Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

นักท่องเที่ยวหาย! เจาะ 3 ตลาดโอกาสใหม่ ดันเชียงรายชิงส่วนแบ่งจากอัตราเข้าพักที่ยังว่าง

อัตราเข้าพัก 55.5%” กับโจทย์ใหญ่ของโรงแรมเชียงราย ทำอย่างไรให้รายได้อันดับ 2 ของภาคเหนือ แปลงร่างเป็น “กำไรยั่งยืน” ท่ามกลางอุปทานใหม่ที่ชะลอตัวและนักท่องเที่ยวจีนหายไป

เชียงราย, 19 ตุลาคม 2568 — ครึ่งทางของปีท่องเที่ยว 2568 ผ่านไปพร้อมตัวเลขที่ตีความได้สองหน้า ด้านหนึ่ง “เชียงราย” ยังรักษาตำแหน่งจังหวัดรายได้ท่องเที่ยวอันดับ 2 ของภาคเหนือด้วยยอดสะสม 35,926 ล้านบาท (ม.ค.–ก.ย. 2568) รองเพียงเชียงใหม่ สะท้อนศักยภาพของปลายทางเมืองรองที่กำลังเติบโต แต่อีกด้านหนึ่ง อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในภาคเหนือ (ซึ่งรวมจังหวัดเชียงราย) ในช่วง ครึ่งแรกของปี 2568 กลับอยู่เพียง 55.5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศที่ 60.8% ตัวเลขชุดนี้เปิดภาพ “โอกาส–ช่องว่าง–และภารกิจ” พร้อมกันในคราวเดียว ตลาดยังไม่ตึงตัวเท่ากรุงเทพฯ การแข่งขันยังเปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นใหม่ที่มีคุณภาพ แต่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับแผนรับมือกับ “ดีมานด์ที่เปลี่ยนทิศ” และ “ซัพพลายที่ชะลอเปิดใหม่” เพื่อเปลี่ยนโอกาสเชิงปริมาณให้กลายเป็นผลลัพธ์เชิงคุณภาพอย่างจริงจัง

บทความข่าวชิ้นนี้ชวนผู้อ่านถอดรหัสสถานการณ์โรงแรมเชียงราย–และภาคเหนือ—ด้วยวิธีการเล่าแบบ “ค่อย ๆ เปิดชั้นข้อมูล” ตั้งแต่ภาพมหภาคของประเทศ สู่บริบทภาคเหนือและพฤติกรรมตลาดเฉพาะพื้นที่ ก่อนปิดท้ายด้วย “รายการปฏิบัติการ” ที่ผู้ประกอบการทำได้ทันที พร้อมอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ตรวจสอบได้จากหน่วยงานรัฐและสถาบันที่เชื่อถือได้

ตัวเลขที่ขัดแย้ง—อุปสงค์ชะลอ แต่อัตราเข้าพักประเทศดีขึ้น

รายงาน “สถานการณ์ธุรกิจโรงแรม ครึ่งแรกปี 2568” ของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สรุปแรงกดดันด้านอุปสงค์ชัดเจน—นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง –4.7% YoY โดยเฉพาะตลาดจีนที่หดตัวถึง -34.1% และมาเลเซีย -5.6% ซึ่งเป็นสองสัญชาติหลักที่เคยพยุงยอดผู้มาเยือนในภาคเหนือและภาคอื่น ๆ ของไทยอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี ในระดับประเทศ อัตราการเข้าพักเฉลี่ย กลับ “ขยับขึ้น” เป็น 60.8% (จาก 59.1% เดิม) สะท้อนว่าแม้อุปสงค์รวมสะดุด แต่โรงแรมจำนวนมากยังคงสามารถรักษาอัตราการใช้ห้องพักได้ผ่านการบริหารราคาและช่องทางขายที่คล่องตัว ประกอบกับการท่องเที่ยวในประเทศที่ยังพยุงตลาดเอาไว้ได้พอสมควร

ทำไมภาพรวมประเทศดีขึ้น แต่ ภาคเหนือ (รวมเชียงราย) จึงเฉลี่ยเพียง 55.5%? คำตอบหนึ่งอยู่ที่ “การกระจุกตัวของการลงทุน” และ “โครงสร้างดีมานด์” ที่เปลี่ยนแปลง—ขณะที่กรุงเทพฯ–ปริมณฑลเดินหน้าโครงการใหม่ เพิ่ม stock อย่างหนัก ภาคเหนือกลับขยับช้ากว่า และต้องแบกรับ shock จากตลาดจีนที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่

แว่นขยายซัพพลาย—เปิดใหม่ลดลง สะสมหดตัว แต่พื้นที่อนุญาตก่อสร้างโตแรงในศูนย์กลาง

REIC ฉายภาพ ซัพพลายโรงแรมทั่วประเทศ ในครึ่งแรกปี 2568 ว่า

  • โรงแรมขออนุญาตประกอบธุรกิจใหม่ ลดลงทั้ง “จำนวนแห่ง” -34.6% และ “จำนวนห้อง” -32.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
  • จำนวนโรงแรมจดทะเบียนสะสม ลดลง -3.7% และ จำนวนห้องพักสะสม ลดลง -1.8% สะท้อนการ “คัดตัวเองออกจากตลาด” ของผู้เล่นบางกลุ่ม รวมถึงการปิดตัวชั่วคราวที่ยังไม่กลับมาเปิด
  • ตรงกันข้าม พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างทั่วประเทศ กลับเพิ่มขึ้น 29.6% โดย กรุงเทพฯ–ปริมณฑล พุ่งสูงถึง +230.7% ชี้ว่าการลงทุนใหม่กำลังกระจุกตัวในเมืองหลักและศูนย์กลางขนส่ง/ธุรกิจ—แนวโน้มที่อาจดูดดีมานด์ high-yield ไปจากเมืองรองบางช่วงเวลา

สำหรับ ภาคเหนือ (ที่นับรวมเชียงราย) ผลรวมคือ “ยังมี room ให้โต”—เพราะการแข่งขันไม่รุนแรงเท่ากรุงเทพฯ แต่ก็หมายความว่า “ต้องลงมือจัดพอร์ตสินค้าและมาตรฐานบริการให้ตรงดีมานด์ใหม่” เพื่อเก็บเกี่ยว share ที่ยังเหลืออยู่

 ดีมานด์เปลี่ยนหน้า—จีนสะดุด แต่มี “สามตลาดโอกาส” แทรกขึ้นมา

ตัวเลขของ REIC ยังสะท้อน “การสับเปลี่ยนโครงนักท่องเที่ยว” อย่างชัดเจน—แม้จีนและมาเลเซียถอย แต่ยังมีสามกลุ่มที่ขยายตัวเกิน 10% ได้แก่

  • อินเดีย (+13.8%)
  • รัสเซีย (+12.4%)
  • สหราชอาณาจักร (+17.9%)

สำหรับ เชียงราย ซึ่งมีทั้งธรรมชาติ–ศิลปะ–วิถีชนเผ่า–ชายแดน–กาแฟ–ชา—ฐานทรัพยากรวัฒนธรรมเมืองรองเหล่านี้สอดรับกับพฤติกรรมนักเดินทาง “คุณภาพ” ที่นิยมสเตย์นานขึ้น เดินทางนอกฤดูกว่าภูเก็ต/เชียงใหม่ และมักจองกิจกรรมเฉพาะทาง (artisan/ชา–กาแฟ/เดินป่าเบา ๆ/ชุมชน). นี่คือ “ฐานใหม่” ที่ผู้ประกอบการโรงแรมควรแปลงเป็นแพคเกจและช่องทางขายอย่างจริงจัง

ภาพเฉพาะเชียงราย—รายได้อันดับ 2 ของภาคเหนือ แต่ occupancy ยัง “ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศ”

ในเชิงรายได้ เชียงราย ทำได้โดดเด่น—รายได้ท่องเที่ยว 9 เดือน แรกแตะ 35,926 ล้านบาท เป็นรองเพียงเชียงใหม่ในภาคเหนือ แต่มิติ ประสิทธิภาพการใช้ห้อง (occupancy) ยังอยู่ในกรอบเฉลี่ยของภาคเหนือที่ 55.5% (H1/2568) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศ 60.8% ความหมายเชิงปฏิบัติคือ “รายได้รวมสูง แต่การใช้ห้องยังไม่เต็มศักยภาพ”—ถ้าเพิ่มอัตราเข้าพักขึ้นได้ทีละ 3–5 จุดเปอร์เซ็นต์ โดยไม่กดราคาแรงจน RevPAR ตก ภาพกำไรของผู้ประกอบการจะต่างออกไปอย่างมีนัยสำคัญ

สิ่งที่กำลังฉุดตัวเลข

  1. ฤดูกาล/พีกชอร์ต (peak short) — เชียงรายยังขึ้นกับฤดูกาลหนาวและงานเทศกาลเป็นหลัก ช่วง non-peak จึงโล่งยาว
  2. โครงสร้างช่องทางขาย — โรงแรม/ที่พักจำนวนหนึ่งยังพึ่งพา OTA เป็นหลัก มี direct channel ไม่แข็งแรงพอ ทำให้ต้นทุนค่าคอมสูง และควบคุม yield/segment ยาก
  3. พอร์ตสินค้า — สัดส่วนที่พักระดับกลาง–บนที่มีจุดขาย “ประสบการณ์+ความยั่งยืน” ซึ่งนักเดินทางรุ่นใหม่ยอมจ่าย premium ยังไม่มากเท่าจังหวัดแม่เหล็กอื่น

จะ “ปิดช่องว่าง 55.5%” อย่างไรให้เห็นผลใน 2 ฤดูกาล

เพื่อไม่ให้ข้อเสนอเป็นแค่สูตรสำเร็จ เราผูก “การบ้าน 5 ข้อ” เข้ากับโครงสร้างดีมานด์–ซัพพลายและนโยบายภาครัฐที่เกิดขึ้นจริงในปี 2568

1) ปั้นไฮซีซันให้ “ยาวขึ้น” ด้วย Micro-Season และ Shoulder Events

  • สร้าง mini-festival/กิจกรรมเฉพาะทาง (กาแฟ–ชา–ดนตรีในสวน–คอมมูนิตี้รัน–ศิลปะร่วมสมัย) ในช่องว่างระหว่างเทศกาลหลัก เช่น หลังปีใหม่ถึงก่อนซากุระพญาเสือโคร่งบาน หรือปลายฝนก่อนลมหนาว เพื่อถ่างไหล่ไฮซีซัน
  • ทำ แพคเกจร่วม ระหว่างโรงแรม–ผู้จัดกิจกรรม–คาเฟ่–อาร์ตสเปซ เน้นระยะสั้น 2–3 คืน มุ่งกลุ่มกรุงเทพฯ/เชียงใหม่ที่ขับรถมาเองและตลาดลัดฟ้า CLMV

2) ใช้ “สามตลาดโอกาส” ให้คุ้ม อินเดีย–รัสเซีย–สหราชอาณาจักร

  • อินเดียชอบ leisure+family+ภาพถ่าย เพิ่ม service design สำหรับครอบครัว (connecting rooms, kids activity, อินเดียมังสวิรัติ) พร้อมแผนสื่อสารในภาษาอังกฤษที่เน้นภาพ “สวย ถ่ายรูปขึ้น”
  • รัสเซียต้องการธรรมชาติ–อากาศเย็น วางโปรยาว 5–7 คืน สำหรับ long-stay ใน low season ด้วยราคาเฉลี่ยต่อคืนที่จูงใจแต่คง margin ผ่านบริการเสริม (laundry/ซ่อมจักรยาน/คูปองร้านในเมือง)
  • สหราชอาณาจักรเน้นคุณค่าความยั่งยืนและวัฒนธรรม ใส่มาตรฐาน sustainable practice ที่ตรวจสอบได้ เช่น การลดพลาสติก, แหล่งซื้ออาหารท้องถิ่น, กิจกรรม community-based พร้อมหน้าเว็บแสดงนโยบาย ESG ชัดเจน

3) รีแพ็กเกจสินค้ากลุ่ม Bleisure และ Wellness-lite

เทรนด์ทำงานนอกสถานที่ยังไม่หาย—ออกแบบแพคเกจ “Work from Chiang Rai 5–7 คืน” รวม co-working day pass/นวดไทย/กิจกรรมเย็น, เน็ตแรงรับรอง, late check-out วันศุกร์ พร้อม “เงื่อนไขเลื่อนได้” เพื่อลดความเสี่ยงผู้จอง

4) Direct Booking-First ลดค่าคอมฯ OTA โดยไม่เสียยอด

  • ตั้ง “Best Value on Our Site” จริง—ไม่ใช่คำโฆษณา—ให้สิทธิพิเศษเฉพาะจองตรง เช่น early check-in (ถ้าห้องว่าง), welcome drink, เครดิตอาหาร 300 บาท/คืน
  • ลงทุน CRM + Email Automation เพื่อเรียกกลับลูกค้าเก่า ส่งข้อเสนอจับเวลา 72 ชั่วโมงหลังเช็กเอาต์ พร้อมดีลวันเกิด/ครบรอบ—ต้นทุนต่ำแต่ conversion สูง
  • วัดผลด้วย RevPAR/Net (หลังหักค่าคอม) ไม่ใช่แค่ ADR/Occ. เพื่อเห็นกำไรจริง

5) เตรียมตัวรับ Air Access และ “คานอำนาจราคา” ในไฮซีซัน

นโยบายเชิงรุกของรัฐในไตรมาสท้ายปี—ตั้งแต่การเจรจาเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศไปยังเมืองรอง ไปจนถึงมาตรการจูงใจสายการบิน—หากส่งผลถึงเชียงราย ผู้ประกอบการต้องพร้อมทั้ง Rate Strategy และ Allotment Management ไม่ขายห้องหมดเร็วเกินไปในราคาเปิด–แต่กัก allotment เพื่อจับดีมานด์ท้ายไฮซีซันที่ willingness-to-pay สูงกว่า

ด้านแรงงานและมาตรฐานบริการ คู่สมรสของ Occupancy

อัตราเข้าพักจะ “แปรเป็นกำไร” ก็ต่อเมื่อโรงแรมคุม ต้นทุนแรงงาน–พลังงาน–อาหาร ได้ในระดับคุณภาพบริการที่ไม่ตก—เรื่องนี้ยิ่งสำคัญในเชียงรายที่ตลาดแรงงานการบริการคุณภาพยังตึงมือเป็นระยะ ข้อเสนอทางปฏิบัติ ได้แก่

  • Upskill แบบ pinpoint เลือกทักษะที่สร้างความต่าง เช่น สื่อสารอังกฤษ/จีนขั้นพื้นฐานสำหรับพนักงานต้อนรับ–เบลล์บอย, เทคนิค upsell อาหารเช้า–สปา–เลทเช็กเอาต์ สำหรับ front-line
  • Energy Management ลงระบบควบคุมไฟ–แอร์โซนสาธารณะ, เปลี่ยนหลอด/เครื่องทำน้ำร้อนประสิทธิภาพสูง, ติดตาม kWh ต่อห้อง/คืน แบบรายสัปดาห์—ต้นทุนกิโลวัตต์ลดลง = margin เพิ่มขึ้นโดยไม่แตะราคา
  • มาตรฐานความสะอาด–ความปลอดภัย ให้ “เห็นและจับต้องได้” ป้ายเช็กชื่อแม่บ้าน/เวลาทำความสะอาด, มุมแสดงนโยบายอาหารปลอดภัย, อธิบายการใช้น้ำอย่างรับผิดชอบ—คือสัญญาณคุณภาพที่นักเดินทางยุคใหม่ให้คะแนน

สัญญาณเตือนและโอกาสระยะกลาง ซัพพลายใหม่กำลัง “เลือกเกิด” เมืองรองต้องชิงคุณภาพ

แม้จำนวนโรงแรมอนุญาตเปิดใหม่ทั่วประเทศลดลงแรง แต่ พื้นที่ก่อสร้างรวม กลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯ–ปริมณฑล—แปลว่าเงินลงทุนกำลัง “เลือกเกิด” ในจุดที่คิดว่าหวังผลได้แน่ เมืองรองอย่างเชียงรายจึงควรเน้น “คุณภาพสินทรัพย์” ไม่ไล่ปริมาณ ตอบโจทย์กลุ่มพรีเมียม–ครอบครัว–นักเดินทางยาว เพื่อยืดระยะเวลาพักและดันค่าใช้จ่ายต่อทริป (Spend per Trip) มากกว่าการแข่งราคาเฉลี่ยต่อคืน

การที่ สินเชื่อคงค้างโรงแรม/รีสอร์ท ครึ่งแรกปี 2568 อยู่ที่ 418,557 ล้านบาท (ขยายตัวเล็กน้อย +0.2% YoY) บ่งชี้ว่าแบงก์ยัง “เปิดไฟเขียวแบบมีเงื่อนไข”—ทีมที่มีแผนธุรกิจชัด, Demand mapping ดี, โครงสร้างทุนเหมาะสม ยังเข้าถึงแหล่งเงินได้ เมืองรองจึงควรชูแผนเชื่อมชุมชน–สิ่งแวดล้อม–วัฒนธรรม เพื่อให้ดีลมี “เรื่องเล่าและผลกระทบเชิงบวก” มากกว่าตัวเลข occupancy เพียงอย่างเดียว

เชื่อมโยงกับโครงนโยบายท่องเที่ยว ทำงาน “ร่วมจังหวะรัฐ” ให้เป็น

ในระดับนโยบาย ภาครัฐผลักดัน Airline Focus เพิ่มเส้นทางบินสากลเข้าสู่ไทยและเมืองหลักหลายแห่ง รวมทั้งการรุกตลาดต่างชาติช่วงไฮซีซัน การส่งสัญญาณเช่นนี้สำคัญต่อเชียงรายใน 2 ประเด็น

  1. หากเที่ยวบินระหว่างประเทศ/เช่าเหมาลำเข้าถึงเมืองเหนือมากขึ้น เชียงรายต้องรีบจับมือผู้จัดทัวร์–ไกด์–ผู้ประกอบการกิจกรรม เพื่อทำ multi-night program ที่ดึงนักท่องเที่ยวไปไกลกว่า “แวะ 1 คืน”
  2. ควรใช้สถานะเมืองปลายทางปลอดภัย–เป็นมิตร–วัฒนธรรมเด่น มัดใจกลุ่มผู้หญิงเดินทางเดี่ยว/กลุ่มเล็ก/ดิจิทัลโนแมด ที่มีแนวโน้มพักยาวและใช้จ่ายเฉลี่ยสูง

จากตัวเลขสู่การบ้าน—ทำอย่างไรให้ “55.5%” ขยับใกล้ 60.8% และเกินกว่านั้น

ภารกิจเร่งด่วน 90–180 วัน สำหรับโรงแรมเชียงรายและภาคเหนือที่อยากเห็น occupancy ขยับขึ้นอย่างมีคุณภาพ โดยไม่บั่นทอนราคาเฉลี่ย มีได้อย่างน้อย 6 ข้อ

  1. สร้างแพคเกจ “อยู่ยาวขึ้น” (Stay Longer, Save Smarter) 4/6/8 คืน พร้อมสิทธิ late check-out + เครดิต F&B แทนการลดราคาโต้ง ๆ เพื่อรักษา ADR
  2. เน้นกลุ่มเดินทางต่างชาติที่เติบโต—อินเดีย/รัสเซีย/สหราชอาณาจักร—ทำคอนเทนต์ภาษาอังกฤษที่ตอบคำถาม “มาทำอะไรได้บ้างใน 72 ชั่วโมง” พร้อมจองกิจกรรมล่วงหน้าบนเว็บตรง
  3. ทำ Calendar Micro-Season ร่วมพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อถ่างช่วงพีก และเลี่ยง “หลุมร้าง” ระหว่างเทศกาลโดยใช้กิจกรรมเฉพาะทาง
  4. จัดโครงสร้างราคาแบบ smart-fence member-only rates บนเว็บตรง, add-on ซื้อเพิ่ม (อาหารเช้า/รถรับ–ส่ง/กิจกรรม), กำหนด blackout period ให้ OTA ในวันดีมานด์สูง
  5. ยกระดับงานบริการเชิงประสบการณ์ (experience cues) ที่ต้นทุนต่ำแต่รับรู้คุณค่าสูง เช่น ชา–กาแฟสายพิเศษ local maker, มินิวอร์กช็อป 30 นาที, มุมงานคราฟต์เด็ก–ครอบครัว
  6. วัดผลด้วยตัวชี้วัด “กำไรจริง”—RevPAR/Net, GOPPAR—แทนการดัน occupancy อย่างเดียว เพื่อเลี่ยงกับดัก “ห้องเต็มแต่กำไรบาง”

หากทำได้ตามนี้ แม้ “จำนวนนักท่องเที่ยวรวม” ยังแกว่งตามเศรษฐกิจโลก ผู้ประกอบการเชียงรายก็ยังมีโอกาสดันอัตราเข้าพักให้ “ไล่ทันหรือแซงค่าเฉลี่ยประเทศ” พร้อมรักษาราคาเฉลี่ยต่อคืนให้เหมาะกับคุณภาพประสบการณ์—นั่นคือการเปลี่ยนรายได้จังหวัดที่อันดับ 2 ของภาคเหนือ ให้ “ไหลลงงบกำไรขาดทุน” อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • athitahotel
  • ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (MOTS)
  • ข้อมูลข่าวและสรุปนโยบายภาครัฐด้านการท่องเที่ยวปี 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

กลยุทธ์ Fixed Rate One Budget Hotel สร้างความแตกต่างในตลาดโลว์คอสต์เชียงราย

“One Budget Hotel” ปักหมุดแม่สาย รับศึกโลว์คอสต์เชียงราย—ชู “Fixed Rate ราคาเดียวทั้งปี” เร่งขยายให้ครบ 10 สาขาในจังหวัดภายในปี 2568

เชียงราย, 14 ตุลาคม 2568 — ในวันที่ธุรกิจโรงแรมราคาประหยัดแข่งขันดุเดือดและค่าครองชีพกดดันการตัดสินใจของนักเดินทาง “ราคาที่คาดเดาได้” กลายเป็นคำตอบของตลาดมากกว่าที่เคย นี่คือโจทย์ที่ โรงแรมวัน บัดเจท (One Budget Hotel) ภายใต้การขับเคลื่อนของ บริษัท เคเอส กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ จำกัด เลือกหยิบขึ้นมาสร้างความแตกต่าง ผ่านยุทธศาสตร์ Fixed Rate ราคาเดียวทั้งปี พร้อมประกาศปักธงสาขาน้องใหม่ วัน บัดเจท เชียงราย—สาขาแม่สาย” ชายแดนเหนือสุดของไทย และตั้งเป้า “ปิดดีล” ให้ครบ 10 สาขาในจังหวัดเชียงรายภายในปี 2568 ควบคู่กับแผนขยายเครือข่ายไปยังหัวเมืองรองทั่วประเทศ

เสียงเล่าของผู้บริหารบอกตรงกันว่า ถูกและดี” ไม่ได้เป็นเพียงสโลแกน แต่เป็น “สัญญา” ต่อผู้บริโภคที่ต้องการที่พักสะอาด ปลอดภัย มีฟังก์ชันจำเป็นครบ และราคาที่ไม่เหวี่ยงขึ้นตามฤดูกาล—จุดยืนที่ส่งผลให้หลายสาขา ทำอัตราการเข้าพักเฉลี่ยมากกว่า 90% อย่างต่อเนื่อง นับจากเปิดสาขาแรกช่วงปี 2563 ท่ามกลางพายุโควิด-19 จนถึงวันที่แบรนด์กำลังเร่งเครื่องอย่างเต็มกำลัง

จากหอพักสู่เครือข่ายโรงแรม—บทเรียนที่กลั่นเป็น “สูตรลับคุมต้นทุน”

เบื้องหลังความคึกคักของการเปิดสาขาแม่สาย คือภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา เคเอส กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ เริ่มต้นจากธุรกิจ หอพักและอาคารพาณิชย์ให้เช่า ก่อนจะต่อยอดความชำนาญด้านการบริหารสินทรัพย์และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) มาสู่โรงแรมราคาประหยัดแบบ Asset-Light ที่เน้นการควบคุมต้นทุนอย่างละเอียดในทุกห่วงโซ่ ตั้งแต่การเลือกทำเล การออกแบบห้องมาตรฐาน ไปจนถึงระบบซักรีดภายในเครือและการจัดซื้อรวมเพื่อให้ต้นทุนผันแปรต่อห้องต่ำที่สุด

ช่วงโควิด-19 ที่หลายธุรกิจสะดุด “วัน บัดเจท” เลือก กระจายความเสี่ยง ด้วยการปรับหอพักบางแห่งเป็นสถานที่กักตัว ASQ และรักษากำลังคนไว้ พร้อมอาศัย กระแสเงินสดสำรองอย่างน้อย 1 ปี เป็นกันชน พอกลับสู่ภาวะปกติ การดีดตัวของดีมานด์ในเมืองรองและหัวเมืองธุรกิจยิ่ง “ปลุกแบรนด์” ให้ติดตลาดไว ผู้เข้าพักจำนวนมากกลับมาใช้ซ้ำและ บอกต่อ ด้วยคอนเทนต์รีวิวจากผู้ใช้จริง (User Generated Content) บนแพลตฟอร์มโซเชียล

กลยุทธ์ “ราคาเดียวทั้งปี” ยอมแลกส่วนต่างกำไร เพื่อครอง “Top of Mind”

หัวใจของแบรนด์คือ Fixed Rate — ราคา เริ่มต้น 550 บาท/คืน ในหลายสาขา (บางสาขาในเมืองหลัก 600 บาท) ไม่เปลี่ยน แม้วันหยุดยาว ไฮซีซัน หรือเทศกาลใหญ่ ข้อเสนอที่ดูเรียบง่ายนี้ ทำหน้าที่ไม่ต่างจาก “คีย์เวิร์ด” ติดหัว—เมื่อลูกค้าคิดถึงที่พักประหยัด “One Budget = ราคาเดิม” กลายเป็นภาพจำที่ชัดเจน

  • เหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ ราคาไม่แกว่ง สร้าง ความแน่นอน ให้ผู้บริโภค และช่วยปิดการขายล่วงหน้าในช่วงเทศกาลที่โรงแรมอื่นๆ ขยับราคาสูงขึ้น
  • ตัวอย่างสาขาพรีเมียม สาขา เชียงแสน ทดลองโมเดล “วิวริมน้ำโขง” ห้อง River View 850 บาท/คืน และ Deluxe River View ~1,400 บาท/คืน เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์มากขึ้น โดยยังยึดหลัก “ถูกและดี” เมื่อเทียบกับตลาดพื้นที่เดียวกัน

แทนที่จะวิ่งหา ADR สูงสุด (อัตราค่าห้องเฉลี่ยต่อคืน) แบรนด์เลือกตั้งโจทย์ที่ยากกว่า—รักษา Occupancy Rate ให้สูงสม่ำเสมอ และยกเครื่องประสิทธิภาพการดำเนินงาน (จากห้องพักมาตรฐาน การบำรุงรักษารายวัน ไปจนถึงการบริหารสาธารณูปโภค) เพื่อขับเคลื่อน กระแสเงินสด ให้เสถียรในจุดราคาต่ำ นี่คือ “สูตรลับ” ที่ผู้บริหารลงมือทำเองจนเกิดวินัย

ทำเลคือทุกอย่าง สนามบิน—มหาวิทยาลัย—สามเหลี่ยมทองคำ—และ “แม่สาย”

เส้นทางขยายของ “วัน บัดเจท” เริ่มจากการปักหมุด เชียงราย เป็นฐาน และค่อยๆ เติมเครือข่ายไปตาม แหล่งดีมานด์คงที่ ใกล้สนามบิน มหาวิทยาลัย สถานกีฬา รวมถึงทำเลท่องเที่ยวชายแดน เช่น เชียงแสน–สามเหลี่ยมทองคำ และล่าสุดคือ แม่สาย ที่มีทั้งการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน

  • ฐานที่มั่นเชียงราย เดินหน้าสู่ 10 สาขาในจังหวัด ภายในปี 2568 เพื่อสร้าง เครือข่ายหนาแน่น ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย (ลูกค้าทำธุระ–เซลส์–นักเดินทางต่างชาติ–กรุ๊ปทัวร์–หน่วยงานรัฐฯ)
  • หัวเมืองรองอื่น กำลังก่อสร้างใน พะเยา ลำปาง น่าน แพร่ สุพรรณบุรี พิษณุโลก แม่สอด (ตาก) พัทยา (ชลบุรี) และกรุงเทพฯ รวมแล้ว 19 สาขา (เปิดแล้ว+อยู่ระหว่างก่อสร้าง) เพื่อยึดพื้นที่ โลว์คอสต์ ที่ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่

ทำเลที่ดีประกอบกับ ที่จอดรถเพียงพอ ระบบคีย์การ์ดความปลอดภัย Wi-Fi ฟรี น้ำอุ่นแรง เครื่องดื่มยามเช้า และบางสาขามี ห้องฟิตเนส/ห้องประชุม ทำให้โรงแรมตอบโจทย์ “ลูกค้ามีภารกิจ” ไม่ว่าจะเป็นผู้เดินทางทำงาน หน่วยงานรัฐ/รัฐวิสาหกิจ และนักท่องเที่ยวที่ระมัดระวังงบประมาณ

โครงสร้างการเงิน–การบริหาร วินัยคือ “กำแพงกันคลื่น”

แม้ไม่เปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะ ผู้บริหารยืนยันว่ากิจการสามารถ ผ่านวิกฤติด้วยเงินสำรอง และ เครื่องมือสินเชื่อ ที่เหมาะสม โดยได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารกรุงไทย ทั้งสินเชื่อระยะยาวและวงเงินเบิกเกินบัญชี (O/D) สำหรับการลงทุนซื้อที่ดินและก่อสร้างสาขาใหม่ ขณะเดียวกัน บริษัทเลือก “คุมเกม” ต้นทุนด้วยการทำ ซักรีดในเครือ การซื้อรวม และ ตารางบำรุงรักษาเข้ม—ห้องไหนมีปัญหา “ปิดซ่อมทันที” ไม่ปล่อยค้างจนกลายเป็นก้อนใหญ่ให้ต้องรีโนเวตยกชั้นภายหลัง

การเดินเกมแบบนี้สะท้อน “ความเป็นผู้ประกอบการเชิงวินัย” มากกว่าการไล่ตัวเลขสวยงามระยะสั้น เมื่อรวมกับ ราคาที่คงที่ และ อัตราการเข้าพักสูง ทำให้ภาพรวม กระแสเงินสด ไหลลื่นเพียงพอที่จะรับมือวงจรโลว์/ไฮซีซัน และ ดอกเบี้ยเงินกู้ ที่เป็นภาระต้นทุนทางการเงินสำคัญของธุรกิจโรงแรมราคาประหยัดในยามเศรษฐกิจผันผวน

ตลาดโลว์คอสต์ที่ยังโต เมืองรอง–ท้องถิ่น–ท่องเที่ยวใกล้ตัว

บริบทมหภาคสนับสนุนแผนของ One Budget อย่างชัดเจน—หัวเมืองรอง และ แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น กลับมาคึกคักตามจังหวะเศรษฐกิจและกิจกรรมระดับจังหวัด/ภูมิภาค ประกอบกับนิยาม “คุ้มค่า” ที่จับต้องได้มากกว่าเดิมในสายตาผู้บริโภคหลังโควิด ผู้เล่นโลว์คอสต์ที่มี มาตรฐานความสะอาด–ความปลอดภัย–ที่จอดรถ–อินเทอร์เน็ต และที่สำคัญคือ ราคาไม่ทำร้ายกระเป๋า จึง “ขึ้นแท่น” ตัวเลือกแรกในหลายทริป

ในระดับภูมิภาคเหนือ โครงการ รถไฟทางคู่เด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ (กำหนดเปิดปี 2571) จะยิ่งเพิ่มการเข้าถึงพื้นที่ชายแดน และหนุนการเดินทางระหว่างจังหวัดแบบ Multi-City ซึ่งเป็น “โอกาสลำดับถัดไป” ของผู้ประกอบการโรงแรมราคาประหยัดที่วางเครือข่ายไว้ล่วงหน้าแล้ว

ความท้าทายที่รออยู่ ต้นทุนการเงิน–แรงงาน–มาตรฐานแบรนด์ และ “ชื่อคล้ายในบางพื้นที่”

แม้เส้นกราฟการเติบโตจะชี้ขึ้น แต่เส้นทางข้างหน้ามีโจทย์ท้าทายชัดเจน

  1. ต้นทุนการเงินและดอกเบี้ย — โมเดลที่ผลักดันการเติบโตด้วยการลงทุนสาขาใหม่ จำเป็นต้องรักษาวินัยการเงินอย่างเข้มข้น พร้อมสร้าง Economy of Scale ให้เกิดผลจริง เพื่อต้านแรงกดดันต้นทุน
  2. แรงงานบริการ — โรงแรมราคาประหยัดมักใช้สัดส่วนแรงงานต่อห้องจำกัด การรักษามาตรฐานงานทำความสะอาด–ซ่อมบำรุง–ฟรอนต์–ความปลอดภัย ให้คงเส้นคงวาขณะขยายสาขา “รวดเร็ว” เป็นโจทย์ที่ต้องลงทุนกับ ระบบฝึกอบรม–คู่มือปฏิบัติงาน และ การตรวจคุณภาพ (QA) แบบเข้มงวด
  3. มาตรฐานแบรนด์ในหลายสาขา — เมื่อแบรนด์โตเร็ว ความเสี่ยงเรื่อง คุณภาพไม่เท่ากัน ระหว่างสาขาเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสาขาแฟรนไชส์/พาร์ตเนอร์ในพื้นที่ที่ผู้ลงทุนท้องถิ่นเป็นผู้สร้างทรัพย์สินเอง จำเป็นต้องมี ข้อตกลงมาตรฐาน (SLA/Brand Standard) ชัดเจน เพื่อไม่ให้ “ของไม่ดี” กระทบภาพรวม
  4. ความสับสนจากชื่อคล้าย — ในตลาดยังพบผู้ประกอบการ ใช้นามทางการค้าคล้ายคลึง กันในบางพื้นที่นอกเชียงราย ซึ่งอาจสร้าง “เสียงสะท้อนด้านแบรนด์” หากคุณภาพและการสื่อสารไม่ไปในทางเดียวกัน การสร้าง ตราสัญลักษณ์–โดเมน–ช่องทางทางการ ที่สื่อสารชัดเจนว่า “One Budget Hotel ภายใต้ KS Group Residence (เชียงราย)” จึงเป็นเกราะป้องกันความสับสนที่ควรเร่งทำ
คุณผนิสา คงอ่ำ กรรมการบริหาร บริษัท เคเอส กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ จำกัด เครดิต : krungthai-update วันที่ 25 ก.ค. 2567

เสียงจากทีมบริหาร บทเรียนจากสนามจริง

สาระสำคัญที่ทีมบริหารสรุปไว้—และถูกใช้เป็น “คู่มือภายใน”—มีดังนี้

  • เข้มกับรายละเอียด อยู่ใกล้ปัญหาหน้างาน รับรู้จากพนักงานด่านหน้า แก้ให้ไว ปัญหาเล็กจะไม่ลาม
  • มีอัตลักษณ์ชัด โปรดักต์ต้อง “ดีจริง” แล้วลูกค้าจะเป็นกระบอกเสียงให้เอง
  • ซ่อมเป็นวินัย ไม่ใช่เป็นเทศกาล มีตารางบำรุงรักษาถี่—เช่น ล้างแอร์ทุก 2–3 เดือน—ห้องเสียปิดซ่อมทันที
  • ปรับให้เข้าทำเล หากคู่แข่งรอบข้างบริการอาหารเช้าแบบครบ “เราต้องมี” เพื่อรักษาความคุ้มค่าโดยไม่ทำลายโครงสร้างราคา

ในมุมรายได้ ผู้บริหารยอมรับว่าเคย ปรับราคาพื้นฐาน จาก 500 เป็น 550 บาท/คืน เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพราะต้นทุนดอกเบี้ยและค่าสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น แต่ยัง “คงแกน” Fixed Rate เพื่อรักษาภาพจำและความภักดีของลูกค้า—แนวทางที่ลูกค้าส่วนใหญ่ “เข้าใจและยอมรับได้” เพราะยังอยู่ในจุดราคาที่รู้สึกว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับทางเลือกอื่น

แม่สาย” มากกว่าสาขาใหม่ คือบททดสอบการยึดฐานชายแดน

สาขาแม่สายไม่ได้เป็นเพียงหมุดหมายเชิงจำนวนสาขา แต่คือ บททดสอบเชิงกลยุทธ์ ของแบรนด์ในพื้นที่ชายแดนที่มี ดีมานด์หลากหลาย—นักท่องเที่ยวเดินทางไป–กลับ, ผู้ค้าชายแดน, หน่วยงานรัฐฯ และกรุ๊ปงานบุญ/งานเทศกาล การผสมผสาน ราคาที่แน่นอน กับ แฟซิลิตีสำคัญ (ที่จอดรถกว้าง คีย์การ์ดสองชั้น Wi-Fi เร็ว) จะเป็นตัวชี้วัดว่าคอนเซ็ปต์ “ถูกและดี” ของ One Budget เหมาะกับ “ดีมานด์จริง” ในเมืองชายแดนเพียงใด

ถ้าแม่สาย “ติดตลาด” ตามจังหวะเชียงแสน สนามบิน และย่านพาณิชยกรรมในตัวเมือง เชียงราย 10 สาขาภายในปี 2568 ก็ไม่ใช่เพียงตัวเลขสวย แต่คือ ฐานราก ของการก้าวไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า—ขยายสู่หัวเมืองรองทั่วประเทศ และเปิดทางสู่ แผนเข้าจดทะเบียน ในอนาคตเมื่อระบบธรรมาภิบาลพร้อม

ไฮไลต์ธุรกิจ (Business Highlights)

  • Positioning: โรงแรมราคาประหยัด (2–3 ดาว) เน้น “ถูกและดี”
  • Pricing: Fixed Rate ราคาเดียวตลอดปี หลายสาขาเริ่ม 550 บาท/คืน (สาขาเมืองหลักบางแห่ง 600 บาท)
  • Product: เตียงคิง 6 ฟุต/ทวิน 3 ฟุต, แอร์เย็นฉ่ำ, ฝักบัวน้ำอุ่นแรง, Wi-Fi ฟรี, คีย์การ์ด 2 ชั้น, ที่จอดรถ, เครื่องดื่มยามเช้า; บางสาขามี ฟิตเนส/ห้องประชุม
  • Premium Trial: เชียงแสน—River View 850 บาท, Deluxe River View ~1,400 บาท
  • Occupancy: ผู้บริหารระบุหลายสาขา >90% ต่อเนื่อง
  • Network: รวมเปิดแล้ว+ก่อสร้าง 19 สาขา ทั้งประเทศ; ตั้งเป้า 10 สาขาในเชียงราย ปี 2568
  • Finance: สนับสนุนโดย ธนาคารกรุงไทย (O/D + สินเชื่อระยะยาว); เน้น เงินสำรอง + ควบคุมต้นทุน
  • Risk Control: บำรุงรักษาเชิงป้องกัน–QA เข้ม–มาตรฐานแบรนด์–สื่อสารตราสัญลักษณ์เพื่อลดความสับสนชื่อคล้าย

ราคาที่คาดเดาได้ + วินัยปฏิบัติการ = สูตรโค้งยาวของโลว์คอสต์

ในตลาดที่ผู้บริโภค “คิดคุ้ม” มากขึ้น One Budget Hotel กำลังพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ Fixed Rate สามารถสร้าง “ความไว้ใจ” ที่ต่อยอดเป็น การเข้าพักซ้ำ และ การบอกต่อ ได้จริง เมื่อประกอบกับโครงสร้างการบริหารที่ “เข้มกับวินัย–เบากับทรัพย์สิน–หนักแน่นกับเงินสด” แบรนด์จึงกลายเป็นผู้เล่นโลว์คอสต์ที่ “วิ่งโค้งยาว” ได้ ไม่ใช่แค่ “สปรินต์” ระยะสั้น

อย่างไรก็ดี เส้นทางสู่เครือข่ายระดับประเทศและแผนตลาดทุนต้องอาศัย ธรรมาภิบาลแบรนด์ และ มาตรฐานบริการ ที่คงเส้นคงวาในทุกสาขา โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ประกอบการใช้นามคล้ายในบางพื้นที่ การสื่อสารให้ชัดว่ากลุ่มเชียงรายอยู่ภายใต้ KS Group Residence และการวาง “มาตรฐานกลาง” ที่ตรวจวัดได้ จะเป็นหัวใจในการป้องกันความสับสนและยกคุณภาพทั้งเครือ

สาขาแม่สายคือบททดสอบสำคัญ ถ้าทำได้ตาม “สูตรเชียงราย” เมืองรองอื่นที่กำลังสร้างก็น่าจะ “ติด” เช่นกัน และเมื่อรถไฟทางคู่เปิดเดินรถในปี 2571 เครือข่ายที่ปักไว้ล่วงหน้าจะรับแรงดีดของดีมานด์ได้เต็มประสิทธิภาพ—ถูกและดี จึงไม่ใช่เพียงคำขวัญ แต่เป็น กลยุทธ์การลงทุน ที่วางบนความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและวินัยการดำเนินงานอย่างถึงแก่น

คำกล่าว/มุมมองจากผู้บริหาร (อ้างอิงจากการให้ข้อมูลสาธารณะ)

  • คุณผนิสา คงอ่ำ – กรรมการบริหาร บริษัท เคเอส กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ จำกัด
    “เราตั้งใจให้ ราคาคงที่ เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจง่าย—จะมาวันไหนก็ ราคาเดียว ช่วงเทศกาลห้องมักเต็มล่วงหน้า เพราะที่อื่นราคาพุ่ง แต่เรายังยึดหลัก ‘ถูกและดี’ และชดเชยด้วยประสิทธิภาพหน้างาน ทั้งตารางบำรุงรักษาและการควบคุมต้นทุนเชิงระบบ”
  • แนวทางบริหารความเสี่ยง
    “ในโควิดเราไม่เลย์ออฟ ใช้เงินสำรอง–ปรับหอพักเป็น ASQ และลดราคาชั่วคราวเพื่อดึงลูกค้าให้มาสัมผัสประสบการณ์จริง วันนี้แม้ต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น เราก็ยังรักษา Fixed Rate เป็นแกน เพื่อความเชื่อมั่นระยะยาว”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บริษัท เคเอส กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ จำกัด / One Budget Hotel
  • ธนาคารกรุงไทย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช./NESDC)
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

โรงแรม Imperial เชียงแสน ปิดแล้ว พร้อมรีโนเวทเป็น โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว

 
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา โรงแรม The Imperial Golden Triangle สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ปิดอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อรีโนเวทเป็น Kimpton Chiang Rai Golden Triangle ซึ่ง Website ของ Kimpton ก็ขึ้นว่า Coming Soon จ.เชียงรายแล้ว และในพื้นที่เดียวกันยังก่อสร้าง InterContinental Chiang Rai Golden Triangle Resort เพิ่มอีก 1 โรงแรม ซึ่งทั้ง 2 มีกำหนดเปิด Q4/2026
 
 

ซึ่งเป็นการวางแผนของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสั่งหริมรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรลงนามข้อตกลงในการพัฒนาและบริหารโรงแรมกับเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป หรือ IHG Hotels & Resorts หนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านธุรกิจโรงแรม เพื่อพัฒนาโรงแรมระดับลักซ์ชั่ ใหม่ 2 แห่ง ในจ้งหวัดเชียงราย

 

ได้แก่ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงราย โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล รีสอร์ต (InterContinental Chiang Rai Golden Triangle Resort)” และ “คิมป์ตัน เชียงราย โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล (Kimpton Chiang Rai Golden Triangle)” ซึ่งนับเป็นโครงการแรกของ AWC และ IHG ในจังหวัดเหนือสุดแดนสยาม สนับสนุนกลยุทธ์ GROWTH-LED ของ AWC ในระยะยาวเพื่อพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพในทำเลที่มีศักยภาพสูงรวมถึงเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ด้วยการนำแบรนด์ ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาสู่จ้งหวัดเชียงรายในฐานะอัญมณีเม็ดงามด้นการท่องเที่ยวที่รอการนพบพร้อมสนับสนุนเชียงรายสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรมสำหรับนักเดินทางทั่วโลก

 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในจุดหมาย ปลายทางที่มีเอกลักษณ์ฉพาะของประเทศไทยด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามทงธรรมชาติ งานศิลปะ ไปจนถึงวัดวาอาราม และหมู่บ้านของชาวเขาพื้นเมืองจึงสามารถมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลายและยั่งยืนให้กับนักเดินทางด้วยศักยภาพในฐนะเมืองที่ได้รับกรจัดอันดับให้เป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ”จากทาง UNESCO Creative Cities Network (UCCN) รวมถึงยังเป็นบ้านของศิลปินแห่งชาติหลายท่าน

ผนวกกับความพร้อมของโดรงสร้างพื้นฐานอย่างสนามบินนานาชาติ ทำให้ความร่วมมือระหว่าง AWC และ IHG ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้จ้งหวัดเหนือสุดของประเทศไทยแห่งนี้เป็นที่จดจำสำหรับนักเดินทางจากทั้งในประเทศและต่างประเทศตอบโจทย์กลุ่มนักเดินทางคู่รักและครอบครั่วที่ให้ความสำคัญในรื่องของธรรมชติและวัฒนธรรมรวมถึงการพักผ่อนในเวลเนสรีสอร์ตระดับลักซ์ชัวรี่

 

นอกจากนี้ที่ตั้งของโครงการอยู่ในทำเลชั้นเยี่ยมติดแม่น้ำ พร้อมด้วยห้องอาหารและบารัริมน้ำที่จะเต็มเต็มประสบการณ์สุดพิเศษกับการล่องเรือสำราญเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างไทย ลาว เมียนมา และด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1,500 ล้านบาท โรงแรมทั้ง 2 แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมกรท่องเที่ยวและกรบริกรในภาคเหนือของไทยแต่ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทามกลางธรรมชาติและมรดกทงวัฒนธรรมอันล้ำค่าของล้านนา โดยโรงแรมทั้ง 2 แห่งนี้จะตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวสำหรับประสบการณ์การเข้าพักตามตลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์ เพื่อสนับสนุนเชียงรายสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยระดับโลกพร้อมทั้งช่วยสร้างสร้างมูลค่าระยะยาวควบคู่การสร้างคุณค่าให้กับชุมชนและสังคมโดยรอบโครงการ

 

ด้าน มร. ราจิต สุกุมารัน กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี IHG Hotels & Resorts กล่าวว่า เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ขยายเครื่อข่ายโรงแรมในประเทศไทยกับ AWC ต่อจากการเปิดตัวโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แมปิง โฮเทล ที่ผ่านมาการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของความส้มพันธ์ระยะยาวมากกว่า 10 ปีระหว่าง IHG และAWC ที่จะดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าของเรามีโอกาสได้เดินทางมายังภาคเหนือของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดย “อินเตอร์คอนติเนนต้ล เชียงราย โกลเต้น ไทรแองเกิ้ล รีสอร์ต” และ “คมปัต้นเชียงราย โกลเต้น ไทรแองเกิ้ล”จะนำเสนอประสบการณ์ของแบรนด์ที่โดดเด่นเพื่อแนะนำจังหวัดเชียงรายให้กับนักเดินทางจากทั่วโลก ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะเติบโตในประเทศไทยด้วยการนำเสนอการบริการระดับเวิร์ลคลาส

 

ด้วยกลยุทธ์ของ AWC ในการพัฒนาสินทรัพย์คุณภาพในทำเลที่มีศักยภาพสูงและการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงราย โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล รีสอร์ต จะเป็นโดรงการที่จะได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ในขณะที่คิมปัต้น เชียงราย โกลเต้น ไทรแองเกิ้ล” จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างการพัฒนาขึ้นใหม่และการปรับปรุงโรงแรมอิมพีเรียลโกลเด่นไทรแองเกิ้ล รีสอร์ต (Imperial Golden Triangle Resort) ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่อันงดงามของสามเหลี่ยมทองคำในอำเภอเชียงแสน ท่ามกลางเทือกเขาของภาคเหนือ ล้อมรอบด้วยแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศไทยเมียนมา และลาว

 

โดยโรงแรมดังกล่าวถือเป็นโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งที่ 2 ของทาง AWC ในภาคเหนือของประเทศไทย หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัวอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิ้ง โฮเทล และเป็นโรงแรมคิมปัต้นแห่งที่สามของทาง AWC ต่อจากคิมปัต้น พัทยา และ คิมปัต้น หัวหิน โดยโรงแรมใหม่ทั้ง 2 แห่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่สี่ของปี 2569

 

ทั้งนี้ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงราย โกลเต้น ไทรแองเกิ้ รีสอร์ต” มีสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมล้านนาแบบดั้งเดิม ประกอบไปด้วยพูลวิลล่าและการ์เด้นวิลล่า 68 หลั่ง ในขณะที่ “คิมป์ตัน เชียงราย โกลเด้น ไทรแองเกิ้ลให้บริการห้องสวีท สไตล์ล้านนาร่วมสมัย 68 ห้อง รวมถึงห้องที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว และห้องแบบพูลแอคเซส โดยโรงแรมทั้ง 2 แห่งจะมีห้องอาหารและบาร์ทั้งหมด 8 แห่ง รวมถึง Glasshouse Cafe and Restaurant ขนาด 110 ที่นั่งริมแม่น้ำโขง ด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 พร้อมดีไซน์การตกแต่งภายในแบบร่วมสมัย

 

นอกจากนี้ โรงแรมยังนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวบนสายน้ำรูปแบบใหมให้กับผู้เข้าพักด้วยบริการเลาจน์บนเรือสำราญ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการมาถึงของตะวันตกผ่านการเดินทางทางแม่น้ำในช่วงปลายยุคอุตสาหกรรม การล่องเรือในแม่น้ำจะนำผู้มาเยือนเดินทางไปเยี่ยมชมชุมชนท้องถิ่นริมสองฝั่งแมน้ำโขง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาและลาวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง พร้อมให้บริการชุดน้ำชายาบ่ายด้วยขนมหวานแบบไทยและแบบท้องถิ่น รมถึงยังมีบาร์และห้องอาหารที่นำเสนอกลิ่นอายของวัฒนธรรมทางภาคเหนือของไทย ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน

 

โดยโรงแรมใหม่ทั้ง 2 แห่งจะเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพด้วยทรีตเมนท์สมุนไพรไทย สระว่ายน้ำ ฟิสเนสเซ็นเตอร์ และการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ในการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ควบคูไปกับโครงการ AWC Stay to Sustain ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มอย่างยั่งยืนเพื่อเชิญชวนแขกของโรงแรมเข่าร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูต้นไม่ในป่าชุมชน นอกจากนี้ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงราย โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล รีสอร์ต และ “คิมป์ตัน เชียงราย โกลเด้น ไทรแองเกิ้ลกิ้ ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเพื่อให้ได้รับกรรับรองมาตรฐาน LEED หรือ WELL ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงกรตามมาตรฐานอาครสีเขียวของ AWC รมถึงทางโรงแรมยั่งเป็นที่ตั้งของร้าน เดอะ GALLERY โครงการวิสาหกิจเพื่อสังคมของ AWC ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการสร้างสรรค์โดยนักออกแบบ ศิลปิน และชุมชนชาวไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News