Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘เซ็นทรัล’ มอบสถานีเตือนภัยน้ำท่วม เชื่อมสัมพันธ์ไทย-เมียนมา

เซ็นทรัลมอบสถานีเตือนภัยน้ำท่วมให้เมียนมา พร้อมฟื้นฟูชุมชนแม่สาย

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 กลุ่มเซ็นทรัล ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติสำหรับการเตือนภัยน้ำท่วมให้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูและสนับสนุนการเตือนภัยน้ำท่วมในพื้นที่แม่สายและท่าขี้เหล็ก

ในงานนี้มีตัวแทนสำคัญจากกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ คุณสมกมล จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย คุณณรงค์ ประทินสุขอำไพ ผู้จัดการเขต ร้านซุปเปอร์สปอร์ต ภาคเหนือ และ คุณนราวิขญ์ วงค์ปิน ผู้จัดการฝ่ายขายสินค้าโรบินสัน สาขาเชียงราย ร่วมกับ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธานในพิธี

สนับสนุนการติดตั้งสถานีเตือนภัยน้ำหลาก

สถานีโทรมาตรอัตโนมัตินี้ถูกติดตั้งจำนวน 4 สถานี โดยแบ่งเป็นฝั่งเมียนมา 3 สถานี ได้แก่ บ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ และสะพานอูทูนอ่อง ในเขตบ้านสบสาย และฝั่งไทย 1 สถานี ณ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1

พันโท ตั้น หล่าย วิน ผู้บังคับการกองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก เมียนมา กล่าวขอบคุณฝ่ายไทยในนามประชาชนเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคม 2567 โดยสถานีโทรมาตรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแจ้งเตือนล่วงหน้าและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ฟื้นฟูชุมชน

นอกจากการสนับสนุนสถานีเตือนภัยแล้ว มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยังจัดกิจกรรม “คืนพื้นที่ คืนความสุขให้ประชาชน” มอบสิ่งของจำเป็น เช่น ผ้าห่ม 500 ผืน อุปกรณ์กีฬา 10 ชุด ชุดเครื่องครัว และผ้าขนหนู รวมมูลค่า 137,793 บาท เพื่อช่วยฟื้นฟูจิตใจชาวบ้านในชุมชนถ้ำผาจมและชุมชนตลาดสายลมจอย

ความร่วมมือเชิงพื้นที่เพื่อป้องกันภัย

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวว่าการดำเนินโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในระดับภูมิภาค โดยสถานีโทรมาตรอัตโนมัติได้ถูกขยายไปยัง สปป.ลาว และเมียนมา ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนล่วงหน้าแก่ชุมชนเครือข่ายในพื้นที่เสี่ยงภัย

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากสถานีโทรมาตรและส่งต่อไปยังชุมชนเพื่อการเตรียมพร้อม

ผลักดันมาตรการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

การติดตั้งสถานีโทรมาตรในพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก เช่น บริเวณลำน้ำสาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดผลกระทบจากภัยพิบัติ พร้อมทั้งวางแผนสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น รถพยาบาลยกสูงและการจัดอบรมทีมกู้ภัยในอนาคต

ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและเมียนมา พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับท้องถิ่นและระดับชาติในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

ไทย-เมียนมา ร่วมมือรื้อถอนสิ่งปลูก สร้างลำน้ำสาย ป้องกันอุทกภัยยั่งยืน

ไทย-เมียนมา ร่วมหารือแก้ไขปัญหาอุทกภัยและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำสาย

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรบริเวณสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 2 มีการจัดประชุมระหว่างคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา เพื่อหารือการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประเทศไทย และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา การประชุมครั้งนี้นำโดย พลโท ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา และนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ฝ่ายไทย ร่วมกับ พลจัตวา โซหล่าย ผู้บัญชาการภาคสามเหลี่ยม และ นาย อูมินโก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็ก ฝ่ายเมียนมา

รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำสาย

การประชุมครั้งนี้เน้นย้ำถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำสาย โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องความร่วมมือในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำสาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุทกภัยในพื้นที่

พลโท ณัฐพงษ์ เพราแก้ว ได้ขอบคุณฝ่ายเมียนมาที่อนุญาตให้ประเทศไทยติดตั้งเครื่องโทรมาตรอัตโนมัติสำหรับแจ้งเตือนระดับน้ำในบริเวณต้นแม่น้ำสาย จำนวน 4 จุด ได้แก่ บ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ สะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งที่ 1 และสะพานข้ามแม่น้ำรวก ซึ่งการติดตั้งเครื่องมือเหล่านี้จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 28 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายนนี้ โดยระบบจะสามารถแจ้งเตือนอุทกภัยล่วงหน้าได้ 8 – 10 ชั่วโมง ทำให้ประชาชนสามารถเตรียมตัวและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้เสนอให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำ รวมถึงการขุดลอกลำน้ำเพื่อให้การไหลของน้ำเป็นไปอย่างสะดวก โดยมีการมอบหมายให้คณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมา (Sub JCR) ซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธาน จัดทำแผนการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้

33 บริเวณ พร้อมรื้อถอนทันที

ทางฝั่งเมียนมา ได้แจ้งว่ามีการสำรวจสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำในฝั่งของตนแล้ว พบว่ามีจำนวนทั้งหมด 33 บริเวณ และพร้อมที่จะดำเนินการรื้อถอนทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากส่วนกลาง การรื้อถอนนี้ถือเป็นการแสดงความร่วมมืออย่างชัดเจนจากทั้งสองประเทศในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยร่วมกัน

ระบบแจ้งเตือนภัยไฟป่าและหมอกควันที่จังหวัดเชียงตุง

ในระหว่างการหารือ พลโท ณัฐพงษ์ ยังได้สอบถามถึงการใช้งานระบบติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันที่ฝ่ายไทยได้ติดตั้งให้แก่เมียนมาในจังหวัดท่าขี้เหล็ก เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายเมียนมาได้ขอให้ฝ่ายไทยสนับสนุนเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบแจ้งเตือนที่เชื่อมต่อกับเครื่องโทรมาตร และระบบแจ้งเตือนภัยไฟป่าและหมอกควันที่จังหวัดเชียงตุง เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ฟื้นฟูแล้วร้อยละ 75

ในส่วนของการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ฝ่ายเมียนมาได้รายงานความคืบหน้าว่าพื้นที่ในจังหวัดท่าขี้เหล็กได้รับการฟื้นฟูแล้วประมาณร้อยละ 75 โดยได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายไทยทั้งในด้านกำลังคนและอุปกรณ์ นอกจากนี้ ยังได้ร้องขอให้ฝ่ายไทยอำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อเครื่องจักรที่ใช้ในการจัดการดินโคลน เช่น รถแบ็คโฮขนาดเล็ก และเครื่องดูดโคลน เพื่อเร่งการฟื้นฟูให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

 

สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน และได้ตกลงที่จะประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา เกี่ยวกับเขตแดนคงที่ช่วงแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก (JCR) ในวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2567 ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อหารือและพิจารณาการดำเนินการในขั้นต่อไป โดยจะนำข้อเสนอทั้งหมดมาพิจารณาเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานในระยะยาว

สรุป

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและเมียนมา ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำ เพื่อความยั่งยืนและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนทั้งสองประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News