Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ครม.ทุ่มงบหลักล้านบาท เตือนภัยดินถล่ม น้ำป่าเชียงราย

ครม.อนุมัติ 370 ล้านบาท เร่งติดตั้งระบบเตือนภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม 370,390,200 บาท เพื่อดำเนินโครงการจัดทำระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในการลดความสูญเสียจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มความถี่และความรุนแรงขึ้นทุกปี โดยเน้นพื้นที่เสี่ยงระดับสูงในภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศไทย

แนวโน้มธรณีพิบัติภัยในประเทศไทย

จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ประเทศไทยเผชิญกับภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน สถิติย้อนหลัง 5 ปี (2563-2567) พบว่า มีเหตุการณ์ดินถล่มเฉลี่ยปีละ 110–130 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 270 ราย และบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก โดยพื้นที่เสี่ยงภัยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตภูเขาและพื้นที่ลาดชันของภาคเหนือและภาคใต้

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและพายุในหลายพื้นที่ โดยในปี 2567 กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ประเทศไทยมีจำนวนวันที่ฝนตกมากกว่า 100 มิลลิเมตรต่อวัน สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยถึง 27%

สาระสำคัญของโครงการระบบเตือนภัยดินถล่ม

โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศในการเฝ้าระวังภัยพิบัติ โดยมีองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน ดังนี้

  1. ติดตั้งระบบตรวจจับมวลดินเคลื่อนตัวและน้ำป่า 120 สถานี

วงเงิน 310,840,000 บาท สำหรับการติดตั้งเครื่องมือในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับสูงและสูงมาก โดยเครื่องมือจะสามารถตรวจจับความชื้นในดิน การเคลื่อนตัวของชั้นดิน และสัญญาณการทรุดตัว เพื่อส่งสัญญาณเตือนไปยังศูนย์กลางเฝ้าระวัง

  1. พัฒนาระบบสารสนเทศดิจิทัลธรณีพิบัติภัย

วงเงิน 40,351,000 บาท เพื่อจัดทำระบบฐานข้อมูลและแผนที่เสี่ยงภัยในรูปแบบออนไลน์ ครอบคลุมข้อมูลพิกัด ระบบพยากรณ์ ภาพถ่ายดาวเทียม และผลวิเคราะห์ทางธรณีวิทยา เพื่อให้ประชาชน หน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใส

  1. สร้างเครือข่ายภาคีความร่วมมือในพื้นที่เสี่ยง

วงเงิน 19,199,200 บาท เพื่ออบรมและเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร อสม. และภาคประชาชน ให้มีทักษะในการประเมินความเสี่ยง การอพยพ และการแจ้งเตือน

พื้นที่ดำเนินโครงการครอบคลุม 17 จังหวัดหลัก

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินโครงการ 17 จังหวัด ได้แก่

  • ภาคเหนือ: เชียงราย, เชียงใหม่, ตาก, แม่ฮ่องสอน, แพร่, น่าน, อุตรดิตถ์, เพชรบูรณ์
  • ภาคใต้: ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ระนอง, พังงา, กระบี่, ภูเก็ต

โดยการดำเนินการจะใช้ระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่เมษายน 2568 ถึงมีนาคม 2569 โดยคาดว่าหลังจากติดตั้งและทดสอบระบบเสร็จจะสามารถใช้งานได้จริงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2569

การเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการความเสี่ยงในระดับประเทศ

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศในการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยเน้นระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าแบบองค์รวม สนับสนุนการตัดสินใจของผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (EOC) และหน่วยงานภาคสนาม ให้สามารถเตรียมความพร้อม อพยพ และช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

วิเคราะห์ผลกระทบเชิงบวกที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

  • ลดอัตราการเสียชีวิตจากดินถล่มในพื้นที่เป้าหมายลงไม่น้อยกว่า 60%
  • คาดว่าประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากระบบเตือนภัยนี้
  • เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 300 แห่งทั่วประเทศ
  • ลดค่าเสียหายทางเศรษฐกิจในพื้นที่เสี่ยงกว่า 800 ล้านบาทต่อปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

‘สมศักดิ์’ โต้ 9 หมื่นล้าน ค่ารักษาต่างด้าว ตัวเลขคลาดเคลื่อน

สภาพัฒน์เผย ไทยจ่ายค่ารักษาพยาบาลคนต่างด้าว 9.2 หมื่นล้านบาท กระทบหนักพื้นที่ชายแดน

ค่าใช้จ่ายพุ่งสูง แพทย์ชายแดนรับภาระหนัก

ตาก, 26 กุมภาพันธ์ 2568 – สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 และภาพรวมปี 2567 พบว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนต่างด้าวสูงถึง 9.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 8.2 เท่า โดยกว่าร้อยละ 81.1 มาจากพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะจังหวัดตาก

เหตุผลที่ไทยต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาล

จากข้อมูลเชิงลึกของหน่วยบริการสาธารณสุขในจังหวัดตาก พบปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนต่างด้าวเข้ามารับการรักษาในไทย ได้แก่:

  1. ขาดแคลนสถานพยาบาลในเมียนมา ส่งผลให้ผู้ป่วยต้องข้ามแดนเข้ามารับการรักษา โดยส่วนใหญ่มักมีอาการป่วยหนักและไม่สามารถชำระค่ารักษาได้
  2. กลุ่มคนไร้สัญชาติที่เกิดในไทย แต่ไม่ได้รับสิทธิรักษาภายใต้กองทุน ท.99 ทำให้ต้องพึ่งพาสาธารณสุขของไทย
  3. โรงพยาบาลชายแดนต้องรับมือกับโรคติดต่อร้ายแรง แพทย์ชายแดนต้องให้บริการตรวจรักษาในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในไทย

ผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขไทย

  • บุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน ทำให้การให้บริการล่าช้าและมีภาระงานหนักขึ้น
  • งบประมาณโรงพยาบาลตึงตัว ต้องรองรับภาระค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้รับการชดเชยเต็มจำนวน
  • การแพร่ระบาดของโรคติดต่อในพื้นที่ชายแดน สร้างความกังวลด้านสาธารณสุข

รัฐมนตรีสาธารณสุขแจงตัวเลข สศช. คลาดเคลื่อน

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่าตัวเลขค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลคนต่างด้าวที่ สศช. รายงานว่า 9.2 หมื่นล้านบาท เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง โดยงบประมาณหลักประกันสุขภาพรวมต่อปีอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ดังนั้นการที่ค่ารักษาคนต่างด้าวจะสูงถึง 9 หมื่นล้านบาทเป็นไปไม่ได้

“ตัวเลขที่แท้จริงอยู่ที่ประมาณ 2,050 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนประมาณ 500 ล้านบาท โดยตัวเลขดังกล่าวยังต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม” นายสมศักดิ์กล่าว

แนวทางแก้ไขปัญหาสาธารณสุขชายแดน

  1. การจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม เพื่อให้โรงพยาบาลชายแดนสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ยกระดับมาตรฐานการสาธารณสุขชายแดน โดยประสานงานกับหน่วยงานในประเทศและองค์กรต่างชาติ
  3. เร่งพิสูจน์สิทธิของบุคคลไร้สถานะ เพื่อลดภาระของโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน

สถิติและข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้อง

  • ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนต่างด้าวที่เรียกเก็บไม่ได้ปี 2567 อยู่ที่ 2,050 ล้านบาท
  • งบประมาณที่ใช้รองรับคนต่างด้าวในโรงพยาบาลชายแดนลดลง 500 ล้านบาทจากปีก่อน
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการรักษาคนต่างด้าวต่อคนต่ำกว่า 2,000 บาท
  • 81.1% ของค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเลข 9.2 หมื่นล้านบาทที่เผยแพร่โดย สศช. ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ และอาจเกิดจากข้อผิดพลาดด้านการบันทึกข้อมูล เช่น การบันทึกค่ารักษาซ้ำซ้อนหรือคำนวณผิดพลาด

กระทรวงสาธารณสุขเตรียมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมเสนอแนวทางบริหารจัดการงบประมาณด้านสุขภาพให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย พุ่งสูงถึง 71 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง อบจ. ปี 2568 สูงถึง 3.5 พันล้านบาท ประชาชนควรออกมาใช้สิทธิ

จากรายงานของ Rocket Media Lab ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในข้อบัญญัติงบประมาณประจำปี 2568 ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ ซึ่งไม่รวมงบประมาณของ อบจ. แม่ฮ่องสอน และอีก 4 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร บึงกาฬ เลย และสมุทรสาคร ที่ไม่ได้ตั้งงบประมาณสำหรับการเลือกตั้งไว้ พบว่า ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ รวมทั้งค่าจัดการเลือกตั้งและค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ มีมูลค่ารวมสูงถึง 3,563,810,232 บาท

รายละเอียดค่าใช้จ่าย

  • ค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งในจังหวัดเชียงราย
    จังหวัดเชียงรายใช้งบประมาณรวมทั้งหมด 71 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการจัดการเลือกตั้ง 34,948,553 บาท และค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ 36,051,447 บาท เมื่อนำมาคำนวณเทียบกับประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดเชียงรายที่มีจำนวน 176,685 คน พบว่าต้นทุนเฉลี่ยต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยู่ที่ 401.85 บาทต่อคน
  • งบประมาณเลือกตั้งระดับประเทศ
    ค่าใช้จ่ายการจัดการเลือกตั้งในปีนี้สูงถึง 3.5 พันล้านบาท ครอบคลุมค่าใช้จ่ายหลายด้าน เช่น การจัดตั้งหน่วยเลือกตั้ง ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง และการประชาสัมพันธ์

ผลกระทบจากการลาออกก่อนครบวาระ

ในปี 2568 มีเพียง 17 จังหวัดที่ต้องจัดการเลือกตั้งนายก อบจ. เนื่องจากบางพื้นที่ได้เลือกตั้งไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกรณีที่นายก อบจ. ลาออกก่อนครบวาระ เช่น จังหวัดปทุมธานี ที่ใช้งบประมาณในการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2567 จาก 79 ล้านบาท เป็น 89 ล้านบาท สะท้อนถึงภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากการลาออกดังกล่าว

อัตราการใช้สิทธิเลือกตั้งและเป้าหมายในปี 2568

ในการเลือกตั้ง อบจ. ปี 2563 พบว่า อัตราการใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศอยู่ที่ 62.25% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 65% ปีนี้ กกต. ย้ำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เงินภาษีที่ใช้ไปในกระบวนการเลือกตั้งเกิดประโยชน์สูงสุด

จังหวัดงบการจัดการเลือกตั้ง 68 (บาท)ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้ง (บาท)งบจัดการเลือกตั้ง68+ค่าตอบแทน (บาท)ประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (คน)งบต่อหัวรวมหมายเหตุ
นครราชสีมา78,098,000110,000,000188,098,000365,192515.07 
เชียงราย34,948,55336,051,44771,000,000176,685401.85 
นครศรีธรรมราช42,150,00034,028,00076,178,000212,271358.87 
บุรีรัมย์50,800,00047,980,00098,780,000432,622228.33 
ร้อยเอ็ด17,938,60040,912,20058,850,800262,516224.18 
สมุทรปราการ120,000,00033,000,000153,000,000752,019203.45 
กำแพงเพชร60,000,000 60,000,000303,089197.96ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
สงขลา34,000,00040,500,00074,500,000407,945182.62 
ระยอง50,000,00020,000,00070,000,000385,091181.78 
น่าน18,000,00020,000,00038,000,000209,669181.24 
กระบี่10,000,00015,000,00025,000,000142,114175.92 
นครนายก15,160,00010,000,00025,160,000157,102160.15 
ชลบุรี40,000,00050,000,00090,000,000570,120157.86 
ชุมพร12,320,00015,300,00027,620,000183,361150.63 
สกลนคร24,563,10224,220,35048,783,452331,807147.02 
สุรินทร์46,370,00015,000,00061,370,000433,837141.46 
ขอนแก่น40,000,00052,000,00092,000,000654,181140.63 
นราธิวาส31,700,00036,569,40068,269,400506,704134.73 
นครสวรรค์20,000,00035,000,00055,000,000411,154133.77 
เชียงใหม่50,000,00050,000,000100,000,000791,945126.27 
ศรีสะเกษ26,000,00044,000,00070,000,000588,876118.87 
นครพนม20,484,41022,015,59042,500,000401,623105.82 
ลพบุรี15,000,00025,000,00040,000,000389,684102.65 
ตาก12,550,00015,750,00028,300,000279,832101.13 
ตรัง28,000,00022,000,00050,000,000517,53096.61 
ปทุมธานี49,000,00040,000,00089,000,000948,93593.79 
ฉะเชิงเทรา29,374,30025,279,50054,653,800587,34293.05 
อุดรธานี41,200,00040,600,00081,800,000906,43790.24 
พิจิตร19,047,00018,953,00038,000,000428,97488.58 
กาฬสินธุ์15,300,00023,000,00038,300,000435,26187.99 
มหาสารคาม17,418,00032,582,00050,000,000572,94487.27 
มุกดาหาร17,000,0002,500,00019,500,000225,05286.65 
สุโขทัย11,000,00016,920,00027,920,000324,79585.96 
ตราด6,700,0007,300,00014,000,000168,30483.18 
พิษณุโลก11,800,00017,000,00028,800,000362,86079.37 
อุตรดิตถ์13,500,00013,000,00026,500,000335,29279.04 
ภูเก็ต8,000,00011,200,00019,200,000243,73378.77 
กาญจนบุรี15,000,00015,000,00030,000,000389,78676.97 
สระบุรี34,000,00018,000,00052,000,000690,99475.25 
แพร่12,500,00017,200,00029,700,000394,80675.23 
ปราจีนบุรี30,000,0008,000,00038,000,000517,46273.44 
หนองคาย30,145,00014,589,40044,734,400611,65173.14 
จันทบุรี10,000,00019,000,00029,000,000420,69468.93 
ชัยภูมิ43,269,62430,595,32673,864,9501,225,77960.26 
สุราษฎร์ธานี57,090,00012,910,00070,000,0001,168,95559.88 
ราชบุรี19,000,00021,000,00040,000,000675,46059.22 
พระนครศรีอยุธยา40,000,00039,500,00079,500,0001,347,31059.01 
ปัตตานี19,102,40030,472,60049,575,000840,26359.00 
เพชรบูรณ์30,188,00043,000,00073,188,0001,277,45857.29 
อำนาจเจริญ20,000,00013,271,48033,271,480598,45155.60 
ประจวบคีรีขันธ์18,500,00013,000,00031,500,000606,83751.91 
พะเยา13,000,00013,000,00026,000,000509,85750.99 
ลำปาง50,000,0005,000,00055,000,0001,096,74450.15 
นครปฐม25,000,00027,000,00052,000,0001,085,48547.90 
เพชรบุรี18,000,00017,000,00035,000,000785,37544.56 
อุบลราชธานี15,701,00048,000,00063,701,0001,459,56243.64 
สุพรรณบุรี20,000,00023,000,00043,000,000999,75443.01 
สมุทรสาคร15,000,000 15,000,000367,83440.78ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
ชัยนาท8,000,00010,000,00018,000,000459,36239.18 
สระแก้ว13,247,65013,452,35026,700,000690,27038.68 
นนทบุรี50,500,00032,000,00082,500,0002,142,23538.51 
ยะลา25,000,00023,000,00048,000,0001,260,36538.08 
สตูล8,650,0008,100,00016,750,000442,90237.82 
ยโสธร12,231,35016,260,72028,492,070772,26536.89 
บึงกาฬ7,639,880 7,639,880261,95529.16ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
อ่างทอง6,900,0005,000,00011,900,000409,31029.07 
สมุทรสงคราม7,000,0005,000,00012,000,000413,72829.00 
หนองบัวลำภู15,000,00015,000,00030,000,0001,057,06028.38 
ลำพูน8,500,00012,700,00021,200,000918,76123.07 
อุทัยธานี13,000,00011,710,00024,710,0001,114,80122.17 
พังงา2,500,0007,000,0009,500,000479,10719.83 
พัทลุง10,000,00011,000,00021,000,0001,116,32018.81 
เลย21,000,000 21,000,0001,259,95516.67ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
สิงห์บุรี4,000,0006,000,00010,000,000678,73214.73 
ระนอง4,700,0005,600,00010,300,000840,62912.25 
แม่ฮ่องสอน   1,493,0420.00ไม่มีการตั้งงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณ อบจ. ปี 2568

ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ

จากข้อมูลของ Rocket Media Lab พบว่าการจัดการเลือกตั้งที่มีค่าใช้จ่ายสูงสะท้อนถึงความสำคัญของการใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เงินภาษีที่ถูกใช้นั้นเกิดความคุ้มค่า และแสดงออกถึงความรับผิดชอบของประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ การเลือกตั้งที่โปร่งใสและมีส่วนร่วมจากประชาชนในทุกระดับจะช่วยสร้างความมั่นใจในกระบวนการประชาธิปไตย

สรุป

การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้มีงบประมาณรวมกว่า 3.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งไม่เพียงแค่ช่วยสร้างความโปร่งใส แต่ยังสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / Rocket Media Lab 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News