ความคืบหน้าของคดี The iCon Group: รายงานล่าสุดจากผบ.ตร.
ความก้าวหน้าของการสอบสวน
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี The iCon Group ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารหารเสริมสุขภาพ คดีนี้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในช่วงวันที่ 10-12 ตุลาคม 2567 โดยมีผู้เสียหายรายแรกเข้ามาแจ้งความถึง 630 ราย โดยรวมความเสียหายถึงกว่า 228 ล้านบาท
ทีมสอบสวนและการดำเนินการ
คดีนี้ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ โดย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นผู้กำกับดูแลหลัก ทีมสอบสวนประกอบด้วย พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. นอกจากนี้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. ยังเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินคดีนี้อีกด้วย
การตรวจค้นและการยึดเอกสารสำคัญ
ตำรวจสอบสวนกลางได้ทำการตรวจค้นบริษัทเดอะไอคอนกรุ๊ป 9 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยได้ยึดเอกสารหลักฐานสำคัญจำนวนมากเพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบสวนคดี นอกจากนี้ ยังมีการสอบปากคำนายวรัตน์พล หรือที่รู้จักในนามบอสพอล และนักแสดง 4 ราย ได้แก่ นายยุรนันท์ หรือแซม, น.ส.พีชญา หรือมิน, นายฐานนท์ หรือหมอเอก, และนายกลด หรือปีเตอร์ อีกด้วย
การสอบสวนเพิ่มเติมและการดำเนินการทางกฎหมาย
ถึงแม้ว่าจะมีการสอบสวนปากคำกลุ่มแม่ข่ายไปแล้ว 8 ปาก แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมสอบสวนปากคำกับนายกันต์ นักแสดงอีกราย ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลางจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลบริษัทเพิ่มเติมเพื่อหาพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี หากพบว่ามีความผิดจริงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ
การสืบสวนคดีนี้ได้รับการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยเฉพาะการตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์สิน จำเป็นต้องประสานงานกับ ปปง. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียหาย
พล.ต.ท.อัคราเดช ฯ ได้มีการสั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศรับแจ้งความจากผู้เสียหายทุกคน ไม่ว่าจะแจ้งความที่ใด โดยมีช่องทางให้ผู้เสียหายสามารถแจ้งความได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ การเดินทางเข้ามาแจ้งด้วยตัวเองที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, การแจ้งความที่สถานีตำรวจใดก็ได้, และการแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th
ความยุติธรรมและการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม
ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำถึงความเป็นธรรมในการตรวจสอบคดี หากพบว่ามีความผิดชัดเจนจะดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่หากตำรวจที่เกี่ยวข้องเป็นผู้เสียหายในห่วงโซ่ของการกระทำความผิด ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจด้วยเช่นกัน เนื่องจากอาจมีเจ้าหน้าที่หลายคนที่เข้าร่วมแต่ไม่ได้มีเจตนาในการกระทำผิด
ความพึงพอใจในการดำเนินงาน
ผบ.ตร.กล่าวว่าพอใจในภาพรวมของการทำงานที่เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 2-3 วันหลังจากตั้งศูนย์รับแจ้งความ โดยทีมงานได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คดีมีความคืบหน้ามากขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมในการทำงานของตำรวจ
การสรุปผลคดีในอนาคตอันใกล้
คาดว่าตำรวจจะสามารถสรุปผลคดีได้ในเวลาไม่นานนัก เนื่องจากมีการดำเนินงานอย่างเข้มข้นและเป็นระบบ ตำรวจจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่มี
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ