Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

น้ำป่าท่วมเวียงป่าเป้า เชียงราย ชาวบ้านอพยพ-โรงเรียนเสียหายหนัก

 

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 ทางเพจขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ได้เผยแพร่ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ โดยเฉพาะหมู่บ้านห้วยหินลาดใน หมู่ 7 ตำบลบ้านโป่ง และหมู่บ้านห้วยทรายขาว หมู่ 7 ตำบลบ้านโป่ง ที่ประสบภัยน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ทำให้บ้านเรือนในหลายจุดได้รับความเสียหายหนักจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ประชาชนหลายครอบครัวต้องอพยพออกจากพื้นที่ไปพักอาศัยในศูนย์อพยพชั่วคราวของ อบต.บ้านโป่ง เพื่อความปลอดภัย

จากรายงานพบว่า บ้านเรือนของประชาชนในหมู่บ้านห้วยทรายขาวได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากน้ำป่าที่ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โครงสร้างบ้านเรือนพังทลาย บางหลังถูกกระแสน้ำพัดจนไม่เหลือร่องรอย เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครได้เร่งเข้าช่วยเหลืออพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้น ณ อบต.บ้านโป่ง ซึ่งมีการดูแลและจัดหาน้ำดื่ม อาหาร รวมถึงที่นอนให้ผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

ไม่เพียงแค่บ้านเรือนของชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย แต่ยังมีโรงเรียนห้วยหินลาดใน ซึ่งเป็นสถานศึกษาแห่งเดียวในชุมชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก อาคารเรียนถูกน้ำป่าพัดพังไปเกือบทั้งหมด ทำให้นักเรียนกว่า 30 คนที่ต้องย้ายสถานที่เรียนชั่วคราว และยังต้องรอความช่วยเหลือในการฟื้นฟูโรงเรียน ซึ่งเป็นแหล่งการศึกษาและศูนย์รวมจิตใจของชุมชน การสูญเสียครั้งนี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อการเรียนการสอนของเด็ก ๆ แต่ยังสร้างความสูญเสียทางจิตใจให้กับครอบครัวและชุมชนที่มีโรงเรียนเป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนาอีกด้วย

สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอเวียงป่าเป้า ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ครอบคลุมพื้นที่ใน 4 ตำบลหลัก ได้แก่ ตำบลป่างิ้ว ตำบลเวียงกาหลง ตำบลบ้านโป่ง และตำบลเวียง โดยเฉพาะตำบลบ้านโป่งและตำบลเวียงที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากมีการรับน้ำมาจากแม่น้ำลาว ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านพื้นที่ ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำในหลายจุดมีน้ำท่วมขัง และบางจุดระดับน้ำยังคงสูง ทำให้การสัญจรในหลายเส้นทางถูกตัดขาด ประชาชนในหลายหมู่บ้านไม่สามารถออกมานอกพื้นที่ได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

สำหรับการฟื้นฟูพื้นที่หลังจากน้ำลด ทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเริ่มจากการสำรวจความเสียหายในพื้นที่ที่น้ำเริ่มลดลง เพื่อวางแผนซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสะพานที่ถูกน้ำพัดขาด รวมถึงบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ทางหน่วยงานยังได้จัดเครื่องสูบน้ำเข้ามาช่วยเร่งระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ และติดตั้งเครื่องฉีดล้างทำความสะอาดถนนและบ้านเรือนที่ถูกโคลนและเศษดินจากน้ำป่าท่วมสูง

จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้หลายครอบครัวในอำเภอเวียงป่าเป้าต้องเผชิญกับความยากลำบากทั้งด้านการอยู่อาศัยและความปลอดภัยในชีวิต เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานท้องถิ่นและอาสาสมัครได้ร่วมกันทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในเร็ววัน นายสมเกียรติได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนที่มีจิตศรัทธาให้เข้ามาสนับสนุนการฟื้นฟูในครั้งนี้ เพื่อช่วยกันฟื้นฟูชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ทางอบต.บ้านโป่ง ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น เช่น เครื่องนอน ยารักษาโรค และเสื้อผ้า เพื่อช่วยเหลือประชาชนในศูนย์อพยพ หากท่านใดต้องการให้การสนับสนุนสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 053-781989 หรือผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “อบต.บ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า” โดยตรง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่ง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ลงพื้นที่แม่สายติดตามน้ำท่วม พร้อมเร่งฟื้นฟูพื้นที่

 

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมี นายสุริยพล นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมชลประทาน และคณะเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย โดยได้เดินทางไปยังโรงเรียนชุมชนไม้ลุงขนมิตรภาพที่ 169 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมให้กำลังใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้านว่ารัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจะเร่งฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาเป็นปกติในเร็ววัน

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายในช่วงที่ผ่านมานั้น เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ยางิ” ที่ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำหลายสายเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนในหลายอำเภอ รวมถึงพื้นที่อำเภอแม่สายที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์น้ำได้คลี่คลายลงแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำต่าง ๆ ลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

ในระหว่างการลงพื้นที่ นายอัครา พรหมเผ่า ได้ติดตามความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด และได้สั่งการให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย เพื่อวางแผนฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน โดยเน้นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเร่งแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด โดยได้เน้นย้ำให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่สำคัญในระยะสั้นก่อน เช่น การระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำที่ยังมีน้ำท่วมขัง การฟื้นฟูถนนเส้นทางคมนาคมที่ถูกน้ำท่วม รวมถึงการจัดหาน้ำสะอาดให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ระบบน้ำประปาได้รับความเสียหาย

ด้านกรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 2 และสำนักเครื่องจักรกล ได้จัดส่งเครื่องจักรกลหนัก เช่น รถแบคโฮ เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ และเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ลงพื้นที่ทันทีหลังน้ำลด เพื่อเร่งดำเนินการขุดลอกลำคลอง และบ่อดักตะกอนที่ถูกตะกอนดินทรายอุดตันจากกระแสน้ำหลาก พร้อมกันนี้ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมเพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรมที่ยังไม่สามารถระบายน้ำออกได้เต็มที่ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการฉีดล้างทำความสะอาดถนนเส้นทางหลักและถนนในชุมชนที่ถูกโคลนและเศษดินจากน้ำท่วมพัดมากองทับถม เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัยและเร็วที่สุด

นอกจากนี้ นายอัครา พรหมเผ่า ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการขุดลอกคลองสาย RMC1 (เหมืองแดง) และบ่อดักตะกอนในพื้นที่แม่สายที่มีการสะสมของตะกอนสูง เพื่อคืนประสิทธิภาพการระบายน้ำของคลองสายนี้ให้สามารถรองรับน้ำได้มากขึ้นและลดความเสี่ยงของน้ำท่วมในอนาคต ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง

จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายอัคราได้กล่าวกับประชาชนผู้ประสบภัยว่า รัฐบาลตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการฟื้นฟูทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้นจะเร่งฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและช่วยเหลือประชาชนให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ในขณะที่ในระยะยาว จะมีการวางแผนป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซ้อน เช่น การขุดลอกคลองและการสร้างระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นายสุริยพล นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้เสริมว่า กรมชลประทานจะเร่งดำเนินการตามคำสั่งการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะการขุดลอกคลองและการบำรุงรักษาระบบระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำในพื้นที่เสี่ยง และจะดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายให้เกษตรกรสามารถกลับมาปลูกพืชผลได้โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งจะติดตามและรายงานความคืบหน้าให้กับผู้บริหารและประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การดำเนินการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีการติดตามประเมินผลทุกระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังเน้นย้ำว่า การทำงานในครั้งนี้จะต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง และพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของทุกหน่วยงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในเร็ววัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมชลประทาน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ข้อมูลน้ำท่วมเชียงราย 9-28 ก.ย.67 เสียชีวิต 13 เจ็บ 3 สูญหาย 1 ราย

 
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย รายงานข้อมูลสะสมระหว่างวันที่ 9 -28 ก.ย. 2567 ทั้งสิ้น 13 อำเภอ 63 ตำบล 577 หมู่บ้าน 1 เทศบาลนคร (52 ชุมชน) โดยตลาดชุมชนเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง ร้านค้า/สถานประกอบการ 92 แห่งราษฎรได้รับผลกระทบเบื้องต้น56,469 ครัวเรือน เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 3 ราย สูญหาย 1 รายบ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 33 หลัง พื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบ 18,587 ไร่ปศุสัตว์ได้รับผลกระทบ 48,844 ตัว(ได้แก่ โค 1,110 ตัว กระบือ 166 ตัว สุกร66 ตัว แพะ/แกะ 25 ตัว สัตว์ปีก 47,477 ตัว) สัตว์เลี้ยง 299 ตัว(ได้แก่ สุนัข 145 ตัว และแมว 154 ตัว)ด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับผลกระทบ ได้แก่ โรงเรียน37แห่ง ถนน10จุด คอสะพาน5จุด และรพ.สต. 1 แห่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ พร้อมกำลังพลในการเข้าไปช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง หลายวัน ทำให้วันนี้ (28 กันยายน 2567) ได้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย, อ.เชียงแสน, อ.เชียงของ, อ.แม่จัน, อ.แม่ฟ้าหลวง, อ.แม่สาย, อ.ดอยหลวง, อ.เทิง อ.เวียงแก่น อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย อ.เวียงชัย และอ.แม่ลาว เกิดน้ำท่วมหนักในรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจ และเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน หากประชาชนต้องการขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งเหตุ แจ้งได้ตลอด 24 ช่วยโมง ที่สายด่วน 1784
 
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานสถานที่เกิดเหตุ/ความเสียหาย/การให้ความช่วยเหลือ (เหตุต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 67 และสถานการณ์ในวันนี้ (28 ก.ย. 67) ดังนี้
การให้ความช่วยเหลือ
 
จังหวัดเชียงราย ได้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี พ.ศ. 2567 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และจัดหาปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นในการดำรงชีพ ผ่านทางธนาคาร กรุงไทย สาขาเชียงราย เลขที่บัญชี 504-3-23-732-5 ชื่อบัญชี กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี พ.ศ. 2567 โดยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่ายอดเงินบริจาคณ วันที่ 28 ก.ย. 67 เวลา 16.30 น. จำนวน 8,860,424.14บาท
 
การดำเนินการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย อ.เวียงป่าเป้า ตำบลบ้านโป่ง อบต.บ้านโป่ง อพยพประชาชนบ้านห้วยหินลาดใน และหย่อมบ้านห้วยทรายขาว (บ้านบริวาร) หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย มายังศูนย์พักพิง อบต.บ้านโป่ง จำนวน 39 คน
 
เหตุดินสไลด์ปิดเส้นทางเข้าออกบ้านห้วยหินลาดใน หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย อบต.บ้านโป่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อุทยานแห่งชาติขุนแจ และหน่วยงานสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
 
นำเครื่องจักรกลปรับเกลี่ยกองดินเปิดเส้นใช้ทางแล้ว รถยนต์สามารถสัญจรผ่านได้ พร้อมทั้งได้ร่วมกันทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับผลกระทบ
 
ตำบลเวียง รพ.เวียงป่าเป้าพร้อมด้วยสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเวียงป่าเป้า เข้าตรวจรักษาผู้ป่วยและประเมินสุขภาพจิตราษฎรหมู่บ้านบ้านดงหล่ายหน้า (หย่อมบ้านห้วยไม้เดื่อ) หมู่ที่ 7 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
 
อบต.เวียง นำรถแบคโฮเปิดเส้นทางจราจร เส้นทางเข้าบ้านห้วยไม้เดื่อ (หย่อมบ้านดงหล่ายหน้า) สามารถสัญจรผ่านได้แล้ว
เหตุน้ำกัดเซาะคอสะพานบ้านแม่ปูนล่าง หมู่ที่ 9 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย อบต.เวียงและฝ่ายปกครองอยู่ระหว่างเข้าสำรวจความเสียหายและดำเนินการซ่อมแซม
 
ที่ทำการปกครองอำเภอเวียงป่าเป้าร่วมกับ ตชด. 327 ลำเลียงถุงยังชีพ 60 ชุด น้ำดื่ม 850 แพ็ค นม 20 แพ็ค มาม่า 20 แพ็ค แจกจ่ายให้แก่ราษฎรในพื้นที่บ้านแม่ปูนหลวงและหย่อมบ้านสามกุลา หมู่ที่ 8 ต.เวียง
 
อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย สำหรับเหตุดินถล่มปิดทับเส้นทางบ้านแม่ปูนหลวง แขวงทางหลวงชนบทเชียงรายร่วมกับอบต.เวียง และราษฎรในพื้นที่ ตัดต้นไม้และกำจัดกองดิน สามารถเปิดใช้เส้นทางได้แล้ว
 
หมวดทางหลวงแม่สรวยพร้อมด้วยจิตอาสา และภาคประชาชน นำรถขุดหน้าตักหลังและรถแบคโฮขุดตักกองดินที่สไลด์ลงมาปิดทางขวางเส้นทางจราจรบนทางหลวงชนบทหมายเลข 1150 สายอำเภอพร้าว – อำเภอเวียงป่าเป้า ดำเนินการได้ 70% คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 29 ก.ย. 67
 
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย วันที่ 28 ก.ย. 67รถประกอบอาหารเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สายขยายระยะเวลาดำเนินการถึงวันที่ 5 ต.ค 2567 (เริ่มดำเนินการวันที่ 19 ก.ย. 67)
การสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยด้านปฏิบัติการ (อุทกภัย) และกำลังพล ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตประจำวันที่ 28 ก.ย. 67ดังนี้
 
ศูนย์ ปภ. เขต 8 กำแพงเพชร นำรถบรรทุกน้ำอเนกประสงค์ขนาด 12000 ลิตร ไปฉีดล้างทำความสะอาดถนนในพื้นที่ชุมชนเกาะลอย ต.เวียง อ.เมืองชร. จ.เชียงราย
 
ศูนย์ ปภ. เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 8 กำแพงเพชร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง เขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต15 เชียงราย เร่งทำการฟื้นฟูพื้นที่ภายหลังน้ำลด โดยนำรถขุดตักไฮดรอลิคยกสูง รถตักล้อยางเอนกประสงค์
 
รถขุดล้อยางกู้ภัยปรับฐานล้อ รถตีนตะขาบ รถบรรทุกเทท้าย รถขุดตักไฮดรอลิค แขนยาว ทำการขุดตักขนย้ายดินโคลน เศษวัสดุ สิ่งปรักหักพัง พร้อมทั้งปรับเกลี่ยถนน เส้นทางสัญจรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย
 
ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย นำรถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง 10,000 ลิตร ฉีดล้างทำความสะอาดลานจอดรถ ถนน และบริเวณภายในพื้นที่ของศาลากลางจังหวัดเชียงราย อ.เมืองชร. จ.เชียงราย/ นำรถบรรทุกน้ำอเนกประสงค์ขนาด 12,000 ลิตร ฉีดล้าทำความสะอาดมัสยิดนูรูลอิสลาม (ชุมชนกกโท้ง) และบริเวณโดยรอบ ในเขตพื้นที่ ต.เวียง อ.เมืองชร. จ.เชียงราย
ศูนย์พักพิงที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ ณ วันที่ 28 ก.ย. 67 รวมทั้งสิ้น7แห่ง
 
แบ่งตามขอบเขตการปกครอง ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย 3 แห่ง/ อ.แม่สาย3แห่ง/ อ.เวียงป่าเป้า 1 แห่ง
ศูนย์พักพิงฯ ที่มีทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ เยียวยาจิตใจ แจกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ จำนวน 4แห่ง
รายละเอียดดังนี้
 
อำเภอเมืองเชียงรายที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวจำนวน 3แห่ง
ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ทน.เชียงราย จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ ณ ปัจจุบันจำนวน1 แห่ง ได้แก่
 
จุดวัดสันป่าก่อไทยใหญ่* ต.รอบเวียง คงค้างจำนวน 5 ราย
หมายเหตุ: ศูนย์พักพิงในเขตเทศบาลนครเชียงรายทุกจุดมีทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ เยียวยาจิตใจ แจกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ ประจำศูนย์ในระยะวิกฤติ / ในระยะฟื้นฟูปรับมาใช้ระบบตรวจเยี่ยมและให้บริการตามวงรอบ
 
ตำบลแม่ยาว ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่ยาว กำกับดูแลโดย ทต.แม่ยาว/ วันที่ 20 ส.ค. 67 ย้ายศูนย์พักพิงไปที่สำนักงานเทศบาลตำบลแม่ยาวคงค้างจำนวน 15 คน ประชาชนเริ่มกลับเข้าบ้าน
 
ตำบลดอยฮาง วันที่ 16 ก.ย. 67 เวลา 17.00 น. จัดตั้งศูนย์พักพิง ณ บ้านโป่งนาคำ* มีผู้พักพิงประมาณ 50 คน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำเต็นท์นอนพระราชทาน ขนาด 2 คน จำนวน 50 หลัง มอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยฯ/ วันที่ 28 ก.ย. 67 ปรับสภาพเป็นศูนย์พักคอยและศูนย์รับบริจาค
 
อำเภอแม่สายที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ ณ ปัจจุบัน 3 แห่ง รวมทั้งสิ้น 237คน(โดยเป็นศูนย์พักพิงฯ ที่มีทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการ ทั้ง3แห่ง) ศูนย์พักพิงเทศบาลตำบลแม่สาย*คงค้างจำนวน 41 ราย(ทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ในการดูแลได้แก่ รพ.สต.ฮ่องแฮ่/ รพ.สต.บ้านด้าย) ศูนย์พักพิงวัดเหมืองแดง*คงค้างจำนวน 82 ราย ศูนย์พักพิงวัดถ้ำผาจม*คงค้างจำนวน 114 ราย(ทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ในการดูแล ได้แก่ รพ.แม่จัน)
 
อำเภอเวียงป่าเป้า จัดตั้งศูนย์พักพิง 2 แห่ง* ได้แก่ ศูนย์พักพิง ทต.ป่างิ้ว(ศูนย์พักคอย)/วันที่ 25 ก.ย. 67 จัดตั้งศูนย์พักพิง อบต.บ้านโป่ง ขึ้นอีก 1 แห่ง คงค้างจำนวน 39 ราย
 
อำเภอแม่สรวยจัดตั้งศูนย์พักพิง*2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พักพิง อบต.ท่าก๊อ(คงค้างจำนวน 3 คน) /วันที่ 26 ก.ย. 67 จัดตั้งศูนย์พักพิง ศูนย์ดูแลผู้ป่วย รพ.แม่สรวย ขึ้นอีก 1 แห่ง/ วันที่ 28 ก.ย. 67 ปิดศูนย์พักพิงทุกศูนย์ฯ
 
มูลนิธิสมาคมกู้ชีพกู้ภัย อาสาสมัคร จิตอาสาภาคประชาชน ร้านค้า/ผู้ประกอบการ สนับสนุนปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย ให้ที่พักพิงชั่วคราว มอบอาหารปรุงสำเร็จ และถุงยังชีพ
 
วิทยาลัยอาชีวศึกษาและโรงเรียนในเครือ ดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน FixItCenter ตั้งจุดบริการและจัดชุดเคลื่อนที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยจะช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ รวมถึงยานพาหนะที่เสียหาย เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. เป็นต้นมา /วันที่ 17 ก.ย. 67 รมว.ศึกษาธิการ เน้นย้ำให้ดูแลโรงเรียนก่อนเป็นลำดับแรก
 
จุดบริการ FixItCenterประจำวันที่ 28 ก.ย. 67 จำนวน 4 แห่ง ดำเนินการโดยสถานศึกษา สอศ. จากทั่วประเทศ รายละเอียดจุดบริการฯ ดังนี้ จุดบริการ โรงเรียนบ้านใหม่ ดำเนินการโดย วท.เทิง จุดบริการ โรงเรียนเทิงวิทยา ดำเนินการโดย วท.เทิง จุดบริการ โรงเรียนขุนตาลวิทยาคม ดำเนินการโดย วท.เทิง จุดบริการ ชุมชนฮ่องลี่ – ป่างิ้ว ดำเนินการโดย วก.เนินขาม
วันที่ 17 ก.ย. 67 ทภ.3 จัดตั้ง ศบภ.ทภ.3 ส่วนหน้า ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่ออำนวยการประสานงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนของหน่วยทหารทุกหน่วย ในพื้นที่ อ.แม่สาย จนถึงปัจจุบัน
 
กองบัญชาการกองทัพไทย จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ณ โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย
 
อบจ.เชียงราย ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้านดำรงชีพ ดังนี้ ค่าใช้จ่ายด้านดำรงชีพ ได้แก่ ค่าเครื่องนุ่งห่ม รายละไม่เกิน 1,100 บาท ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท ค่าเครื่องครัวและอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท ค่าเครื่องนอน รายละไม่เกิน 1,000 บาท หลักฐานที่ต้องเตรียม ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของเจ้าของบ้านที่ประสบภัย รูปภาพความเสียหายการขอรับความช่วยเหลือ ผ่าน อบต. หรือ ทต. ที่ประสบภัย ในวันและเวลาราชการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัย โทร. 053175329 หรือ 053175333 ต่อ 1402 ในวันและเวลาราชการ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 17 – 30 ก.ย. 2567
 
เทศบาลนครเชียงราย ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมเบื้องต้น ครอบครัวละ 2,500 บาท/ มอบแล้ว 6,183 ครัวเรือน ข้อมูล ณ วันที่ 27 ก.ย. 67 (วันที่ 9 ในการดำเนินการ) หลักฐานที่ต้องเตรียม ได้แก่
 
เจ้าบ้านนำบัตรประชาชน พร้อมทะเบียนบ้าน หากท่านใดมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนำมาแสดงด้วย สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชนสามารถติดต่อขอคัดสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านได้ที่สำนักทะเบียนราษฎร เทศบาลนครเชียงราย
ชุมชนที่ประสบอุทกภัยทั้ง 52 ชุมชนสามารถติดตามข้อมูลได้ที่ประธานชุมชน หรือ สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงรายในเขตพื้นที่ประสบภัยที่ตนเองพำนักอยู่ จุดจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น : รอกำหนดการ
 
ปฏิบัติการดูดโคลนเลนที่อุดตันบริเวณท่อระบายน้ำ ตามตรอก ถนน และจุดต่าง ๆ ที่กีดขวางทางระบายน้ำพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ในเขตพื้นที่เทศบาลนครเชียงรายโดยรถดูดโคลนของกรุงเทพมหานครเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 67 เป็นต้นไป
 
วันที่ 28 ก.ย. 67ดำเนินการดูดโคลนเลนจากท่อระบายน้ำชุมชนบ้านป่าแดง ท่อขนาด 0.60 เมตร และท่อขนาด 0.80 เมตร ดำเนินการได้ความยาว120 เมตร ดูดเลนได้จำนวน266 ลูกบาศก์เมตร/ รถดูดโคลนของจังหวัดนนทบุรี ปฏิบัติงานในชุมชนแควหวาย ดูดโคลนตามรางยู ดำเนินการได้ความยาว60 เมตร ดูดเลนได้จำนวน80 ลูกบาศก์เมตร
 
บริษัท วอชแอนด์โก CodeCleanให้บริการ ซัก อบ ผ้า น้ำยา ฟรี แก่ผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วมตลอด24 ชั่วโมง และเปิดให้บริการจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติจำนวน 3 จุด ได้แก่ ณ ลานธรรมลานศิลป์ถิ่นพญามังรายหรือลานรัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดหลังแรก) ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 67 เป็นต้นไป ณ สถานีดับเพลิงเทศบาลนครเชียงราย หน้าวัดดงหนองเป็ด ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. 67 เป็นต้นไป หน้ามูลนิธิสยามเชียงราย สำนักงานใหญ่ จุด 5 แยก พ่อขุนฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 67 เป็นต้นไป
 
งานบริการถ่ายบัตรประชาชน กรมการปกครอง สนับสนุนหน่วยบริการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 – 27 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 21.00 น. ณ วัดเวียงหอม (สามารถถ่ายได้เพียงบัตรประชาชนเท่านั้น) ยกเว้นค่าธรรมเนียม 100 บาท
 
สำนักทะเบียนอำเภอแม่สาย ให้บริการงานถ่ายบัตรประชาชนทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่วันที่ 19 – 30 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. ณ ห้องทะเบียนที่ว่าการอำเภอแม่สาย
 
กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ได้ส่งกำลังพล สมาชิก อส. จากส่วนกลาง และร้อย อส.จ. จาก 36 จังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่า 1,500 นาย เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นสุดภารกิจ
 
การอำนวยการ/สั่งการ
วันที่ 28 ก.ย. 2567 เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงรายนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการในคราวประชุมติดตามสถานการณ์และเตรียมการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ส่วนหน้า ดังนี้
 
มอบหมาย สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัด ประสานสถานีวิทยุทุกแห่ง (ทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุชุมชน) เผยแพร่ช่องทางการขอรับความช่วยเหลือให้เป็นไปอย่างแพร่หลาย เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ผ่านช่องทางสายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรม (โทรฟรี) และศูนย์บัญชาการอุทกภัยฯ จ.เชียงราย ทางหมายเลขโทรศัพท์ 093-1311784
 
มอบหมายนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ (รอง ผวจ. 2) รับผิดชอบบริหารจัดการเครื่องจักรกล และกำลังพล จากหน่วยงานอื่นๆ ที่เข้ามาในพื้นที่ กำชับให้แบ่งมอบภารกิจให้ชัดเจน
 
มอบ สนง.ทสจ.ชร. ร่วมกับอ.เมืองชร. เทศบาลนครเชียงราย และอ.แม่สาย จัดพื้นที่รองรับขยะมูลฝอยชั่วคราว (จุดพักขยะมูลฝอย) และบ่อขยะ เพื่อรองรับขยะครัวเรือนหลังน้ำลดที่มีเป็นจำนวนมาก โดยให้ระมัดระวัง
 
เรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และผลกระทบที่เกิดกับสิ่งแวดล้อม
ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1,2 แขวงทางหลวงชนบท และสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย เร่งรัดการสำรวจความเสียหายและจัดทำเอกสารขอรับการสนับสนุนงบประมาณโดยเร็ว เพื่อให้ซ่อมแซมถนนปรับปรุงเส้นทางหลังน้ำท่วม รวมทั้งตลิ่งและคันกั้นน้ำที่ได้รับความเสียหาย ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด
 
ให้ สสจ.เชียงราย ดำเนินการตามมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุข หลังเกิดน้ำท่วม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทั้งการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ การเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัย สนับสนุนการปรับปรุงสุขาภิบาล และอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยให้เน้นหนัก “ด้านการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง กลุ่มติดบ้านติดเตียง” เป็นพิเศษ
 
ระบบท่อระบายน้ำต่าง ๆ ให้วางแผนแก้ไขปัญหาท่อระบายน้ำอุดตันในระยะถัดไป รวมทั้งแผนกำจัดเศษขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และดินโคลนต่างๆ ออกจากท่อระบายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายและป้องกันปัญหาการท่วมขังซ้ำ
 
มอบหมายนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ (รอง ผวจ. 2) ,ปลัดจังหวัดเชียงราย, ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเขต 7 (เชียงใหม่), สนจ.ชร. และสนง.ปภ.จ.ชร. สถาปนาศูนย์ราชการให้มีความพร้อมในการจัดตั้ง War Room โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสื่อสาร (ทั้งระบบสื่อสารหลัก สื่อสารรอง และระบบสื่อสารสำรอง) เพื่อเชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพสูงสุด
 
ให้กรม ปภ. ดูแลการให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ ให้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย และจัดประชุม ก.ช.ภ.อ. และ ก.ช.ภ.จ. โดยเร็ว รวมถึงช่วยสนับสนุนดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และหนังสือที่สั่งการโดยเคร่งครัด ระมัดระวังมิให้เกิดความซ้ำซ้อน
 
ให้สำนักงานคลังจังหวัดตรวจสอบการใช้จ่ายเงินทดรองราชการของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด
 
สำหรับหน่วยงานที่เข้ามาสนับสนุนปฏิบัติการฟื้นฟู ให้จังหวัดเชียงรายดูแลความเป็นอยู่ การส่งกำลังบำรุง การสุขาภิบาลและการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม
 
กรณีบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหาย ให้จังหวัดเชียงรายติดตามผลการให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซมได้หรือไม่ได้อย่างไร ค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติเป็นเจ้าของที่ได้รับความเสียหาย เท่าที่จ่ายจริงหลังละไม่เกิน 49,500 บาท ภายใต้หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 เพียงพอต่อการซ่อมแซมเพื่อการดำรงชีพขั้นพื้นฐานหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอมีแผนดำเนินการอย่างไรต่อไป กรณีบ้านเสียหายทั้งหลังและที่ดินถูกน้ำพัดหายไป ให้อปท. ร่วมกับชมรมช่างท้องถิ่น ประเมินความเสียหาย มอบหมายนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ (รอง ผวจ. 2) ร่วมกับ สนง.ทสจ.ชร. สจป.ที่ 2 ชร. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ เบื้องต้นหากจะจัดสรรพื้นที่ คทช. ให้ดำเนินการภายใต้ระเบียบกฎหมาย และเป็นไปด้วยความเท่าเทียม
 
การปรับปรุง ซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ทุกประเภทที่ได้รับความเสียหาย (เช่น วัด โรงเรียน อาคารส่วนราชการ ถนน คอสะพาน รางระบายน้ำ เป็นต้น) เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามปกติดังเดิม ให้หน่วยงานต้นสังกัดเร่งสำรวจและเสนอของบประมาณในคราวเดียว
 
วันที่ 30 ก.ย. 67 มท.4 และ รมช.กลาโหม จะลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน และปัญหา อุปสรรค ให้ที่ทำการปกครองจังหวัดและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จัดทำเอกสารสรุปผลการปฏิบัติและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนำเสนอ และให้รายงานต่อเนื่องจนกว่าจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
 
แนวโน้มสถานการณ์ ฝนฟ้าคะนองปานกลาง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ระดับน้ำสาย ทรงตัว(ไม่เกินระดับวิกฤติ)/ ระดับน้ำกก น้ำลาว แนวโน้มลดลง/น้ำโขงทรงตัว(ปกติ)
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เร่งฟื้นฟูเชียงรายหลังน้ำท่วม ช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตปกติ

 

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้เร่งดำเนินการฟื้นฟูเมืองเชียงรายหลังจากเกิดเหตุอุทกภัยใหญ่ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชนในเขตเทศบาลเมืองเชียงรายหลายแห่ง โดยจัดตั้งแผนฟื้นฟูการจัดเก็บขยะ การกำจัดโคลน และการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ ซึ่งหนึ่งในภารกิจหลักคือการจัดเก็บขยะและโคลนตะกอนที่สะสมในพื้นที่ต่าง ๆ ของเมือง พร้อมทั้งฟื้นฟูระบบระบายน้ำให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับฝนในอนาคตและฟื้นฟูสุขอนามัยในพื้นที่

 

การดำเนินงานฟื้นฟูในเขตชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

ในวันที่ 28 กันยายน 2567 มีการเพิ่มกำลังพลและอุปกรณ์เครื่องจักรต่าง ๆ เช่น รถบรรทุกขยะ รถแมคโคร รถดูดโคลน และรถบรรทุกน้ำ จำนวนมาก เพื่อให้การรวบรวมและกำจัดขยะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ไม่ว่าจะเป็น ชุมชนน้ำลัด, ชุมชนฝั่งหมิ่น, ริมน้ำกก, สวนสาธารณะเกาะลอย, เกาะทอง, แควหวาย, ถ.ฝั่งหมิ่น, ทวีรัตน์, เกาะทอง, รั้วเหล็กเหนือ, รั้วเหล็กใต้, ป่าแดง, ฮ่องลี่, ป่างิ้ว, ป่าตึงริมกก, บ้านใหม่ และหมู่บ้านธนารักษ์ ซึ่งแต่ละจุดมีการจัดทีมงานพร้อมอุปกรณ์อย่างครบครัน รวมถึงได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานหลายภาคส่วนที่ร่วมลงพื้นที่และสนับสนุนภารกิจฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

 

การสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ

ในการดำเนินการครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน อาทิ กรุงเทพมหานคร (อปท.), บริษัท บีเอ็มเจ็ตเซอร์วิส จังหวัดระยอง, เทศบาลนครนนทบุรี, และเทศบาลนครปากเกร็ด ซึ่งได้ส่งทีมงานและเครื่องจักรเข้ามาช่วยดำเนินการฟื้นฟู โดยเฉพาะรถดูดโคลนเลน จำนวน 4 คัน ที่ได้รับความสนับสนุนจากกรุงเทพมหานคร ทำให้การดำเนินงานในชุมชนป่าแดงสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เทศบาลนครนนทบุรี และเทศบาลนครปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ช่วยดำเนินการในชุมชนแควหวาย ซอย 4 ในช่วงเช้า และช่วงบ่ายได้เข้าไปช่วยทำความสะอาดและดูดโคลนในชุมชนเกาะทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากน้ำท่วมในครั้งนี้

 

การจัดการขยะและฟื้นฟูระบบระบายน้ำ

นอกจากการจัดเก็บขยะและการกำจัดโคลนในพื้นที่แล้ว ทางเทศบาลนครเชียงรายยังได้ดำเนินการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น เครื่องเจาะสูบฉีดน้ำแรงดันสูง และรถดูดโคลน เพื่อป้องกันการอุดตันและช่วยในการระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันน้ำท่วมและฟื้นฟูสุขอนามัยของชุมชนให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด

 

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อเมืองเชียงราย

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ยังได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเมืองเชียงรายในครั้งนี้ โดยเฉพาะภาคเอกชนและหน่วยงานราชการที่ส่งทีมและเครื่องมือมาช่วยฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ทุกฝ่ายต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการทำให้เมืองเชียงรายกลับมามีสภาพแวดล้อมที่ดีอีกครั้ง และสามารถรองรับการดำเนินชีวิตของประชาชนได้อย่างปกติสุข

สำหรับประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถติดต่อเทศบาลนครเชียงรายได้ที่หมายเลข 053-711333 หรือประสานงานผ่านศูนย์ช่วยเหลือในพื้นที่ใกล้บ้านของท่านได้ตลอดเวลา โดยเทศบาลจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้เมืองเชียงรายกลับมาเป็นเมืองที่น่าอยู่และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ มอบเงินเยียวยาชาวเชียงราย 5.3 ล้าน พร้อมแผนฟื้นฟูด่วน

 

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 17.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบเงินเยียวยาและสิ่งของช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย โดยได้ลงพื้นที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เพื่อมอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบในหลายอำเภอ ประกอบด้วย อำเภอแม่สายจำนวน 2,653,200 บาท, อำเภอเทิง 297,000 บาท, อำเภอเวียงแก่น 891,000 บาท และอำเภอเมือง 1,485,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 5,326,200 บาท พร้อมมอบสิ่งของจำเป็น เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาด ไม้กวาด ที่ตักขยะ และชุดเครื่องนอน ให้กับผู้ประสบภัยทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้กล่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงรายว่า น้ำท่วมในครั้งนี้เกิดจากแม่น้ำกกไหลล้นตลิ่งตั้งแต่วันที่ 10-13 กันยายน 2567 ส่งผลให้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 12,000 ครัวเรือน ใน 52 ชุมชนของเขตเทศบาลนครเชียงราย ทางเทศบาลได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นตามขั้นตอนที่กำหนด รวมถึงการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน แต่ยังพบปัญหาหลักคือดินโคลนจำนวนมากที่สะสมอยู่ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำความสะอาดและฟื้นฟูที่อยู่อาศัยของประชาชน จึงขอการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานเพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้ประชาชนสามารถกลับเข้าบ้านได้อย่างรวดเร็ว

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า “รัฐบาลจะไม่ทิ้งประชาชนไว้เบื้องหลัง และจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง วันนี้รัฐบาลเข้ามาเพื่อสร้างความมั่นใจและเป็นกำลังใจให้ทุกคน เราได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน รวมถึงจิตอาสาที่ร่วมกันเข้ามาช่วยเหลือและทำงานในพื้นที่ ขอขอบคุณทุกคนในที่นี้อย่างจริงใจ”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีบางพื้นที่ที่ยังคงขาดความช่วยเหลือ ทางรัฐบาลจะระดมกำลังจากหน่วยงานและจิตอาสาเข้ามาช่วยฟื้นฟูและทำความสะอาดบ้านเรือนให้เร็วที่สุด เพื่อคืนพื้นที่ให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้โดยเร็ว และพร้อมจะนำเสนอแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่จะถึงนี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการฟื้นฟูและการช่วยเหลือในทุกพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านธนารักษ์ และชุมชนทวีรัตน์ เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจผู้ประสบภัย พร้อมทั้งมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ประชาชนที่ยังต้องการความช่วยเหลือ และตรวจเยี่ยมสภาพบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อประเมินสถานการณ์และเร่งวางแผนการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้สร้างความหวังและกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ที่กำลังประสบภัยเป็นอย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่าเพิ่งท้อ ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป ทนกันอีกนิดเดียว ความช่วยเหลือจะทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขอให้มีกำลังใจและช่วยกันส่งความรักให้กันและกัน แล้วเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยกัน”

สรุปประเด็นหลัก

  • นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบเงินเยียวยา 5,326,200 บาท ให้ผู้ประสบภัยในจังหวัดเชียงราย
  • ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม
  • นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย รายงานว่าน้ำท่วมกระทบ 52 ชุมชน และ 12,000 ครัวเรือน
  • ปัญหาสำคัญคือดินโคลนสะสมที่ยากต่อการทำความสะอาด ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากหน่วยงานต่างๆ
  • รัฐบาลเตรียมนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณางบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศบภ.มทบ.37 ลงพื้นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ฟื้นฟูบ้านเรือนในชุมชนแม่สาย

 

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 กองบัญชาการกองทัพบกที่ 37 (ศบภ.มทบ.37) โดย กองพันทหารราบที่ 17 กรมทหารราบที่ 3 ในพระองค์ฯ (ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ) ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนของประชาชนในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยได้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชุมชนไม้ลุงขน, ชุมชนเกาะทราย และพื้นที่ใกล้เคียง ในเขตอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นการช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง

ลงพื้นที่ฟื้นฟูบ้านเรือนและโรงเรียนในชุมชนไม้ลุงขน

การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เริ่มจากการทำความสะอาดโรงเรียนบ้านไม้ลุงขน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่จาก ศบภ.มทบ.37 ได้ช่วยกันล้างทำความสะอาดพื้น กำแพง รวมถึงจัดเก็บสิ่งของที่ถูกโคลนและเศษซากต่าง ๆ ที่ถูกน้ำพัดมากองทับถมกันหลังน้ำลด เพื่อเตรียมความพร้อมให้โรงเรียนสามารถกลับมาเปิดทำการเรียนการสอนได้ตามปกติเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ศบภ.มทบ.37 ยังได้ลงพื้นที่เพิ่มเติมตามคำร้องขอของผู้ใหญ่บ้านในชุมชน เพื่อเข้าช่วยเหลือทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ในพื้นที่บ้านไม้ลุงขน หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หนึ่งในบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือคือ บ้านของนางภัณฑิลา มูลเมืองคำ ซึ่งเป็นบ้านในกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้เอง เนื่องจากสภาพโครงสร้างที่เสียหายหนักจากโคลนและน้ำท่วม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันทำความสะอาด กำจัดดินโคลนที่ทับถมอยู่ภายในบ้าน และซ่อมแซมจุดที่เสียหายอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทหารและชุมชน

การดำเนินการช่วยเหลือครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลือจากภาครัฐเท่านั้น แต่ยังได้รับความร่วมมือจากชุมชนและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ที่ช่วยประสานงานและนำเสนอข้อมูลการช่วยเหลือที่ต้องการเป็นลำดับแรก เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของประชาชน โดยการสนับสนุนจาก ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีความเชี่ยวชาญในการฟื้นฟูและบรรเทาสาธารณภัย เป็นการแสดงถึงความร่วมมืออย่างเข้มแข็งระหว่างหน่วยงานรัฐและชุมชนท้องถิ่น

สร้างขวัญกำลังใจและคืนความหวังให้ผู้ประสบภัย

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการช่วยเหลือครั้งนี้ ไม่เพียงแค่การทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านเรือน แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง ซึ่งบางครอบครัวสูญเสียทั้งทรัพย์สินและบ้านเรือน การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จาก ศบภ.มทบ.37 นอกจากจะช่วยเหลือด้านแรงงานแล้ว ยังได้พูดคุยและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฟื้นฟูบ้านเรือนและการดูแลสุขอนามัยหลังน้ำลด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่อาจมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด

นางภัณฑิลา มูลเมืองคำ หนึ่งในผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือกล่าวว่า “รู้สึกซาบซึ้งและดีใจมากที่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทหารและชุมชน ทุกคนเข้ามาช่วยกันทำความสะอาด ซ่อมแซมบ้าน และให้กำลังใจ ทำให้มีกำลังใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่ะ”

มุ่งมั่นฟื้นฟูและเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในอนาคต

นายสมจิตร เปี่ยมเปรมสุข อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การซ่อมแซมและฟื้นฟู แต่ยังมีการวางแผนการป้องกันและการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในอนาคต ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ทาง วสท. จะทำการสำรวจและออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วมเพิ่มเติมเพื่อให้ชุมชนสามารถป้องกันและลดผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน

จากความช่วยเหลือครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานราชการ ภาคประชาชน และชุมชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบ้านเรือนและสภาพแวดล้อม นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความสามัคคีในชุมชน ทำให้การช่วยเหลือครั้งนี้ไม่เพียงแค่การซ่อมแซมบ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังเป็นการฟื้นฟูจิตใจและสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

วิศวกรอาสาลงพื้นที่เชียงราย ช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนหลังน้ำท่วมหนัก

 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นำโดย นายสมจิตร เปี่ยมเปรมสุข อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้นำทีมวิศวกรอาสาจำนวน 100 คน ลงพื้นที่ชุมชนสายลมจอย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารบ้านเรือนและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม

นายสมจิตร เปี่ยมเปรมสุข เปิดเผยว่า วิกฤตการณ์อุทกภัยทางภาคเหนือตอนบน รวมถึงในจังหวัดเชียงราย ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่สายที่ได้รับผลกระทบหนักจากน้ำท่วมครั้งนี้ ทีมวิศวกรอาสาจาก วสท. ที่มีจำนวน 100 คน ได้ลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบความเสียหายของบ้านเรือนในชุมชน เพื่อประเมินสภาพโครงสร้างอาคาร ระบบไฟฟ้า และความปลอดภัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการฟื้นฟูและการป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ

“ทีมวิศวกรอาสาจากสภาวิศวกรและ วสท. ซึ่งรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ตระหนักถึงความต้องการความช่วยเหลือด้านวิศวกรรมในพื้นที่นี้ จึงได้จัดตั้งทีมงานเพื่อเข้าตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างบ้านเรือนและอาคารในพื้นที่ประสบภัย” นายสมจิตร กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ทีมวิศวกรยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการร่วมกันฟื้นฟูบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย โดยเน้นให้ความสำคัญกับการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม รวมไปถึงการประเมินสภาพของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้พักอาศัย

นายสมจิตรกล่าวว่า วสท. และสภาวิศวกร มีพันธกิจตาม พ.ร.บ.วิศวกร พ.ศ. 2542 มาตรา 7 (5) ที่กำหนดให้มีการให้บริการวิชาการและเทคโนโลยีทางวิศวกรรมแก่ประชาชน โดยทีมวิศวกรอาสาจาก วสท. ในครั้งนี้เป็นการตอบสนองตามพันธกิจดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย

ในส่วนของการฟื้นฟูพื้นที่ นายสมจิตรยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการสำรวจครั้งนี้จะมีการประเมินทั้งสภาพโครงสร้างภายในและภายนอกอาคาร เพื่อให้แน่ใจว่าการซ่อมแซมจะทำให้บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างมีความปลอดภัยและพร้อมใช้งานอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ทาง วสท. ยังมีแผนที่จะร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรภาคประชาสังคมในการฝึกอบรมวิศวกรท้องถิ่น เพื่อให้สามารถช่วยเหลือชุมชนในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติขึ้นอีก

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือในด้านอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นในการตรวจสอบสภาพบ้านเรือนและโครงสร้างอาคาร นายสมจิตร กล่าวว่าการฟื้นฟูพื้นที่ในครั้งนี้จะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรืออาจจะนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับขอบเขตความเสียหายของแต่ละพื้นที่ แต่การทำงานของทีมวิศวกรจาก วสท. จะมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูในลักษณะที่ยั่งยืนและปลอดภัยต่อประชาชน

ทางด้านผู้บริหารจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันภัยพิบัติในอนาคต โดยการวางแผนเชิงโครงสร้างในระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ซ้ำอีกในอนาคต นอกจากนี้ยังได้เสนอให้มีการพัฒนาระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการเตือนภัยล่วงหน้าและมีเวลาในการเตรียมพร้อม

นายสมจิตรปิดท้ายว่า “ความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้สร้างความยากลำบากให้กับประชาชนในพื้นที่แม่สายเป็นอย่างมาก แต่การร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือภาคประชาสังคม ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การฟื้นฟูในครั้งนี้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือประชาชนให้กลับมามีชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคงโดยเร็วที่สุด”

การลงพื้นที่สำรวจและให้ความช่วยเหลือครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งในด้านความปลอดภัยและการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งทาง วสท. และสภาวิศวกรยังคงยืนยันที่จะให้ความช่วยเหลือและร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ขยะน้ำท่วม ‘เชียงราย-แม่สาย’ ตกค้าง 5.5 หมื่นตัน ขอเอกชนฝังกลบ

 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 นายสุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และรองโฆษก คพ. เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการ คพ. ติดตามสำรวจขยะมูลฝอย ประสานหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งภาคเอกชน ให้ความช่วยเหลือเร่งการจัดเก็บขนขยะมูลฝอยหลังน้ำลดให้แก่ประชาชนในจังหวัดเชียงรายเร่งด่วน..

นายสุรินทร์กล่าวว่า คพ.ได้ประสานขอความร่วมมือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด (SCG ลำปาง) และสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า พร้อมลงพื้นที่เพื่อสรุปการทำงานร่วมกันในการการคัดแยกขยะในพื้นที่ประสบอุทกภัยไปใช้ประโยชน์ โดย SCG ลำปาง ยินดีรับขยะไปเผาเป็นพลังงาน ซึ่งต้องมีการรื้อร่อนขยะเอาดินออก ขยะที่สามารถนำไปใช้ได้ ได้แก่ พลาสติก และไม้บางส่วน คาดว่าจะมีประมาณ ร้อยละ 40 ของปริมาณขยะทั้งหมด และจะเป็นผู้จัดหารถเพื่อขนขยะที่รื้อร่อนแล้วส่งไปยังโรงงาน SCG ลำปาง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ในส่วนสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่ายินดีให้การสนับสนุนเครื่องจักรในการรื้อร่อน และอยู่ระหว่างประสานกับเทศบาลนครเชียงรายเพื่อหาจุดที่ตั้งที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็น ณ บริเวณศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งใกล้บ่อฝังกลบ ส่วนดินโคลนที่เหลือจากการรื้อร่อน สมาคมจะช่วยหาแนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

นายสุรินทร์กล่าวต่อว่า รายงานการกำจัดขยะมูลฝอยพื้นที่น้ำท่วม ณ วันที่ 25 กันยายน 2567 เทศบาลตำบลแม่สาย มีปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 18,000 ตัน ปริมาณขยะที่เก็บขนได้ 3,721 ตัน นำไปฝังกลบ ณ ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยเทศบาลตำบลแม่สาย พื้นที่ตำบลเวียงพางคำ คงเหลือขยะตกค้าง 14,279 ตัน เทศบาลนครเชียงราย มีปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 50,000 ตัน ปริมาณขยะที่เก็บขนได้ 9,000 ตัน นำไป ณ จุดพักขยะชั่วคราว ดอยสะเก็น และหลังเดอะมูน คงเหลือขยะตกค้าง 41,000 ตัน ปัญหาอุปสรรค ทั้งสองพื้นที่มีจุดพักขยะไม่เพียงพอทำให้มีกองขยะสูงเริ่มส่งกลิ่นเหม็น เครื่องจักรและแรงงานไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องจัดหาจุดพักขยะ เครื่องจักร และแรงงานเพิ่มเติม พร้อมจัดระเบียบการขนย้ายระหว่างจุดพักขยะและบ่อฝังกลบให้สมดุลกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมควบคุมมลพิษ (คพ.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

Triple C คาเฟ่ริมน้ำกกเชียงราย พร้อมสู้ครั้งใหม่ หลังน้ำท่วมใหญ่

 

คาเฟ่ใต้ต้นฉำฉายักษ์ ริมแม่น้ำกก กับ Triple C Campsite & Cafe ฟื้นตัวหลังน้ำท่วมหนัก

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ลงพื้นที่สำรวจร้าน Triple C Campsite & Cafe (ทริปเปิ้ล ซี แคมป์ไซต์ แอนด์ คาเฟ่) คาเฟ่บรรยากาศดี ริมแม่น้ำกกในตัวเมืองเชียงราย ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567

คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่แสนสงบร่มรื่น มีสนามเด็กเล่น บ่อทรายขนาดเล็ก และพื้นที่กว้างขวางที่เหมาะกับครอบครัวและเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีวิวแม่น้ำกกที่สวยงามและบรรยากาศสดชื่น แต่ด้วยสถานการณ์น้ำกกล้นตลิ่งจากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเข้าท่วมพื้นที่คาเฟ่

 

ทางทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณฟ้า เจ้าของร้าน Triple C Campsite & Cafe เธอเล่าให้ฟังว่า “น้ำเริ่มเข้ามาตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน คืนนั้นเทศบาลมีการเปิดไซเรนเตือนภัย แต่ตอนนั้นระดับน้ำยังดูไม่น่ากลัวมากนัก วันนั้นเป็นวันหยุดของร้านพอดีเลยไม่มีพนักงานช่วยขนของ ฉันเองก็ท้องแก่ เลยทำอะไรไม่ค่อยได้ ทำได้แค่พาแมว 9 ตัว กับกระต่าย 2 ตัวออกมาเท่านั้น”

คุณฟ้าเล่าต่อว่า ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในคืนนั้น น้ำบนถนนหน้าร้านท่วมถึงอก ส่วนในร้านน้ำสูงประมาณต้นขา แม้ว่าร้านจะยกพื้นสูงกว่าถนน แต่ก็ยังไม่พ้นที่จะได้รับความเสียหาย เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทั้งหมดในร้านเสียหาย รวมถึงเปียโนอายุกว่า 100 ปี และรถคลาสสิคอย่าง Land Rover และ Ford Transit ก็จมไปครึ่งคัน มูลค่าความเสียหายโดยประมาณอยู่ที่ 400,000-500,000 บาท

 

หลังน้ำลดลง ร้านก็เริ่มทำการฟื้นฟูพื้นที่และสวนทันที คุณฟ้าเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า “วันนี้ (25 กันยายน 2567) เราเริ่มลงสวนใหม่แล้วค่ะ เพราะอยากเปิดร้านให้เร็วที่สุด เราคาดว่าวันที่ 27 กันยายน 2567 จะทดลองเปิดขายเฉพาะเครื่องดื่ม และเปิดให้นั่งได้ในโซนภายในอาคาร ส่วนโซนนอกอาคารและสวนจะต้องใช้เวลาอีกนิด แต่เราหวังว่าจะพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 โดยจะมีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เค้ก และเบเกอรี่เหมือนเดิม”

นอกจากการฟื้นฟูร้าน Triple C Campsite & Cafe ยังได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชุมชนที่ประสบภัยด้วยการบริจาคอุปกรณ์ทำความสะอาดให้กับชาวบ้าน คุณฟ้ากล่าวว่า “ครั้งนี้หนักมากค่ะ หลายๆ ร้านในเชียงรายก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หวังว่าช่วงหน้าไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึงจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและค้าขายในพื้นที่ได้บ้าง”

 

ร้าน Triple C Campsite & Cafe เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 09:00-17:00 น. โดยจะหยุดทุกวันพุธ ยกเว้นวันพุธที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ ร้านตั้งอยู่ใกล้สะพานขัวพญามังราย หากเดินทางจากแยก สภ.เมืองเชียงราย มุ่งหน้าสู่ตลาดบ้านใหม่ ให้ลงสะพานขัวพญามังรายแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยบ้านใหม่ ซอย 21 ขับเข้ามาตามป้ายร้าน

คุณฟ้าทิ้งท้ายด้วยความหวังว่า “ตอนนี้กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและสภาพเศรษฐกิจหลังจากนี้ค่ะ เพราะก่อนน้ำท่วมหลายร้านในเชียงรายก็เงียบอยู่แล้ว หวังว่าการฟื้นตัวของร้านจะกลับมาได้ไวๆ และขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่านแวะมาพักผ่อนที่ร้านของเรา เมื่อเรากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งค่ะ”

 

การเดินทางมายังร้าน Triple C Campsite & Cafe

  • ร้านใกล้สะพานขัวพญามังราย, ซอยบ้านใหม่ 21, เชียงราย
  • พิกัด : https://g.co/kgs/4vPhzZT 
  • เปิดบริการ: ทุกวัน 09:00-17:00 น. (หยุดวันพุธ)
  • เบอร์โทรศัพท์: 091-594-6669

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ยื่นเยียวยาน้ำท่วมออนไลน์ 26 ก.ย.นี้ www.flood67.disaster.go.th

 

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยภายหลังการประชุมชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบวงเงิน 3,045 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ 57 จังหวัดที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 338,391 ครัวเรือน 

อธิบดีปภ.กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานนั้น ให้อำเภอแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลประจำแต่ละหมู่บ้านที่ประสบภัย ทำหน้าที่สำรวจรายชื่อผู้ประสบภัยและการลงทะเบียนพร้อมเพย์ เพื่อส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบ และรับรองข้อมูลเพื่อเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.อ.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งมาให้ปภ.และนำส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงินให้ผู้ประสบภัยต่อไป

นอกจากนี้ ปภ.กำหนดช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือฯ ไว้ 2 ช่องทาง ทั้งแบบ Onsite และ Online โดยแบบ Onsite ประชาชนสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย ส่วนแบบ Online จะดำเนินการยื่นคำร้องและติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ที่ปภ.จัดทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

สำหรับเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน) สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กรณีเป็นบ้านเช่า) และหากเป็นกรณีอื่น อาทิ บ้านพักอาศัยประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน จะต้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามร่วมกัน 2 ใน 3

ผู้ประสบอุทกภัยสามารถยื่นคำร้อง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนการยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.flood67.disaster.go.th ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.นี้ สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร เพื่อให้สามารถรับเงินช่วยเหลือได้โดยเร็ว

โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล่าวถึงการออกการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยรอบ 2 จะหารือกับศปช.วันที่ 25 กันยายน 2567 โดยพยายามให้ศปช.อนุมัติงบเยียวยาให้เร็วที่สุด คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในช่วงสัปดาห์หน้า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เร่งทำบัญชี เป็นรายครัวเรือนไม่ใช่รายบุคคล การเร่งสำรวจน่าจะง่าย และการเยียวยาก็ให้เป็นครัวเรือน

อธิบดีปภ.กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานนั้น ให้อำเภอแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลประจำแต่ละหมู่บ้านที่ประสบภัย ทำหน้าที่สำรวจรายชื่อผู้ประสบภัยและการลงทะเบียนพร้อมเพย์ เพื่อส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบ และรับรองข้อมูลเพื่อเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.อ.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งมาให้ปภ.และนำส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงินให้ผู้ประสบภัยต่อไป
 
นอกจากนี้ ปภ.กำหนดช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือฯ ไว้ 2 ช่องทาง ทั้งแบบ Onsite และ Online โดยแบบ Onsite ประชาชนสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย ส่วนแบบ Online จะดำเนินการยื่นคำร้องและติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ที่ปภ.จัดทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
 
 
 สำหรับเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน) สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กรณีเป็นบ้านเช่า) และหากเป็นกรณีอื่น อาทิ บ้านพักอาศัยประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน จะต้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามร่วมกัน 2 ใน 3

ผู้ประสบอุทกภัยสามารถยื่นคำร้อง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนการยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.flood67.disaster.go.th ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.นี้ สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร เพื่อให้สามารถรับเงินช่วยเหลือได้โดยเร็ว

โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล่าวถึงการออกการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยรอบ 2 จะหารือกับศปช.วันที่ 25 กันยายน 2567 โดยพยายามให้ศปช.อนุมัติงบเยียวยาให้เร็วที่สุด คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในช่วงสัปดาห์หน้า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เร่งทำบัญชี เป็นรายครัวเรือนไม่ใช่รายบุคคล การเร่งสำรวจน่าจะง่าย และการเยียวยาก็ให้เป็นครัวเรือน

ส่วนที่มอบหมายให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณไปพิจารณา คือเรื่องการเยียวยาใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เป็นเพียงกรอบวงเงิน แต่เรื่องการสำรวจเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย และตนก็ได้ให้แนวทางไปแล้วว่า เพราะมีประกาศเขตประสบภัยพิบัติเป็นพื้นที่อำเภอ ก็เยียวยาตามหลังคาเรือนไป

สำหรับพื้นที่ประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วม 57 จังหวัดครอบคลุม กระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นนทบุรี นครนายก นครปฐม นครพนม นครสวรรค์ นครราชสีมา นครศรีธรรมราช น่าน บึงกาฬ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พังงา พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่อง สอน ยะลา ระยอง ราชบุรี ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุทัยธานี อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี

ขณะที่การให้ความช่วยเหลือตามมมติ ครม. แบ่งออกเป็น 3 กรณี 

  • บ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังตั้งแต่ 1 วัน (24 ชั่วโมง) แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย รวมถึงกรณีน้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท
  • บ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 7,000 บาท
  •  กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 60 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท

โดยต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 มาตรา 30 และจะต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ที่ประสบสาธารณภัย

รวมถึงจะต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News