Categories
ECONOMY

แห่ขายบ้านเพิ่มขึ้น ในธุรกิจเอสเอ็มอีชั้นกลาง

การแห่ขายบ้านที่ดินเพิ่มขึ้นในธุรกิจเอสเอ็มอีคนชั้นกลาง ท่ามกลางพิษเศรษฐกิจและหนี้เรื้อรัง

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รายงานสถานการณ์ตลาดบ้านมือสองที่เข้าสู่ตลาดในปัจจุบัน โดยนายปรีชา ศุภปิติพร นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้เปิดเผยว่าตลาดบ้านมือสองในปัจจุบันมีสองประเภทหลัก คือ ผู้ขายบ้านเองและผู้ที่ถูกบังคับให้ขายเนื่องจากเป็นหนี้เสีย ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้มีการเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีหลังโควิด-19

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดบ้านมือสองขยายตัว

หลังจากมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลสิ้นสุดลง ทำให้หลายธุรกิจเอสเอ็มอีและคนชั้นกลางต้องเผชิญกับปัญหาหนี้เสีย ส่งผลให้มีการนำที่ดินมาฝากขายมากขึ้น ในกรณีของธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ทำให้พวกเขาต้องขายบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียมเพื่อชำระหนี้ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการบ้านมือสองสูง

การแข่งขันในตลาดบ้านมือสองและความสนใจจากบริษัทรับซื้อหนี้

ทรัพย์สินมือสองเริ่มได้รับความสนใจจากบริษัทรับซื้อหนี้มากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดและราคาการซื้อหนี้สูงขึ้น โดยเฉพาะบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและราคาขายไม่สูงมาก ทำให้บ้านมือสองมีการซื้อขายเปลี่ยนมือคล่องกว่าบ้านมือหนึ่งที่มักจะมีการกู้ยืมสูง

ภาพรวมตลาดบ้านมือสองในไตรมาสที่ 2/2567

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2/2567 ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศมีการประกาศขายทั้งหมด 140,725 หน่วย มูลค่า 718,436 ล้านบาท โดยประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการประกาศขายมากที่สุด ได้แก่:

  1. บ้านเดี่ยว: 55,754 หน่วย (39.6%) มูลค่า 373,917 ล้านบาท (52.0%)
  2. ทาวน์เฮ้าส์: 41,384 หน่วย (29.4%) มูลค่า 105,191 ล้านบาท (14.6%)
  3. ห้องชุด: 35,963 หน่วย (25.6%) มูลค่า 201,887 ล้านบาท (28.1%)
  4. อาคารพาณิชย์: 5,326 หน่วย (3.8%) มูลค่า 30,635 ล้านบาท (4.3%)
  5. บ้านแฝด: 2,298 หน่วย (1.6%) มูลค่า 6,805 ล้านบาท (0.9%)
ความท้าทายและความหวังในอนาคตของตลาดบ้านมือสอง

แม้ว่าในช่วงต้นปีตลาดบ้านมือสองจะมีการขยายตัวดี แต่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตลาดเริ่มชะลอตัวเนื่องจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน การเมืองที่ไม่เสถียร และนโยบายเศรษฐกิจที่ยังไม่เดินหน้าเต็มที่ อย่างไรก็ตาม นายปรีชา ศุภปิติพร ยังคงมีความหวังว่าเมื่อรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ เศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น ทำให้ตลาดบ้านมือสองกลับมาเติบโตอีกครั้ง

มาตรการและแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและตลาดบ้านมือสอง

รัฐบาลมีแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการลดภาระหนี้ครัวเรือนและสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อให้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการผ่อนชำระบ้านและลดการเกิดหนี้เสีย นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการซื้อขายบ้านมือสองผ่านโครงการต่างๆ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดบ้านมือสอง

บทสรุป

ตลาดบ้านมือสองในประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและหนี้เรื้อรัง แต่ก็ยังมีโอกาสในการเติบโตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ ความสนใจจากบริษัทรับซื้อหนี้และการสนับสนุนจากภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดบ้านมือสองให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME