
สมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงรายชี้แจงกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างจัดคอนเสิร์ตการกุศล
เชียงราย, 24 เมษายน 2568 – จากเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชนจังหวัดเชียงราย เมื่อมีบุคคลแต่งกายชุดทหารและอ้างตัวเป็นนายทหารยศพันเอกขอรับบริจาคและจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตตามบ้านเรือน สมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงรายได้ออกมาชี้แจงถึงความโปร่งใสในการจัดกิจกรรมดนตรีการกุศล พร้อมเตือนประชาชนให้ระวังมิจฉาชีพที่อาจแอบอ้างชื่อสมาคมเพื่อหลอกลวง ขณะที่หน่วยงานทหารและตำรวจเร่งตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
จุดเริ่มต้นความกังวลจากโซเชียลมีเดีย
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 จากโพสต์บนโซเชียลมีเดียในกลุ่มชุมชนจังหวัดเชียงราย ซึ่งระบุว่ามีชายบุคคลหนึ่งแต่งกายด้วยชุดทหาร อ้างตัวเป็น “พันเอกนพพล” จากกองทัพบก เข้าไปเคาะประตูบ้านประชาชนในหมู่บ้านดอยสะเก็น อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อขอรับบริจาคและจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตการกุศล โพสต์ดังกล่าวตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลนี้ โดยระบุว่า “ไม่รู้ว่าเป็นมิจฉาชีพหรือมีกิจกรรมนี้จริง ถ้าเป็นมิจฉาชีพเข้ามาในบ้านแบบนี้ คนเฒ่าคนแก่จะทำอย่างไร น่ากลัวมาก” โพสต์นี้ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว สร้างความกังวลในหมู่ประชาชนถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสของการระดมทุนในนามกิจกรรมการกุศล
จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ พบว่าบุคคลดังกล่าวใช้ยานพาหนะที่มีป้ายทะเบียน 2ขอ-72xx กรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลยานพาหนะพบว่าเจ้าของชื่อนายกัมพล (ขอสงวนนามสกุล) มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสงขลา และเคยมีประวัติการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลอกลวงจำหน่ายบัตรการกุศลเมื่อปี 2553 ข้อมูลนี้ยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวอาจเป็นมิจฉาชีพที่แสวงหาผลประโยชน์จากความไว้วางใจของประชาชน
การตรวจสอบจากหน่วยงานทหาร
ทีมข่าวได้ประสานงานไปยังศูนย์ข่าวชุดควบคุมรักษาความสงบเรียบร้อยที่ 17 กองพันที่ 3 (ศขช.ร.17 พัน.3) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางศูนย์ยืนยันว่าไม่มีนายทหารชื่อ “พันเอกนพพล” สังกัดกองทัพบกที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการขอรับบริจาคหรือจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และไม่มีนโยบายให้กำลังพลออกปฏิบัติภารกิจในลักษณะดังกล่าว การกระทำของบุคคลนี้จึงมีแนวโน้มเป็นการแอบอ้างเพื่อหลอกลวงประชาชน ศูนย์ฯ ได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในพื้นที่เพื่อติดตามตัวบุคคลดังกล่าวและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การชี้แจงจากสมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงราย
เพื่อคลายความกังวลของประชาชนและยืนยันความโปร่งใสในการดำเนินงาน จ่าสิบเอกบุญส่ง ศรีจุมปา ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงราย พร้อมด้วยพลตรีสุวิทย์ วังยาว ที่ปรึกษาสมาคมฯ และคณะกรรมการสมาคม ได้จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 ณ โรงแรมเชียงรายแกรนด์รูม เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมแสดงดนตรีรำวง (มินิคอนเสิร์ต) การกุศล ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ณ หอประชุมสุพรรณิการ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ตั้งแต่เวลา 12.00–16.00 น. โดยมีศิลปิน “แนนซี่ ท็อปไลน์” ร่วมแสดง พร้อมกิจกรรมบันเทิงอื่นๆ อีกมากมาย
จ่าสิบเอกบุญส่งย้ำว่า การจำหน่ายบัตรเข้าชมงานเป็นไปด้วยความสมัครใจ โดยไม่มี การข่มขู่ บังคับ หรือเคี่ยวเข็ญใดๆ และอยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการสมาคมอย่างใกล้ชิด ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 084-6117047 และ 081-3720643 หรือติดต่อโดยตรงที่สมาคมฯ สำหรับผู้ที่ประสงค์จะบริจาคเงินหรือสิ่งของเพื่อสนับสนุนกิจกรรมสงเคราะห์สมาชิกสมาคม
พลตรีสุวิทย์ วังยาว กล่าวว่า สมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงรายเป็นองค์การสงเคราะห์ที่มุ่งดูแลทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการ และครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีเกียรติ และศักดิ์ศรี รวมถึงให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนในพื้นที่ รายได้จากกิจกรรมครั้งนี้จะนำไปจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือสมาชิกที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัย ซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับสมาชิกที่ป่วยระยะยาว และให้การสงเคราะห์เมื่อสมาชิกเสียชีวิต
วัตถุประสงค์ของกิจกรรมและการบริหารจัดการ
การจัดงานดนตรีการกุศลครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อระดมทุนสนับสนุนการสงเคราะห์และสวัสดิการของสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 500 คนในจังหวัดเชียงราย โดยในแต่ละปี สมาคมฯ มีค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือสมาชิกที่ป่วย เจ็บ หรืออยู่ในสภาวะลำบากประมาณ 30,000–40,000 บาท รวมถึงการสงเคราะห์ครอบครัวและจัดการศพอีก 30,000–40,000 บาท นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังมีบทบาทในการช่วยเหลือชุมชน เช่น การมอบสิ่งของให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมและภัยหนาวในพื้นที่
จ่าสิบเอกบุญส่งระบุว่า รายได้จากการจำหน่ายบัตรและการรับบริจาคจะถูกบริหารจัดการอย่างโปร่งใส โดยมีคณะกรรมการสมาคมฯ เป็นผู้กำกับดูแล และจะมีการรายงานผลการใช้จ่ายให้สมาชิกและผู้สนับสนุนทราบ สมาคมฯ ยังได้กำหนดแนวทางการจำหน่ายบัตรอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจะต้องแสดงบัตรประจำตัวและเอกสารรับรองจากสมาคมฯ เพื่อป้องกันการแอบอ้าง
การคลี่คลายปมและแนวทางป้องกัน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สมาคมฯ ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนตรวจสอบบัตรประจำตัวของเจ้าหน้าที่ที่มาขอรับบริจาคหรือจำหน่ายบัตร และติดต่อสมาคมฯ โดยตรงหากมีข้อสงสัย เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ทางสมาคมฯ ยังได้ประสานงานกับหน่วยงานทหารและตำรวจในพื้นที่เพื่อติดตามตัวบุคคลที่แอบอ้าง และดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ศูนย์ข่าวทหาร (ศขช.ร.17 พัน.3) ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่แต่งกายเลียนแบบทหาร เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก
นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้วางแผนประชาสัมพันธ์กิจกรรมอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางที่เป็นทางการ เช่น เพจเฟซบุ๊กของสมาคมฯ และสื่อท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและมั่นใจในความโปร่งใสของการจัดงาน การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงมุ่งหวังการระดมทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างความสามัคคีในชุมชนและส่งเสริมภาพลักษณ์ของสมาคมฯ ในฐานะองค์กรที่มุ่งมั่นช่วยเหลือสังคม
การวิเคราะห์ความท้าทายและโอกาส
กรณีมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อสมาคมฯ เพื่อหลอกลวงประชาชนสะท้อนถึงความท้าทายในการบริหารจัดการกิจกรรมการกุศล โดยเฉพาะในยุคที่โซเชียลมีเดียสามารถแพร่กระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การที่บุคคลแอบอ้างแต่งกายชุดทหารและใช้ชื่อยศชั้นผู้ใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของทั้งสมาคมฯ และกองทัพ รวมถึงสร้างความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่อาจไม่สามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้เป็นโอกาสให้สมาคมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการป้องกันการแอบอ้าง เช่น การใช้ระบบยืนยันตัวตนที่ชัดเจน การเพิ่มช่องทางการสื่อสารที่เป็นทางการ และการรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ในการตรวจสอบข้อมูล การที่สมาคมฯ ออกมาชี้แจงอย่างทันท่วงทีและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงถึงความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นในการรักษาความไว้วางใจจากประชาชน
ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง
ความกังวลของประชาชน
ประชาชนที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ติดตามข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียมีความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของการระดมทุน การที่มิจฉาชีพสามารถแต่งกายเลียนแบบทหารและเข้าไปถึงบ้านเรือนได้ สร้างความรู้สึกไม่มั่นคง โดยเฉพาะในชุมชนที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่เพียงลำพัง ความกังวลนี้สมเหตุสมผล เนื่องจากประวัติของผู้ต้องสงสัยที่เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2553 บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการเพิ่มมาตรการป้องกัน
การยืนยันความโปร่งใสของสมาคมฯ
สมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงรายยืนยันว่ากิจกรรมดนตรีการกุศลเป็นโครงการที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือสมาชิกที่เดือดร้อน การที่สมาคมฯ ออกมาชี้แจงและให้ช่องทางการติดต่อสอบถาม รวมถึงการกำหนดแนวทางการจำหน่ายบัตรที่ชัดเจน แสดงถึงความพยายามในการรักษาความโปร่งใสและป้องกันการแอบอ้าง
ทัศนคติเป็นกลาง ความกังวลของประชาชนเป็นสิ่งที่เข้าใจได้และควรได้รับการแก้ไขผ่านการเพิ่มมาตรการตรวจสอบและการสื่อสารที่ชัดเจนจากสมาคมฯ ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการชี้แจงและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขปัญหาควรเน้นที่การป้องกันการแอบอ้างในอนาคต การให้ความรู้แก่ประชาชน และการรักษาความโปร่งใสในการบริหารจัดการกองทุน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมั่นใจในกระบวนการ
สถิติที่เกี่ยวข้อง
- จำนวนทหารผ่านศึกในไทย: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์รายงานว่า ในปี 2567 มีทหารผ่านศึกและครอบครัวที่ได้รับการสงเคราะห์ทั่วประเทศประมาณ 50,000 คน (ที่มา: รายงานประจำปี 2567, องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก)
- คดีแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ: สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ในปี 2566 มีคดีที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลอกลวงประชาชนทั่วประเทศ 1,200 คดี (ที่มา: รายงานอาชญากรรม, สตช., 2566)
- การจัดกิจกรรมการกุศล: กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานว่า ในปี 2567 มีการจัดกิจกรรมการกุศลที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย 3,500 งาน โดยร้อยละ 10 เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ที่มา: รายงานกิจกรรมการกุศล, มพม., 2567)
- ความเสียหายจากมิจฉาชีพ: ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ระบุว่า ในปี 2566 ความเสียหายจากมิจฉาชีพที่หลอกลวงผ่านการแอบอ้างหน่วยงานมีมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท (ที่มา: รายงานอาชญากรรมออนไลน์, ศปอส.ตร., 2566)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
- ศขช.ร.17 พัน.3