Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายพร้อมรับมือ “คาจิกิ” วอร์รูม 24 ชม. เตือนฝนหนัก-น้ำหลาก

เชียงรายยกระดับรับมือ “คาจิกิ” วอร์รูมพร้อม 24 ชม. เฝ้าระวัง 25–27 ส.ค. เสี่ยงฝนหนักมาก–น้ำหลาก จุดเสี่ยงเชิงเขาและลุ่มต่ำต้องระมัดระวัง

เชียงราย, 25 สิงหาคม 2568 — ท้องฟ้าตอนบ่ายคล้อยของเชียงรายมืดสลัวเร็วกว่าปกติ กลุ่มเมฆหนาตาเคลื่อนตัวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ—เป็นสัญญาณเดียวกับที่ประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา “ฉบับที่ 9 (212/2568)” ย้ำเมื่อคืนวาน (24 ส.ค.) ว่า ไต้ฝุ่น “คาจิกิ” บนทะเลจีนใต้ตอนบนกำลังเดินหน้าเข้าสู่แผ่นดินเวียดนาม จากนั้นจะอ่อนกำลังผ่านลาวและเข้าถึงภาคเหนือของไทย โดยจังหวัด เชียงราย อยู่ใน “หน้าต่างความเสี่ยง” ช่วง 25–27 สิงหาคม 2568 คาดมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่และลมแรง โดยเฉพาะบริเวณใกล้เส้นทางเดินพายุและพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน

พร้อมกันนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิด วอร์รูม (War Room) รับมือพายุ “คาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ขานรับนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ) กระจายเครื่องจักรกลสาธารณภัยล่วงหน้า กำหนด ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก เป็นจุดระดมทรัพยากรสนับสนุนภาคเหนือ พร้อมแจ้งเตือน 58 จังหวัด เฝ้าระวังฝนหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรงในช่วง 24–27 ส.ค. 68 โดยในภาคเหนือระบุชื่อ เชียงราย ในบัญชีเฝ้าระวังของวันที่ 25–27 ส.ค. อย่างชัดเจน

เส้นทางพายุ “คาจิกิ” และหน้าต่างความเสี่ยงของเชียงราย

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 ส.ค. 68 ระบุว่า พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” มีศูนย์กลางห่างเมืองวิญ (เวียดนาม) ราว 450 กม. ที่พิกัด ละติจูด 17.6°N ลองจิจูด 109.9°E ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กม./ชม. เคลื่อนที่ทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อยราว 20 กม./ชม. คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนและอ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนใน 25 ส.ค. ก่อนลดระดับเป็นดีเปรสชันเข้า สปป.ลาว เช้าวันที่ 26 ส.ค. และมีแนวโน้มอ่อนกำลังเป็น หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง เคลื่อนเข้าสู่ฝั่งไทยบริเวณ จ.น่าน ในช่วงเย็นวันเดียวกัน

สำหรับ เชียงราย การประเมินของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุให้อยู่ในช่วงได้รับผลกระทบระหว่าง 25–27 ส.ค. โดยร่วมกับจังหวัดภาคเหนืออื่น ๆ เช่น แพร่ พะเยา น่าน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และอุตรดิตถ์ ทั้งนี้คำเตือนสำคัญคือ ฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนสะสม” ที่เพิ่มโอกาสเกิด น้ำท่วมฉับพลัน–น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะ พื้นที่ลาดเชิงเขา พื้นที่แนวทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มต่ำในเขตเมือง ซึ่งมักท่วมขังซ้ำซาก

ตัวเลขชวนคิด: พายุระดับไต้ฝุ่นด้วยลมใกล้ศูนย์กลาง 150 กม./ชม. แม้เมื่ออ่อนกำลังบนบกจะลดลงเร็ว แต่ “มวลความชื้น” ที่ติดมากับระบบยังทำให้เกิดฝนหนักเป็นบริเวณกว้างได้ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับลุ่มน้ำ—ลักษณะเด่นของภาคเหนือ

กลไกฉุกเฉิน “วอร์รูม” และการระดมทรัพยากร—เชียงรายในเครือข่ายช่วยเหลือภาคเหนือ

ปภ. เปิด วอร์รูมส่วนกลาง เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง นัดประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวัน และ สั่งการศูนย์ ปภ. เขต ระดมชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำ “พื้นที่เสี่ยง” ล่วงหน้า โดยกำหนด ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก เป็น Staging Area รับผิดชอบการสนับสนุนภาคเหนือ ขณะเดียวกันเครื่องจักรกลจาก ศูนย์ ปภ. เขต 2 สุพรรณบุรี และ เขต 16 ชัยนาท ได้เคลื่อนเข้าสู่แนวรับภาคเหนือแล้ว

สาระสำคัญของคำสั่งการ ได้แก่

  • ให้ 76 จังหวัดและ กทม. ปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ เตรียมอพยพประชาชนเมื่อจำเป็น ดูแลปัจจัยยังชีพ และรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
  • ให้ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ล่วงหน้า หากแนวโน้มรุนแรง พร้อมจัดทีมเผชิญเหตุเข้าพื้นที่ทันที
  • หากมีการประกาศเขตให้ความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน ให้ จังหวัดรายงาน–ขอขยายวงเงินทดรองราชการ โดยเร็ว เมื่อวงเงินเดิมไม่พอ
  • ให้ประชาชน ติดต่อสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชม. และติดตามการแจ้งเตือนผ่านแอป THAI DISASTER ALERT

สำหรับ เชียงราย โครงสร้างการรับมือในจังหวัดจะขับเคลื่อนโดยจังหวัดและท้องถิ่นร่วมกับแขนขาของ ปภ., สาธารณสุข, แขวงทางหลวง/ชลประทาน, ตำรวจ/ทหาร, ผู้นำหมู่บ้าน/อปพร. และเครือข่ายอาสาสมัคร—รูปแบบ “บูรณาการ” ที่ต้องพร้อมยกกำลังสูบ–เครื่องผลักดันน้ำ–รถบรรทุกสูง–ไฟส่องสว่าง–เรือท้องแบน และเวรเฝ้าระวังจุดเสี่ยงตลอดคืนในห้วงฝนหนัก

เชียงรายต้องระวัง “ตรงไหน–เมื่อไร–อย่างไร” แผนที่ความเสี่ยงเชิงสถานการณ์

แม้ประกาศจะไม่ระบุจุดพิกัดรายตำบล แต่จากลักษณะพื้นที่ ภูเขาสลับลุ่มน้ำ ของเชียงราย แนวทางปฏิบัติที่ “ลดความเสี่ยงได้จริง” มีดังนี้

  1. ช่วงเวลาความเสี่ยงสูง (25–27 ส.ค.)
  • ก่อนฝนมา: เคลียร์ท่อ–รางระบายน้ำหน้าอาคาร–ตลาด–ชุมชน, เก็บของสูง, เตรียมกระสอบทรายจุดลุ่มต่ำ
  • ระหว่างฝนจัดต่อเนื่อง: หลีกเลี่ยงการสัญจรผ่าน แนวทางน้ำไหลผ่าน–ใต้สะพาน–ทางเชิงเขา, งดเที่ยวชม น้ำตก/แก่ง และอย่าจอดรถในจุดที่เคยท่วมซ้ำ
  • หลังฝน: ระวัง ไฟฟ้ารั่ว–ถนนทรุด–ดินอุ้มน้ำ และแจ้งเหตุผ่าน 1784 หากพบความเสียหาย
  1. ครัวเรือนเสี่ยงพิเศษ
  • ผู้สูงอายุ–ผู้ป่วยติดเตียง–เด็กเล็ก ควรเตรียม ยาประจำตัว, อาหารพร้อมทาน 1–2 วัน, ไฟฉาย, วิทยุ, power bank, เอกสารสำคัญใส่ซองกันน้ำ
  • เกษตรกรตรวจแนว คันนา–ทางน้ำเข้าสวน–โรงเรือน, ย้ายเครื่องมือและสารเคมีขึ้นที่สูง ปิดฝาภาชนะทุกครั้ง
  1. ธุรกิจ–โรงแรม–ค้าชายแดน
  • สำรวจ จุดเสี่ยงท่วมขังในลานจอด–ชั้นใต้ดิน, เตรียมปั๊มน้ำ–เครื่องไฟสำรอง
  • อัปเดตข้อมูลให้ลูกค้า–แขกพัก และวางแผนเส้นทางเลี่ยง ถนนต่ำ–ทางผ่านลำห้วย หากต้องรับ–ส่งสนามบิน

ข้อเท็จจริงจากประกาศ 3 ประเด็นที่ชาวเชียงรายควรรู้

1) พายุจะอ่อนกำลังเมื่อขึ้นฝั่ง แต่ฝนยัง “หนัก” ได้
เมื่อ “คาจิกิ” แตะฝั่งเวียดนาม แรงลมจะลด แต่ มวลไอน้ำ จะป้อนเข้าภาคเหนือ–อีสานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดฝนวงกว้าง โดยเชียงรายถูกย้ำอยู่ในช่วงเสี่ยง 25–27 ส.ค.

2) พื้นที่เสี่ยงหลักคือ “ลาดเชิงเขา–ลำทางน้ำ–ลุ่มต่ำ”
ฝนสะสมคือปัจจัยชี้ชะตา หากฝนตกหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง โอกาสเกิด น้ำป่า–น้ำหลาก เพิ่มขึ้นทันที โดยเฉพาะใกล้ทางน้ำไหลผ่าน

3) คลื่นลมแรงกระทบโดยอ้อม
แม้เชียงรายไม่ติดทะเล แต่การขนส่งระหว่างภูมิภาคอาจได้รับผลกระทบจาก ทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2–3 เมตร (ฝนฟ้าคะนองอาจเกิน 3 เมตร) ส่งผลต่อโลจิสติกส์สินค้า/ท่องเที่ยวทะเลที่เชื่อมโยงกับภาคเหนือ

มาตรการภาครัฐและสิทธิประชาชน ต้องรู้–ต้องใช้

  • ศูนย์โควต้าเครื่องจักรกลสาธารณภัย: จังหวัดสามารถร้องขอเสริมกำลังจาก ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก ซึ่งทำหน้าที่คล้ายคลังยุทธภัณฑ์เพื่อกระจายไปพื้นที่ภาคเหนือ
  • งบช่วยเหลือฉุกเฉิน: หากประกาศเป็นเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จังหวัดสามารถ ขอขยายวงเงินทดรองราชการ เพื่อเยียวยาเร่งด่วน
  • ช่องทางรับแจ้งเหตุและแจ้งเตือน:
    • สายด่วนนิรภัย 1784 (ปภ.) ตลอด 24 ชม.
    • แอป THAI DISASTER ALERT (แจ้งเตือนพิบัติภัย)
    • 1182 และ 0-2399-4012-13 (กรมอุตุนิยมวิทยา)
    • เว็บไซต์ tmd.go.th (ประกาศ–เรดาร์–พยากรณ์)

คำถามที่พบบ่อย” ในห้วงฝนหนัก

Q: ฝนจะ “หนักแค่ไหน” ในเชียงราย?
A: ประกาศระบุ “หนักถึงหนักมาก” ในช่วง 25–27 ส.ค. ความหนักขึ้นกับตำแหน่งเมฆฝนและภูมิประเทศ จุดสำคัญคือ “ฝนสะสม” หากฝนตกต่อเนื่องหลายชั่วโมง พื้นที่เชิงเขา/แนวลำน้ำต้อง เตรียมอพยพชั่วคราว ตามสัญญาณเตือนของท้องถิ่น

Q: ถ้าอยู่คอนโด/ตึกสูงในเขตเมือง ยังเสี่ยงหรือไม่?
A: เสี่ยงน้อยกว่าลุ่มต่ำ แต่ให้ระวัง ไฟฟ้าลัดวงจร–น้ำรั่วซึม–ลิฟต์ และการสัญจรเข้า–ออกอาคาร หากรอบอาคารเป็นแอ่งรับน้ำ

Q: ต้องกักตุนอาหารยาวนานหรือไม่?
A: โดยทั่วไป 1–2 วัน สำหรับครัวเรือนในจุดเสี่ยงเพียงพอ สิ่งสำคัญคือ ยาประจำตัว–น้ำดื่ม–ไฟฉาย–Power Bank และ เอกสารสำคัญใส่ซองกันน้ำ

Q: หากน้ำเริ่มหลากเข้ารวดเร็ว ควรทำอย่างไร?
A: ตัดไฟฟ้าเฉพาะวงจรในจุดที่น้ำท่วมถึง (หากทำได้อย่างปลอดภัย), ย้ายขึ้นที่สูง, อย่าฝืนเดินลุยน้ำเชี่ยว, โทร 1784 หรือ 1669 กรณีฉุกเฉินทางการแพทย์

บทเรียน “น้ำท่วมฉับพลัน” กับเมืองชายขอบภูเขา

เชียงรายเป็นจังหวัดที่ ภูมิประเทศสูง–ต่ำสลับซับซ้อน การเผชิญฝนหนักช่วงสั้น ๆ อาจนำไปสู่ “น้ำหลากเร็ว” จากหุบเขาเข้าสู่ชุมชน ขณะที่เขตเมืองลุ่มต่ำมีความเสี่ยง ท่วมขังเฉียบพลัน หากท่อระบายน้ำรับไม่ทัน เมื่อเชื่อมปัจจัยเหล่านี้เข้ากับ “คาจิกิ” ที่พา มวลไอน้ำขนาดใหญ่ เข้าภาคเหนือ ภาพรวมจึงไม่ใช่คำถามว่า “จะตกหรือไม่” แต่คือ “ฝนสะสมจะกี่ชั่วโมง–กี่รอบ” และ “จุดคอขวดการระบายน้ำอยู่ตรงไหน” การ ลดความเสี่ยงเชิงพฤติกรรม เช่น งดผ่านทางลุ่มต่ำ/เชิงเขาในห้วงฝนจัด และการ พร้อมอพยพชั่วคราว เมื่อมีประกาศเตือน จึงเป็นตัวแปรที่ประชาชนควบคุมได้ทันที

ภาครัฐในระดับพื้นที่—ตั้งแต่จังหวัด เทศบาล อบต. จนถึงหมู่บ้าน—จำเป็นต้อง เปิดข้อมูลจุดเสี่ยงและจุดปลอดภัยให้ชัดเจน ตั้งจุดเวรยามเฝ้าระวังน้ำ 24 ชม. ใน 2–3 วันที่เสี่ยงสูง รวมถึง ซ้อมแผนอพยพแบบเร็ว (Quick Evac) กับครัวเรือนเปราะบางในชุมชน หากปฏิบัติพร้อมกันทั้ง “ฝั่งประชาชน–ฝั่งรัฐ” โอกาสสูญเสียจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

 “คาจิกิ” คือบททดสอบระบบเตือนภัย—แผนพร้อม ชีวิตปลอดภัย

25–27 สิงหาคม 2568 คือช่วงเวลาที่เชียงรายต้อง ตั้งการ์ดสูง ประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาชี้ชัดว่าเชียงรายอยู่ในแถบฝนหนักถึงหนักมาก ขณะที่กลไกส่วนกลางนำโดย ปภ. ได้เปิดวอร์รูมและระดมทรัพยากรล่วงหน้าแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือ การลงมือในระดับครัวเรือนและชุมชน—เคลียร์ระบายน้ำ เตรียมของยังชีพ เฝ้าระวังข่าวเตือน และพร้อมอพยพเมื่อจำเป็น

“ฝนจะผ่านไป แต่การเตรียมพร้อมจะอยู่กับเรา” หากเชียงรายผ่านห้วงนี้ด้วย ข้อมูลที่ถูกต้อง–การตัดสินใจที่รวดเร็ว–และความร่วมมือของทุกฝ่าย เมืองจะยืนหยัดได้โดยไม่ต้องแลกด้วยความสูญเสียที่ป้องกันได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
  • กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายลุ้น! แม่น้ำกกใกล้จุดวิกฤต เทศบาลนครเชียงรายเฝ้าระวัง 24 ชม. หวั่นน้ำทะลักเข้าเมือง

เชียงรายลุ้น! แม่น้ำกกใกล้จุดวิกฤต เทศบาลนครเชียงรายเฝ้าระวัง 24 ชม. หวั่นน้ำทะลักเข้าเมือง

เชียงราย, 28 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์น้ำกกขยับใกล้จุดวิกฤต – วอร์รูมเทศบาลฯ ระดมแผนฉุกเฉินช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญสถานการณ์ที่สร้างความกังวลอย่างยิ่งให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมลุ่มน้ำกก เมื่อฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ต้นน้ำอย่างอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำกกเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงานล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. ที่สถานีแม่นาวาง ระดับน้ำเพิ่มสูงถึง 12 เซนติเมตรในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง และอยู่ห่างจากระดับวิกฤตเพียง 31 เซนติเมตรเท่านั้น สัญญาณเตือนอันตรายที่ไม่อาจนิ่งนอนใจ

เทศบาลนครเชียงรายโดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรี ได้เรียกประชุมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมด่วนที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภายในสถานีขนส่งแห่งที่ 1 พร้อมประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานระดับจังหวัด เพื่อสรุปและเร่งประสานแผนรับมือสถานการณ์

ข้อมูลน้ำ-ฝนจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เผยตัวเลขใกล้เสี่ยงล้นตลิ่ง

จากรายงานของทีมวิจัยระบบเตือนภัยและแนวทางป้องกันน้ำท่วมในเขตเมืองเชียงราย รวมถึงข้อมูลจากส่วนอุทกวิทยาที่ 2 สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1 กรมทรัพยากรน้ำ พบว่าปริมาณน้ำกกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นน้ำในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

  • เวลา 12.00 น. ที่สถานีแม่นาวาง-ท่าตอน ระดับน้ำอยู่ที่ 5.99 เมตร (ค่าวิกฤต 6.50 เมตร) ปริมาณน้ำ 487 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
  • เวลา 13.00 น. ที่สะพานพ่อขุนฯ ระดับน้ำอยู่ที่ 5.07 เมตร ปริมาณน้ำ 442 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
  • เวลาเดียวกัน ที่สะพานขัวพญามังราย ต.ริมกก ระดับน้ำอยู่ที่ 3.64 เมตร จากระดับวิกฤต 6.00 เมตร

ทีมวิจัยระบบเตือนภัยฯ ยังระบุว่าหากแนวโน้มฝนและระดับน้ำยังเป็นเช่นนี้ ระดับน้ำในเมืองเชียงรายอาจถึงจุดวิกฤตและล้นตลิ่งได้ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงริมแม่น้ำกกเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมย้ายของขึ้นที่สูง

เตรียมพร้อมรอบด้าน – เฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาล ออกสำรวจระดับน้ำและเฝ้าติดตามสถานการณ์รอบพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัคร และประชาชนในชุมชนริมฝั่งแม่น้ำกก เพื่อเตรียมพร้อมแผนอพยพและการแจ้งเตือนล่วงหน้าหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจความพร้อมของศูนย์พักพิงและสถานที่อพยพฉุกเฉิน เช่น วัด โรงเรียน และอาคารสาธารณะ ตลอดจนการจัดเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือประชาชน อาทิ กระสอบทราย เรือท้องแบน และเครื่องสูบน้ำ เพื่อให้พร้อมใช้งานได้ทันที

ภัยคุกคาม “น้ำกก” กับมาตรการเชิงรุกของเชียงราย

สถานการณ์น้ำกกใกล้แตะจุดวิกฤตในวันนี้ สะท้อนถึงความเปราะบางของพื้นที่เมืองเชียงรายต่อภัยน้ำหลากที่อาจเกิดขึ้นจากฝนหนักในพื้นที่ต้นน้ำอย่างฉับพลัน ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาและถือเป็นบทเรียนเชิงนโยบายมีดังนี้

  • การเฝ้าระวังต้นน้ำอย่างรอบด้าน: การติดตามข้อมูลน้ำฝนและปริมาณน้ำตั้งแต่สถานีต้นน้ำถึงปลายน้ำ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้หน่วยงานท้องถิ่นมีข้อมูลสำหรับวางแผนรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
  • ข้อมูลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี: การใช้ข้อมูลจากทีมวิจัยและส่วนอุทกวิทยา สะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการบริหารจัดการภาครัฐอย่างเป็นระบบ เพิ่มความแม่นยำของการตัดสินใจและการสื่อสารความเสี่ยงต่อประชาชน
  • ความพร้อมของหน่วยงานท้องถิ่น: การตั้งวอร์รูม ประชุมร่วมกับหน่วยงานจังหวัด และจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกสำรวจเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง เป็นมาตรการเชิงรุกที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความพร้อมในการป้องกันและบรรเทาผลกระทบ
  • การสื่อสารกับประชาชน: เทศบาลนครเชียงรายเน้นการแจ้งเตือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำกกให้ทราบความเสี่ยงและวิธีเตรียมตัวล่วงหน้า ลดความสูญเสียและสร้างความตื่นตัวให้กับชุมชนอย่างทั่วถึง

โจทย์ท้าทายและประเด็นที่ต้องติดตาม

  • ความเร็วของกระแสน้ำ: ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (12 เซนติเมตรใน 1 ชั่วโมง) เป็นสัญญาณเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งยกระดับการแจ้งเตือนและการอพยพ
  • ผลกระทบต่อชุมชนริมฝั่ง: หากน้ำล้นตลิ่งในเขตเมือง พื้นที่ชุมชนริมฝั่งและตลาดจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก จำเป็นต้องเตรียมสถานที่พักพิงและการช่วยเหลือให้พร้อม
  • การบริหารจัดการเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต้นน้ำ: ประสานงานกับหน่วยงานรับผิดชอบเขื่อนและอ่างเก็บน้ำเพื่อลดการระบายน้ำในช่วงวิกฤต เป็นกลยุทธ์สำคัญในการควบคุมปริมาณน้ำปลายน้ำ
  • การประสานงานกับชุมชน: การสร้างเครือข่ายสื่อสารภาคประชาชนและอาสาสมัคร ช่วยกระจายข้อมูลข่าวสารและรับมือภัยพิบัติอย่างรวดเร็วและทั่วถึง

สรุป

สถานการณ์แม่น้ำกกใกล้แตะจุดวิกฤตในครั้งนี้ นับเป็นเครื่องเตือนใจถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมเชิงรุก การวางระบบสื่อสารที่เข้มแข็ง และการประสานทุกภาคส่วนร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เชียงรายผ่านพ้นภัยพิบัติด้วยความเสียหายน้อยที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เทศบาลนครเชียงราย
  • ทีมวิจัยระบบเตือนภัยและแนวทางป้องกันน้ำท่วมในเขตเมืองเชียงราย
  • ส่วนอุทกวิทยาที่ 2 เชียงราย สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1 กรมทรัพยากรน้ำ
  • ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News