Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

‘ตุ๊กตาหมีเกย’ วาดหวัง ฟื้นฟู ชูใจ เจียงฮายบ้านเฮา โดย อ.สืบสกุล

 

อาจารย์สืบสกุล กิจนุกร จากสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติเชียงราย ได้ริเริ่มโครงการ “หมีเกย วาดหวัง” เพื่อฟื้นฟูจิตใจของผู้ประสบภัยหลังเกิดมหาอุทกภัยในตัวเมืองเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 โดยโครงการนี้เริ่มต้นจากการเก็บตุ๊กตาหมีตัวแรกที่ถูกทิ้งไว้ริมขอบกำแพง จากนั้นขยายเป็นการรวบรวมตุ๊กตาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมดกว่า 200 ตัวเพื่อนำมาทำความสะอาดและหาวิธีส่งคืนเจ้าของเดิม

 “ผมตระหนักดีว่าจะมีหนทางใดที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจผู้สูญเสียให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง”
 จากหมีเกยสู่การสร้างความหวัง

ผลงานที่อาจารย์ได้ริเริ่มเป็นท่านแรกนี้ ทางโครงการ “วาดหวัง” จะขอนำไปเสนอในงาน UCCN (UNESCO Creative Cities Network) ที่จัดขึ้น ณ เมืองอาซาฮิกาวะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 21-25 ตุลาคม 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงถึงการฟื้นฟูจิตใจและการสร้างความหวังให้กับเด็กๆ และครอบครัวในเชียงรายที่สูญเสียข้าวของสำคัญหลังน้ำท่วม

“ผมจะเล่าผ่านเรื่องราวของตุ๊กตาหมีเกย วาดหวัง ฟื้นฟู ชูใจ เจียงฮาย บ้านเฮา”

อาจารย์สืบสกุลเล่าว่า ตุ๊กตาหลายตัวที่เก็บได้มักอยู่ในสภาพเปื้อนโคลน บางตัวเปรอะเปื้อนจนแทบจำไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ตุ๊กตาได้รับการทำความสะอาดและจัดแสดง ผู้คนที่พบเห็นกลับมีความยินดีและซาบซึ้งกับสิ่งเล็กๆ ที่ถูกสร้างขึ้นจากสิ่งของที่เคยสูญเสีย

พลังของชุมชนและการมีส่วนร่วม
 

นอกจากการเก็บและทำความสะอาดตุ๊กตา โครงการยังมีการเชิญชวนแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาและนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครกว่า 600 คน ช่วยกันล้างบ้านและฟื้นฟูชุมชนในพื้นที่ประสบภัยทั่วเชียงราย รวมถึงช่วยกันจัดเก็บขยะน้ำท่วมกว่า 50,000 ตัน เพื่อให้บ้านและชุมชนกลับมามีสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้ง

โครงการนี้ไม่ได้เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการคืนสภาพบ้านเรือน แต่ยังเน้นการฟื้นฟูจิตใจและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่

 ตุ๊กตากลับบ้านและการประมูลเพื่อฟื้นฟูชุมชน
 

โครงการได้กำหนดจัดแสดงตุ๊กตาที่เก็บมาได้ทั้งหมดในงาน “จดหมายเหตุฉบับประชาชน มหาอุทกภัยเชียงราย 2567” ที่ขัวศิลปะ จ.เชียงราย ในวันที่ 19 ตุลาคม 2567 เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของเดิมมาตามหาตุ๊กตาของตนเอง โดยจะมีการเก็บรักษาและตามหาเจ้าของจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 หากยังมีตุ๊กตาที่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ โครงการจะนำตุ๊กตาเหล่านั้นไปประมูลเพื่อนำรายได้เข้าสู่กองทุนฟื้นฟูชุมชนและเมืองเชียงรายต่อไป

อาจารย์สืบสกุลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้จะไม่หยุดเพียงแค่การฟื้นฟูชุมชนเท่านั้น แต่ยังมีแผนในการพัฒนาความร่วมมือกับกลุ่มศิลปิน นักธุรกิจ และหน่วยงานท้องถิ่นในเชียงราย เพื่อสร้างเครือข่ายการช่วยเหลือและการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ผมตระหนักดีว่าจะมีหนทางใดที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจผู้สูญเสียให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง”

อาจารย์สืบสกุลเล่าให้ฟังอีกว่า ทุกวันๆ ที่ออกไปทางานร่วมกับอาสาสมัคร ผมพบว่าประชาชนจ่อมจมอยู่ในความเศร้าโศก ท้อแท้ และสิ้นหวัง เนื่องจากการล้างบ้านเป็นงานหนักและใช้เวลานานหลายวัน อีกทั้งขยะน้าท่วมคือข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจาวัน ตั้งแต่ของชิ้นใหญ่เช่นทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เตียง โซฟา ที่นอนไปจนถึงของชิ้นเล็กๆ เช่น ของเล่น และตุ๊กตาผ้า ข้าวของทั้งหมดที่จมน้าและกองโคลนคือทรัพย์สิน ความรัก และความผูกพันของผู้คน นอกเหนือจากการล้างบ้านแล้ว

 การร่วมมือระดับสากลและแนวทางในอนาคต
 

การนำเสนอ “โครงการวาดหวัง” ในเวที UCCN ณ ประเทศญี่ปุ่น ช่วยให้เชียงรายได้รับการยอมรับในระดับสากลและกลายเป็นเมืองตัวอย่างในการฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยหลังภัยพิบัติ โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรท้องถิ่น เช่น Chiang Rai Creative City Network, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติเชียงราย และกลุ่มศิลปินเชียงราย

อาจารย์สืบสกุลสรุปว่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เพียงแค่การจัดการภัยพิบัติ แต่คือการสร้างขวัญกำลังใจและความหวังให้กลับคืนสู่ผู้ประสบภัย เพราะทุกคนต่างมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูชุมชนและสร้างอนาคตใหม่ให้กับบ้านเกิดของตนเอง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อาจารย์สืบสกุล กิจนุกร สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“อาชีวะ ร่วมด้วยช่วยประชาชน” ฟื้นฟู เชียงราย และตั้งศูนย์ Fix it Center ให้บริการ

 

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานปล่อยคาราวาน “อาชีวะ ร่วมด้วยช่วยประชาชน” ฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย และตั้งศูนย์ Fix it Center ให้บริการ พร้อมนำผ้ายันต์ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ สมเด็จเจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ไม่ประมาท แคล้วคลาด ปลอดภัย ให้กับผู้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ด้วย ในการนี้ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) และคณะผู้บริหาร ศธ. เข้าร่วม ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

 

รมว.ศธ. เปิดเผยว่า คาราวาน “อาชีวะ ร่วมด้วยช่วยประชาชน” เพื่อช่วยฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในอำเภอแม่สาย และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทีมอาชีวะ กว่า 403 คน จากวิทยาลัยในสังกัด สอศ. ที่เข้าร่วม จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 3-7 ตุลาคม 2567 แต่ในเบื้องต้นจากการลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย พบว่าประชาชนยังต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ จึงขยายต่อไปอีก 15 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 22 ตุลาคม ในพื้นที่อำเภอแม่สาย 2 จุด คือ วัดผาสุการาม บ้านไม้ลุงขน และชุมชนบ้านเหมืองแดง แบ่งทีมดำเนินงานเป็น 1. ทีมฟื้นฟูพื้นที่ เป็นนักเรียน นักศึกษา 137 คน จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี 11 แห่ง ในภาคเหนือ ปฏิบัติงานทำความสะอาด ขุดลอก และดันโคลนในพื้นที่สาธารณะ วัด โรงเรียน และชุมชน โดยใช้รถแม็คโคร รถแทรกเตอร์ รถบรรทุก จากวิทยาลัยฯ ช่วยตักและขนดินโคลนจำนวนมาก และนำสิ่งประดิษฐ์ “รถเข็นดันโคลน” จากวิทยาลัยเทคนิคลำพูน และวิทยาลัยอื่นๆ จำนวน 100 คัน มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเร่งฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว และ 2. ทีม Fix it Center เป็นนักเรียน นักศึกษา จำนวน 266 คน จากวิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยการอาชีพ และวิทยาลัยอื่นๆ ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก แพร่ ลำปาง ให้บริการล้างทำความสะอาด สิ่งของที่จมโคลนจากน้ำท่วม และซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือการเกษตร เช่นเครื่อสูบน้ำ และรถจักรยานยนต์ อาทิ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็คระบบไฟฟ้า ฟรี แก่ประชาชน

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ได้รับรายงานจาก เลขาธิการ อาชีวะ เบื้องต้นพบว่ามีประชาชนนำสิ่งของ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ ตู้เย็น พัดลม เครื่องมือทางการเกษตร เครื่องตัดหญ้า ปั๊มน้ำ มาใช้บริการล้างดินโคลน และซ่อมแซมแล้วกว่า 500 รายการ เนื่องจากมีดินโคลนเยอะมากและจมน้ำ จึงต้องใช้เวลาในการล้างนาน นอกจากนี้ยังเข้าพื้นที่สาธารณะ ชุมชน วัด โรงเรียน ล้างดิน ดันโคลน ล้างพื้น ขุดโคลนจากท่อระบายน้ำ สูบน้ำโคลน กว่า 15 จุด ในอำเภอแม่สาย

 

“กระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุการณ์น้ำท่วมช่วงก่อนหน้านี้ ได้จัดตั้งศูนย์ Fix it Center 70 ศูนย์ ในจังหวัดเชียงราย หนองคาย และบึงกาฬ ช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ไปแล้วกว่า 8,000 รายการ และในครั้งนี้ได้มาช่วยเร่งฟื้นฟูสภาพพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย วัด สถานศึกษา และพื้นที่สาธารณะ กลับมาในสภาพเดิมมากที่สุด และสามารถดำเนินชีวิตได้ดังเดิม ทุกคน คือ ผู้มีจิตอาสา และพร้อมให้ความช่วยเหลือในการดำเนินงานครั้งนี้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ และนักเรียน นักศึกษา ยังได้นำความรู้มาปฏิบัติงานในสถานการณ์จริง เพิ่มพูนทักษะวิชาชีพด้วย ซึ่งทีมอาชีวะจะหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น สำหรับการดูแลนักเรียน นักศึกษา และผู้มาปฏิบัติงาน ได้จัดให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาแม่สายเป็นที่พัก มีอาหารครบมื้อ และอำนวยความสะดวกต่างๆ ส่วนโรงครัวจัดทำที่โรงเรียนบ้านเหมืองแดง แจกจ่ายอาหารให้กับทั้งทีมปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่ด้วย โดย ศธ. พร้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างแท้จริง ย้ำการทำงานภายใต้สโลแกน 3 ท. ทำดี ทำได้ ทำทันทีปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาทและอยู่ในความปลอดภัย

 

ทั้งนี้ มีสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแกนหลักนำทีมอาชีวศึกษา และได้รับความร่วมมือจากวิทยาลัยสังกัด สอศ. ทั่วประเทศ ร่วมมือ ร่วมใจให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงศึกษาธิการ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เซเว่น อีเลฟเว่น มอบอาหารฮาลาล ช่วยชุมชนมุสลิมน้ำท่วมเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายราชัน รุจิพรรณ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย และนายวิเชียร สิริสิทธิวงษ์ รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย,นายปรีชา อนุรักษ์ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย, ร.ต.ท.ทัศน์ ดำรงเมือง คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย เป็นผู้แทนรับมอบสิ่งของช่วยเหลือจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) โดยมีนายชัชวาล นวลยิ่ง และ นางสาว ปัญชิกา บุรีจันทร์ ผู้จัดการเขตปฏิบัติการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนส่งมอบอาหารที่มีเครื่องหมายฮาลาล เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องชาวเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่การส่งมอบในครั้งนี้ เซเว่น อีเลฟเว่น ได้ร่วมมือกับสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ในการนำอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือชาวชุมชนอิสลามในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการอาหารที่ผ่านการรับรองมาตรฐานฮาลาล รวมถึงกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้

 
 นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในหลายอำเภอของจังหวัดเชียงราย ประชาชนในชุมชนต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่มชาวไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากโรงครัวที่จัดทำอาหารช่วยเหลือในพื้นที่ส่วนใหญ่มักจะขาดแคลนเมนูอาหารฮาลาล ทำให้หลายครอบครัวไม่สามารถรับอาหารได้ครบถ้วน 
 

ทางเซเว่น อีเลฟเว่น จึงได้จัดเตรียมอาหารพร้อมรับประทานที่มีตราฮาลาลมามอบให้ในครั้งนี้ เพื่อให้กลุ่มชาวมุสลิมในชุมชนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างเท่าเทียมกับกลุ่มอื่น ๆ โดยมีการแบ่งสัดส่วนอาหารไปยังในเขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

 
 นายราชัน รุจิพรรณ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การส่งมอบอาหารในครั้งนี้ถือเป็นความตั้งใจของภาคเอกชนในการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประสบภัยให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้กับทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มชาวมุสลิมที่มีความต้องการอาหารตามหลักศาสนา เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือได้อย่างเท่าเทียมกัน
 
 
 นายปรีชา อนุรักษ์ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าการส่งมอบอาหารที่มีเครื่องหมายฮาลาลยังถือเป็นการสร้างความเท่าเทียมและการเปลี่ยนแปลงในแง่บวกสำหรับชุมชนอิสลามที่อาจจะได้รับการจัดสรรอาหารที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดทางศาสนาบ่อยครั้ง ซึ่งในส่วนนี้ก็เข้าใจในสถานการณ์วิกฤต

 

นายชัชวาล นวลยิ่ง ผู้จัดการเขตปฏิบัติการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ จึงได้จัดเตรียมอาหารพร้อมรับประทานที่ผ่านการรับรองฮาลาลเพื่อสนับสนุนชุมชนมุสลิมในพื้นที่ และเราหวังว่าอาหารที่เรามอบให้นี้จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ได้บ้าง”
 

ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายขณะนี้ ยังมีประชาชนอีกหลายกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย โดยเฉพาะในอำเภอแม่สาย และอำเภอเมือง ที่ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีก การส่งมอบอาหารในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความตั้งใจของภาคเอกชนในการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประสบภัยให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้กับทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มชาวมุสลิมที่มีความต้องการอาหารตามวิถีทางศาสนา เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือได้อย่างเท่าเทียมกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

อนุทินลงพื้นที่เชียงราย-เชียงใหม่ ชง ครม. ค่าล้างโคลนเพิ่ม 1 หมื่นบาท

 

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะติดตาม สถานการณ์น้ำ การให้ความช่วยเหลือและการฟื้นฟู ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์ในพื้นที่

โดยจุดแรก รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมา ที่สะพานข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 เพื่อดูสถานการณ์แม่น้ำสาย การสูบน้ำออกจากชุมชน และการเสริมบิ๊กแบ็ค และฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ การช่วยเหลือและฟื้นฟูในแต่ละจุด จากหน่วยงานกองการช่าง และกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือ อส. โดยนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและ เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า จากที่ได้ฟังการรายงานจากทางเจ้าหน้าที่ คาดว่าจะสามารถเคลียร์พื้นที่ได้ภายในไม่เกินสิ้นเดือนนี้ แต่จะทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีจุดที่หนักหน่อยก็คือที่ตลาดสายลมจอย ที่น้ำทะลักเช้าไปมากจนสร้างความเสียหาย ซึ่งมีความเห็นใจผู้ประกอบการ เพราะว่าทราบมาว่าสินค้าได้รับความเสียหาย ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อไปว่าจะหาวิธีช่วยเหลืออย่างไร
 
“ในเรื่องของการเยียวยา ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย ในวันอังคารนี้ ก็มีการเสนอให้ ครม. พิจารณาปรับเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นไปตามคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ว่าจะให้การเยียวยาในระดับสูงสุดก็คือ 9,000 บาทต่อครัวเรือน และก็ยังมีเงินที่ตอนนี้ทางกรมป้องกันสาธารณภัยได้ตั้งเรื่องและได้รับความเห็นชอบจากกรมบัญชีกลางแล้วคือ ค่าล้างโคลนบ้านละ 10,000 บาท ต่อหลัง ซึ่งเป็นการที่เราพยายามจะหาความช่วยเหลือมาให้ประชาชนให้มากที่สุด
 
จากนั้น คณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟูบ้านเรือน ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย ที่บ้านเหมืองแดง หมู่ที่ 2 ตำบลแม่สาย พร้อมให้กำลังใจผู้ประสบภัย แลดูการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการดูดโคลนจากท่อระบายน้ำ
และให้กำลังใจ กำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือ อส. ที่มาช่วยปฏิบัติภารกิจฟื้นฟูทำความสะอาดบ้านเรือน โดยได้ทักทาย อส. ที่มาจาก จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาทั้งหมด 60 นาย ที่มาปฎิบัติการเป็นวันที่ 8 วัน แล้ว และจะอยู่จนเสร็จภารกิจ และทักทายให้กำลังใจ อส. ที่มาจากจังหวัดแพร่ ซึ่งมาช่วยในภารกิจนี้ทั้งหมด 33 นาย มาตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน และจะอยู่จนเสร็จภารกิจ เช่นเดียวกัน
 
ซึ่งชุมชนบ้านเมืองแดง ซอย 8 แห่งนี้ยังมีน้ำขังอยู่ ประมาณ 20 เซนติเมตร และ ให้กำลังใจ อส. ที่มาจากจังหวัดต่างๆ
จากนั้น ได้เดินทางมาที่วัดปิยะพร มอบเสื้อ จำนวน 1200 ตัว และอุปกรณ์เครื่องนอนเครื่องใช้ ให้ อส. ที่มาช่วยเหลือฟื้นฟูจาก 6 จังหวัด รวม 300 นาย พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับกำลังพล อส. ด้วย และเดินทางไปดูสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
 
สำหรับ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ส่วนหน้า) จังหวัดเชียงราย (มท.4) ได้ลงพื้นที่ชุมชนไม้ลุงขน เพื่อมอบถุงยังชีพ แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหาร จากหน่วยในกองทัพภาคที่ 3 ทั้ง มทบ.37 ,มทบ.34, มทบ.32, มทบ.33, ร17/3, ร.17/4, รวม 530 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านี้ รับผิดชอบดูแลพื้นที่โซนชุมชนไม้ลุงขน พร้อมกันนี้ได้มอบอาหารแห้งและเครื่องดื่มชูกำลังให้แก่ จนท.ทหาร ด้วย
 
รับมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค จาก คุณเยาวเรศ ชินวัตร และสมาคมฮงสุน ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
 
จากนั้นได้เดินทางร่วมกับ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยวาการกลาโหม ได้เดินทางต่อไปยังศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ต.กึ้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อประสานการช่วยเหลือประชาชน นักท่องเที่ยว และช้างจำนวน 126 เชือก
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ศอ.จอส.พระราชทาน มอบสิ่งของช่วยผู้ประสบภัย แม่สาย-เชียงราย ฟื้นฟูต่อเนื่อง

 

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 น. ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 (ศอ.จอส.พระราชทาน ภาค 3) ร่วมกับกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์จังหวัดเชียงราย โดยมี พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้อำนวยการศูนย์จิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) และผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมจัดกิจกรรมมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์และเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 1,000 ราย ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

การมอบสิ่งของในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และสมาคมฮงสุนแห่งประเทศไทย โดยมีการถ่ายทอดสดการรับมอบสิ่งของไปยังประเทศจีนผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ ณ มูลนิธิกวงเม้ง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก

หลังจากนั้น เวลา 10.30 น. พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยซ่อมบำรุงเคลื่อนที่ขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยกองฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือ ฝ่ายอาชีวสงเคราะห์ ร่วมกับสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย และวิทยาลัยการอาชีพเวียงเชียงรุ้ง ที่ได้จัดหน่วยซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือทางการเกษตร และรถจักรยานยนต์ให้แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก และประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ระหว่างวันที่ 5 – 29 ตุลาคม 2567 ณ สนามฝึกยุววรรณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

การออกหน่วยซ่อมบำรุงเคลื่อนที่ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากทหารผ่านศึกและประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือทางการเกษตรแล้ว ยังมีการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

ต่อมา เวลา 11.00 – 15.30 น. พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่บ้านไม้ลุงขน ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าในการฟื้นฟูและให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งขณะนี้การฟื้นฟูในบางพื้นที่ยังคงต้องการอุปกรณ์และกำลังเสริมเพื่อเร่งแก้ไขความเสียหาย

นอกจากนี้ ศอ.จอส.พระราชทาน ภาค 3 ยังได้จัดการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอแม่สาย เวลา 17.30 น. โดยมี พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน และ นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย

การประชุมในครั้งนี้มีการแบ่งความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานในการฟื้นฟูพื้นที่ พร้อมวางแผนการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่อำเภอแม่สายยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างเต็มกำลัง และพร้อมที่จะบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ทางมูลนิธิกวงเม้ง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ประกาศเชิญชวนผู้ที่ต้องการร่วมบริจาคสิ่งของหรืออุปกรณ์ที่จำเป็น สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานมูลนิธิฯ หรือศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่อไป.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผบ.มทบ.37 มอบเงินช่วยเหลือกำลังพลค่ายเม็งรายฯ หลังประสบอุทกภัยครั้งใหญ่

 

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37) เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้แก่กำลังพลและครอบครัวที่ประสบอุทกภัย ทั้งในและนอกค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย รวมจำนวนทั้งสิ้น 385 ครอบครัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยงบประมาณดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือกำลังพลที่ประสบภัยในครั้งนี้

สำหรับการมอบเงินช่วยเหลือครั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ อดีต ผบ.ทบ. ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนในช่วงเกิดอุทกภัยก่อนหน้านี้ และได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของกำลังพลและครอบครัวหลายครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จึงได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อนำมาช่วยเหลือและสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทหารและครอบครัว

ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกท่านปัจจุบัน ได้รับมอบหมายให้ส่งมอบงบประมาณดังกล่าวให้กับ พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน เพื่อดำเนินการแจกจ่ายให้กับกำลังพลที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ค่ายเม็งรายมหาราชและบริเวณใกล้เคียง

การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้จัดขึ้นที่อาคารเสนาบันเทิง มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ และกำลังพลเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน นอกจากการมอบเงินช่วยเหลือแล้ว พลตรี บุญญฤทธิ์ ยังได้กล่าวให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และครอบครัว พร้อมย้ำให้ทุกคนมีกำลังใจและความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง

“ท่าน พลเอก เจริญชัย ได้ฝากความห่วงใยและความขอบคุณมายังกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติ ขอให้ทุกคนรักษาความดีนี้ไว้ และเดินหน้าทำความดีเพื่อสังคมและประเทศชาติ” พลตรี บุญญฤทธิ์ กล่าวระหว่างพิธีมอบเงินช่วยเหลือ

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทของทหารในการเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในยามที่เกิดภัยพิบัติ ทหารเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ทั้งการช่วยอพยพ การจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด ซึ่งการช่วยเหลือเหล่านี้ต้องอาศัยทั้งแรงกายและแรงใจของกำลังพลทุกคน

ในส่วนของสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ยังมีหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในเขตอำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเวียงป่าเป้า ที่ระดับน้ำยังคงสูงและมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในช่วงนี้ ทางมณฑลทหารบกที่ 37 จึงได้จัดกำลังพลพร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการให้ความช่วยเหลือด้านเงินสนับสนุนแล้ว พลตรี บุญญฤทธิ์ ยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในค่ายเม็งรายมหาราช เตรียมความพร้อมด้านแผนการป้องกันน้ำท่วม รวมถึงการเตรียมความพร้อมของกำลังพลในการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

ทั้งนี้ การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับกำลังพลที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังเป็นการแสดงถึงความห่วงใยจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มีต่อกำลังพลทุกนาย และเป็นกำลังใจสำคัญให้กับครอบครัวทหารในการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่หลังจากประสบภัยพิบัติครั้งนี้

ท้ายที่สุด พลตรี บุญญฤทธิ์ ได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือกำลังพลและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ และย้ำว่าจะเดินหน้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้จังหวัดเชียงรายและพื้นที่โดยรอบกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มณฑลทหารบกที่ 37

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“กรมชลประทาน” ถอดบทเรียนน้ำท่วม ให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำ

 

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากวิกฤตน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีความรุนแรงมากขึ้น และยังส่งผลกระทบออกเป็นวงกว้าง เพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหาอุทกภัยและหาแนวทางในการรับมือ กรมชลประทานได้ออกมาให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงภัยธรรมชาติ

ครั้งนี้ “นายเดช เล็กวิชัย” รองอธิบดีกรมชลประทาน แสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์น้ำท่วมจังหวัดเชียงรายและเสนอแนวทางแก้ปัญหา “เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายถือว่าหนักสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา การแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือ คือต้องฟื้นฟูระบบคลองต่างๆ ที่ใช้เป็นเหมือนเส้นเลือดย่อยๆ ในการช่วยระบายน้ำ สิ่งกีดขวางทางน้ำต่างๆ จัดการให้หมด โดยเฉพาะน้ำท่วมในเขตเมืองเพราะผังเมืองบางทีไม่ได้รองรับฝนที่ตกเกินกว่ากำหนด น้ำควรจะมีทางไป หรือฟลัดเวย์สำหรับการจัดการมวลน้ำในภาคเหนือ มองว่าตอนนี้โครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะในเขตจังหวัดเชียงรายหรือจังหวัดเชียงใหม่เอง ตัวของอาคารบังคับน้ำ โครงสร้างพื้นฐานยังมีไม่มากนัก เรื่องอนาคตเป็นเรื่องของการศึกษาโดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ในการที่จะปรับปรุงลำน้ำ หรือทางผันน้ำจากแม่น้ำกกลงอ้อมเมืองลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด”
 
“เนื่องจากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าจะหมดสิ้นฤดูฝนของภาคเหนือ ภาคกลาง หลังสิ้นเดือนตุลาคม เรามีระยะเวลาการดำเนินงานที่ต้องติดตามพื้นที่เสี่ยงอีกประมาณหนึ่งเดือน ฉะนั้นการจัดการจะมีภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนบน ตรงนี้ต้องจัดการในเรื่องของเขื่อน เพื่อให้กักเก็บน้ำได้มากที่สุด แล้วไม่ระบายน้ำมากระทบกับชาวบ้าน ในเรื่องของการระบายน้ำเรามีพร่องน้ำรอในระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคลอง ลำน้ำธรรมชาติ 
 
เพื่อรองรับฝนที่จะตกในพื้นที่ ส่วนการบริหารจัดการทุ่งต่างๆ กรมชลประทานดำเนินการในเรื่องของการจัดระบบการเพาะปลูก ซึ่งจะเก็บเกี่ยวภายในเดือนนี้แล้วเสร็จทั้งหมดในพื้นที่ประมาณหนึ่งล้านไร่ เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ลุ่มต่ำไม่เกิดความเสียหาย”
 
นอกจากนี้สภาพดินฟ้าอากาศของเพื่อนบ้าน ก็เป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าติดตาม “ต้องมีการแชร์ข้อมูลกันว่าสภาพอากาศในประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างไร มีการบริหารจัดการน้ำเขื่อนในประเทศอย่างไร ต้องรู้ว่าเค้าจัดการยังไง เพื่อที่เราเองจะได้รู้ว่าต้องจัดการบ้านเรายังไง”
 
ทั้งนี้ “รองฯ เดช” ยังกล่าวปิดท้ายอีกว่า ทุกๆ บทเรียนของอุทกภัยที่ผ่านมา กรมชลประทานได้ถอดบทเรียน เพื่อนำมาสู่ประสิทธิภาพของการบริหารจัดการน้ำ “จากกระบวนการที่ผ่านมา เราเอาเคสวิกฤตมาถอดบทเรียน มองว่าประสิทธิภาพในการจัดการน้ำของกรมชลประทานดีขึ้นเรื่อยๆ เราต้องจัดการน้ำให้น้ำมีที่อยู่และมีที่ไป ถ้าน้ำไม่มีที่อยู่ไม่มีที่ไป มันก็อั้น พออั้นปุ๊บก็กลายเป็นไปไหนไม่ได้ ระเบิดเป็นโดมิโน่ เราต้องทยอยให้น้ำมีที่อยู่ มีที่ไปที่เหมาะสม ผลกระทบมันก็จะน้อย”
 
สุดท้ายนี้คนไทยทุกคนต้องปรับตัวและอยู่คู่กับน้ำให้ได้ “เราต้องให้คนเรียนรู้อยู่กับน้ำได้ เพราะเมืองไทยฝนเยอะ เราสามารถกักเก็บน้ำตอนฝนตกได้แค่หนึ่งในสามจากฝนที่ตกทั้งประเทศ ฉะนั้นส่วนที่เหลือ น้ำก็ต้องมีที่ไป แต่จะไปไหนได้สุดท้ายก็ไหลมาหาพวกเรา ฉะนั้นทุกประเทศเหมือนกัน ต้องปรับตัวให้อยู่กับน้ำ จะต้องมีการกำหนดพื้นที่ที่ระบุว่าเป็นพื้นที่เก็บน้ำ ทางน้ำผ่าน ต้องระบุชัดเจน ทุกประเทศเป็นเหมือนกัน 
 
ตอนสุดท้ายต้องมาดูเรื่องความเสียหาย มาตรการช่วยเหลือเยียวยามีความจำเป็น อย่างเรื่องน้ำท่วมเชียงราย คงต้องมีการศึกษาเรื่องการผันน้ำ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ส่วนเรื่องระบบชลประทาน จะบริหารจัดการ ระบาย และกักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุดในฤดูฝน เรามีทีมควบคุมการระบายน้ำ การทดน้ำ ใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เต็มศักยภาพ โดยใช้ผลคาดการณ์ที่มีการยืนยันในเรื่องของการจัดการภายใต้สภาวะของระบบที่มีอยู่”
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมชลประทาน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงรายจัด Big Cleaning ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำท่วม คืนความสุขชุมชน

 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เทศบาลนครเชียงรายได้จัดกิจกรรม “Big Cleaning” เพื่อฟื้นฟูเมืองเชียงรายและคืนความสุขให้กับประชาชน หลังประสบปัญหาน้ำท่วมและฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของตัวเมือง โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้การนำของ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ซึ่งมอบหมายให้ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงราย เข้าร่วมปฏิบัติการทำความสะอาดครั้งใหญ่ ร่วมกับพระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย และจิตอาสาชาวเชียงรายจำนวนมาก

กิจกรรมครั้งนี้เริ่มต้นจากบริเวณสี่แยกสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ยาวไปจนถึงขัวพญามังราย ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญของตัวเมือง โดยมีการแบ่งหน้าที่การทำความสะอาดในแต่ละจุด เพื่อให้ทุกพื้นที่ได้รับการปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ทีมงานและจิตอาสาได้ช่วยกันเก็บกวาดขยะ ฉีดล้างทำความสะอาดพื้นถนน ตัดแต่งกิ่งไม้ รวมถึงจัดการสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่เกิดจากน้ำท่วมขัง ทำให้สภาพถนนและพื้นที่สาธารณะกลับมาสะอาดและน่าใช้งานอีกครั้ง

พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ ซึ่งได้ร่วมลงพื้นที่ทำความสะอาดด้วยตนเอง ได้กล่าวให้กำลังใจผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของการมีจิตสาธารณะและการร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนเพื่อฟื้นฟูเมืองให้กลับมาสวยงามเช่นเดิม พระอาจารย์ยังได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อให้ชุมชนกลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว

ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดน้ำท่วมหนักในพื้นที่เมืองเชียงราย หลายพื้นที่ได้รับความเสียหาย ทั้งถนน ตรอกซอกซอย และพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ การจัดกิจกรรม “Big Cleaning” ในครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายหลักเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็วที่สุด โดยนอกจากการทำความสะอาดถนนและสถานที่สาธารณะแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลชุมชนและร่วมกันรักษาความสะอาดของพื้นที่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง

ในระหว่างการดำเนินกิจกรรม เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บกวาดขยะ เศษดิน โคลน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ตกค้างจากการเกิดน้ำท่วม พร้อมทั้งมีการติดตั้งป้ายแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับจุดเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมในอนาคต กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหารถฉีดน้ำแรงดันสูง เครื่องมือทำความสะอาด และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครบถ้วน

ดร.ปรีชา อนุรักษ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทศบาลนครเชียงรายมีความตั้งใจที่จะทำให้เมืองเชียงรายกลับมามีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมือนเดิม และขอขอบคุณประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ถือเป็นการแสดงพลังความสามัคคีที่ดีของชุมชนเชียงราย เพราะนอกจากจะเป็นการทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่แล้ว ยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน”

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดเชียงรายเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมในหลายอำเภอ เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำในแม่น้ำสายหลักและคลองย่อยเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อท่วมบ้านเรือน พื้นที่เกษตรกรรม และโครงสร้างพื้นฐานในหลายจุด ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ชุมชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

กิจกรรม “Big Cleaning” ในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของเทศบาลนครเชียงรายที่มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยให้กับชุมชน โดยทางเทศบาลได้วางแผนจัดกิจกรรมทำความสะอาดและฟื้นฟูในพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ในตัวเมืองเชียงราย แต่รวมถึงเขตชุมชนใกล้เคียงด้วย

เทศบาลยังได้ประกาศเชิญชวนประชาชนทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและรักษาพื้นที่สาธารณะในชุมชนของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เมืองเชียงรายมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยขอให้ติดตามประกาศกิจกรรมครั้งต่อไปจากทางเทศบาลนครเชียงรายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับเมืองเชียงรายร่วมกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

โครงการน้องหมูเด้งปันน้ำใจ มอบที่นอนช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงราย

 

เมื่อวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 11.30 น. องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดยนายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ได้เดินทางมายังจังหวัดจังหวัดเชียงราย เพื่อมอบที่นอนแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ “หมูเด้ง” ชวนช่วยผู้ประสบอุทกภัยและดูแลสวัสดิภาพเพื่อนสัตว์” ทั้งนี้เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ ให้ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภาคเหนือ นำที่นอนมามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 1 จำนวน 220  ชุด โดยมีรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล เป็นผู้รับมอบแทนนายกเทศมนตรีนครเชียงรายและคณะครูและนักเรียน ในพื้นที่ประสบภัย จำนวน 8 โรงเรียน เป็นผู้รับมอบ

ในพิธีมอบสิ่งของ นายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ได้เข้าร่วมเป็นตัวแทนในการรับมอบที่นอนทั้ง 220 ชุด จากองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ เพื่อนำไปแจกจ่ายต่อให้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยการช่วยเหลือครั้งนี้มุ่งหวังที่จะบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับครอบครัวที่สูญเสียทรัพย์สินและที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงราย

นายณรงค์ศักดิ์ ได้กล่าวในพิธีรับมอบว่า การสนับสนุนที่นอนจากองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ ในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากชาวบ้านจำนวนมากในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยสูญเสียที่อยู่อาศัยและทรัพย์สิน รวมถึงที่นอนซึ่งจำเป็นสำหรับการพักผ่อนในแต่ละวัน การช่วยเหลือในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความลำบากทางด้านร่างกาย แต่ยังเป็นการส่งต่อกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยในการฟื้นตัวจากวิกฤตครั้งนี้อีกด้วย

นอกจากนี้ นายณรงค์ศักดิ์ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการ “น้องหมูเด้ง ปันน้ำใจ” ว่า เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วนที่ต้องการเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนและครอบครัวในชุมชนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด การส่งมอบที่นอนในครั้งนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ และผู้ปกครองมีพื้นที่สำหรับการพักผ่อนที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจทั้งภาครัฐและเอกชน และทุกภาคส่วนเข้าร่วมกิจกรรม ภายใต้ชื่อโครงการ “หมูเด้ง” ชวนช่วยผู้ประสบอุทกภัยและดูแลสวัสดิภาพเพื่อนสัตว์” กิจกรรมนี้ ไม่ได้เพียงแต่จะนำรายได้ไปช่วยเหลือสัตว์ในความดูแลขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ เท่านั้น ยังเป็นเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ทำมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก องค์การสวนสัตว์ จะทยอยประกาศชื่อผู้ร่วมกิจกรรมเป็นระยะ

นายอรรถพรฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ พร้อมปฎิบัติตามแนวทาง ของ รมว ทส ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้นโยบายไว้ว่า “ข้าราชการ…ขับเคลื่อน ประชาชน…มีส่วนร่วม สื่อมวลชน…ช่วยกระจายข่าว สนุกกับทุกงานที่ทำ”

และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสังคมไทยทั้งในด้านการดูแลสัตว์และการช่วยเหลือประชาชนในยามเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเร็ว ตามแนวนโยบาย การเป็นรัฐวิสาหกิจเพื่อสังคม

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ถูกทำลายอย่างหนัก รวมถึงโรงเรียนและชุมชนในเขตอำเภอเมืองและอำเภอแม่จัน ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากน้ำป่าไหลหลากและฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง การช่วยเหลือและสนับสนุนจากภาคเอกชนและหน่วยงานต่าง ๆ จึงมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูชุมชนและช่วยให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

สุดท้ายนี้ นายณรงค์ศักดิ์ได้กล่าวขอบคุณองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ และผู้ที่มีส่วนร่วมทุกคนที่เข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้ พร้อมทั้งขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจอื่น ๆ ร่วมกันสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขและผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย / องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ – ZPOT

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ทอท. ชม สนามบินเชียงรายต้าน 72 ชั่วโมง ทีมเจ้าหน้าที่รับมือวิกฤตน้ำท่วมเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สัมภาษณ์ นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เกี่ยวกับการบริหารจัดการสนามบินในช่วงวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ทั่วจังหวัดเชียงรายเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ รวมถึงพื้นที่รอบสนามบินแม่ฟ้าหลวงที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคมนาคมทางอากาศของจังหวัดและการเดินทางของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป

นาวาอากาศตรี สมชนก เปิดเผยว่า เมื่อเกิดสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ทีมงานของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงได้ดำเนินการตามแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาฉุกเฉินที่วางไว้ โดยได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่าสนามบินจะยังคงให้บริการได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ การจัดการน้ำรอบสนามบินได้มีการติดตั้งระบบระบายน้ำทั้งในเขตการบิน ทางวิ่ง และคลองระบายน้ำรอบท่าอากาศยาน เพื่อป้องกันน้ำท่วมที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอากาศยาน

และวันที่ 12 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงที่สุด ระดับน้ำโดยรอบสนามบินเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทีมงานต้องเร่งประสานงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อจัดหารถบริการขนส่งผู้โดยสารที่ไม่สามารถเดินทางเข้าออกสนามบินได้ รวมถึงจัดทีมช่วยเหลือผู้โดยสารที่ยังคงติดค้างอยู่ในสนามบิน โดยจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และพื้นที่พักพิงชั่วคราวให้กับผู้โดยสาร พร้อมกันนี้ยังมีการประสานงานกับสายการบินต่าง ๆ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์และตารางบินที่ถูกปรับเปลี่ยนได้อย่างทันท่วงที

แม้ระดับน้ำจะท่วมถึงเขตการบินและบริเวณทางวิ่งของสนามบินในบางช่วง แต่ทีมงานสามารถควบคุมและลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงการวางแผนรับมือสถานการณ์ล่วงหน้าที่ครอบคลุมทั้งการดูแลบ้านพักเจ้าหน้าที่ที่อยู่ติดกับแม่น้ำกก ซึ่งถือเป็นจุดเสี่ยงสำคัญ ทีมงานทุกคนต้องทำงานติดต่อกัน 72 ชั่วโมงโดยไม่มีการพักเบรกเพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้น้ำเข้าท่วมถึงอาคารผู้โดยสาร และสามารถทำให้สนามบินกลับมาเปิดให้บริการได้อย่างรวดเร็วหลังจากน้ำลด นาวาอากาศตรี สมชนก กล่าว

และนอกจากการจัดการในสนามบินแล้ว ทางท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงยังได้ส่งทีมจิตอาสาออกช่วยเหลือประชาชนในชุมชนรอบสนามบินและพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทีมจิตอาสาได้ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ที่จำเป็น รวมถึงการประสานงานเพื่อขนย้ายผู้ป่วยติดเตียงไปยังที่ปลอดภัย

นาวาอากาศตรี สมชนก กล่าวเพิ่มเติมว่า การรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงได้เรียนรู้ถึงวิธีการจัดการวิกฤตอย่างรอบด้าน แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในระดับความรุนแรงเช่นนี้ แต่ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน เจ้าหน้าที่บำรุงรักษา และหน่วยงานภายนอก ทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตมาได้อย่างปลอดภัย เขายังเน้นย้ำว่าทีมงานทุกคนทำงานด้วยความทุ่มเทและเสียสละ เพื่อให้สนามบินกลับมาเปิดให้บริการได้อย่างเร็วที่สุดโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและอากาศยาน หลังจากสถานการณ์คลี่คลายจะมีการประชุมวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมในอนาคต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย โดยจะมีการเสริมระบบระบายน้ำรอบสนามบิน รวมถึงการวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในเขตการบิน เพื่อให้สนามบินสามารถเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ

ทั้งนี้ นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ยังได้ฝากถึงนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการสนามบินแม่ฟ้าหลวงว่า สนามบินแม่ฟ้าหลวงยังคงพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบและมีความปลอดภัย ด้วยมาตรการป้องกันและแผนเผชิญเหตุที่ได้เตรียมไว้อย่างรอบคอบ และยืนยันว่าท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงพร้อมต้อนรับผู้โดยสารทุกคนในช่วงฤดูท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง โดยจะดูแลทุกท่านด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุดเพื่อให้การเดินทางของทุกคนเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

 

นาวาอากาศตรี สมชนก กล่าวปิดท้ายว่า “แม้เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ แต่เราพร้อมปรับตัวและเรียนรู้เพื่อให้การบริหารจัดการสนามบินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวทุกคน ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงจะยังคงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางที่ปลอดภัยและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ในอนาคตอย่างแน่นอน”

 

โดยพลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ ทอท.  หรือบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บหาชน) หมายเลขที่ ทอท. 15942 /2567 ออกหนังสือเมื่อวันที่ 17 กันายน 2567 ขอชมเชย นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายและพนักงานในสังกัดทุกท่าน

จากสถานการณ์อุทกภัยรุนแรงในพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมถึงเขตท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเซียงราย ในระดับวิกฤติ และปรากฎข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (พชร.) ได้มี การบริหารจัดการแก้ปัญหาสถานการณ์วิกฤติดังกล่าวตามขั้นตอน เพื่อลดระดับและบรรเทาความเสียหายลง และเมื่อสามารถรักษาระดับสถานการณ์ไว้ได้ ยังมีการจัดทีมจิตอาสา ออกให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบอุทกภัยจนสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะ เด็ก คนขรา ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงผู้พิการ ในบริเวณชุมชนรอบท่าอากาศยาน รวมถึงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัด จนปรากฏภาพ เผยแพร่ทางสื่อมวลชนและสังคมออนไลน์โดยทั่วไป

การดำเนินการดังกล่าว นับว่าเป็นการบริหารสถานการณ์วิกฤติอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสร้างภาพลักษณ์และความสัมพันธ์อันดีแต่แก่ประชาชน ชุมชน รวมถึงสาธรณชนทั่วไปจนเป็นที่ประจักษ์ อันจะ นำมาซึ่งความร่วมมือจากประชาชน หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ในระดับพื้นที่และภูมิภาคเป็นอย่างยิ่งนั้น ในนามคณะผู้บริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ขอแสดงความชื่นชม นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการทำอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และพนักงานในสังกัดทุกท่าน ที่ได้ร่วมแก้ไขสถานการณ์ และเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจนสถานการณ์คลี่คลาย เป็นที่ประทับใจและได้รับการชื่นชมจากสาธารณชนและสังคมทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง พร้อมถือโอกาสนี้ ส่งกำลังใจ และพร้อมสนับสนุนให้ทำนสามารถก้าวผ่านสถานการณ์วิกฤติครั้งนี้ให้ผ่านพันไปด้วยความเรียบร้อย

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก อีกทั้งเดชะพระบารมี อันแผ่ไพศาลแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรด ดลบันดาลคุ้มครองให้ท่านและพนักงาน ลูกจ้างทุกคน ปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย มีพลังกาย พลังใจ พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ให้บังเกิดสัมฤทธิ์ผลในสิ่งสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News