Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชียงรายเปิดลานกีฬาเอ็กซ์ตรีมริมน้ำกก แลนด์มาร์คใหม่

เชียงรายเปิดตัวแลนด์มาร์คใหม่ ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีมริมน้ำกก

เชียงราย, 6 กุมภาพันธ์ 2568 – นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยส่วนงานที่รับผิดชอบ ได้ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกก ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ตั้งแต่ฝายเชียงรายถึงหาดเชียงราย

การพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกก

โครงการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกก เป็นโครงการที่เทศบาลนครเชียงรายให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกกให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ออกกำลังกายสำหรับประชาชน ปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการไปแล้ว 3-4 กิโลเมตร ประกอบด้วย สวนสาธารณะริมน้ำกก เลนวิ่ง เลนจักรยาน และลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม

ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม เทศบาลนครเชียงราย

ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม เทศบาลนครเชียงราย บริเวณชุมชนร่องเสือเต้น เป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกก หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมและดินโคนทับถม ปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูและปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพื่อเปิดพื้นที่ให้นักกีฬาและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาใช้พื้นที่ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

นายกเทศมนตรีเน้นส่งเสริมกีฬา

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม เทศบาลนครเชียงราย แห่งนี้ ไม่ได้เน้นการแข่งขันอย่างเดียว แต่เน้นตั้งแต่เริ่มต้นเป็นนักกีฬาจนประสบความสำเร็จ และเป็นการกระตุ้นให้ออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพ

เชียงรายเมืองแห่งกีฬา

นายกเทศมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ผลงานหลายมิติที่ทำให้เชียงรายต้องขับเคลื่อนต่อไปด้านกีฬา และได้จัดกิจกรรมมากมายทางด้านกีฬารวมทั้งถนนสายกีฬา และเชื่อว่าอนาคตการจัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศจะทำให้นักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบกีฬาเข้ามาจังหวัดเชียงรายมากยิ่งขึ้น

สรุป

การพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกกและลานกีฬาเอ็กซ์ตรีมในครั้งนี้ จะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของจังหวัดเชียงราย ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

“คาราวานมาเหนือ” กระตุ้นท่องเที่ยว 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

“คาราวานมาเหนือ” เปิดตัวยิ่งใหญ่ กระตุ้นท่องเที่ยว 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 –  โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “คาราวานมาเหนือ” อย่างเป็นทางการ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประจำปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยงในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน

ความพร้อมของเชียงรายในการรองรับนักท่องเที่ยว

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความพร้อมของจังหวัดเชียงรายในการรองรับนักท่องเที่ยวว่า เชียงรายเป็นจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทย มีพรมแดนติดกับสองประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ภูมิประเทศของจังหวัดเต็มไปด้วยเทือกเขาสลับกับที่ราบลุ่มแม่น้ำ อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่งดงามและสมบูรณ์ พร้อมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่หลากหลาย อาทิ วัดร่องขุ่น วัดมิ่งเมือง วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยปลากั้ง และจุดชมวิวสำคัญอย่างสามเหลี่ยมทองคำ ดอยตุง และภูชี้ฟ้า ที่นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศหนาวเย็นและวิวทิวทัศน์อันตระการตา นอกจากนี้ เชียงรายยังเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยมีชนเผ่ากว่า 30 กลุ่ม เช่น อาข่า ม้ง กะเหรี่ยง ไทลื้อ และไทใหญ่ ส่งผลให้มีเอกลักษณ์ทางศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร และวิถีชีวิตที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จังหวัดเชียงรายพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ด้วยระบบขนส่งที่สะดวกสบาย โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การจัดคาราวานในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และส่งเสริมภาพลักษณ์ของเชียงรายให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักเดินทางทั่วโลก

รายละเอียดของกิจกรรม “คาราวานมาเหนือ”

นางวิภาวี ลีไพบูลย์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โครงการ “คาราวานมาเหนือ” เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่าง ๆ เข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือตอนบน 2 ผ่านเส้นทางท่องเที่ยว โดยมีการออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละจังหวัด ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ท้องถิ่น กิจกรรม “คาราวานมาเหนือ” จะจัดขึ้นตลอดเดือนมีนาคม 2568 ครอบคลุมทั้ง 4 จังหวัด โดยมีอินฟลูเอนเซอร์และนักเดินทางชื่อดังร่วมเดินทางในเส้นทางต่าง ๆ ได้แก่

  • น่าน – แพร่ (7-9 มีนาคม 2568): นำโดย คุณลีโอ พุฒิ, คุณต้า เผ่าพล และคุณเร แม็คโดแนลด์ (รายการเร่ร่อน)
  • เชียงราย – พะเยา (14-16 มีนาคม 2568): นำโดย คุณเร แม็คโดแนลด์
  • เชียงราย – พะเยา (21-23 มีนาคม 2568): นำโดย คุณภูริ หิรัญพฤกษ์ (วิวไฟน์เดอร์)
  • น่าน – แพร่ (28-30 มีนาคม 2568): นำโดย คุณเบนซ์ ถาวร ภัสสรสิริกุล (เบนซ์ไกจิน – แบกเป้เที่ยวคนเดียว)

ทั้งนี้ คาราวานจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า และร้านอาหารสำคัญในพื้นที่ พร้อมเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวในอนาคต

การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นายสุขสันต์ เพ็งดิษฐ์ ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย กล่าวว่า สำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย (อพท.) เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงราย ผ่านกิจกรรมคาราวานเชื่อมโยงเส้นทางสร้างสรรค์ เชียงรายในฐานะเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของยูเนสโก (UCCN) มีศักยภาพโดดเด่นด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และสถาปัตยกรรมล้านนา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ อพท. ที่มุ่งพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยใช้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) เป็นแนวทางในการพัฒนา อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการนี้ คือ การศึกษาเส้นทางสร้างสรรค์ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 15-18 มกราคม 2568 ซึ่งช่วยให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้เรียนรู้เพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

สรุป

โครงการ “คาราวานมาเหนือ” เป็นความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่คาราวานท่องเที่ยว เส้นทางสร้างสรรค์ จนถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแบบครบวงจร ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : คาราวานมาเหนือ หรือโทร 053 716 434

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พบกาแฟ-ชาคุณภาพ ล้านนาตะวันออกที่เชียงราย

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จับมือจัดงานเทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ร่วมกันจัดงาน “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟและชาในภูมิภาค พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางธุรกิจและการท่องเที่ยว

เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่

งานแถลงข่าวจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ณ ร้านอาหารภูภิรมย์ สิงห์ปาร์ค อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้แทนจากจังหวัดต่างๆ และสถาบันชาและกาแฟ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมงาน

ศักยภาพของชาและกาแฟล้านนาตะวันออก

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีศักยภาพในการผลิตชาและกาแฟคุณภาพสูง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลผลิตที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้จึงเป็นการนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

เป้าหมายของการจัดงาน

  • ส่งเสริมการท่องเที่ยว: สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2
  • สร้างโอกาสทางธุรกิจ: สร้างเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจชาและกาแฟ
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์: ส่งเสริมให้ผู้ผลิตพัฒนาคุณภาพและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น
  • สร้างรายได้ให้ชุมชน: สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่

ไฮไลท์ภายในงาน

  • การแสดงสินค้า: รวบรวมร้านค้าผู้ประกอบการชาและกาแฟกว่า 50 ร้านค้า มาจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์
  • การแข่งขันลาเต้อาร์ต: การแข่งขันสร้างสรรค์ลวดลายบนกาแฟนม
  • กิจกรรมเจรจาธุรกิจ: สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พบปะกับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ
  • นิทรรศการและกิจกรรมอื่นๆ: นิทรรศการเกี่ยวกับชาและกาแฟ การแสดงวัฒนธรรม และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ

การสนับสนุนจากภาครัฐ

รัฐบาลให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมกาแฟอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตและการค้ากาแฟคุณภาพในอาเซียน การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

อนาคตของอุตสาหกรรมชาและกาแฟในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

ด้วยศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติและการสนับสนุนจากภาครัฐ เชื่อว่าอุตสาหกรรมชาและกาแฟในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในตลาดโลกได้

สำหรับ “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – วันที่ 1 มกราคม 2568 ตั้งแต่ เวลา 16:00 น. ถึง 22:00 น. ณ สิงห์ปาร์คจังหวัดเชียงราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-5973823 (เวลาทำการ 09.00-16.00 น.) หรือที่
Facebook: Eastern Lanna Coffee & Tea Festival
LineOA : @easternlanna
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เช็ก 93 ประเทศ “ฟรีวีซ่า” อยู่ไทยได้ไม่เกิน 60 วัน ทั้งหมดที่นี่

 

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทย กำหนดรายชื่อประเทศและดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงาน หรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน เป็นกรณีพิเศษ

โดยประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของนักธุรกิจและภาคการท่องเที่ยวถดถอย

เมื่อภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการค้าการลงทุน เป็นกลไกหนึ่งที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของไทย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และส่งเสริมให้นักธุรกิจจากต่างประเทศซี่งมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจในประเทศไทยสูง ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้นในการเดินทางเข้าราชอาณาจักรเพื่อการท่องเที่ยว ทำงาน หรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 87/25657 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 และมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

ข้อ 2 ให้กำหนดรายชื่อประเทศและดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทน หนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินหกสิบวัน ดังนี้

 

  1. สาธารณรัฐแอลเบเนีย
  2. ราชรัฐอันดอรร์รา
  3. เครือรัฐออสเตรเลีย
  4. สาธารณรัฐออสเตรีย
  5. ราชอาณาจักรบาห์เรน
  6. ราชอาณาจักรเบลเยียม
  7. ราชอาณาจักรภูฏาน
  8. สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
  9. บรูไนดารุสซาลาม
  10. สาธารณรัฐบัลแกเรีย
  11. ราชอาณาจักรกัมพูชา
  12. แคนาดา
  13. สาธารณรัฐประชาชนจีน (รวมทั้งฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน)
  14. สาธารณรัฐโคลอมเบีย
  15. สาธารณรัฐโครเอเชีย
  16. สาธารณรัฐคิวบา
  17. สาธารณรัฐไชปรัส
  18. สาธารณรัฐเช็ก
  19. ราชอาณาจักรเดนมาร์ก
  20. เครือรัฐดอมินีกา
  21. สาธารณรัฐโดมินิกัน
  22. สาธารณรัฐเอกวาดอร์
  23. สาธารณรัฐเอสโตเนีย
  24. สาธารณรัฐฟีจี
  25. สาธารณรัฐฟินแลนด์
  26. สาธารณรัฐฝรั่งเศส
  27. จอร์เจีย
  28. สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
  29. สาธารณรัฐกัวเตมาลา
  30. สาธารณรัฐเฮลเลนิก
  31. ฮังการี
  32. สาธารณรัฐไอซ์แลนด์
  33. สาธารณรัฐอินเดีย
  34. สาธารณรัฐอินโดนีเชีย
  35. ไอร์แลนด์
  36. รัฐอิสราเอล
  37. สาธารณรัฐอิตาลี
  38. จาเมกา
  39. ญี่ปุ่น
  40. ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน
  41. สาธารณรัฐคาซัคสถาน
  42. สาธารณรัฐเกาหลี
  43. สาธารณรัฐคอซอวอ
  44. รัฐคูเวต
  45. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
  46. สาธารณรัฐสัตเวีย
  47. ราชรัฐลิกเตนสไตน์
  48. สาธารณรัฐลิทัวเนีย
  49. ราชรัฐลักเชมเบิร์ก
  50. มาเลเซีย
  51. สาธารณรัฐมัลดีฟส์
  52. สาธารณรัฐมอลตา
  53. สาธารณรัฐมอริเชียส
  54. สหรัฐเม็กซิโก
  55. ราชรัฐโมนาโก
  56. มองโกเลีย
  57. ราชอาณาจักรโมร็อกโก
  58. ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
  59. นิวซีแลนด์
  60. ราชอาณาจักรนอร์เวย์
  61. รัฐสุลต่านโอมาน
  62. สาธารณรัฐปานามา
  63. รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี
  64. สาธารณรัฐเปรู
  65. สาธารณรัฐฟิลิปปีนส์
  66. สาธารณรัฐโปแลนด์
  67. สาธารณรัฐโปรตุเกส
  68. รัฐกาตาร์
  69. โรมาเนีย
  70. สหพันธรัฐรัสเซีย
  71. สาธารณรัฐซานมารีโน
  72. ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
  73. สาธารณรัฐสิงคโปร์
  74. สาธารณรัฐสโลวัก
  75. สาธารณรัฐสโลวีเนีย
  76. สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
  77. ราชอาณาจักรสเปน
  78. สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
  79. ราชอาณาจักรสวีเดน
  80. สมาพันธรัฐสวิส
  81. ราชอาณาจักรตองกา
  82. สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก
  83. สาธารณรัฐตุรกี
  84. ยูเครน
  85. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  86. สหราชอาณาจักร
  87. สหรัฐอเมริกา
  88. สาธารณรัฐโอเรียนทัลอุรุกวัย
  89. สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน
  90. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ข้อ 3 ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติตามที่กำหนดไว้ในข้อ 2 ซึ่งจะเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อทำงานหรือติดต่อธุรกิจระยะสั้นตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมการจัดหางานว่าด้วยการกำหนดงานอันมีลักษณะจำเป็นหรือเร่งด่วนหรืองานเฉพาะกิจให้ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน

ข้อ 4 ในกรณีที่คนต่างด้าวประสงค์จะขออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปภายหลังจากที่ครบกำหนดเวลาอนุญาตตามประกาศนี้แล้ว ก่อนครบกำหนดเวลาอนุญาต ให้คนต่างด้าวดำเนินการยื่นขอขยายระยะเวลาอนุญาตตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองประทับตราขยายระยะเวลาอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปได้อีกไม่เกิน 30 วัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

‘สุริยะ’ ขานรับนโยบายเตรียมทำแผน รองรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้

 

เมื่อ10 มิ.ย. 2567  นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปจัดทำแผนรองรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปี 2567 หรือไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ สอดรับกับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ที่คาดว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

 

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ไปดำเนินการจัดเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งในส่วนของแผนเพิ่มจำนวนเครื่องบิน และเที่ยวบินให้เพียงพอต่อผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ ครอบคลุมผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศที่เดินทางผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่

 

“จากการรายงานของ ทอท. พบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวนผู้โดยสารเข้า-ออก 6 ท่าอากาศยานรวม 9,503,475 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.08% และมีจำนวนเที่ยวบิน 61,435 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.90% ขณะเดียวกัน ทอท. ยังได้คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในช่วงเดือนมิถุนายน – พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมจำนวน 60.3 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบิน 380,000 เที่ยวบิน ดังนั้น เชื่อว่า ในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นด้านการท่องเที่ยว จึงมีแนวโน้มสูงว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”นายสุริยะกล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ ทอท. จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการบริหารจัดการการให้บริการในท่าอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคน ได้สัมผัสกับการบริการที่สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว สร้างความความประทับใจ และเกิดภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ โดยได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารในขั้นตอนต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ให้เกิดความคล่องตัว ไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่นในแต่ละจุดบริการ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วย

 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สั่งการให้จัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟ ทั้งเส้นปกติและขบวนพิเศษ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมแผนฯ โดยในเบื้องต้น จะเพิ่มขบวนนำเที่ยวเส้นทางสายวัฒนธรรมของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย จากก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการในหลายเส้นทาง ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในรูปแบบไปเช้า-เย็นกลับ (วันเดย์ทริป) เช่น ขบวนรถไฟนำเที่ยวน้ำตกไทรโยค, ขบวนรถไฟนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์, ขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นต้น

 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดทำแผนเตรียมความพร้อมขบวนรถไฟฟ้าและสถานีของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร ทั้ง 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีชมพู และสายสีเหลือง เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/2567 เบื้องต้นได้เตรียมขบวนรถเสริมให้บริการในกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น พร้อมทั้ง จัดเตรียมช่องทางพิเศษสำหรับจำหน่ายเหรียญโดยสาร เตรียมไว้ในสถานีที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก

 

ขณะเดียวกัน จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่ผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง โดยการประกาศทางเสียง ป้ายประชาสัมพันธ์ และจอแสดงผล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยโดยจัดให้มีพนักงานสถานีเพิ่มเติม เพื่อให้มีเพียงพอและพร้อมปฏิบัติงานในสถานีที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการหนาแน่น รวมถึง มีระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในสถานี และภายในขบวนรถไฟฟ้า ครอบคลุมทุกพื้นที่การให้บริการ และยังจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลความปลอดภัยบนสถานี และตรวจสัมภาระผู้โดยสาร ดังนั้น รฟม. มั่นใจว่าประชาชนผู้ใช้บริการจะได้รับความสะดวก ปลอดภัย ตลอดเส้นทาง

 

“ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้การกำกับดูแล พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในทุก ๆ ด้าน และทุกการคมนาคมต้องมีความปลอดภัยในระดับสูงสุด เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยหากทุกหน่วยงานฯ มีความคืบหน้าของแผนรองรับการท่องเที่ยวสำหรับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว จะดำเนินการรายงานต่อประชาชนให้ ทราบโดนทันที“ นายสุริยะ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงคมนาคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

เพิ่มวีซ่าฟรีเป็น 93 ประเทศ ดันรายได้ กระตุ้นท่องเที่ยว 1 ล้านล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการและแนวทางการตรวจลงตรา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาถดถอยเรื้อรังมายาวนาน โดยทำให้อัตราการเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น

 

ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้น คือ การให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ ฟรีวีซ่า ให้กับ 93 ประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 36 ประเทศ จากเดิมที่ 57 ประเทศ สามารถพำนักในไทยไม่เกิน 60 วัน โดยเป็นมาตรการของไทยฝ่ายเดียว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยประเทศที่เพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย ไซปรัส ฟีจี จอร์เจีย คาซัคสถาน มอลตา ไต้หวัน เป็นต้น เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. นี้ นอกจากนี้ การให้สิทธิ Visa on Arrival (VOA) ได้ปรับปรุงรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองใหม่ เพิ่มเป็น 36 ประเทศ จากเดิม 19 ประเทศ

 

ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเปิดวีซ่าฟรีเพิ่มขึ้น 36 ประเทศ สามารถพำนักยาวขึ้นอีก เป็น 60 วัน ทำให้กระทรวงการต่างประเทศสูญเสียรายได้ 12,300 ล้านบาท ถือว่ายอดเงินไม่น้อย แต่หากเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้ ได้เล็งไปที่ระดับ 8 แสนล้านบาท-1 ล้านล้านบาท

 

ขณะที่วีซ่าประเภทคนต่างด้าวที่มีทักษะและทำงานทางไกลผ่านระบบดิจิทัล หรือ ทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน กลุ่มฟรีแลนซ์ อาชีพอิสระ ปัจจุบันสามารถพำนักได้ 60 วัน และอยู่ได้ครั้งเดียว 30 วันเท่านั้น จะให้สิทธิประโยชน์ อายุวีซ่าขยายเป็น 5 ปี สามารถพำนักได้ครั้งละ 180 วัน และขยายอยู่ต่อได้อีกไม่เกิน 180 วัน ส่วนกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป โดยขยายเวลาพำนักในประเทศไทยหลังสำเร็จการศึกษาได้ 1 ปี เพื่ออำนวยความสะดวก หากต้องการหางานทำ เดินทางท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นๆ

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

“มนพร“ ตรวจคืบหน้าพัฒนาโครงข่าย คมนาคมทางน้ำ จ.เชียงราย

 
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพันธ์ คุณากรวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ และได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและติดตามโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต โดยมีนายดรุฒ คำวิชิตธนาภา กรรมการ กทท. นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. นายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ กทท. สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ และพนักงาน กทท.ให้การต้อนรับ ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน จังหวัดเชียงราย
 
 
โครงการส่งออกสัตว์มีชีวิตที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) ได้ผ่านความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว และสามารถดำเนินโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต (โคเนื้อ กระบือ สุกร) ผ่านที่ ทชส. ในพื้นที่ 1 บริเวณพื้นที่ท่าเรือแนวลาดฝั่งทิศใต้ ได้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยคาดการณ์ปริมาณสัตว์ส่งออกสุกร 15,000 ตัว/เดือน หรือ 180,000 ตัว/ปี โค กระบือ จำนวน 5,000 ตัว/เดือน หรือ 60,000 ตัว/ปี ส่งผลให้ ทชส. มีรายได้จากการดำเนินโครงการฯ เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10 ล้านบาท ทั้งนี้ การส่งออกสัตว์มีชีวิตผ่านที่ ทชส. ต้องปฏิบัติตามแนวทางตามระเบียบของกรมปศุสัตว์และระเบียบพิธีการของกรมศุลกากรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การขนถ่าย เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยผู้ประกอบการต้องทำนัดหมายช่วงเวลาในการขนถ่ายสัตว์ล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง การล้างสิ่งปฏิกูลและฉีดยาฆ่าเชื้อ การขนย้ายโดยมีที่กั้นที่แข็งแรง ถ่ายเทอากาศได้ดี มีอุปกรณ์ช่วยขนสัตว์ขึ้นลง รวมทั้งการทำความสะอาดจุดขนถ่ายสัตว์ เมื่อดำเนินการขนถ่ายแล้วเสร็จ เป็นต้น
 
 
“ปัจจุบันโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต (โคเนื้อ กระบือ สุกร) ที่ ทชส.ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมเจ้าท่าและการท่าเรือฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินโครงการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเกษตรกรที่อยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบท่าเรือและอำเภอเชียงแสนตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้เน้นย้ำให้ดำเนินการตามแนวทางตามระเบียบของกรมปศุสัตว์และระเบียบพิธีการของกรมศุลกากร เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน” นางมนพร กล่าว
 
 
ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า “โครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต เป็นการใช้พื้นที่ ทชส. เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของไทยเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของ ทชส. ที่สามารถให้การสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว อันจะเป็นการสร้างรายได้ ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการส่งออกสัตว์ที่อาจจะมีราคาต่ำลง และเชื่อว่าแนวคิดต่างๆ ทั้งภาคเกษตรกร ภาคธุรกิจที่ได้ร่วมประชุมหารือในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ ทชส. ในการให้การสนับสนุนและต่อยอดด้านการค้าการขนส่งในพื้นที่ต่อไป”
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่าเรือแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News