Categories
ECONOMY

แฟรนไชส์ซบ การเมืองกดดัน ค่าเช่าพุ่งวอนรัฐช่วยพยุง

ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยอ่วม! ผู้ประกอบการวอนรัฐช่วยเปิดพื้นที่ค้าขายฟรี สู้พิษเศรษฐกิจ-การเมือง กำลังซื้อหด ค่าเช่าพุ่ง ปิดสาขาเพิ่ม

ประเทศไทย, 2 มิถุนายน 2568 – ภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ยังคงต้องเผชิญความท้าทายอย่างหนัก ภาวะเศรษฐกิจและกระแสการเมืองที่ไม่แน่นอน กำลังซื้อของผู้บริโภคหดตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายจนผู้ประกอบการแฟรนไชส์ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ หลายรายทยอยปิดสาขาเพื่อหนีค่าเช่าที่เพิ่มสูง วอนรัฐบาลเร่งเปิดพื้นที่ค้าขายฟรีและสนับสนุนช่องทางสร้างรายได้ใหม่

เริ่มต้นจากบรรยากาศเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อเงียบทั่วประเทศ

นายสุทธิชัย พนิตนรากุล นายกสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ และเจ้าของแฟรนไชส์ THE Waffle เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจแฟรนไชส์ว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 สมาชิกในสมาคมต่างประสบปัญหาเดียวกัน คือ “กำลังซื้อเงียบ ยอดขายตกต่ำ” หลายร้านค้าประคองธุรกิจได้ลำบาก แม้การปิดกิจการอาจดูไม่ชัดเจน แต่สาขาที่อยู่ไม่ได้ก็ทยอยหายไปแล้ว ที่เหลือในตลาดล้วนแต่เป็นผู้ประกอบการที่ผ่านการปรับตัวครั้งใหญ่

ทั้งนี้ โอกาสขยายตลาดแฟรนไชส์ปี 2568 เหลือเพียง 4-5% ต่ำกว่าปกติที่ควรเติบโตเกิน 10% สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย กำลังซื้อในประเทศนิ่ง ทั้งจากคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ การออกไปกินเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเงินหมุนเวียนในประเทศก็ชะลอตัว

ปัญหาต้นทุน-ค่าเช่าพื้นที่เพิ่ม ผู้ประกอบการรายย่อยอ่วม

“ค่าเช่าแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาขาในศูนย์การค้า-ห้างสรรพสินค้า หลายแห่งต้องทยอยปิด เพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว” นายสุทธิชัยกล่าว ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ค่าเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าขยับขึ้นถึง 50% จากเดิมที่รายย่อยเคยเช่าในราคา 10,000 บาทต่อรอบการขาย ปัจจุบันขยับเป็น 15,000–18,000 บาท ขณะที่ยอดขายโตแค่ 2-3% เท่านั้น

ธุรกิจแฟรนไชส์จึงต้องเรียกร้องให้รัฐเร่งหาทางช่วยเหลือ เสนอเปิดเวทีค้าขายฟรีสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่หรือให้เช่าพื้นที่ในอัตราต่ำ 2 ปีแรก ควรจัดสรรพื้นที่ค้าปลีกในสัดส่วน 30% เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็ก-รายใหม่ได้สร้างอาชีพ ลดภาระต้นทุน และกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านมาตรการภาครัฐ

กำลังซื้อชะลอตัว ค้าปลีกหวั่น “ร้าง” เหมือนสิงคโปร์

นายสุทธิชัยสะท้อนว่า หากยังปล่อยให้ค่าเช่าแพงแต่รายได้ไม่โต ภาคค้าปลีกจะได้รับผลกระทบหนักในระยะยาว คนเดินห้างลดลงและอาจกลายเป็น “ศูนย์การค้าร้าง” เช่นที่เคยเกิดขึ้นในสิงคโปร์เมื่อสิบปีก่อน ทั้งนี้ ภาคเอกชนฝากความหวังไว้กับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทของรัฐ ว่าควรนำไปสนับสนุนธุรกิจ-แรงงานในประเทศอย่างแท้จริง เพื่อให้รายได้หมุนเวียนภายในระบบเศรษฐกิจไทย

อุปสรรคเข้าถึงแหล่งทุนใหม่ รายย่อยปรับตัวยาก

ธุรกิจแฟรนไชส์เป็นช่องทางหารายได้เสริมของแรงงานไทย แต่ผู้ประกอบการรายใหม่กลับเข้าถึงแหล่งทุนได้ยาก สถาบันการเงินเข้มงวดขึ้น กำลังซื้อนิ่ง ธุรกิจเดิมก็ต้องรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐอย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านเงินทุน สนับสนุนพื้นที่ค้าขายฟรี และมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อระยะสั้น

ตัวเลขธุรกิจแฟรนไชส์และเศรษฐกิจไตรมาสแรก

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า การจดทะเบียนเลิกกิจการไตรมาสแรกปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีถึง 3,107 ราย เพิ่มขึ้น 10.61% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ทุนจดทะเบียนเลิกสะสม 11,859 ล้านบาท ส่วนธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด ได้แก่ ก่อสร้าง 307 ราย, อสังหาริมทรัพย์ 137 ราย และร้านอาหาร/ภัตตาคาร 129 ราย

การจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ไตรมาสแรกปี 2568 มี 23,823 ราย ลดลง 4.72% จากปีก่อน แม้ทุนจดทะเบียนรวมจะเพิ่มขึ้นถึง 79,920 ล้านบาท (+17.63%) อัตราส่วนตั้ง:เลิกธุรกิจอยู่ที่ 7:1

ความเชื่อมั่น SME ลดลงต่อเนื่อง

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ 51.5 ลดลงจากเดือนก่อนที่ 52.1 เป็นการลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ปัจจัยสำคัญมาจากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทระยะที่ 2 ยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน

ภาคการท่องเที่ยวที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนหลักก็เริ่มชะลอลง จำนวน นทท. ต่างชาติลดลง ขณะที่ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำและภัยธรรมชาติ ทำให้ธุรกิจรายย่อยในภูมิภาคเปราะบางมากขึ้น

ภาคธุรกิจพบจุดอ่อนใหญ่ 3 ด้าน

SME D Bank รายงานจาก “Business Health Check” พบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีจุดอ่อน 3 ด้านหลักคือ

  1. การบริหารจัดการการเงิน (คะแนนเฉลี่ย 1.8/5) โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยที่ไม่แยกบัญชีส่วนตัวกับธุรกิจ ขาดความรู้บัญชี
  2. นวัตกรรมและเทคโนโลยี (2.6/5) รายย่อยไม่รู้เทคโนโลยีที่เหมาะกับธุรกิจ รายเล็กขาดแผนหรือนโยบายด้านนวัตกรรม กลางไม่สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เกิดนวัตกรรม
  3. การสื่อสารการตลาด (3.6/5) รายย่อยขาดทักษะโซเชียล มีเดีย รายเล็กขาดการวิเคราะห์ผลลัพธ์การตลาด รายกลางขาดบูรณาการข้อมูล

วิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มผลกระทบ

จากภาพรวมข้างต้นสะท้อนว่า ธุรกิจแฟรนไชส์ในไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งปัจจัยเศรษฐกิจภายใน ความไม่แน่นอนทางการเมือง และต้นทุนดำเนินธุรกิจที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากรัฐไม่เข้ามาแก้ไขและสนับสนุนให้ตรงจุด โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ค้าขายฟรี หรือลดต้นทุนค่าเช่า คาดว่าผู้ประกอบการรายย่อยจะทยอยปิดกิจการเพิ่มขึ้น กระทบทั้งอุตสาหกรรมค้าปลีก เศรษฐกิจชุมชน และแรงงานไทยในภาพรวม

แม้ตลาดแฟรนไชส์ไทยยังคงมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว แต่สถานการณ์ในปี 2568 บ่งชี้ชัดว่าจำเป็นต้องอาศัยมาตรการเชิงรุกและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อรักษาระบบนิเวศธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างมั่นคง

สถิติสำคัญและแหล่งอ้างอิง

  • เลิกกิจการไตรมาส 1/2568: 3,107 ราย (+10.61%) ทุนจดทะเบียนเลิก 11,859 ล้านบาท (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
  • ตั้งธุรกิจใหม่ไตรมาส 1/2568: 23,823 ราย (-4.72%) ทุนจดทะเบียน 79,920 ล้านบาท (+17.63%) (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
  • ดัชนี SME เดือนมีนาคม 2568: 51.5 ลดลงจาก 52.1 (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม)
  • ผลการตรวจ Business Health Check: เอสเอ็มอีไทยพบจุดอ่อน 3 ด้านหลัก (SME D Bank)
  • ตลาดแฟรนไชส์โตเพียง 4-5% ต่ำกว่าปกติที่ 10% (สมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
  • สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
  • SME D Bank
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News