Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายรวมพลังต้าน “วิภา” อุทกภัยรุนแรงท้าทายความเข้มแข็งของชุมชน

เชียงรายรวมพลังต้านพายุ “วิภา” อุทกภัยรุนแรงท้าทายความเข้มแข็งของชุมชน

เชียงราย, 23 กรกฎาคม 2568 – เมื่อพายุโซนร้อน “วิภา” พัดถล่มจังหวัดเชียงรายตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในพื้นที่ 8 อำเภอ 23 ตำบล 114 หมู่บ้าน ประชาชนกว่า 400 ครัวเรือนเผชิญวิกฤต บ้านเรือนจมน้ำ พื้นที่เกษตรเสียหาย และโครงสร้างพื้นฐานพังพินาศ ภาพของชาวบ้านที่ต้องทิ้งบ้านเรือนหนีน้ำป่าไหลหลากกลายเป็นสัญลักษณ์ของความท้าทายครั้งนี้ แต่ท่ามกลางความโกลาหล ความหวังยังคงปรากฏผ่านการตอบสนองอย่างรวดเร็วของผู้นำท้องถิ่นและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

อำเภอเทิง หัวใจของวิกฤตและการตอบสนอง

ที่อำเภอเทิง หมู่บ้านร่องขามป้อมและบ้านใหม่ ตำบลเวียง กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความเสียหาย น้ำท่วมสูงเกิน 1 เมตร ทำให้บ้านเรือนกว่า 200 หลังคาเรือนจมอยู่ใต้มวลน้ำ ชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุและผู้พิการ ต้องอพยพอย่างเร่งด่วนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จัดตั้งโดยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เวียง นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัด เดินทางลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

“ตอนเช้าน้ำสูงมาก แต่ตอนนี้เริ่มลดลงแล้ว ถ้าไม่มีฝนเพิ่ม คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในไม่ช้า” ผู้ว่าฯ ชรินทร์กล่าว ขณะตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงที่ให้ที่พัก อาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ผู้ประสบภัย 18 ราย ด้านนายเอนก ปันทะยม นายอำเภอเทิง รายงานว่า อุทกภัยกระทบ 7 ตำบล 22 หมู่บ้าน รวม 420 ครัวเรือน โดยน้ำป่าจากลำน้ำหงาวเป็นสาเหตุหลัก การแจ้งเตือนล่วงหน้า 3-5 วันช่วยให้ชาวบ้านเตรียมพร้อมย้ายข้าวของขึ้นที่สูง ลดความสูญเสียได้ส่วนหนึ่ง

ความช่วยเหลือในพื้นที่นี้ไม่ได้มาจากภาครัฐเท่านั้น นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ส่งทีมบรรเทาสาธารณภัย 30 นาย พร้อมเครื่องมือหนัก เข้าสนับสนุนการอพยพและฟื้นฟูพื้นที่ ร่วมกับทหารจากกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17, โครงการชลประทานจังหวัด, มูลนิธิกู้ภัย และจิตอาสา การผนึกกำลังนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของชุมชนที่รวมใจรับมือภัยพิบัติ

วงกว้างของความเสียหายจากพญาเม็งรายถึงเมืองเชียงราย

นอกจากอำเภอเทิง พื้นที่อื่นๆ ของเชียงรายก็เผชิญสถานการณ์ไม่ต่างกัน อำเภอพญาเม็งรายมีครัวเรือนได้รับผลกระทบถึง 7,000 ครัวเรือน โดยเฉพาะตำบลแม่เปาและตาดควัน น้ำป่าไหลหลากทำให้ถนนสายเม็งราย-แม่ต๋ำสัญจรได้เพียงช่องทางเดียว ในอำเภอเวียงแก่น คอสะพานใกล้วัดถ้ำผาแลขาดจากมวลน้ำ ส่วนอำเภอดอยหลวงต้องเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางในลำน้ำบงเพื่อลดความเสี่ยงน้ำท่วมเพิ่ม

ในเขตอำเภอเมืองเชียงราย สถานการณ์ยิ่งน่ากังวล ตำบลดอยลานเผชิญน้ำป่าท่วมโรงเรียนและหมู่บ้าน ตำบลสันทรายมี 9 หมู่บ้านถูกน้ำท่วมขัง และตำบลนางแลมีน้ำล้นตลิ่งกระทบพื้นที่โรงพยาบาลและชุมชน การสัญจรในหลายพื้นที่ถูกตัดขาดจากดินสไลด์และน้ำท่วมถนน นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย ระบุว่า ทีมงานกำลังเร่งแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการฟื้นฟูเส้นทางที่ถูกตัดขาด

แม่น้ำลาวภัยเงียบที่รออยู่

เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้รับแจ้งเตือนจากโครงการวิจัยระบบการเตือนภัยฯ ว่า ระดับน้ำในแม่น้ำลาวที่สถานีวัด G10 เพิ่มขึ้น 10-15 เซนติเมตรต่อชั่วโมง และอาจล้นตลิ่งที่ระดับ 3.50 เมตรในเวลา 02.00 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่เทศบาลเร่งติดตั้งบิ๊กแบ็กและยกระดับแนวกั้นน้ำบริเวณประตูน้ำลาวใกล้ชุมชนทุ่งพญาหมี เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมเขตเมือง

“เราต้องทำงานแข่งกับเวลา” นายวันชัยกล่าว “การแจ้งเตือนล่วงหน้าช่วยให้เราเตรียมพร้อมได้ทันท่วงที แต่ทุกคนต้องช่วยกันจับตาสถานการณ์” การเตรียมการเชิงรุกนี้สะท้อนถึงความพยายามของหน่วยงานท้องถิ่นในการลดผลกระทบจากภัยพิบัติที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น

ความท้าทายและพลังแห่งความสามัคคี

สถานการณ์อุทกภัยจากพายุ “วิภา” เป็นบททดสอบครั้งสำคัญของเชียงราย การตอบสนองอย่างรวดเร็วของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของกลไกการจัดการภัยพิบัติ การลงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายก อบจ. การแจ้งเตือนล่วงหน้า และการบูรณาการกำลังจากทุกภาคส่วน ล้วนเป็นจุดแข็งที่ช่วยลดความสูญเสียและสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ การที่น้ำในแม่น้ำลาวอาจล้นตลิ่งในคืนนี้บ่งชี้ถึงความผันผวนของสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสะพาน จะเป็นอุปสรรคสำคัญในการฟื้นฟูหลังน้ำลด และการเยียวยาครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบกว่า 400 ครัวเรือนใน 8 อำเภอ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นธรรม

เมื่อมองไปข้างหน้า การฟื้นฟูเชียงรายจะต้องครอบคลุมทั้งการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน การเยียวยาพื้นที่เกษตร และการสนับสนุนจิตใจของประชาชนที่สูญเสียทรัพย์สิน ความร่วมมือที่แข็งแกร่งในวันนี้เป็นสัญญาณว่าเชียงรายพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทาย และจะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.เชียงราย)
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • เทศบาลนครเชียงราย
  • โครงการวิจัยระบบการเตือนภัยล่วงหน้าภาคเหนือ
  • กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17
  • หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา
  • โครงการชลประทานจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News