเสี่ยงของหมู่บ้าน ทั้งยังให้กำลังใจเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และอาสาสมัครที่ร่วมลงพื้นที่อย่างไม่ย่อท้อในการควบคุมสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้

การบูรณาการระหว่างหน่วยงานในพื้นที่

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจาก ร.ต.อ.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้าง พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่น ซึ่งร่วมกันประเมินสถานการณ์น้ำร่วมกับ อบจ.เชียงราย และหารือแนวทางการรับมือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยพิบัติอย่างมีแผนรองรับ

นายก อบจ.เชียงราย ยืนยันว่า อบจ.เชียงรายพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองท้องถิ่น และภาคประชาชน เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทันท่วงที ลดความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยให้ได้มากที่สุด

ความเสี่ยงซ้ำซ้อนจากภูมิประเทศและภาวะโลกร้อน

พื้นที่อำเภอแม่สายถือเป็นหนึ่งในจุดเสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซากของจังหวัดเชียงราย เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศติดแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่รับน้ำจากฝั่งประเทศเมียนมาและลุ่มน้ำฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงราย เมื่อฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องหรือเกิดฝนตกในฝั่งเมียนมา ก็มีโอกาสสูงที่ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและล้นตลิ่งดังเช่นครั้งนี้

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ส่งผลให้ปริมาณฝนในภาคเหนือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-10% ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา และอาจกระทบต่อแผนบริหารจัดการน้ำในระดับท้องถิ่นที่ยังขาดระบบระบายน้ำถาวรในบางพื้นที่

ความเชื่อมโยงเชิงพื้นที่และผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น

นอกจากบ้านปิยะพร ยังมีพื้นที่ใกล้เคียง เช่น บ้านป่าซาง บ้านเกาะช้าง ที่เริ่มมีรายงานน้ำล้นตลิ่งเบื้องต้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมโดยเฉพาะสวนข้าวโพดและไร่ชาในเขตอำเภอแม่สายตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด

อบจ.เชียงราย ได้เตรียมประสานงานกับสำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อจัดเก็บข้อมูลความเสียหายด้านเกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ พร้อมจัดทำรายงานนำเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยเพื่อของบประมาณเยียวยาต่อไป

แนวโน้มอุทกภัยต้องใช้ ‘ระบบจัดการ’ ไม่ใช่เพียง ‘การบรรเทา’

แม้การลงพื้นที่อย่างเร่งด่วนของ อบจ.เชียงราย จะช่วยบรรเทาผลกระทบในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการลงทุนด้านระบบป้องกันน้ำท่วมถาวร เช่น การขุดลอกคูคลอง การสร้างเขื่อนป้องกันริมแม่น้ำ และการพัฒนาระบบระบายน้ำในชุมชน

ในระยะยาว จังหวัดเชียงรายจำเป็นต้องเร่งทำแผนป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติแบบองค์รวม พร้อมปรับปรุงระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System) ให้ทันสมัย เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสามารถเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในอำเภอแม่สายช่วงวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2568: 137 มม. (ที่มา: ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ)
  • ระดับน้ำแม่น้ำสายวันที่ 30 พ.ค. 2568 สูงกว่าระดับตลิ่ง 0.7 เมตร (ที่มา: กรมทรัพยากรน้ำ)
  • พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซากใน อ.แม่สาย: 5 ตำบล 18 หมู่บ้าน (ที่มา: สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย)
  • ความเสียหายเบื้องต้น: บ้านเรือน 46 หลังได้รับผลกระทบ, พื้นที่เกษตรกว่า 130 ไร่ (ที่มา: อบจ.เชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • กรมทรัพยากรน้ำ
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE