Categories
ECONOMY EDITORIAL

กลยุทธ์ “Sea-side Feeling” พลิกโฉมกว๊านพะเยา เพิ่มยอดใช้จ่ายนักท่องเที่ยวท้าชนเมืองใหญ่

พะเยาปั้นกลยุทธ์ท่องเที่ยว “กว๊าน” สไตล์ริมทะเล ท้าชนเชียงราย ไทยไฟท์-เคาท์ดาวน์ปลายปีกระตุ้นท่องเที่ยว สร้างมูลค่าเศรษฐกิจใหม่ เปลี่ยน “เมืองผ่าน” เป็น “เมืองปลายทาง”

พะเยา, 21 ธันวาคม 2568 – บรรยากาศริมกว๊านพะเยาช่วงปลายปีนี้คึกคักเป็นพิเศษ เมื่อจังหวัดพะเยาเดินหน้ายกระดับศักยภาพเมืองให้ก้าวจาก “เมืองทางผ่าน” สู่การเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวพักผ่อนแห่งใหม่ของล้านนาตะวันออก” ด้วยกลยุทธ์พัฒนากว๊านพะเยาให้มีบรรยากาศคล้ายริมทะเล (Coastal Vibe) ควบคู่กับการจัดงานระดับประเทศเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้แทนที่จะปล่อยให้นักท่องเที่ยวแวะผ่านไปยังเชียงรายเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ (Quality Tourism) ของภูมิภาค ที่ไม่เน้นปริมาณนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งเน้นการเพิ่มระยะเวลาพักและมูลค่าการใช้จ่ายต่อคน (Average Spending per Visitor หรือ ASV) โดยใช้ซอฟต์พาวเวอร์และงบประมาณพัฒนาโครงการต่างๆ รวม 300 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีสัญจรกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน)

ไทยไฟท์” รอบชิงชนะเลิศเปิดฉาก

หนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนถึงศักยภาพใหม่ของพะเยาคือการจัดการแข่งขันมวยไทยระดับโลก “Thai Fight พะเยา” รอบชิงชนะเลิศ ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21-22 ธันวาคม 2568 ที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ริมกว๊านพะเยา ถือเป็นครั้งแรกที่จังหวัดพะเยาเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมกีฬาระดับนานาชาติขนาดใหญ่ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เดินทางมายังพะเยาในช่วงเวลาดังกล่าว

การจัดงาน Thai Fight ในพะเยาครั้งนี้มีนัยสำคัญต่อกลยุทธ์การท่องเที่ยวในหลายมิติ เพราะนอกจากจะสร้างการรับรู้ระดับโลกแล้ว ยังเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของจังหวัดในการรองรับงานระดับนานาชาติและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเข้ามาค้างคืนในพื้นที่ ไม่ใช่เพียงแค่แวะผ่านเท่านั้น

มหกรรมเคาท์ดาวน์ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี

ต่อเนื่องจากความสำเร็จของงานไทยไฟท์ จังหวัดพะเยาได้เตรียมจัดงาน “AMAZING THAILAND PHAYAO COUNTDOWN Flora Fest 2026 แสงแห่งรักพะเยา เทิดพระเกียรติแม่แห่งแผ่นดิน” การจัดงานมหกรรมเคาท์ดาวน์ครั้งนี้สอดคล้องกับแผน 5 ปี ฉบับทบทวน พ.ศ. 2568 ที่จัดสรรงบประมาณ 72.6 ล้านบาท โดยเฉพาะกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว รวมถึงระบบแอปพลิเคชันท่องเที่ยว 6.5 ล้านบาท เพื่อยิงตลาดดิจิทัลให้ตรงกลุ่มเป้าหมายคุณภาพ

งานนี้ยังเชื่อมโยงกับ “งานมหกรรมการเกษตรและท่องเที่ยวถนนสายดอกไม้งาม ริมกว๊านพะเยา ครั้งที่ 2” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ซึ่งเปิดพื้นที่ให้กับการจำหน่ายสินค้าเกษตร สินค้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์จากข้าว และอาหารท้องถิ่นต่างๆ โดยมีการจัดพื้นที่ออกเป็น 7 โซน จากหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน กรมประมง กรมการข้าว กรมฝนหลวงและการบินเกษตร และกรมวิชาการเกษตร

กว๊านพะเยา จากทะเลสาบสู่แลนด์มาร์กสไตล์ทะเล

หัวใจสำคัญของกลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยวของพะเยาคือการยกระดับพื้นที่ริมกว๊านพะเยาให้กลายเป็น “Sea-side Feeling Landmark” ที่มีบรรยากาศคล้ายริมทะเล แม้จะเป็นทะเลสาบน้ำจืดในภูมิภาคภาคเหนือ

กว๊านพะเยาเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีพื้นที่กว่า 20 ตารางกิโลเมตร เกิดจากการสร้างเขื่อนเมื่อปี พ.ศ. 2482 ในปัจจุบันจังหวัดพะเยาได้พัฒนาพื้นที่รอบกว๊านให้มีทางเดินริมน้ำที่สวยงาม จุดนั่งพักผ่อนหลากหลาย สวนดอกไม้ที่ตกแต่งอย่างสวยงามโดยเฉพาะในช่วงเทศกาล การจัดแสงประดับประดายามค่ำคืน และกิจกรรมทางน้ำต่างๆ ที่สร้างแรงดึงดูดเชิงทัศนียภาพที่แตกต่างจากเชียงราย

การพัฒนาครั้งนี้ไม่ได้ทำลายเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น กลับกลายเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้ากับการออกแบบที่ทันสมัยอย่างลงตัว นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นชมวิวภูเขาโอบล้อม ผืนน้ำกว้างสุดสายตา ถ่ายรูปสวยๆ ได้ตลอดทั้งวัน และชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ ในช่วงเย็น

ความพิเศษของกว๊านพะเยาอีกประการหนึ่งคือ วัดติโลกอาราม วัดโบราณที่จมอยู่ใต้น้ำมากว่า 68 ปี นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปสักการะ “หลวงพ่อศิลา” พระพุทธรูปหินทรายอายุเก่าแก่กลางทะเลสาบ นอกจากนี้ยังมีพิธี “เวียนเทียนทางน้ำ” ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่จัดขึ้นในวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันมาฆบูชา และวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นความเฉพาะตัวที่สร้าง “ความทรงจำ” (Memorable Experience) ที่แข็งแกร่งกว่าการเที่ยววัดทั่วไป

PHOTO : พะเยา กิน ดื่ม เที่ยว

โรงแรมวิน ลากูน กรณีศึกษาความสำเร็จในทำเลทอง

โรงแรมวิน ลากูน พะเยา (Win Hotel Phayao หรือ Win Lagoon Hotel) ถือเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นว่าพะเยากำลังใช้ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานเมืองที่กระชับมาเปลี่ยนนักเดินทางให้กลายเป็นผู้เข้าพักระยะยาวได้จริง

โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 38/7 ถ.ราชสัมพันธ์ หรือ ถ.พหลโยธิน ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา ห่างจากกว๊านพะเยาเพียง 300-500 เมตร (เดินเท้าประมาณ 5 นาที) และอยู่ใกล้จุดขนส่งผู้โดยสาร (บขส.) และตลาดสด ทำให้มีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งอย่างมาก

โรงแรมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเจริญภัณฑ์ (Charoenphan Group) มีจำนวนห้องพักประมาณ 94-110 ห้อง ได้มาตรฐาน 3 ดาว และได้รับคะแนนความพึงพอใจโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7.4-7.7 จากคะแนนเต็ม 10 จากผู้เข้าพัก โดยสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 และได้รับการปรับปรุงครั้งสำคัญในปี พ.ศ. 2558

จุดเด่นของโรงแรมวิน ลากูน คือกลยุทธ์การแบ่งโซนอาคารออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ โซนตึกเก่าที่เน้นความประหยัด และโซนตึกใหม่ที่ออกแบบในสไตล์ “โมเดิร์นลอฟท์” (Modern Loft) ที่เน้นความทันสมัย ทำให้รับลูกค้าได้ทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่นักธุรกิจไปจนถึงครอบครัว

ห้องพักมีความกว้างขวางเป็นพิเศษ โดยห้อง Superior มีพื้นที่ 24 ตารางเมตร ส่วนห้อง Deluxe มีถึง 36 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เครื่องปรับอากาศ ทีวีดาวเทียม ตู้เย็น โต๊ะทำงาน ระบบน้ำอุ่น และ Wi-Fi ฟรี นอกจากนี้โรงแรมยังมีศูนย์ออกกำลังกาย (Fitness Center) สระว่ายน้ำกลางแจ้ง บริการยืมจักรยาน ห้องประชุม และที่จอดรถส่วนตัวทั้งกลางแจ้งและในร่มที่กว้างขวาง

ความเชื่อมโยงกับมรดกทางวัฒนธรรม

พะเยาไม่ได้พึ่งพาเพียงกิจกรรมและโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเข้ากับมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างแนบแน่น จังหวัดพะเยามีประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปถึงยุคอาณาจักรภูกามยาว ซึ่งมีความเก่าแก่กว่าเชียงใหม่ถึงสองศตวรรษ

อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง กษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งภูกามยาว ผู้ทรงเป็นพระสหายร่วมสาบานกับพ่อขุนเม็งรายมหาราชและพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตั้งอยู่ห่างจากโรงแรมวิน ลากูนเพียง 430 เมตร พื้นที่รอบอนุสาวรีย์เป็นสวนสาธารณะที่สวยงามและเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของชุมชน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานสำคัญทั้งไทยไฟท์และเคาท์ดาวน์ในครั้งนี้

วัดไชยอาวาสอยู่ห่างจากโรงแรมเพียง 150 เมตร ส่วนวัดศรีโคมคำ (วัดพระเจ้าตนหลวง) ที่ตั้งอยู่ริมกว๊านพะเยา เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในล้านนา อยู่ห่างออกไปเพียง 1.31 กิโลเมตร การเดินทางจากโรงแรมไปยังสถานที่สำคัญเหล่านี้ทำได้ง่ายด้วยการเดินเท้าหรือขับรถเพียงไม่กี่นาที

นอกจากนี้ยังมีสถานีประมงน้ำจืดพะเยา ซึ่งตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินเช่นเดียวกับโรงแรม เป็นสถานที่แห่งแรกในโลกที่ประสบความสำเร็จในการผสมเทียมปลาบึก ภายในมีอควาเรียมจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดและพรรณไม้น้ำที่น่าสนใจ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติ ยังมีวัดอนาลโยทิพยาราม ที่ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัม มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาผสมพม่าที่วิจิตรบรรจง และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นกว๊านพะเยาได้ทั้งเมือง

ความท้าทายกับเชียงราย “การรั่วไหลของเวลาพัก”

การพัฒนาของพะเยามีนัยสำคัญต่อเชียงรายซึ่งเป็นศูนย์กลางคมนาคมและการท่องเที่ยวของภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะสนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงรายที่อยู่ห่างจากพะเยาเพียง 99 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ชั่วโมง 20-30 นาทีเท่านั้น

ข้อมูลจากรายงานวิเคราะห์ระบุว่า ในปี 2566 เชียงรายมีนักท่องเที่ยว 6.15 ล้านคน สร้างรายได้ 46,774 ล้านบาท คิดเป็น ASV (Average Spending per Visitor) 7,608 บาท ขณะที่พะเยามีนักท่องเที่ยว 1.01 ล้านคน สร้างรายได้ 2,290 ล้านบาท คิดเป็น ASV 2,268 บาท จะเห็นได้ว่าพะเยามีมูลค่าการใช้จ่ายต่อคนต่ำกว่าเชียงรายมาก

อย่างไรก็ตาม หากพะเยาสามารถพัฒนาเมืองให้มี “ความกระชับ” (Compact City) ที่เดินเท้าท่องเที่ยวได้ง่าย มีแหล่งพักผ่อนริมน้ำที่มีมาตรฐาน และมีที่พักราคาคุ้มค่าอย่างโรงแรมวิน ลากูนเป็นฐานสนับสนุน เชียงรายอาจเผชิญกับภาวะ “การรั่วไหลของเวลาพัก” (Overnight Stay Leakage) ที่นักท่องเที่ยวอาจเลือกบินมาลงเชียงราย แต่ตัดสินใจไปปักหมุดนอนและใช้จ่ายที่พะเยาแทน โดยเฉพาะในช่วงที่มีกิจกรรมพิเศษริมกว๊านพะเยา

นอกจากนี้ อำเภอพานของเชียงราย ซึ่งอยู่กึ่งกลางเส้นทางระหว่างสนามบินและพะเยา (ห่างจากกว๊านประมาณ 47-50 กิโลเมตร หรือ 45-55 นาที) ก็มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนจาก “เมืองผ่าน” เป็น “เมืองพัก เมืองแนะนำ” เพื่อยืดเวลาการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวก่อนเข้าร่วมกิจกรรมยามค่ำที่กว๊านพะเยา ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างระเบียงท่องเที่ยวคุณภาพ เชียงราย-พะเยา (CR-PY Corridor) อย่างแท้จริง

งบประมาณและแผนพัฒนา

การพัฒนาพะเยาในครั้งนี้มีงบประมาณสนับสนุนที่ชัดเจนจากหลายหน่วยงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีสัญจรกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) จัดสรรงบประมาณรวม 300 ล้านบาท สำหรับพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์และโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

จังหวัดพะเยายังมีแผน 5 ปี ฉบับทบทวน พ.ศ. 2568 ที่จัดสรรงบประมาณ 72.6 ล้านบาท โดยเฉพาะกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว รวมถึงระบบแอปพลิเคชันท่องเที่ยว 6.5 ล้านบาท เพื่อยิงตลาดดิจิทัลให้ตรงกลุ่มเป้าหมายคุณภาพ

การลงทุนเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจังหวัดพะเยาในการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ก้าวขึ้นเป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด โดยไม่เพียงแค่พึ่งพาภาคเกษตรกรรมเช่นในอดีต

Around Phayao - แวดพะเยา

ตลาดอาหารและวัฒนธรรมพื้นถิ่น

การท่องเที่ยวในพะเยาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทัศนียภาพและที่พัก แต่ยังมีวัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่นที่โดดเด่น นักท่องเที่ยวที่มาพักที่โรงแรมวิน ลากูนสามารถเข้าถึง “ตลาดโต้รุ่ง” และ “ถนนคนเดินพะเยา” ซึ่งมีอาหารพื้นเมืองล้านนามากมาย เช่น แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง กุ้งเต้นเรือนโบราณ และปลากาดัง ซึ่งเป็นเมนูจากปลาในกว๊านพะเยาที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด

ความใกล้ชิดระหว่างที่พักกับแหล่งอาหารท้องถิ่นทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชาวพะเยาได้อย่างแท้จริง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพารถยนต์หรือบริการขนส่งอื่นๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นของการท่องเที่ยวเชิง “Walkable City” ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวสมัยใหม่

การแข่งขันในตลาดโรงแรม

แม้โรงแรมวิน ลากูนจะมีจุดแข็งด้านทำเลและราคา แต่ในพะเยายังมีโรงแรมคู่แข่งที่น่าสนใจหลายแห่ง ที่ติดริมกว๊านพะเยาและมีดีไซน์ทันสมัยกว่า ราคาเริ่มต้น 1,000-1,500 บาท ที่มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่และรองรับกรุ๊ปทัวร์ ราคาเริ่มต้น 800-1,200 บาท หรือที่เน้นความสดใหม่ตามมาตรฐานเครือข่าย ราคาเริ่มต้น 600-750 บาท และ ความหรูหราระดับพรีเมียม พร้อมสระว่ายน้ำแบบเกลือ ราคาเริ่มต้น 1,600-2,500 บาท

การมีโรงแรมหลากหลายระดับราคาเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นว่าพะเยากำลังสร้างระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มประหยัดไปจนถึงกลุ่มพรีเมียม

มหาวิทยาลัยพะเยา จุดเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวิชาการ

นอกจากการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนและวัฒนธรรมแล้ว พะเยายังมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงวิชาการผ่านมหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโรงแรมวิน ลากูนประมาณ 14 กิโลเมตร มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของการจัดสัมมนา การประชุมวิชาการ และงานวิจัยต่างๆ ที่ดึงดูดนักวิชาการและนักธุรกิจเข้ามาในจังหวัด

โรงแรมวิน ลากูนมีห้องประชุมและพื้นที่จัดเลี้ยง (Meeting/Banquet Facilities) ที่สามารถรองรับการจัดสัมมนาหรืองานสังสรรค์ขนาดกลางได้ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกลุ่มนักวิชาการที่ต้องการที่พักในตัวเมืองซึ่งมีราคาประหยัดกว่าโรงแรมใกล้มหาวิทยาลัย

แนวโน้มอนาคตและข้อเสนอแนะ

การพัฒนาของพะเยาในระยะนี้สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวโลกที่เปลี่ยนจากการเน้น “ปริมาณนักท่องเที่ยว” ไปสู่การเน้น “คุณภาพและความยั่งยืน” (Quality and Sustainability) นักท่องเที่ยวสมัยใหม่ต้องการประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและสามารถใช้เวลาผ่อนคลายได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่เที่ยวผ่านๆ

สำหรับเชียงราย จำเป็นต้องเร่งพัฒนาพื้นที่สาธารณะ (Public Space) ที่เชื่อมต่อกับย่านที่พักให้สะดวกขึ้น และสร้างกิจกรรมที่มีอัตลักษณ์ลึกซึ้งเทียบเท่ากับการ “เวียนเทียนทางน้ำ” ของพะเยา เพื่อรักษาแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวยังคงเลือก “ปักหมุด” ที่เชียงรายต่อไป

ขณะเดียวกัน พะเยาก็ต้องรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนากับการอนุรักษ์ เพราะเอกลักษณ์ของพะเยาอยู่ที่ความเงียบสงบและวิถีชีวิตแบบชุมชน หากพัฒนามากเกินไปจนสูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิม อาจทำให้แรงดึงดูดหลักของจังหวัดลดลงได้

โอกาสสำคัญอีกประการคือการพัฒนา “Workation” คือการทำงานระยะไกลพร้อมพักผ่อนในที่เดียวกัน ซึ่งโรงแรมวิน ลากูนมีความได้เปรียบจากขนาดห้องพักที่ใหญ่และโต๊ะทำงานที่จัดเตรียมไว้ให้แล้ว หากพัฒนาการบริการเพิ่มเติม เช่น Wi-Fi ความเร็วสูง พื้นที่ร่วมทำงาน (Co-working Space) และแพ็คเกจพักระยะยาว อาจดึงดูดกลุ่ม Digital Nomads และ Remote Workers ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและพักระยะยาวได้ “การพัฒนาของพะเยาเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กว๊านพะเยาเป็น Asset ทางธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว การนำมาพัฒนาให้เป็น Landmark ที่มี Identity ชัดเจนและมีกิจกรรมหลากหลายตลอดปี จะช่วยให้จังหวัดสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว”

“ความสำเร็จของพะเยาจะขึ้นอยู่กับการบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน” ถ้ามีการมองและวิเคราะห์โดยใช้จุดตั้งอ้างอิง “โรงแรมวิน ลากูนเป็นตัวอย่างที่ดีของภาคเอกชนที่เข้ามาเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่ภาครัฐจัดหากิจกรรมระดับประเทศเพื่อดึงดูด Traffic และชุมชนรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว”

จากข้อมูลที่หาประกอบได้พบว่า “พะเยามีเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2569 โดยเฉพาะการเพิ่มระยะเวลาการพักค้างคืน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การจัดงานใหญ่อย่างไทยไฟท์และเคาท์ดาวน์เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการรับรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่”

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

การจัดงาน Thai Fight พะเยาและ PHAYAO COUNTDOWN FLORA FEST 2026 คาดว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนในจังหวัดไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท จากค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในช่วงเทศกาล นอกจากนี้ยังมีผลกระทบทางอ้อมต่อการจ้างงานท้องถิ่น การขายผลิตภัณฑ์ชุมชน และการประชาสัมพันธ์จังหวัดในระดับสากล

โรงแรมต่างๆ ในพะเยาข้อมูลรายงานว่ามีการจองห้องพักเต็มเกือบ 100% ในช่วงงานไทยไฟท์และเคาท์ดาวน์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าช่วงปกติถึง 3-4 เท่า แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์การจัดกิจกรรมใหญ่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก บริการรถเช่า และไกด์นำเที่ยว ต่างได้รับผลประโยชน์จากกระแสนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น สร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง

ความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

แม้การพัฒนาจะสำคัญ แต่พะเยายังคงให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน กว๊านพะเยาเป็นแหล่งน้ำสำคัญและระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง การพัฒนาการท่องเที่ยวจึงต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

จังหวัดพะเยาได้กำหนดมาตรการต่างๆ เช่น การจำกัดจำนวนเรือที่ใช้ในกว๊าน การจัดระบบการจัดการขยะในงานใหญ่ การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และการสนับสนุนให้โรงแรมต่างๆ ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

โรงแรมวิน ลากูนเองก็มีการปรับปรุงระบบการใช้พลังงาน เช่น การใช้หลอดไฟ LED การปรับปรุงเครื่องปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และการส่งเสริมให้แขกใช้ผ้าเช็ดตัวซ้ำเพื่อลดการซักผ้าที่สิ้นเปลืองน้ำและพลังงาน

เปรียบเทียบตัวเลขการท่องเที่ยว

ตามข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในปี 2566

จังหวัดเชียงราย

  • จำนวนนักท่องเที่ยว: 6.15 ล้านคน
  • รายได้จากการท่องเที่ยว: 46,774 ล้านบาท
  • Average Spending per Visitor (ASV): 7,608 บาท
  • จำนวนโรงแรมและที่พัก: มากกว่า 800 แห่ง

จังหวัดพะเยา

  • จำนวนนักท่องเที่ยว: 1.01 ล้านคน
  • รายได้จากการท่องเที่ยว: 2,290 ล้านบาท
  • Average Spending per Visitor (ASV): 2,268 บาท
  • จำนวนโรงแรมและที่พัก: ประมาณ 150-200 แห่ง

แม้พะเยาจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้น้อยกว่าเชียงรายมาก แต่อัตราการเติบโตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของพะเยาสูงกว่า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20% ต่อปี ขณะที่เชียงรายเติบโตประมาณ 8-12% ต่อปี แสดงให้เห็นว่าพะเยากำลังเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

พะเยากำลังยืนหยัดในฐานะคู่แข่งที่น่ากลัวในตลาดการท่องเที่ยวภาคเหนือ ด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การพัฒนากว๊านพะเยาให้เป็นแลนด์มาร์กสไตล์ริมทะเล การจัดกิจกรรมระดับประเทศเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และการมีโรงแรมระดับกลางที่มีคุณภาพอย่างโรงแรมวิน ลากูนในทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้พะเยาไม่ใช่แค่ “เมืองทางผ่าน” อีกต่อไป

การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับพะเยาในการสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ที่มีความยั่งยืน และเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับเชียงรายในการรักษาความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค ทั้งสองจังหวัดอาจเลือกที่จะแข่งขันหรือร่วมมือกันสร้างระเบียงท่องเที่ยวคุณภาพที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองพื้นที่และภูมิภาคโดยรวม

สำหรับนักท่องเที่ยว การมีทางเลือกใหม่ที่มีคุณภาพและราคาที่เข้าถึงได้ในภาคเหนือถือเป็นข่าวดี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่เป็นไฮซีซันของการท่องเที่ยว พะเยากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า “เมืองเล็ก” ก็สามารถแข่งขันกับ “เมืองใหญ่” ได้ หากมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน การบูรณาการที่ดี และการรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียงเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • ข้อมูลสถิติการท่องเที่ยวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปี 2566
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME