
นายทุนแฝงรุกป่าสงวนเชียงราย จัดสรรขายที่ดินรัฐหวั่นกระทบมั่นคงชาติ
เชียงรายตรวจเข้ม! แฉพฤติกรรมจัดสรรที่ดินรัฐอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เชียงราย, 30 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายกลายเป็นจุดสนใจระดับชาติอีกครั้ง หลังมีรายงานผ่านช่องยูทูปชื่อดังเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เขตโครงการพัฒนาดอยตุง (คพต.) และที่ราชพัสดุในอำเภอแม่สาย โดยมีการจัดสรรแบ่งขายอย่างเปิดเผยผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งสร้างความกังวลต่อทั้งภาครัฐและประชาชนในพื้นที่
ลงพื้นที่ตรวจสอบด่วนหลังมีรายงานการขายที่ดินผ่านไลฟ์เฟซบุ๊ก
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่เชียงราย และผู้นำชุมชน ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบ 3 จุดหลักในตำบลเวียงพางคำ
- บ้านผาแตก หมู่ 10 (ซอยผาคำ 11) พื้นที่ประมาณ 11 ไร่
- บ้านป่ายางใหม่ หมู่ 4 พื้นที่ประมาณ 7 ไร่
- บ้านป่าเมือดรุ่งเจริญ หมู่ 5 พื้นที่ประมาณ 23 ไร่
พื้นที่ทั้งหมดถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีการบุกรุกโดยกลุ่มนายทุนบางกลุ่ม ซึ่งมีเป้าหมายรองรับการย้ายถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมาและชาวจีนเทา ด้วยวิธีการเปิดขายผ่านป้ายและการไลฟ์สดทางโซเชียลมีเดีย
ตั้งโต๊ะแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
ในที่ประชุม ณ ชั้น 4 ที่ว่าการอำเภอแม่สาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีมติร่วมกัน 3 ข้อสำคัญ
- สั่งระงับกิจกรรมในพื้นที่ทั้งหมดทันที พร้อมรื้อถอนป้ายประกาศและโพสต์ขายทางออนไลน์
- ให้หน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ร่วมตรวจสอบสถานะกรรมสิทธิ์ของแต่ละแปลง
- มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชน 8 ตำบลในแม่สายเฝ้าระวัง หากพบความผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
ที่ดินรัฐกลายเป็นสินค้าราคาสูงในตลาดลับ
การรายงานข่าวโดยสื่อออนไลน์ได้นำเสนออย่างชัดเจนว่ามีการแสดงเจตนาขายที่ดินของรัฐอย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์ของพื้นที่ซึ่งจัดสรรไว้สำหรับการอยู่อาศัยของประชาชนผู้ยากไร้ หรือการใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ หรือมีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายรู้เห็นเป็นใจ ซึ่งทางฝ่ายปกครองกำลังเร่งสืบสวน
ความเสี่ยงระยะยาวต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน
หนึ่งในประเด็นที่เจ้าหน้าที่แสดงความกังวลคือ หากไม่รีบจัดการและปล่อยให้กระบวนการซื้อขายแบบผิดกฎหมายดำเนินไป อาจส่งผลให้พื้นที่ในอำเภอแม่สายตกอยู่ภายใต้การครอบครองของกลุ่มชาติพันธุ์จากประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต
นอกจากนี้ การตั้งถิ่นฐานใหม่อย่างไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ปัญหาด้านอาชญากรรม เศรษฐกิจสีเทา และการบิดเบือนโครงสร้างประชากรในเขตพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา
เสียงเรียกร้องต่อหน่วยงานรัฐตรวจสอบ-ลงโทษ-ปกป้องประชาชน
ประชาชนในพื้นที่ต่างเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ เช่น กรมธนารักษ์ กรมป่าไม้ และสำนักงานที่ดิน เร่งตรวจสอบข้อมูลเอกสารสิทธิ์ของพื้นที่ที่ถูกบุกรุก พร้อมดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด
เสียงสะท้อนจากชุมชนยืนยันว่า พื้นที่เหล่านี้ควรสงวนไว้ให้กับผู้มีสิทธิ์โดยชอบตามกฎหมาย ไม่ใช่เปิดโอกาสให้ทุนต่างถิ่นเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในลักษณะที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐ
ปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนายทุนแฝง
หากวิเคราะห์ในเชิงลึก ปัญหานี้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบกำกับดูแลที่ดิน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนซึ่งมีจุดอ่อนในการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย อีกทั้งยังเปิดช่องให้มีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารใหม่ เช่น ไลฟ์เฟซบุ๊ก มาเป็นเครื่องมือขายที่ผิดกฎหมาย
การตรวจสอบที่แม่นยำและการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการปัญหาเชิงระบบ
การบุกรุกพื้นที่ป่าและที่ดินรัฐในประเทศไทย
จากรายงานของกรมป่าไม้ พบว่าในปี 2566 มีการบุกรุกพื้นที่ป่าทั่วประเทศกว่า 279,000 ไร่ โดยในภาคเหนือมีสัดส่วนการบุกรุกสูงสุดถึง 36% ของทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน สำนักงานที่ดินระบุว่ามีกรณีฟ้องร้องเรื่องสิทธิ์ครอบครองที่ดินของรัฐมากกว่า 4,500 คดี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดน เช่น เชียงราย ตาก และแม่ฮ่องสอน
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย
- กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
- รายงานสถานการณ์การบุกรุกพื้นที่ป่า ปี 2566
- รายงานข่าวจาก YouTube ช่อง “เจาะลึกจริง” และเฟซบุ๊กไลฟ์กลุ่มขายที่ดินแม่สาย