
วิเคราะห์ข้อเท็จจริงและประเด็นชี้ขาด
- เหตุแห่งการเลือกตั้งซ่อม: เก้าอี้ ส.ส.เชียงราย เขต 7 ว่างลงหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน พ้นสมาชิกภาพ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ตามมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญจากกรณีเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ ส่งผลให้ต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 14 กันยายน 2568
- เขตเลือกตั้งและจำนวนผู้มีสิทธิ: เขต 7 ครอบคลุม 5 อำเภอ 21 ตำบล รวม 285 หน่วยเลือกตั้ง โดยมีข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ถูกอ้างถึง 2 ชุด (125,283 คน และ 133,960 คน) ซึ่งมาจากรายงานต่างช่วงเวลาและต่างสำนักข่าว ชุดที่ 133,960 คนปรากฏในสื่อสาธารณะเช้าวันเลือกตั้ง ขณะที่ชุด 125,283 คนปรากฏในรายงานภาคค่ำที่แนบสถิติการนับคะแนนร้อยละ 94.74%—ในข่าวนี้จึงระบุทั้งสองชุดพร้อมที่มาเพื่อความโปร่งใส
- ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ (เมื่อเวลา ~19.45 น. วันที่ 14 ก.ย. 2568): ผู้สมัครหมายเลข 1 นายสง่า พรมเมือง พรรคเพื่อไทย ได้ 43,229 คะแนน นำผู้สมัครหมายเลข 2 นายสุทัศน์ ยาละ พรรคประชาชน ที่ได้ 18,252 คะแนน ข้อมูลดังกล่าวปรากฏในหลายสำนักข่าว โดยบางสำนักระบุเป็นผลหลังนับแล้ว 270 จาก 285 หน่วย (คิดเป็น 94.74%) และมีสถิติประกอบทั้งจำนวนบัตรดี บัตรเสีย และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน.
- บรรยากาศและการกำกับดูแล: เลขาธิการ กกต. นายแสวง บุญมี ลงพื้นที่ตรวจการเลือกตั้ง ตั้งแต่ช่วงเช้าและให้สัมภาษณ์ว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คาดรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการราว 21.00 น. ซึ่งสอดคล้องกับรายงานข่าวเชิงพื้นที่หลายสำนัก
เชียงรายชี้ขาด “ซ่อมเขต 7” — เพื่อไทยนำขาดในผลไม่เป็นทางการ สะท้อนสมรภูมิภาคเหนือก่อนศึกใหญ่
สรุปวันลงคะแนน-ไทม์ไลน์การนับคะแนน-สัญญาณทางการเมืองที่ต้องจับตา
เชียงราย, 14 กันยายน 2568 — เข็มนาฬิกาแตะ 19.45 น. บนกระดานรายงานผลนับคะแนนที่ศูนย์รวมคะแนนอำเภอแม่จัน ตัวเลข “43,229” ปรากฏเคียงชื่อ นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ขณะที่ชื่อ นายสุทัศน์ ยาละ พรรคประชาชน หมายเลข 2 ปรากฏตัวเลข “18,252” ช่องว่างที่กว้างขึ้นตามจังหวะการส่งรายงานจาก 270 หน่วยเลือกตั้งแรก (ในจำนวนทั้งหมด 285 หน่วย) ทำให้ค่ำคืนนี้ภาพรวมผลคะแนน อย่างไม่เป็นทางการ ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน: เก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเชียงราย เขต 7 มีแนวโน้มจะกลับไปอยู่ในมือเพื่อไทยอีกครั้ง หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากการตรวจทานอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา
จุดเริ่ม—เหตุแห่ง “ซ่อม” และเส้นทางสู่วันลงคะแนน
สมรภูมิซ่อมครั้งนี้เกิดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. และถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ประเด็นสำคัญอยู่ที่คำวินิจฉัยเกี่ยวกับการมีส่วนได้ส่วนเสียในการใช้งบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวกลายเป็นหมุดหมายใหม่ที่สังคมการเมืองไทยต้องจดจำ และเป็นเหตุให้ต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมในวันนี้
เขตเลือกตั้งที่ 7 ของเชียงรายครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ 21 ตำบล ได้แก่ อำเภอเชียงแสน (6 ตำบล), อำเภอเวียงแก่น (4 ตำบล), อำเภอดอยหลวง (3 ตำบล), อำเภอเชียงของ (6 ตำบล เฉพาะบางตำบล) และอำเภอแม่จัน (2 ตำบล คือ จันจว้าและจันจว้าใต้) มี 285 หน่วยเลือกตั้ง ขณะที่จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีการอ้างถึง สองชุดข้อมูล ในช่วงวันเลือกตั้ง—เช้าและบ่ายแก่ ๆ มีรายงาน 133,960 คน; ส่วนรายงานภาคค่ำของบางสำนักข่าวอ้าง 125,283 คน ซึ่งเป็นฐานคำนวณอัตราการมาใช้สิทธิที่ 59.24% (74,221 คน) ในรอบ 94.74% ของหน่วยที่รายงานผลเข้ามาแล้ว ทั้งนี้ความแตกต่างของฐานข้อมูลเกิดจาก “ช่วงเวลา” และ “แหล่งข้อมูล” ที่ใช้รายงาน ซึ่งต้องรอ กกต.ประกาศรับรองอีกครั้งเพื่อยืนยันตัวเลขสุดท้าย


วันจริง—ผู้มีสิทธิ์ทยอยใช้สิทธิ์ บรรยากาศเรียบร้อย
ตั้งแต่เช้าตรู่บรรยากาศหน้าหน่วยเลือกตั้งหลายจุดในอำเภอเชียงแสน–เชียงของ–เวียงแก่น–ดอยหลวง–แม่จันเป็นไปอย่างคึกคัก เลขาธิการ กกต. นายแสวง บุญมี พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้ง ย้ำภาพรวม “เรียบร้อย” และประเมินว่า จะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น. สะท้อนความพร้อมของกลไกนับคะแนน ณ พื้นที่จริง
คำยืนยันเรื่องความเรียบร้อยสอดคล้องกับรายงานจากหลายสำนักข่าวในช่วงบ่าย–ค่ำ ทั้งในเชิงบรรยากาศและการคาดการณ์อัตราการมาใช้สิทธิ์ที่เดิมประเมินกันไว้ “ราว 65%” ก่อนปิดหีบเวลา 17.00 น. แม้ท้ายที่สุดตัวเลขที่ปรากฏบนกระดานรายงานผลช่วงรอบค่ำ (เมื่อนับได้ 94.74%) จะสะท้อนการมาใช้สิทธิ์ 59.24% ตามฐานข้อมูลที่รายงาน ณ เวลานั้น
ตัวเลขที่เล่าเรื่อง—คะแนนนำ, บัตรดี–เสีย, และ “ไม่ประสงค์ลงคะแนน”
เมื่อนาฬิกาเคลื่อนไปถึง 19.45 น. รายงานผลไม่เป็นทางการชี้ว่า นายสง่า พรมเมือง (หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย) ได้ 43,229 คะแนน ขณะที่ นายสุทัศน์ ยาละ (หมายเลข 2 พรรคประชาชน) ได้ 18,252 คะแนน ส่วนองค์รวมการลงคะแนนในรอบเดียวกันสะท้อนว่า
- ผู้มาใช้สิทธิ: 74,221 คน (ฐานคำนวณ 59.24% ของผู้มีสิทธิ 125,283 คนตามรายงานชุดค่ำ)
- บัตรดี: 61,481 ใบ (คิดเป็นร้อยละ 82.84 ของผู้มาใช้สิทธิในรอบรายงาน)
- บัตรเสีย: 2,854 ใบ (ร้อยละ 3.85)
- บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน: 9,886 ใบ (ร้อยละ 13.32)
ภาพรวมนี้สะท้อนพฤติกรรมผู้ใช้สิทธิ์ใน “สนามซ่อม” ที่อัตรา ไม่ประสงค์ลงคะแนน ยังคงเป็นตัวแปรที่ไม่ควรมองข้าม เกือบ “หนึ่งในเจ็ด” ของผู้มาใช้สิทธิ์ และสะท้อนท่าทีของประชาชนส่วนหนึ่งที่ต้องการส่งสัญญาณทางการเมืองด้วยการมาใช้สิทธิ์แต่ “ไม่เลือกรายชื่อผู้สมัคร” ใด ๆ
จากหีบถึงกระดาน—ไทม์ไลน์การนับคะแนน
หลังปิดหีบเวลา 17.00 น. การนับคะแนนเริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานเป็นระยะจากสื่อหลายสำนักว่า เพื่อไทยนำ ทิ้งห่าง “พรรคประชาชน” ตั้งแต่ช่วงนับผ่าน 40–60% และคงระยะห่างเรื่อยมา ก่อนกระทั่ง เวลา 19.45 น. หลายสำนักพร้อมใจกันรายงานตัวเลข “นำห่าง” ในรอบ 270 หน่วยจาก 285 หน่วย (94.74%). ไทม์ไลน์นี้ช่วยให้เห็นภาพว่า “แนวโน้ม” เริ่มนิ่งตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
สัญญะทางการเมือง—อะไรสะท้อนผ่าน “เชียงราย เขต 7”
- พลังฐานเสียงเดิมของเพื่อไทยในภาคเหนือ: แม้ภูมิทัศน์การเมืองระดับชาติผันผวน แต่สนามซ่อมที่เชียงรายยังสะท้อนฐานสนับสนุนเดิมของเพื่อไทยค่อนข้างชัดเจน เมื่อนำตัวเลขคะแนน 43,229 ต่อ 18,252 มาพิจารณา—ส่วนต่างระดับ “หลายหมื่นเสียง” คือสัญญะว่าการแข่งขันในพื้นที่เหนือยังไม่เปลี่ยนขั้วง่าย ๆ อย่างน้อยในเขตนี้
- บทเรียน “จำนวนกับคุณภาพ” ของการมีส่วนร่วม: ตัวเลข ไม่ประสงค์ลงคะแนน 9,886 ใบ และ บัตรเสีย 2,854 ใบ ในสนามที่ผู้สมัครมีเพียงสองคน ชี้ให้เห็นความสำคัญของ “การสื่อสารนโยบายที่จับต้องได้” และ “ความคาดหวังต่อการทำงานระยะสั้น” ของผู้แทนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อจากนี้ เนื่องจากวาระสภาปัจจุบันอาจอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในระดับชาติ ขณะที่พื้นที่ยังต้องการการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- ความพร้อมของระบบเลือกตั้งและความน่าเชื่อถือของกระบวนการ: ภาพรวม “เรียบร้อย–โปร่งใส” จากการลงพื้นที่ของเลขาธิการ กกต. และผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงเป้าหมายการรายงานผลตั้งแต่เวลา 21.00 น. ตอกย้ำความพยายามของหน่วยงานจัดการเลือกตั้งในการบริหารความคาดหวังของสาธารณะ—ปัจจัยนี้มีผลต่อ “ทุนความเชื่อมั่น” ของระบบการเมืองโดยรวม

เสียงจากหน่วยงานกำกับยืนยันความเรียบร้อยและไทม์ไลน์ประกาศ
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้ข้อมูลต่อสื่อในวันเดียวกันว่า “โดยภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” และคาดว่าจะทราบผล “อย่างไม่เป็นทางการ” ได้ในเวลาค่ำของวันเดียวกัน พร้อมกล่าวขอบคุณคณะทำงานและประชาชนที่ให้ความร่วมมือ ส่งผลให้การลงคะแนนและนับคะแนนดำเนินไปตามกรอบเวลา ทั้งนี้ยังเปิดช่องทางรับร้องเรียนหากพบความผิดปกติ เพื่อเข้าสู่กระบวนการไต่สวนก่อนการประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการ
มุมเศรษฐกิจสังคมของ “สนามซ่อม”
แม้เป็นการเลือกตั้งซ่อมในหนึ่งเขตเลือกตั้ง แต่ผลที่ออกมามีนัยสำคัญต่อการจัดสรรทรัพยากรในระดับพื้นที่ช่วงที่เหลือของวาระสภา ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งจะต้องสานต่อโจทย์เร่งด่วนของเขตพรมแดนที่พึ่งพิงการค้าชายแดน การเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์–วัฒนธรรม (เชียงแสน–เชียงของ–เวียงแก่น) รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงเศรษฐกิจล้านนา–ลุ่มน้ำโขง นี่คือเหตุผลที่ “เสียงในสภา” แม้เพียงหนึ่งเก้าอี้ก็มีผลต่อการชงโครงการและการติดตามงบประมาณให้ถึงพื้นที่จริง
ตัวเลข “ผู้มาใช้สิทธิ” ที่ชวนคิด
การคาดการณ์ช่วงเช้าโดยผู้เกี่ยวข้องบางส่วนประเมินการมาใช้สิทธิไว้ที่ “ราว 65%” แต่รายงานภาคค่ำในรอบการนับ 94.74% สะท้อนการมาใช้สิทธิที่ 59.24% (ฐาน 125,283 คน) หากเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิอีกรายงานหนึ่งซึ่งระบุ 133,960 คน ใน 285 หน่วยเลือกตั้ง จะเห็นว่า “ฐานข้อมูล” ที่ใช้คำนวณมีผลต่อการตีความคึกคักของบรรยากาศ อย่างไรก็ดี ตัวเลขสุดท้ายที่จะยุติข้อถกเถียงคือประกาศรับรองของ กกต. ซึ่งโดยกระบวนการต้องตรวจสอบเอกสารจากทุกหน่วยเลือกตั้งให้ครบถ้วนก่อนประกาศผลอย่างเป็นทางการ

ช่วงหาเสียงโค้งสุดท้ายเดิมพันของสองพรรค
แม้จะเป็นสนามที่ผู้สมัครเพียงสองคน แต่ความหมายนอกเหนือจากคะแนนคือ “แบรนด์การเมือง” ที่ทั้งสองพรรคพยายามสื่อสาร—ฝ่ายหนึ่งเน้น “ความต่อเนื่องของงานพื้นที่” ฝ่ายหนึ่งชู “ความหวังทางเลือกใหม่” และทั้งสองฝ่ายต่างระดมทีมลงพื้นที่เข้าถึงตลาดชุมชน–ถนนสายหลักเพื่อเร่งการรับรู้ในช่วงสุดท้ายก่อนปิดหีบ ภาพการลงพื้นที่ของแกนนำและผู้สมัครถูกบันทึกในหลายสื่อท้องถิ่น–สื่อกระแสหลักตลอดทั้งวัน (รายละเอียดกิจกรรมรายจุดอาจแตกต่างตามพื้นที่และช่วงเวลา) ก่อนที่ค่ำวันเดียวกันผลไม่เป็นทางการจะฉายภาพชัดถึงทิศทางของคะแนน.
ก้าวต่อไปเส้นทางสู่ “ประกาศรับรอง”
ตามกระบวนการหลังปิดการนับคะแนน ศูนย์รวมคะแนนจะรวบรวมเอกสาร–หลักฐานจากทุกหน่วยเพื่อส่งต่อไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตและจังหวัด ทำการตรวจสอบความถูกต้องก่อนเคลื่อนสู่ขั้นตอนการประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการของ กกต. ระหว่างนี้หากมีผู้สมัครหรือผู้มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องเรียน กกต.จะพิจารณาไต่สวนตามพยานหลักฐาน ซึ่งอาจกระทบต่อระยะเวลาการประกาศรับรอง ทั้งนี้จากคำให้สัมภาษณ์ของเลขาธิการ กกต. ในช่วงค่ำยืนยันว่าบรรยากาศ “ไม่มีเรื่องร้องเรียนสำคัญ” และเป็นไปด้วยความเรียบร้อยในภาพรวม.

Key Takeaways
- ผลคะแนนไม่เป็นทางการ ณ ประมาณ 19.45 น. ระบุว่า นายสง่า พรมเมือง (เพื่อไทย) นำชัดเจนที่ 43,229 คะแนน เหนือ นายสุทัศน์ ยาละ (พรรคประชาชน) ที่ 18,252 คะแนน หลังนับ 270/285 หน่วย (94.74%)
- บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน สูงเกือบ หนึ่งในเจ็ด ของผู้มาใช้สิทธิ (9,886 ใบ) สะท้อน “สัญญาณเฉพาะ” ของผู้ใช้สิทธิในสนามซ่อม
- การบริหารความคาดหวัง ของหน่วยงานกำกับ: กกต.ลงพื้นที่ตั้งแต่เช้า ระบุภาพรวมเรียบร้อย และคาดรู้ผลไม่เป็นทางการช่วง 21.00 น. ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
- ข้อพึงระวังด้านข้อมูล: ฐานข้อมูล “จำนวนผู้มีสิทธิ” มี 2 ชุดจากต่างช่วงเวลา (125,283 และ 133,960) จึงควรรอประกาศรับรองอย่างเป็นทางการเพื่อยุติความคลาดเคลื่อน.
แม้เป็นการเลือกตั้งซ่อมช่วงปลายวาระ แต่ผู้แทนที่ได้คะแนนมากสุดในคืนนี้จะต้องทำงานต่อทันทีในประเด็น “เร่งด่วน–จับต้องได้” ของพื้นที่ชายแดน เช่น สภาพคล่องเกษตรกรฤดูกาลใหม่, โลจิสติกส์ชายแดน–ด่านพรมแดนเชียงของ–สามเหลี่ยมทองคำ, การท่องเที่ยวประวัติศาสตร์–วัฒนธรรม และการบริหารจัดการภัยพิบัติช่วงฝนปลายฤดู ประชาชนควรติดตาม คำมั่น–ข้อเสนอเชิงนโยบายเฉพาะพื้นที่ ที่ผู้ชนะหาเสียงไว้ พร้อมภาคประชาสังคม–ท้องถิ่นร่วมตรวจสอบการผลักดันในสภาให้เกิดผลจริง


เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
- สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย