Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

น้ำสายทะลัก! ผู้ว่าฯ จี้เมียนมาร์ขุดลอก ทหารเร่งช่วย

สถานการณ์ภัยพิบัติจากอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เชียงราย, 2 พฤษภาคม 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง กองทัพบก ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมแบบชั่วคราว-กึ่งถาวร ตลอดแนวแม่น้ำสายตั้งแต่ Sta 0+100 ถึง Sta 3+600 โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายหลักเพื่อลดผลกระทบจากอุทกภัยในเขตเศรษฐกิจของอำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างไทยกับประเทศเมียนมา หลังจากที่พื้นที่ดังกล่าวประสบกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะในฤดูฝนซึ่งเริ่มมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกปี จากสาเหตุหลักที่มาจากการตื้นเขินของลำน้ำสาย อันเนื่องมาจากตะกอนดินจากฝั่งประเทศเมียนมา รวมถึงการรุกล้ำแนวแม่น้ำจากสิ่งปลูกสร้าง

แนวทางการดำเนินงานป้องกันอุทกภัย 5 รูปแบบหลัก

การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำในครั้งนี้ ได้ผสมผสานงานก่อสร้างจำนวน 5 รูปแบบหลักที่เหมาะสมกับลักษณะภูมิประเทศและสภาพพื้นที่ ได้แก่:

  1. เขื่อนป้องกันตลิ่งด้วยเข็มไอเสียบแผ่น Precast Panel
  2. แนวกำแพงกันน้ำโดยใช้เสาเหล็กเสียบแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป
  3. กำแพงกันน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณใต้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1
  4. โครงเคร่ากรุแผ่นเหล็กเพื่อปิดโพรงน้ำเข้าตามบ้านเรือนประชาชน
  5. แนว Big Bag และการเสริมคันดินให้แข็งแรง

ปัจจุบัน กองทัพบก โดยกรมการทหารช่าง ได้เริ่มดำเนินการสร้างทางลำลองและเตรียมพื้นที่ก่อสร้างภายในลำน้ำสาย โดยกำหนดให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพื่อรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝนที่จะมาถึง

ความคืบหน้าการขุดลอกลำน้ำสายและแม่น้ำรวก

ในส่วนของงานขุดลอกแม่น้ำรวก ซึ่งมีความยาวรวม 32 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่:

  • หน่วยทหารช่างกองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบดำเนินการขุดลอก 14 กิโลเมตร
  • กรมการทหารช่าง รับผิดชอบอีก 18 กิโลเมตร

การดำเนินงานเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2568 ซึ่งเมื่อถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 พบว่าผลความก้าวหน้าคิดเป็น 6.89% จากแผนงานที่วางไว้ 6.2% ซึ่งถือว่าเกินเป้าหมายเล็กน้อย และยังคงกำหนดแผนแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568

สำหรับลำน้ำสายในช่วงตั้งแต่ Sta 0+000 ถึง Sta 12+800 เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายเมียนมา ซึ่งจากผลการประชุม Sub-JCR ของทั้งสองฝ่าย ได้มีข้อสรุปว่าจะขุดลอกตามแนวทางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงระยะตลิ่งทั้งสองฝั่งแต่อย่างใด

ความร่วมมือระหว่างประเทศและความล่าช้าฝั่งเมียนมา

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า ฝ่ายเมียนมายังไม่เริ่มกระบวนการขุดลอกลำน้ำสายแต่อย่างใด โดยกระทรวงการต่างประเทศ และกรมกิจการชายแดน ได้รับมอบหมายให้เร่งประสานงานเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนร่วมที่ตกลงกันไว้ โดยระบุชัดว่าหากดำเนินการแล้วเสร็จตามกำหนด การป้องกันน้ำท่วมใหญ่ในฤดูฝนปีนี้จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในด้านแนวทางป้องกันน้ำท่วมฉับพลัน กองทัพได้วางแนว Big Bag ไว้ในจุดเสี่ยง พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำหรือขวางแนวทางน้ำ เพื่อให้การสร้างแนวป้องกันน้ำดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การลงพื้นที่ของอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 นายภาสกร บุญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่บริเวณตลาดสายลมจอย และสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 อ.แม่สาย หลังเกิดฝนตกหนักจากฝั่งประเทศเมียนมา ทำให้แม่น้ำสายเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เศรษฐกิจ

จากการตรวจสอบ พบว่าแม่น้ำสายมีสภาพตื้นเขินอย่างหนัก จากตะกอนดินที่ไหลมาจากพื้นที่ต้นน้ำโดยเฉพาะบริเวณเหมืองแร่ในประเทศเมียนมา ซึ่งยังไม่มีการขุดลอกหรือบำรุงรักษา ส่งผลให้เกิดน้ำหลากแม้มีปริมาณฝนเพียงเล็กน้อย

อธิบดี ปภ. ได้กล่าวว่า แม่น้ำสายในอดีตกว้างถึง 200 เมตร แต่ปัจจุบันแคบลงเหลือไม่ถึง 50 เมตร และยังไม่มีการขุดลอกมาก่อน จึงเป็นเหตุให้น้ำล้นตลิ่งได้ง่าย ซึ่งทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้หารือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำโครงการระยะยาวในอนาคต รวมถึงเตรียมการประชาคมในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจร่วม

การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าและแผนรับมือฝนหนัก

นอกจากนี้ ทางกรม ปภ. ยังได้เริ่มทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยผ่านเซลล์บรอดแคสต์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่:

  • วันที่ 2 พฤษภาคม: ทดลองระดับศาลากลางจังหวัด
  • วันที่ 7 พฤษภาคม: ทดลองระดับอำเภอ
  • วันที่ 13 พฤษภาคม: ทดลองระดับจังหวัด

โดยมีการประสานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในพื้นที่เพื่อประเมินประสิทธิภาพของระบบการแจ้งเตือนและแก้ไขปัญหาการรับสัญญาณ

นายภาสกร ได้กล่าวย้ำว่า การพูดคุยประสานงานกับทางจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ยังจำเป็นต้องใช้กลไกหลายช่องทาง ทั้งระดับผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น (TBC) เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมจะเกิดขึ้นกับประชาชนในฝั่งเมียนมาอย่างรุนแรงหากไม่มีการขุดลอกแม่น้ำสาย

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • แม่น้ำสายเคยมีความกว้างถึง 200 เมตร ปัจจุบันลดลงเหลือไม่ถึง 50 เมตร (ข้อมูลจากกรมโยธาธิการและผังเมือง, 2568)
  • ความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำรวก ณ วันที่ 30 เม.ย. 2568 คิดเป็น 6.89% จากแผนงาน 6.2%
  • ปริมาณฝนตกในเมียนมา วันที่ 29 เม.ย. 2568 ประมาณ 60 มิลลิเมตร (ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา)
  • แผนการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกของไทย: 32 กม. ให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิ.ย. 2568 (ข้อมูลจากกรมการทหารช่าง)

บทสรุป ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในอำเภอแม่สาย เป็นประเด็นที่ต้องการการจัดการแบบบูรณาการ โดยเฉพาะความร่วมมือข้ามพรมแดนระหว่างไทยกับเมียนมา การขุดลอกแม่น้ำ การสร้างแนวป้องกัน และการเตรียมระบบเตือนภัยเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • กรมโยธาธิการและผังเมือง
  • กรมชลประทาน
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
  • รายงานความก้าวหน้าโครงการโดยกรมการทหารช่าง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

แม่สายรื้อบ้านรุกล้ำ ไทย-เมียนมา ขุดลอก น้ำสาย-น้ำรวก

ไทย-เมียนมา เดินหน้าขุดลอกลำน้ำแม่สาย-น้ำรวก แก้ปัญหาการรุกล้ำเขตแดน

เร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ร่วมมือขุดลอกแม่น้ำเพื่อความชัดเจนของแนวเขตแดน

เชียงราย, 6 มีนาคม 2568 – นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขุดลอกลำน้ำแม่สายและลำน้ำรวก ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยและเมียนมา ว่าหลังจากการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา (JCR) เมื่อวันที่ 16-17 มกราคม 2568 ที่จังหวัดเชียงราย มีข้อตกลงให้ทั้งสองประเทศรับผิดชอบการขุดลอกลำน้ำในพื้นที่ของตนเอง

ฝ่ายเมียนมาจะดำเนินการขุดลอกแม่น้ำสายเป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร ตั้งแต่ชุมชนบ้านถ้ำผาจม หมู่ 1 ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ไปจนถึงเขตติดต่อตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ขณะที่ฝ่ายไทย มีกองทหารช่างเป็นผู้รับผิดชอบขุดลอกลำน้ำรวก ระยะทาง 33 กิโลเมตร จากตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ไปจนถึงบ้านสบรวก สามเหลี่ยมทองคำ ในเขตอำเภอเชียงแสน และไหลออกสู่แม่น้ำโขง

การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำแนวเขตแดน

นายวรายุทธ ค่อมบุญ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพบว่าฝ่ายเมียนมามีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทย 33 จุด ขณะที่ฝ่ายไทยมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในเขตเมียนมา 45 จุด ล่าสุด ทางการเมียนมาได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำไปแล้ว 20 จุด และอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการรื้อถอนที่เหลือให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนฝ่ายไทยได้เริ่มกระบวนการรื้อถอนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสามารถดำเนินการไปแล้ว 7 จุด โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จตามข้อตกลงระหว่างสองประเทศ

ในวันที่ 10 มีนาคม 2568 คณะเจ้าหน้าที่ไทย นำโดยนายประสงค์ หล้าอ่อน จะเดินทางไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อร่วมลงนามข้อตกลงในการขุดลอกลำน้ำสาย-น้ำรวก ตามสนธิสัญญาที่กำหนดไว้ หลังการลงนามอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มกระบวนการขุดลอกทันที

ผลกระทบต่อประชาชนริมฝั่งแม่น้ำ

ปัญหาหนึ่งที่ยังต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือบ้านเรือนประชาชนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก โดยเฉพาะที่บ้านเกาะทราย ซึ่งบางหลังอยู่ในเขตเมียนมา และอาจต้องถูกรื้อถอนตามข้อตกลงของทั้งสองประเทศ นางขันแก้ว อายุ 54 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่าตนเองและครอบครัวอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวมาหลายชั่วอายุคน โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าแนวเขตแดนอยู่ที่ใด หากต้องรื้อถอนที่อยู่อาศัยจริงก็อยากได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐในเรื่องที่ดินหรือที่อยู่ใหม่ เพราะประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่กันมานานและไม่มีทรัพย์สินเพียงพอในการหาที่อยู่ใหม่ด้วยตัวเอง

ในส่วนของการรื้อถอนฝั่งเมียนมา มีรายงานว่า ตั้งแต่ใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 เจ้าหน้าที่เมียนมาได้เริ่มดำเนินการรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในลำน้ำสาย รวมถึงมีการขุดลอกบางจุดเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้างกำแพงกันน้ำใหม่ ซึ่งในบางกรณี ประชาชนที่มีฐานะดีในเมียนมาได้รับอนุญาตให้สร้างแนวกันน้ำได้โดยมีเจ้าหน้าที่เมียนมาคอยกำกับดูแล

สถิติและแนวโน้มการขุดลอกลำน้ำชายแดนไทย-เมียนมา

ตามข้อมูลจากกรมโยธาธิการและผังเมือง การขุดลอกลำน้ำชายแดนไทย-เมียนมา มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีโครงการขุดลอกแม่น้ำชายแดนไทย-เมียนมา แล้วกว่า 120 กิโลเมตร ซึ่งช่วยลดปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ การรุกล้ำแนวเขตแดน และลดความเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ชายแดน

อย่างไรก็ตาม การขุดลอกลำน้ำครั้งใหม่นี้มีความท้าทายเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องดำเนินการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจมีความล่าช้าในเรื่องของขั้นตอนทางกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ การดำเนินโครงการนี้จึงต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานของทั้งสองประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล และป้องกันปัญหาข้อพิพาทในอนาคต

แม้ว่าการขุดลอกลำน้ำสาย-น้ำรวกครั้งนี้จะช่วยทำให้แนวเขตแดนมีความชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการเยียวยาและการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจากภาครัฐ ทั้งของไทยและเมียนมา เพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวและดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แม่สายรื้อร้านค้า ไทย-เมียนมาขุดลอก น้ำสายป้องกันท่วม

ไทย-เมียนมาร่วมมือแก้ปัญหาน้ำท่วมแม่สาย รื้อถอนอาคารริมน้ำสายกว่า 800 หลัง ขุดลอกลำน้ำ-สร้างพนังกั้นน้ำ

เชียงราย, 6 มีนาคม 2568 – การแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และ จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา กำลังเดินหน้าตามข้อตกลงระหว่างสองประเทศ โดยขณะนี้ เมียนมาเริ่มดำเนินการขุดลอกและทำลายสิ่งกีดขวางในแม่น้ำสาย เพื่อคืนพื้นที่ให้กับลำน้ำ พร้อมก่อสร้างพนังกั้นน้ำความสูง 17.6 ฟุต (ประมาณ 2 เมตร) เพื่อป้องกันอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศกำลังเร่งศึกษาวิธีป้องกันน้ำท่วม คาดว่าจำเป็นต้องรื้อถอนอาคารริมน้ำสายมากกว่า 800 หลังคาเรือน เพื่อเพิ่มพื้นที่การไหลของน้ำ รวมถึงการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกให้สามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น

เมียนมาเริ่มขุดลอกและสร้างพนังกั้นน้ำ ป้องกันน้ำท่วม

นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ทางการเมียนมาได้เริ่มดำเนินการขุดลอกและทำลายสิ่งกีดขวางในแม่น้ำสาย ฝั่งท่าขี้เหล็ก ติดกับสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 เพื่อป้องกันน้ำท่วมตามข้อตกลงไทย-เมียนมา โดยการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 3 จุดหลัก ได้แก่

  • จุดที่ 1 ใต้สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ความยาว 60 ฟุต x 2 ฟุต x 17.6 ฟุต
  • จุดที่ 2 ใต้สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 (จุดที่ 2) ความยาว 140 ฟุต x 2 ฟุต x 17.6 ฟุต
  • จุดที่ 3 บริเวณหลังโรงแรมอารัว ความยาว 180 ฟุต x 2 ฟุต x 17.6 ฟุต

แม้ว่าทางการเมียนมาจะยังไม่ได้ดำเนินการขุดลอกแม่น้ำสายทั้งหมดตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ระยะทาง 14.45 กิโลเมตร แต่ได้มีการแบ่งโซนพื้นที่ขุดลอกออกเป็น

  • โซนที่ 1 ระยะทาง 12.39 กิโลเมตร
  • โซนที่ 2 ระยะทาง 2.06 กิโลเมตร

ส่วน แนวการสร้างพนังกั้นน้ำ มีระยะทาง 3.960 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีแผนขุดลอกแม่น้ำรวกเพิ่มเติมอีก 30.89 กิโลเมตร ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน พฤษภาคม 2568 โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท

ไทยเร่งศึกษาแนวทางป้องกันน้ำท่วม รื้อถอนอาคารริมน้ำสาย

ด้านหน่วยงานของไทย นำโดย กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอแม่สาย โดยมีการวางแผนรื้อถอนอาคารริมน้ำสายที่อยู่ในแนวการก่อสร้างพนังกั้นน้ำและพื้นที่รับน้ำหลาก กว่า 800 หลังคาเรือน

การก่อสร้างพนังกั้นน้ำมี 2 แนวทาง คือ

  1. พนังกั้นน้ำแบบถาวร ต้องเวนคืนพื้นที่ 40 เมตร จากริมฝั่งแม่น้ำสาย ครอบคลุมพื้นที่ 800 ครัวเรือน ใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2572
  2. พนังกั้นน้ำแบบกึ่งถาวร ซึ่งสามารถดำเนินการได้เร็วกว่า และจะแล้วเสร็จภายใน มิถุนายน 2568 เพื่อให้ทันก่อนฤดูน้ำหลาก

นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่นำเสนอ คือ การสร้างคันปิดล้อมพื้นที่ชุมชนแม่สาย เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วม โดยจะมีการก่อสร้างคันดินสูง 3 เมตร ความยาวรวม 3,960 เมตร ซึ่งจะช่วยป้องกันน้ำไหลเข้าพื้นที่ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พื้นที่ได้รับประโยชน์จากแนวคันปิดล้อมจะครอบคลุม 10.7 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6,700 ไร่ มีบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการรื้อถอน 843 หลังคาเรือน แบ่งเป็น

  • อาคารที่มีกรรมสิทธิ์ 178 หลัง
  • อาคารที่ตั้งอยู่บนที่ดินของกรมธนารักษ์ 112 หลัง
  • อาคารที่รุกล้ำที่สาธารณะ 503 หลัง

แนวทางขุดลอกและป้องกันการเปลี่ยนแปลงของลำน้ำ

พล.ต.สิรภพ สุวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง รายงานว่าแนวทางการขุดลอกแม่น้ำสายแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่

  1. โซนเขตเมือง ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร ความกว้าง 30 เมตร ความลึก 2.5 เมตร
  2. โซนนอกเมือง ความกว้างสูงสุด 50 เมตร ความลึกเฉลี่ย 2.5 เมตร
  3. โซนแม่น้ำรวก-สามเหลี่ยมทองคำ ความกว้าง 25-70 เมตร (ไม่ต้องขุดลอกเพิ่มเติม)

แนวทางการขุดร่องน้ำลึกมีเป้าหมาย ไม่ให้ชิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงของลำน้ำและลดความเสี่ยงจากการกัดเซาะตลิ่ง

ความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ

กลุ่มที่เห็นด้วยกับโครงการ

  • หน่วยงานรัฐ เห็นว่าแนวทางขุดลอกแม่น้ำสายและสร้างพนังกั้นน้ำจะช่วยป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของแม่น้ำให้สมดุล
  • ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม สนับสนุนโครงการนี้ เนื่องจากจะช่วยป้องกันภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • ภาคธุรกิจในพื้นที่แม่สาย มองว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำจะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง

 กลุ่มที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการ

  • ประชาชนที่ต้องถูกเวนคืนที่ดิน กังวลเกี่ยวกับกระบวนการเยียวยาและค่าชดเชยที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
  • นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เตือนว่าการขุดลอกแม่น้ำอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และอาจทำให้บางพื้นที่เกิดการพังทลายของตลิ่ง
  • ผู้ค้าริมน้ำสาย หลายคนกังวลเกี่ยวกับการรื้อถอนอาคารซึ่งอาจกระทบต่อการประกอบอาชีพของพวกเขา

บทสรุป

การขุดลอกแม่น้ำสายและสร้างพนังกั้นน้ำถือเป็นโครงการสำคัญที่มีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอแม่สาย และ จังหวัดท่าขี้เหล็ก อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนที่ต้องถูกเวนคืนที่ดิน รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ และสามารถลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในอนาคตได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงนิวส์ / เพจฮักแม่สาย /แม่สาย ปิงปิง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News