Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สทนช. ทำหนังสือด่วนประสานจีน ชะลอระบายน้ำเขื่อนลงแม่น้ำโขง

 

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 เวลา 16.30 น. นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ระบายน้ำอิงสู่น้ำโขง ณ สะพานบ้านเต๋น ต.สถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ติดตั้งเครื่องดันน้ำของโครงการชลประทานเชียงราย เพื่อดันน้ำจากแม่น้ำอิง ลงแม่น้ำโขง บริเวณปากอิง ต.ศรีดอนชัย ที่อยู่ห่างจากสะพานนี้ประมาณ 1 กม. โดยมีนายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย และนายอุดม ปกป้องวรกุล นายอำเภอเชียงของ และผู้นำชุมชน ต.ศรีดอนชัย และต.สถานให้การต้อนรับ

นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า ทางจังหวัดไม่ได้อยู่เฉย ๆ ปล่อยให้น้ำเอ่อ แต่พยายามทำให้ลงแม่น้ำโขงเร็วที่สุดระยะทางจากพะเยากว่า 100 กม.เพื่อไม่ให้ประชาชนระหว่างทางเดือดร้อน ทั้งที่อำเภอเทิง อำเภอขุนตาล ที่เป็นทางผ่านของแม่น้ำอิง ซึ่งได้รับความเสียหายกันมาก ผสมกับเราเจอน้ำป่า ร่องกดอากาศต่ำพาดผ่าน สังเกตว่าทำไมตกอยู่แต่ที่เชียงราย เป็นเวลาเดือนกว่า ยังไม่ผ่านไปเลย แต่ยังอยู่ที่เชียงรายอยู่

“วันนี้ฝนยังตกเรื่อย ๆ น้ำจากจังหวัดอื่นก็มาสะสม ไหลมารวมกันที่บ้าน พื้นที่เกษตร ปศุสัตว์ประสบกันทั่วหน้า ภาพรวมที่ติดริมน้ำอิง ตั้งแต่เทิง ลงมาพญาเม็งราย และขุนตาล เชียงของ เป็นปลายทางน้ำอิงลงน้ำโขง ที่สังเกตว่าเป็นลานีญา เห็นว่าตกสะสมจึงวันที่ 23 ส.ค. รวม 600 กว่ามิลลิเมตรแล้ว เทียบกับเดือนสิงหาคมปี 2566 รวม 200 กว่ามิลลิเมตรเอง 3 เท่าของปีที่แล้ว ทั้งที่ไม่ครบเดือน อยากเตือนพี่น้องประชาชน เป็นประเด็นปัญหาที่ป้องกันแก้ไขด้วย”ผวจ.เชียงราย กล่าว

ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีการเตรียมสร้างเขื่อนปากแบงกั้นแม่น้ำโขงซึ่งห่างจากชายแดนไทยเพียง 96 กม.ทำให้อนาคตยิ่งกลายเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์อีกหรือไม่ นายพุฒิพงศ์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้รัฐบาลดูแล ทราบว่ารัฐบกาลกำลังเจรจาอันนี้เป็นเรื่องเหนือขอบเขตอำนาจหน้าที่ และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจโดยได้เร่งเจรจากำลังทำอยู่ ส่วนตนมีหน้าที่รักษาพื้นที่ภาย ทำอย่างไรให้เราเดือดร้อนน้อยที่สุด และเร่งน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด “เรื่องนี้ผมไม่สามารถตอบได้ ต้องเป็นรัฐบาลและกระทรวงต่างประเทศ”

ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์ระดับน้ำล่าสุดในแม่น้ำโขงวัดที่อำเภอเชียงของ พบว่าปริมาณน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งโดยวัดล่าสุดในช่วง 18.00 น.อยู่ที่ 10.30 เมตร

เย็นวันเดียวกัน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นอย่างใกล้ชิด

โดยขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำโขงในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

สทนช. จึงได้มีหนังสือด่วนที่สุดไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ให้ดำเนินการเฝ้าระวัง ศึกษา วิเคราะห์ เพิ่มเติม โดยเฉพาะการวิเคราะห์แนวโน้ม คาดการณ์ วัน เวลา และปริมาณน้ำสูงสุด (Peak) และการสิ้นสุดของสถานการณ์ ณ สถานีต่าง ๆ ตามแนวแม่น้ำโขง 8 จังหวัดของประเทศไทย

โดยให้รายงานผลการดำเนินงานและมีการประสานงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสนอแนวทางและมาตรการให้ประเทศสมาชิกของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ได้แก่ ไทย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ได้ทราบและช่วยกันดำเนินการร่วมกันทุกฝ่าย

นอกจากนี้ยังขอให้ MRCS ประสานงานกับ สปป.ลาว เพื่อช่วยในการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนในแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง เพื่อบรรเทาผลกระทบและให้ระดับน้ำลดลงจากการล้นตลิ่งของแม่น้ำโขง พร้อมทั้งให้ประสานงานกับจีน เพื่อแจ้งสถานการณ์ในปัจจุบันของลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เพื่อให้จีนชะลอการปล่อยน้ำและบริหารจัดการน้ำในเขื่อนแม่น้ำโขงตอนบน ตลอดจนติดตามสถานการณ์การให้ข้อมูลเพื่อประกอบการแจ้งเตือนและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนริมโขงให้มากที่สุด โดย สทนช. จะมีการติดตามสถานการณ์น้ำและประสานงานร่วมกับ MRCS อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสียหายแก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขงให้ได้มากที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักข่าวชายขอบ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ส่งเครื่องผลักดันน้ำถึงเชียงราย ผลักดันน้ำ 1.15 ลบ.ม.ต่อวินาที

 

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่อำเภอเชียงของเพื่อติดตามการประกอบและติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังทวีความรุนแรงในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำอิงที่มีปริมาณน้ำมหาศาลไหลมาจากจังหวัดพะเยา ผ่านอำเภอเทิงและอำเภอขุนตาล เพื่อให้สามารถระบายน้ำลงสู่ลำน้ำโขงได้อย่างรวดเร็วที่สุด

นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย เปิดเผยว่า โครงการชลประทานเชียงรายได้รับการสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 10 เครื่องจากกรมชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย โดยเครื่องผลักดันน้ำนี้มีความสามารถในการสูบหรือผลักดันน้ำได้ที่อัตรา 1.15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระยะยกน้ำ 1.2 เมตร และใช้พลังงาน 25 กิโลวัตต์ ซึ่งเครื่องดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในพื้นที่ที่มีความเร็วน้ำไม่เกิน 1.8 เมตรต่อวินาที

การติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน ณ จุดบ้านเต๋น หมู่ที่ 8 ตำบลสถาน อำเภอเชียงของ ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการระบายน้ำจากแม่น้ำอิงลงสู่แม่น้ำโขง การดำเนินการนี้เป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์น้ำท่วมหนักที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงรายปี 2567 ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อพื้นที่หลายอำเภอ

ในปี 2567 จังหวัดเชียงรายเผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่องจากปริมาณฝนที่ตกหนักเกินกว่าปกติ ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดต้องประสบกับปัญหาน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดได้แก่ อำเภอเทิง อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ ซึ่งเส้นทางน้ำจากจังหวัดพะเยาไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้ยากและทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพื่อรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่รุนแรงนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันในการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำอย่างรวดเร็ว และจะมีการติดตามการทำงานของเครื่องผลักดันน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติในอนาคต โดยจะมีการทบทวนและปรับปรุงแผนการจัดการอุทกภัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

โดยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบชลประทานในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการควบคุมและบริหารจัดการน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงจากอุทกภัยในอนาคต

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายปี 2567 เป็นการเตือนภัยที่ชัดเจนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ยั่งยืน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการแก้ไขปัญหาและสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนถึงความสำคัญของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกในอนาคต.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชลประทานเชียงราย ยืนยันไม่กระทบ มวลน้ำเข้าเมืองทุกสายไหลลงสู่แม่น้ำกก

 

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 67 นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย พร้อมด้วย นายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หน. กลุ่มนโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย และนายประพันธ์ ช่างแก้ว หัวหน้าฝ่ายปกครอง (นักบริหารงานทั่วไป) เทศบาลนครเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสถานที่กักเก็บน้ำ / กั้นน้ำ แหล่งน้ำ และทางระบายน้ำ คลองผันน้ำอาคารควบคุมน้ำ และทิศทางการไหลของน้ำ ในเขตตัวเมืองเชียงราย โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์สำหรับวางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่เศรษฐกิจชุมชนเมืองเชียงราย

     โดยจุดแรกได้ลงพื้นที่ตรวจสอบท่อส่งน้ำบริเวณหัวสนามบิน ฝูงบิน 416 ตำบลรอบเวียง จุดที่ 2 ตรวจสอบประสิทธิภาพการผันน้ำของคลองผันน้ำแม่กรณ์สู่แม่น้ำกกที่บริเวณบ้านหัวฝาย ตำบลรอบเวียง จากนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบทิศทางการไหลของน้ำที่ฝายชัยสมบัติ ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย และที่บริเวณอาคารควบคุมน้ำ การรับน้ำ และการระบายน้ำ ณ เขื่อนเชียงราย เดิมเรียกว่า (ฝายเชียงรายเดิม) ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 

ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ของแม่น้ำกก ที่อยู่ในเขตตัวเมืองเชียงราย ไหลผ่านลงสู่แม่น้ำโขง เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ตามที่อุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนว่า ประเทศไทยสิ้นสุดฤดูร้อน และเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 โดยในบริเวณประเทศไทยตอนบน สภาพอากาศมีฝนตกชุกหนาแน่นครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 60 และต่อเนื่อง 3 วันขึ้นไป โดยพื้นที่จังหวัดเชียงรายเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม ถึง 3 สิงหาคม 2567 เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยและดินสไลด์ มีผลกระทบระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคม 2567 และอาจส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงช่วงฤดูฝนปีนี้ โดยทางผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย ยืนยันว่ามวลน้ำทุกสายที่ไหลผ่านเข้าสู่ตัวเมืองเชียงราย และไหลลงสู่แม่น้ำกก ผ่านไปยังแม่น้ำโขงไม่กระทบต่อชุมชนในเขตเมือง และพื้นที่อื่นๆ อย่างแน่นอน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News