Categories
HEALTH

สธ. แจงไวรัส HKU5 ในค้างคาว แค่งานวิจัย ย้ำไทยเฝ้าระวังเข้มแข็ง

กระทรวงสาธารณสุขไทยยัน HKU5-CoV-2 ยังไม่มีการระบาดในคน

ปลัด สธ. ย้ำไทยมีระบบเฝ้าระวังเข้มแข็ง ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่

กรุงเทพฯ, 22 กุมภาพันธ์ 2568กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ HKU5-CoV-2 ในคน แม้จะมีรายงานจากการวิจัยในห้องปฏิบัติการของจีนเมื่อปี 2566 ว่าไวรัสนี้สามารถเกาะกับตัวรับในเซลล์ของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ดีเช่นเดียวกับโควิด-19

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นเพียงผลการทดลองในห้องแล็บ ยังไม่มีหลักฐานทางระบาดวิทยาที่ชี้ว่าไวรัสนี้สามารถแพร่ระบาดสู่คนได้จริง และไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อจากสายพันธุ์นี้แต่อย่างใด

“ข้อมูลที่มีในขณะนี้เป็นเพียงรายงานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการศึกษาในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานว่ามีการแพร่กระจายสู่คนหรือเกิดการระบาดจริงในประชากรทั่วไป ดังนั้นประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก” นพ.โอภาสกล่าว

HKU5-CoV-2 คืออะไร?

HKU5-CoV-2 เป็นไวรัสที่ถูกค้นพบในค้างคาว และจัดอยู่ในตระกูล Merbecovirus ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของไวรัสโคโรนา นักวิจัยพบว่าไวรัสนี้มีความสามารถในการจับกับเอนไซม์ ACE2 ซึ่งเป็นตัวรับบนเยื่อหุ้มเซลล์ของมนุษย์ แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามันสามารถก่อโรคในมนุษย์ได้

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันไวรัสวิทยาหวู่ฮั่น ประเทศจีน ได้ทดสอบ HKU5-CoV-2 ในเซลล์ตัวอย่างของระบบทางเดินหายใจและลำไส้ของมนุษย์ และพบว่าโปรตีนหนามของไวรัสสามารถจับกับเยื่อหุ้มเซลล์ได้ อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการเข้าสู่เซลล์มนุษย์ยังต่ำกว่า SARS-CoV-2 หรือไวรัสโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า ไม่ควร “ตีความเกินจริง” เกี่ยวกับความเสี่ยงของ HKU5-CoV-2 ต่อมนุษย์ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานว่ามันสามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้จริง

ไทยติดตามไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างใกล้ชิด

นพ.โอภาส ยืนยันว่า ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังโรคระบาดที่เข้มแข็ง โดยกรมควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำงานร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อ ติดตามการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน สายพันธุ์ที่พบในไทยยังคงเป็น โอมิครอน JN.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ และไม่มีหลักฐานว่ามีไวรัสสายพันธุ์ใหม่เข้ามาในประเทศ

นอกจากนี้ ไทยยังคงมีมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดสำหรับนักเดินทางขาเข้า โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรคทางเดินหายใจ

มาตรการป้องกันไวรัส: ใช้ได้กับทุกสายพันธุ์

แม้จะยังไม่มีหลักฐานว่า HKU5-CoV-2 สามารถระบาดในมนุษย์ได้ แต่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มาตรการป้องกันโรคทางเดินหายใจที่ใช้ในปัจจุบันสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อจากไวรัสทุกชนิดได้ ได้แก่:

  • สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัด
  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าโดยไม่จำเป็น
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดหรือระบบระบายอากาศไม่ดี
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด-19

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาและวัคซีน

หลังจากมีรายงานเกี่ยวกับ HKU5-CoV-2 หุ้นของบริษัทยาผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 เช่น Pfizer, Moderna และ Novavax ปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ เช่น ดร.ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม จากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา กล่าวกับ Reuters ว่า ปฏิกิริยาของตลาดและสื่อบางส่วนอาจเกินจริง เพราะยังไม่มีหลักฐานว่าไวรัสนี้มีความเสี่ยงต่อมนุษย์ในระดับที่ควรกังวล

แนวทางการรักษาหาก HKU5-CoV-2 แพร่สู่คน

หาก HKU5-CoV-2 สามารถแพร่เชื้อสู่มนุษย์ได้จริง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแนวทางการรักษาที่อาจใช้ได้ ได้แก่:

  • แอนติบอดีโมโนโคลนอล (Monoclonal Antibodies) – เป็นโปรตีนที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับไวรัส
  • ยาต้านไวรัส (Antiviral Drugs) – ออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส ลดความรุนแรงของอาการ เช่นเดียวกับยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของการรักษาจะขึ้นอยู่กับความสามารถของไวรัสในการแพร่เชื้อและอัตราการกลายพันธุ์ นักวิทยาศาสตร์จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมหาก HKU5-CoV-2 สามารถแพร่ระบาดในคนได้ในอนาคต

สรุป

  • HKU5-CoV-2 เป็นไวรัสที่พบในค้างคาว และเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลไวรัสโคโรนา
  • ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่ามันสามารถแพร่ระบาดสู่คนได้จริง
  • ไทยมีระบบเฝ้าระวังโรคที่เข้มแข็ง และติดตามการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง
  • มาตรการป้องกัน เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสทุกสายพันธุ์
  • ตลาดหุ้นบริษัทยาผลิตวัคซีนปรับตัวสูงขึ้น จากความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่

แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานว่า HKU5-CoV-2 จะเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ในขณะนี้ แต่การเฝ้าระวังและการศึกษาต่อเนื่องจะเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข / forbes

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ดูแลสุขภาพประชาชน

เชียงรายจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. และจังหวัดเคลื่อนที่ บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

เชียงราย, 14 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรม หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 9 ประจำปี 2568 พร้อมโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” เพื่อให้บริการด้านสุขภาพและภาครัฐแก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยกิจกรรมจัดขึ้นที่โรงเรียนริมวัง 1 บ้านงิ้วเฒ่า หมู่ 7 ตำบลป่าหุ่ง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย, นายแพทย์คงศักดิ์ ชัยชนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, นายสุรเชษฐ์ พุ้ยน้อย นายอำเภอพาน และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชนจำนวนมากที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

การให้บริการในพื้นที่ห่างไกล

อำเภอพานประกอบด้วย 15 ตำบล 236 หมู่บ้าน โดยกิจกรรมในวันนี้เน้นการให้บริการประชาชนใน 3 หมู่บ้านของตำบลป่าหุ่ง ได้แก่:

  • บ้านปางเกาะทราย (หมู่ 6) ห่างจากที่ว่าการอำเภอพาน 15 กิโลเมตร มีประชากร 2,407 คน 452 ครัวเรือน
  • บ้านงิ้วเฒ่า (หมู่ 7) ห่างจากที่ว่าการอำเภอพาน 25 กิโลเมตร มีประชากร 470 คน 153 ครัวเรือน
  • บ้านผาวี (หมู่ 8) ห่างจากที่ว่าการอำเภอพาน 30 กิโลเมตร มีประชากร 389 คน 123 ครัวเรือน

ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับบริการตรวจสุขภาพจาก หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. รวมถึงบริการจากหน่วยงานภาครัฐที่มาอำนวยความสะดวก เพื่อช่วยลดภาระและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังสถานที่ราชการในตัวเมือง

การมอบความช่วยเหลือแก่ประชาชน

หลังจากเปิดกิจกรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และคณะ ได้มอบความช่วยเหลือแก่ประชาชนในพื้นที่ ดังนี้:

  • ถุงยังชีพ จากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย
  • ข้าวสาร จากวัดห้วยปลากั้ง
  • ผ้าห่มกันหนาว จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • เงินสงเคราะห์ จำนวน 20 ราย จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย

กิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา

นอกจากการให้บริการทางสุขภาพและสวัสดิการแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและคณะ ยังได้ร่วมกัน ปลูกต้นกาสะลองคำ ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเชียงราย บริเวณโรงเรียนริมวัง 1 พร้อมเดินเยี่ยมชมการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และพบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่

ภายหลังจากการเยี่ยมชม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ร่วมประชุมเสวนากับนายอำเภอพาน หัวหน้าส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ความสำคัญของโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. โดยบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และเป็นการสนองพระปณิธานของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร รวมถึงกลุ่มเปราะบางทางสังคม

นอกจากนี้ คณะผู้บริหารจังหวัดเชียงรายยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุในอำเภอพาน จำนวน 5 ราย เพื่อให้กำลังใจและประเมินความช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วยเหล่านี้

บทสรุป

กิจกรรม หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. และจังหวัดเคลื่อนที่ ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดเชียงราย ผ่านการให้บริการด้านสุขภาพและสวัสดิการโดยหน่วยงานภาครัฐที่ลงพื้นที่โดยตรง ซึ่งช่วยลดภาระของประชาชนในการเข้าถึงบริการที่จำเป็น และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ฝึกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

กองทัพอากาศฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 กองทัพอากาศได้จัดการฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกบินควบคุมไฟป่าและหมอกควันประจำปี 2568 โดยมีการจัดฝึกในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภาวะไฟป่าและฝุ่นควัน PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ

ในการฝึกครั้งนี้ กองทัพอากาศได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และโรงพยาบาลเชียงรายราม โดยมีการฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศด้วยอากาศยานจริง ทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบ EC-725 ของกองทัพอากาศและเฮลิคอปเตอร์แบบ H130 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเครื่องบินที่สามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การฝึกครั้งนี้ใช้สถานการณ์สมมติในการฝึกการแก้ไขปัญหาภาวะฉุกเฉิน ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ไฟป่าหรือหมอกควัน PM 2.5 ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย การฝึกนี้จึงมุ่งเน้นให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

การร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ

การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศและโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังให้สามารถใช้ทักษะที่ได้ฝึกมาในครั้งนี้ในการจัดการปัญหาภัยพิบัติในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) ในภาคเหนือและพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ

ฝูงบิน 416 มุ่งมั่นพัฒนา

การฝึกปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการฝึกทักษะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาหน่วยงานและทักษะของข้าราชการในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาภัยพิบัติ ฝูงบิน 416 ของกองทัพอากาศจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงที่ไฟป่าและหมอกควันมีความรุนแรง การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในภาคเหนือและทั่วประเทศมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการฝึกในครั้งนี้

ฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในครั้งนี้มีความสำคัญต่อการสร้างมาตรฐานในการบรรเทาภัยพิบัติและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะในกรณีของไฟป่าและมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน กองทัพอากาศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนาระบบการช่วยเหลือให้เกิดความมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

สรุป

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมเพื่อจัดการกับภัยพิบัติในภาคเหนือ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดไฟป่าและปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การฝึกนี้ช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคลากรทางการแพทย์และกองทัพอากาศ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 เปิดให้บริการประชาชนเชียงราย

กิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568 จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ตลาดกลางเทศบาลตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดกิจกรรม “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยกิจกรรมครั้งนี้มีการรวมกลุ่มของคณะบุคลากรทางการแพทย์และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้บริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมและเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบางในชุมชน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและความมุ่งมั่นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนองพระปณิธานในการรักษาพยาบาล ฟื้นฟูสุขภาพ และส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชนในจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้นและลดปัญหาสุขภาพในระยะยาว

การเปิดกิจกรรมและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ในกิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก รวมทั้งนางวนิดา หล้าอ่อน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย, นายแพทย์คงศักดิ์ ชัยชนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว, หัวหน้าส่วนราชการ, ทหาร, ตำรวจ, ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และอาสาสมัคร พอ.สว. พร้อมประชาชนในตำบลป่าก่อดำ ที่ให้ความร่วมมือในกิจกรรมอย่างดี

การจัดกิจกรรมครั้งนี้เน้นการให้บริการทางการแพทย์ต่างๆ ทั้งการตรวจสุขภาพเบื้องต้น การให้คำแนะนำด้านสุขภาพ และการรักษาพยาบาลทั่วไป รวมถึงการมอบสิ่งของและเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

บูรณาการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัด, รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, นายอำเภอแม่ลาว และหัวหน้าส่วนราชการยังได้ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ จำนวน 5 ราย ในพื้นที่ตำบลป่าก่อดำ โดยมอบความช่วยเหลือและดูแลสุขภาพให้แก่ผู้ที่ต้องการการดูแลพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนในท้องถิ่น

การบริการที่เข้าถึงชุมชน

กิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการให้บริการที่เข้าถึงประชาชนในทุกกลุ่ม ทั้งในด้านการดูแลสุขภาพที่จำเป็นและการให้คำแนะนำในการป้องกันโรค รวมถึงการฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วยหรือจากภาวะที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง

การให้บริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนโดยรวม ซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความห่วงใยจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ

ความสำคัญของการสนับสนุนและการดูแลจากภาครัฐ

การจัดกิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะจากหน่วยงานทางการแพทย์และองค์กรต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนการให้บริการในด้านสุขภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกล แต่ยังช่วยให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ

บทสรุป

การเปิดกิจกรรม “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568” ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการดำเนินงานของภาครัฐในการให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบางในชุมชน เพื่อส่งเสริมสุขภาพและลดปัญหาสุขภาพในระยะยาว โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดีและได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รพ.ค่ายเม็งรายมหาราช รณรงค์วันเบาหวานโลก

รพ.ค่ายเม็งรายมหาราช จัดกิจกรรมรณรงค์วันเบาหวานโลก

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง

วันเบาหวานโลก: ความสำคัญและที่มา

วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันเบาหวานโลก เพื่อเป็นการระลึกถึงการค้นพบอินซูลิน ซึ่งเป็นการรักษาโรคเบาหวานที่สำคัญ และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของโรคเบาหวานและวิธีการป้องกัน

กิจกรรมรณรงค์ที่โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช

โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานแก่กำลังพลและประชาชนทั่วไป โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

โรคเบาหวาน: ภัยเงียบที่คุกคาม

โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น ไต ตา ประสาท และหัวใจ โดยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด และมักเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมและการขาดการออกกำลังกาย

อาการของโรคเบาหวาน

ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • หิวบ่อย กระหายน้ำ
  • ปัสสาวะบ่อย
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • น้ำหนักลดหรือเพิ่มอย่างรวดเร็ว
  • แผลหายช้า
  • มองไม่ชัด

การป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน

การป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เช่น ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ และธัญพืช ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนัก

ความสำคัญของการตรวจสุขภาพ

การตรวจสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการค้นหาโรคเบาหวานในระยะเริ่มต้น เพราะหากตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

ข้อความจากผู้เชี่ยวชาญ

พ.ต. พาทิศ ธนาบริบูรณ์ อายุรแพทย์ รพ.ค่ายเม็งรายมหาราช กล่าวว่า “โรคเบาหวานเป็นโรคที่สามารถป้องกันและควบคุมได้ หากเราใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย จะช่วยให้เราสามารถมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้”

บทสรุป

การจัดกิจกรรมรณรงค์วันเบาหวานโลกของโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของสังคมไทย การสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจสุขภาพและการรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News