Categories
NEWS UPDATE

ผลโพลล่าสุด ปชช. พอใจรัฐบาล 6 เดือน “โอกาสไทยทำได้จริง”

นายกฯ ขอบคุณประชาชน พอใจผลงานรัฐบาล 6 เดือนแรก มั่นใจ “2568 โอกาสไทยทำได้จริง”

ประเทศไทย, 16 มีนาคม 2568 – นายกรัฐมนตรีขอบคุณผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งระบุว่าคนส่วนใหญ่พอใจต่อผลงานการบริหารประเทศในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทยทำได้จริง” พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจะทำงานหนักขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้

ผลสำรวจระบุประชาชนพึงพอใจรัฐบาล 52.7%

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในหัวข้อ ประเมินผลงานรัฐบาล แพทองธาร รอบ 6 เดือน” โดย นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ พบว่า ประชาชน 52.7% มีความพึงพอใจต่อผลงานของรัฐบาล โดยแบ่งเป็น พอใจมาก 21.2% และพอใจ 31.5% ในขณะที่ ไม่พอใจ 29.8% และไม่พอใจมาก 11.5%

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกความคิดเห็น พร้อมย้ำว่า “2568 โอกาสไทยทำได้จริง” ไม่ใช่แค่สโลแกน แต่เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลมุ่งมั่นเพื่อให้ประชาชนเห็นผลลัพธ์และได้รับประโยชน์โดยตรง”

โครงการที่ประชาชนพอใจมากที่สุด

ผลสำรวจยังสอบถามถึง โครงการของรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด โดยผลลัพธ์เรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่:

  1. โครงการดิจิทัลวอลเล็ต – 25.2%
  2. การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ – 22.4%
  3. การปราบปรามยาเสพติด – 10.6%
  4. การจัดการปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง – 10.6%
  5. โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ – 9.7%
  6. นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย – 8.8%
  7. มาตรการลดหมอกควัน PM 2.5 – 3.2%
  8. การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน – 2.7%
  9. การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า – 2.2%
  10. โครงการอื่น ๆ – 4.6%

นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอแนะ และจะนำไปปรับปรุงการบริหารประเทศให้ตอบโจทย์ประชาชนได้มากที่สุด

กระทรวงที่มีผลงานโดดเด่นมากที่สุด

จากผลสำรวจ ประชาชนมองว่า 5 กระทรวงที่มีผลงานโดดเด่นมากที่สุด ได้แก่:

  1. กระทรวงคมนาคม – 16.2%
  2. กระทรวงกลาโหม – 12.6%
  3. กระทรวงการคลัง – 9.6%
  4. กระทรวงมหาดไทย – 9.4%
  5. กระทรวงศึกษาธิการ – 8.1%

ในขณะที่กระทรวงอื่น ๆ ก็มีผลงานที่ได้รับความสนใจจากประชาชน เช่น กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เสียงสะท้อนจากประชาชน – มุมมองที่แตกต่าง

ฝ่ายสนับสนุน

  • ประชาชนที่พอใจมองว่า รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต และ การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์
  • มีความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการปัญหาเร่งด่วน เช่น การลดภาระค่าครองชีพ และการพัฒนาระบบสาธารณสุข

ฝ่ายที่มีข้อกังวล

  • บางส่วนเห็นว่า ยังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไข
  • มีกลุ่มที่มองว่า มาตรการบางอย่าง เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต ควรมีรายละเอียดที่ชัดเจนและโปร่งใสกว่านี้

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • แหล่งที่มาของผลสำรวจ: นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ (สำรวจวันที่ 15 มีนาคม 2568)
  • จำนวนกลุ่มตัวอย่าง: 1,500 ราย จากทั่วประเทศ
  • อัตราความพึงพอใจของประชาชนต่อรัฐบาล: 52.7% พอใจ, 29.8% ไม่พอใจ, 11.5% ไม่พอใจมาก
  • โครงการรัฐบาลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด: ดิจิทัลวอลเล็ต (25.2%)
  • กระทรวงที่ประชาชนมองว่ามีผลงานโดดเด่นมากที่สุด: กระทรวงคมนาคม (16.2%)

สรุป

รัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ดำเนินนโยบายสำคัญและเห็นผลเป็นรูปธรรมในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งสะท้อนจากผลสำรวจประชาชนที่พึงพอใจถึง 52.7% อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนบางส่วนที่มองว่า ยังต้องมีการพัฒนาในบางจุด โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและค่าครองชีพ

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลจะมุ่งมั่นพัฒนาประเทศต่อไป เพื่อให้ “2568 โอกาสไทยทำได้จริง” เป็นปีที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเศรษฐกิจไทยก้าวหน้าอย่างมั่นคง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผู้ว่าฯ ยันค่าล้างโคลนเอกสารครบ รอเงินเยียวยาจากส่วนกลาง

เชียงรายจัดสัมมนาสื่อมวลชน เสริมเครือข่ายประชาสัมพันธ์ พร้อมติดตามความคืบหน้างบเยียวยาน้ำท่วม

ผู้ว่าฯ เชียงรายชี้แจงสถานการณ์งบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังล่าช้า

เชียงราย, 12 มีนาคม 2568 – ที่บริเวณ บ่อน้ำพุร้อนป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในกิจกรรม สัมมนาสื่อมวลชนและเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้าง รักษา และพัฒนาเครือข่ายด้านการประชาสัมพันธ์ พร้อมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการสื่อสารข้อมูลของจังหวัดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในงานนี้ นอกจากการหารือเกี่ยวกับแนวทางการประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีการกล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมและปัญหางบประมาณเยียวยาผู้ประสบภัยที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรจากส่วนกลาง โดยมีการตั้งคำถามจากประชาชนว่า “งบประมาณไม่มีแล้วจริงหรือ?” เนื่องจากผ่านมาครึ่งปีแล้ว แต่เงินค่าล้างโคลนยังไม่ถูกโอนมายังพื้นที่

สถานการณ์งบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงรายได้ส่งเอกสารหลักฐานความเสียหายของผู้ประสบภัยให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับงบประมาณสำหรับการช่วยเหลือค่าล้างโคลนจากส่วนกลาง

รายงานข่าวระบุว่า จ.เชียงรายได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนักในช่วง เดือนกันยายน 2567 โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ได้แก่ อำเภอแม่สาย เขตเทศบาลนครเชียงราย และอำเภอเทิง หน่วยงานต่างๆ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว แต่ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องเงินค่าล้างโคลนที่ผู้ประสบภัยจำนวนมากยังไม่ได้รับ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแผนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับเพิ่มเงินเยียวยาสำหรับค่าล้างโคลนครัวเรือนละ 10,000 บาท เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในเชียงรายครั้งนี้ทำให้เกิดปัญหาดินโคลนสะสมจำนวนมาก และต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรจำนวนมากในการฟื้นฟู

เหตุใดงบประมาณยังไม่ถูกจัดสรร?

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้เสนอค่าล้างโคลนและดินสำหรับผู้ประสบอุทกภัยหลังคาเรือนละ 10,000 บาท ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ และไม่จำเป็นต้องผ่านการอนุมัติใหม่ เนื่องจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับความเห็นชอบจากกรมบัญชีกลางแล้ว อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันงบประมาณดังกล่าวยังไม่ได้ถูกโอนมายังพื้นที่ ทำให้ประชาชนยังคงต้องรอความช่วยเหลือ

นายอนุทินยืนยันว่า กระบวนการจ่ายเงินเยียวยาจะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยหากมีผู้ตกหล่น สามารถมาทวงสิทธิ์ได้ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุใดงบประมาณจึงยังไม่ถูกจัดสรรสู่พื้นที่

เชียงรายยังมีงบเหลือหรือไม่

เชียงรายได้จัดตั้ง กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน องค์กรเอกชน และประชาชนทั่วไปสามารถร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ โดยคณะทำงานได้กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนภายใต้ความเห็นชอบของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่ากองทุนดังกล่าวมีงบเพียงพอที่จะช่วยเหลือในกรณีค่าล้างโคลนหรือไม่

ความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

มุมมองของประชาชน

  1. หลายครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบยังต้องใช้เงินส่วนตัวในการล้างคราบโคลน ซึ่งเป็นภาระทางการเงินเพิ่มเติม
  2. ประชาชนบางส่วนกังวลว่า หากไม่มีงบประมาณช่วยเหลือทันก่อนฤดูฝนปี 2568 ปัญหาดินโคลนที่ยังคงตกค้างอาจทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก
  3. มีข้อสงสัยว่าขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐล่าช้าเพราะเหตุใด และจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนี้หรือไม่

มุมมองของภาครัฐ

  1. ผู้ว่าฯ เชียงรายยืนยันว่าทางจังหวัดได้ส่งเอกสารและหลักฐานทั้งหมดไปยังส่วนกลางเรียบร้อยแล้ว และกำลังรอการโอนงบประมาณจากรัฐบาล
  2. กระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าเงินเยียวยาค่าล้างโคลนได้รับการเห็นชอบแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ
  3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบว่าเหตุใดการโอนงบประมาณยังไม่เกิดขึ้น และจะมีแนวทางเร่งรัดการเบิกจ่ายอย่างไร

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าในปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมกว่า 15,000 ครัวเรือน
  • ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ คาดการณ์ว่า ฤดูฝนปี 2568 จะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น 5-10% จากปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำในพื้นที่เสี่ยง
  • ข้อมูลจากเทศบาลนครเชียงราย ระบุว่าความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมในเขตเมืองเชียงรายและอำเภอแม่สาย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท

สรุป

ปัญหาความล่าช้าในการจ่ายเงินเยียวยาค่าล้างโคลนให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย ยังคงเป็นที่กังวลของประชาชน แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าเงินดังกล่าวได้รับการเห็นชอบแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการโอนงบประมาณมายังพื้นที่

หากงบประมาณไม่ได้รับการจัดสรรทันก่อนฤดูฝนปี 2568 อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย และอาจทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำได้

การเร่งรัดกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถฟื้นฟูบ้านเรือน และลดความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) / ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ / เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศปช. เคาะแผนเยียวยาเชียงรายรวบรัดให้เร็ว เพื่อเงินถึงมือประชาชน

 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานว่า จากการตั้งข้อสังเกตปริมาณฝนที่เกิดขึ้นไม่ได้มากกว่าที่ผ่านแต่เป็นการตกเฉพาะที่แบบซ้ำซาก ซึ่งน่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Change) จึงมอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาไปศึกษาให้ถ่องแท้ ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจหลักที่ต้องชี้แจงและเตือนภัย เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็น 2 ลักษณะผสมของฝนและดินโคลน ซึ่งสถานการณ์ตรงนี้แตกต่างจากที่อื่น เพราะเป็นน้ำผสมดินโคลน ดังนั้น เป็นน้ำที่อันตรายกว่าน้ำท่วมปกติ คล้ายกับภูเขาไฟระเบิดที่เป็นลาวาผสมน้ำไหลลงมา และเชื่อว่าอาจจะเกิดขึ้นได้อีก โดยมอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีไปศึกษาให้ครบถ้วน

การที่น้ำผสมโคลนที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้การกำจัดและกู้ภัยเป็นไปได้ยาก ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ประเทศไทยพบเจอ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการกับเรื่องนี้ ส่วนฝ่ายกองทัพก็ต้องเข้ามาศึกษาตั้งแต่เบื้องต้นรวมทั้งจะแก้ปัญหาในอนาคตอย่างไร รวมถึงการจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมเข้าไปในพื้นที่ประสบภัย

โดยที่ประชุมเห็นชอบแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือ/ฟื้นฟู เพื่อแก้ไขปัญหาดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย ในพื้นที่อำเภอเมือง และในอำเภอแม่สาย ดังนี้

  • พื้นที่อำเภอเมือง แบ่งเขตการดำเนินงานในเขตเทศบาลนครเชียงราย จำนวน 745 หลัง และนอกเขตเทศบาล จำนวน 6,614 หลัง กำหนดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 29 กันยายน 2567
  • พื้นที่อำเภอแม่สาย แบ่งการดำเนินการเป็น 5 โซน กำหนดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือประมาณวันที่ 20 ตุลาคม 2567

ส่วนปัญหาการเยียวยาที่มีกฎระเบียบและดำเนินการในภาวะปกติเป็นอุปสรรคนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลว่าจะทำอย่างไรให้กระบวนการตรงนี้ให้ถูกกฎหมาย แต่รวบรัดให้เร็วที่สุด เพื่อให้เงินถึงมือประชาชน ให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง ซึ่งลักษณะน้ำท่วมแบบพิเศษนี้จะต้องมีการกำหนดค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้จัดตั้งคณะที่ปรึกษาผู้มีความเชี่ยวชาญ โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน และตน เป็นโฆษกประจำศูนย์ฯ เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงสถานการณ์รายวันได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เชียงรายเพื่อกำกับดูและสถานการณ์ เนื่องจากนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายป่วย และใกล้เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ นอกจากนี้ได้มอบหมายรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปรักษาราชการแทนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จะเดินทางลงพื้นที่ไปจังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการช่วยเหลือประชาชน พร้อมประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อกำหนดทิศทาง และหาข้อสรุป เพื่อใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์รับมือกับการเกิดอุทกภัย และวาตภัยของประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News