เมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 ได้เกิดไฟไหม้ป่าละเมาะขึ้นบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งไทยคือหมู่บ้านผาฮี้ ต.โป่งงาม และบ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยไฟได้ลุกไหม้มาจากฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และจะเข้าสู่ฝั่งไทยซึ่งมีถนนเลียบชายแดนกั้นอยู่ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ม.2 ฉก.ทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ได้ระดมกำลังกันเข้าระงับเหตุโดยเฉพาะบริเวณช่องทางศูนย์บำบัดผาหมีที่มีหญ้าและต้นไม้แห้งปกคลุมอยู่มาก
เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องใช้เวลานานประมาณ 5 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แต่ไฟก็ลามเข้ามาไหม้ในฝั่งไทยจนมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย ประมาณ 6 ไร่ แต่ไม่มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามหลังไฟลุกลามยังคงมีการคุกรุ่นและลุกไหม้ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังคงต้องเฝ้าระวังรวมทั้งพากันทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไฟที่อาจจะลุกลามเข้ามาอีกเพระฝั่งไทยมีต้นไม้โดยเฉพาะต้นสนหนาแน่น รวมทั้งมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ด้วย
วันเดียวกันนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่กำกับติดตามการรับมือไฟป่า หมอกควันในพื้นที่อ.เชียงแสน และอ.เชียงของ หลังเริ่มมีสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ และค่าหมอกควัน ฝุ่นละออง PM2.5 มีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว ที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำให้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นต้องทั่วถึง ทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้อง อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าฝุ่นสูงขึ้น คือ หมอกควันข้ามแดน จึงได้สั่งการให้นายอำเภอ ประสานงาน และเจรจาขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในระดับพื้นที่ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างเต็มที่
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังได้กล่าวขอบคุณพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 พร้อมทั้งยังได้แสดงความชื่นชมทุกในการเสียสละแรงกาย และแรงใจ เพื่อชาติ บ้านเมือง และประชาชน โดยเน้นย้ำว่าทางจังหวัดเชียงรายพร้อมให้การสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 อย่างเต็มที่
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย