
วัดกลางเวียงจัดงานประเพณี “เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก” ฟื้นฟูรากเหง้าวัฒนธรรม สร้างความสามัคคีชุมชนเชียงราย
เชียงราย, 23 พฤษภาคม 2568 – ณ วัดกลางเวียง (จันทโลการาม) อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานประเพณี “เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก ใส่ขันดอกบูชาสะดือเมืองเชียงราย” ระหว่างวันที่ 23–29 พฤษภาคม 2568 เพื่อฟื้นฟูประเพณีท้องถิ่นอันเก่าแก่ที่เคยเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงราย พร้อมส่งเสริมความสามัคคีในชุมชนและอนุรักษ์อัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป งานนี้ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาร่วมสัมผัสคุณค่าสืบสานรากเหง้าวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของเมืองเชียงราย
รากเหง้าที่ถูกลืมของสะดือเมืองเชียงราย
ในใจกลางเมืองเชียงราย วัดกลางเวียง (จันทโลการาม) ยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ของชุมชนมานานหลายศตวรรษ วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ “สะดือเมืองเชียงราย” หรือเสาหลักเมือง ซึ่งชาวบ้านในอดีตเชื่อว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อท้องถิ่น การบูชาสะดือเมืองด้วยการถวายขันดอกและประกอบพิธีกรรมในช่วง “เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก” (ตามปฏิทินล้านนา) เป็นการแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาเมือง และเป็นโอกาสให้ชุมชนมารวมตัวกันเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นสิริมงคล
ประเพณีนี้เคยเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตชาวเชียงราย โดยชาวบ้านจะนำขันดอกที่ประดับด้วยดอกไม้สด ธูป เทียน และเครื่องบูชามาถวายที่เสาสะดือเมือง พร้อมประกอบพิธีทางพุทธศาสนาและการแสดงศิลปะพื้นบ้าน อย่างไรก็ตาม ประเพณีนี้ค่อยๆ เลือนหายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากความวุ่นวายในสังคมและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน การขาดการสืบทอดทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับประเพณีนี้กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าของผู้สูงวัยในชุมชน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชุมชนในย่านเมืองเก่าเชียงรายเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ด้วยความร่วมมือจากวัดกลางเวียง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และกลุ่มผู้นำชุมชน จึงเกิดแนวคิดที่จะฟื้นฟูประเพณี “เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก” ขึ้นมาใหม่ เพื่อเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่กับรากเหง้าทางวัฒนธรรม และสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น การจัดงานในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการรื้อฟื้นพิธีกรรมโบราณ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูจิตวิญญาณของชุมชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
งานประเพณีอันยิ่งใหญ่ที่วัดกลางเวียง
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. วัดกลางเวียงได้เนรมิตพื้นที่ให้กลายเป็นศูนย์รวมของความศรัทธาและความสามัคคี ด้วยการจัดพิธีเปิดงานประเพณี “เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก ใส่ขันดอกบูชาสะดือเมืองเชียงราย” อย่างยิ่งใหญ่ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นประธานในพิธีอัญเชิญขันหลวงเข้าสู่หลักเมือง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาร่วมงานอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบเรียบร้อยและความศรัทธา ขณะที่กลิ่นหอมของดอกไม้และควันธูปลอยอบอวลทั่วบริเวณ
พิธีเริ่มต้นด้วยการสวดมนต์โดยพระสงฆ์จากวัดกลางเวียง เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามด้วยขบวนอัญเชิญขันหลวง ซึ่งประดับด้วยดอกบัว ดอกมะลิ และดอกดาวเรืองอย่างงดงาม ขบวนนี้ประกอบด้วยกลุ่มชาวบ้านที่แต่งกายด้วยชุดล้านนาแบบดั้งเดิม เดินจากหน้าวัดไปยังเสาสะดือเมืองท่ามกลางเสียงดนตรีพื้นเมืองที่ขับกล่อม นายวันชัยได้นำพุทธศาสนิกชนถวายขันดอกและเครื่องบูชา พร้อมจุดธูปเทียนเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของงานที่เชื่อมโยงชุมชนกับรากเหง้าทางจิตวิญญาณ
งานประเพณีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23–29 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 07.00–24.00 น. โดยมีกิจกรรมหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและความสามัคคีในชุมชน ได้แก่:
- การใส่ขันดอก: ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมถวายขันดอกที่ประดับด้วยดอกไม้สด เพื่อบูชาเสาสะดือเมือง โดยมีมัคทายกคอยให้คำแนะนำ
- พิธีกรรมทางศาสนา: การสวดมนต์ เจริญพระพุทธมนต์ และการทำบุญตักบาตรในช่วงเช้า เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล
- การแสดงศิลปะพื้นบ้าน: การแสดงฟ้อนล้านนา รำวงย้อนยุค และการบรรเลงดนตรีพื้นเมือง เช่น ซอและสะล้อ โดยเยาวชนและศิลปินท้องถิ่น
- ตลาดวัฒนธรรม: ตลาดนัดที่จำหน่ายอาหารพื้นเมือง งานหัตถกรรม และผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น
- นิทรรศการประวัติศาสตร์: การจัดแสดงเรื่องราวของสะดือเมืองและประวัติศาสตร์วัดกลางเวียง เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าใจความสำคัญของประเพณี
นายวันชัย จงสุทธานามณี กล่าวในพิธีเปิดว่า “การฟื้นฟูประเพณี ‘เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก’ ไม่เพียงเป็นการรื้อฟื้นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิء แต่ยังเป็นการจุดประกายให้คนเชียงรายตระหนักถึงคุณค่าของรากเหง้าทางวัฒนธรรม และสร้างความสามัคคีในชุมชน เราหวังว่างานนี้จะเป็นสะพานเชื่อมโยงคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ และส่งเสริมให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่ยั่งยืน”
นอกจากนี้ งานยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ซึ่งจัดอบรมเยาวชนในชุมชนให้เรียนรู้การทำขันดอกและการแสดงศิลปะพื้นบ้านก่อนวันงาน เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ภาคเอกชน เช่น หอการค้าจังหวัดเชียงราย และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงราย ก็เข้ามาสนับสนุนด้านงบประมาณและการประชาสัมพันธ์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรม
รอยยิ้มและความหวังของชุมชน
งานประเพณี “เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก” ได้นำความคึกคักและรอยยิ้มกลับคืนสู่ย่านเมืองเก่าเชียงราย ชาวบ้านที่เข้าร่วมงานแสดงความดีใจที่ได้เห็นประเพณีเก่าแก่ฟื้นคืนชีพ โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่เคยมีส่วนร่วมในพิธีเมื่อหลายสิบปีก่อน นางสาวลำดวน สุวรรณวงศ์ อายุ 72 ปี ชาวบ้านในชุมชนวัดกลางเวียง กล่าวว่า “เมื่อก่อนงานนี้เป็นที่รวมใจของคนทั้งเมือง การได้เห็นขบวนขันดอกและการแสดงของเด็กๆ วันนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในวัยเด็ก รู้สึกภูมิใจที่ลูกหลานยังสานต่อสิ่งที่ปู่ย่าตาทวดเราทำมา”
นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานก็ประทับใจกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมล้านนา นายจอห์น สมิธ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ กล่าวว่า “ผมรู้สึกทึ่งกับความสวยงามของขันดอกและความหมายของพิธีนี้ มันทำให้ผมเข้าใจประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณของเชียงรายมากขึ้น” การมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะร้านค้าอาหารและงานหัตถกรรมในตลาดวัฒนธรรม ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงวันงาน
การแสดงของเยาวชนในชุมชน เช่น การฟ้อนล้านนาและการเล่นดนตรีพื้นเมือง ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้เข้าร่วมงาน สะท้อนถึงความสำเร็จในการส่งต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่คนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ การจัดนิทรรศการประวัติศาสตร์ยังช่วยให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่เข้าใจความสำคัญของสะดือเมืองและประเพณีนี้มากขึ้น โดยโรงเรียนในชุมชนได้นำนักเรียนมาร่วมเรียนรู้และถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการวาดภาพและเขียนเรียงความ
ในระยะยาว วัดกลางเวียงและสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายมีแผนจัดงานประเพณีนี้เป็นประจำทุกปี พร้อมพัฒนากิจกรรมให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การจัดเวิร์กช็อปศิลปะล้านนาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในย่านเมืองเก่า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน ความสำเร็จของงานในครั้งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ชุมชนอื่นๆ ในเชียงรายเริ่มฟื้นฟูประเพณีท้องถิ่นของตนเอง เพื่อรักษาอัตลักษณ์และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
ผลลัพธ์และความท้าทาย
การจัดงานประเพณี “เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก” ประสบความสำเร็จในหลายด้าน ดังนี้:
- การฟื้นฟูวัฒนธรรม การรื้อฟื้นประเพณีที่หายไปนานกว่า 70 ปีช่วยเชื่อมโยงชุมชนกับรากเหง้าทางวัฒนธรรม และสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น
- ความสามัคคีในชุมชน การมีส่วนร่วมของชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และเยาวชนช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีในชุมชน
- การส่งเสริมการท่องเที่ยว การดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในย่านเมืองเก่า
- การส่งต่อภูมิปัญญา การอบรมเยาวชนและการจัดนิทรรศการช่วยให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม การจัดงานยังเผชิญกับความท้าทายบางประการ:
- การขาดความรู้ในหมู่คนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่บางส่วนยังขาดความเข้าใจในความหมายของประเพณี ซึ่งอาจทำให้การสืบทอดขาดความต่อเนื่อง
- ข้อจำกัดด้านงบประมาณ การจัดงานขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นภาระสำหรับชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่น
- การแข่งขันกับวัฒนธรรมสมัยใหม่ การดึงดูดเยาวชนให้สนใจประเพณีท้องถิ่นท่ามกลางกระแสวัฒนธรรมสมัยใหม่เป็นเรื่องท้าทาย
- การประชาสัมพันธ์ การโปรโมตงานไปยังนักท่องเที่ยวในวงกว้างยังมีข้อจำกัด เนื่องจากขาดการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อระดับชาติและสื่อออนไลน์
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ควรมีการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้:
- เพิ่มการศึกษาในชุมชน จัดเวิร์กช็อปและกิจกรรมในโรงเรียนเพื่อให้เยาวชนเรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีและมีส่วนร่วมมากขึ้น
- ระดมทุนจากภาคเอกชน ขอความสนับสนุนจากธุรกิจท้องถิ่นและองค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อเพิ่มงบประมาณสำหรับการจัดงาน
- ใช้สื่อดิจิทัล สร้างแคมเปญประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
- พัฒนากิจกรรมที่หลากหลาย เพิ่มกิจกรรมที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ เช่น การแข่งขันศิลปะหรือการแสดงดนตรีผสมผสาน เพื่อให้งานมีความทันสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์
สถิติและแหล่งอ้างอิง
เพื่อให้เห็นภาพความสำคัญของการฟื้นฟูประเพณีและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ข้อมูลต่อไปนี้รวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ:
- จำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย:
- ในปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติรวม 2.5 ล้านคน โดย 30% เข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
- แหล่งอ้างอิง: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย. (2567). รายงานสถิตินักท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย.
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากงานวัฒนธรรม
- งานประเพณีท้องถิ่นในภาคเหนือสร้างรายได้ให้ชุมชนเฉลี่ย 10–15 ล้านบาทต่องาน โดยเฉพาะจากร้านค้าท้องถิ่นและการท่องเที่ยว
- แหล่งอ้างอิง: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย. (2567). รายงานผลกระทบทางเศรษฐกิจจากงานประเพณีท้องถิ่น.
- การมีส่วนร่วมของเยาวชน
- การจัดอบรมศิลปะพื้นบ้านในจังหวัดเชียงรายในปี 2567 มีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 1,200 คน เพิ่มการมีส่วนร่วมในงานวัฒนธรรมถึง 25%
- แหล่งอ้างอิง: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย. (2567). รายงานผลการอบรมเยาวชนด้านศิลปวัฒนธรรม.
- จำนวนวัดในจังหวัดเชียงราย
- จังหวัดเชียงรายมีวัดทั้งหมด 1,200 แห่ง โดย 10% เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น วัดกลางเวียง
- แหล่งอ้างอิง: สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย. (2567). รายงานข้อมูลวัดในจังหวัดเชียงราย.
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- วัดกลางเวียง (จันทโลการาม)
- สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
- เทศบาลนครเชียงราย