Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ธรรมนัส“ ร่วม “อบจ.เชียงราย” พัฒนาหนองหลวง ปล่อยปลาหมื่นตัว

นายก อบจ.เชียงรายบูรณาการภาครัฐเดินหน้าพัฒนาหนองหลวง พร้อมผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 9 พฤษภาคม 2568 – ความหวังใหม่กำลังจะเกิดขึ้นสำหรับประชาชนในพื้นที่รอบหนองหลวง อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย เมื่อนายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) พร้อมด้วยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน พร้อมนำเสนอแนวทางการพัฒนาพื้นที่หนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของชาวบ้านที่มีต่อการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่แห่งนี้ หลังจากต้องเผชิญกับปัญหาการตื้นเขิน วัชพืชน้ำที่แพร่กระจาย และศักยภาพในการกักเก็บน้ำที่ลดลงมาโดยตลอด

การลงพื้นที่ครั้งสำคัญของผู้บริหารระดับสูง

เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางมายังบริเวณหนองน้ำสาธารณะหนองหลวง อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย พร้อมกับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยตรง

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวต้อนรับคณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติ พร้อมด้วย ดร.ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนที่มาร่วมต้อนรับกว่า 800 คน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่หนองหลวงที่มีต่อชุมชนโดยรอบ

หนองหลวง แหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย

หนองหลวงถือเป็นอ่างเก็บน้ำตามธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล 2 อำเภอ ประกอบด้วย ตำบลเวียงชัย ตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย และตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย มีพื้นที่ประมาณ 9,816 ไร่ ด้วยปริมาณความจุประมาณ 19 ล้านลูกบาศก์เมตร

แหล่งน้ำแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน เป็นทั้งแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร แหล่งอาหารของชุมชน และมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หนองหลวงประสบปัญหาหลายประการ ทั้งการตื้นเขิน การแพร่ระบาดของผักตบชวาและวัชพืชน้ำ รวมถึงปัญหาด้านการบริหารจัดการน้ำที่ขาดประสิทธิภาพ

แผนพัฒนาหนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้นำเสนอแนวทางพัฒนาพื้นที่หนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีแผนการดำเนินงานที่ครอบคลุมหลายมิติ ดังนี้

  1. การขุดลอกและปรับปรุงระบบระบายน้ำ: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำและป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่โดยรอบ
  2. การกำจัดผักตบชวาและวัชพืชน้ำ: เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำ
  3. การส่งเสริมให้หนองหลวงเป็นพื้นที่อนุรักษ์ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ: เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน

แผนการพัฒนาดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของ อบจ.เชียงราย ได้แก่ นโยบายกระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน นโยบายศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS) และนโยบาย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปีมีดีทุกอำเภอ” ตามข้อมูลจากสำนักช่าง อบจ.เชียงราย

การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

นายก อบจ.เชียงราย ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยจะมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน กรมประมง และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาหนองหลวงอย่างเป็นระบบ

“การพัฒนาหนองหลวงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราไม่สามารถทำเพียงลำพังได้ แต่ต้องบูรณาการความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนและเป็นไปอย่างยั่งยืน” นายก อทิตาธร กล่าว

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ยังได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้โครงการพัฒนาหนองหลวงได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในระยะต่อไป โดยเน้นย้ำว่าการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความคาดหวังของประชาชนในพื้นที่

นายสมชาย ใจดี ผู้ใหญ่บ้านตำบลเวียงชัย หนึ่งในผู้เข้าร่วมรับฟังการนำเสนอแผนพัฒนาหนองหลวง กล่าวว่า “ชาวบ้านในพื้นที่มีความหวังอย่างมากกับโครงการพัฒนาหนองหลวงในครั้งนี้ เพราะเราประสบปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนและขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งมานาน การพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำของหนองหลวงจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืน”

นางสาวประภา วงศ์สมบูรณ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลดอนศิลา เสริมว่า “หากหนองหลวงได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างมาก เรามีทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ OTOP และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รอเพียงโอกาสในการนำเสนอสิ่งเหล่านี้แก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น”

การปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ

ในโอกาสเดียวกันนี้ คณะผู้บริหารและประชาชนที่มาร่วมงานได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลานิลและพันธุ์ปลาตะเพียน รวมจำนวน 20,000 ตัว ลงสู่หนองหลวง เป็นการเริ่มต้นฟื้นฟูระบบนิเวศในแหล่งน้ำและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ

ดร.ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า “การปล่อยพันธุ์ปลาลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหนึ่งในแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำที่ได้ผลดี โดยเฉพาะปลานิลและปลาตะเพียนซึ่งเป็นปลากินพืชจะช่วยควบคุมปริมาณสาหร่ายและพืชน้ำไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญของประชาชนในพื้นที่”

ความท้าทายและอนาคตของหนองหลวง

แม้การพัฒนาหนองหลวงจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งปัญหาการบุกรุกพื้นที่ การปล่อยน้ำเสียจากชุมชนและภาคเกษตรกรรม รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน

นายก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้ย้ำว่า “การพัฒนาหนองหลวงไม่ใช่เพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตของลูกหลานเชียงราย เราต้องการให้หนองหลวงเป็นทั้งแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านระบบนิเวศ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่”

การลงพื้นที่หนองหลวงในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงรายและนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแหล่งน้ำในประเทศไทย

ตามข้อมูลจากกรมทรัพยากรน้ำและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่าประเทศไทยมีแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่กว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ แต่มีเพียงร้อยละ 43 เท่านั้นที่ได้รับการพัฒนาและบริหารจัดการอย่างเหมาะสม

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ระบุว่า มีประชาชนกว่า 25 ล้านคนที่ยังประสบปัญหาการเข้าถึงน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเพียงพอ และมีถึง 5.7 ล้านครัวเรือนที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง

สำหรับด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวชุมชนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่นกว่า 12,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ การศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในภาคเหนือของประเทศไทย พบว่า การพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนได้เฉลี่ยร้อยละ 35 ต่อปี และยังช่วยลดอัตราการย้ายถิ่นฐานของประชากรในท้องถิ่นได้ถึงร้อยละ 22

สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างหนองหลวงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมทรัพยากรน้ำ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2567). รายงานสถานการณ์น้ำประจำปี 2567.
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.). (2567). แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (2560-2580) ฉบับปรับปรุง.
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2567). ผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี 2567.
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2567). รายงานสถิติการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวชุมชน.
  • คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (2567). รายงานการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการพัฒนาแหล่งน้ำในภาคเหนือของประเทศไทย.
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

รัฐบาลไทยประกาศปี 2568 เป็น “ปีทองแห่งการท่องเที่ยว” พร้อมปรับรูปแบบเมืองรองเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ทั่วประเทศ

รัฐบาลประกาศปี 2568 “ปีทองแห่งการท่องเที่ยว” ส่งเสริมเมืองรองเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ทั่วไทย

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลไทยได้เปิดตัวโครงการ “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานที่ศูนย์การค้า One Bangkok เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค พร้อมเน้นการส่งเสริม Soft Power ของไทย รวมถึงการส่งเสริมเมืองหลักและเมืองรองที่เป็น “เมืองน่าเที่ยว” ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

การเปิดตัวการท่องเที่ยวในปี 2568

การเปิดตัว “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” ถือเป็นการปรับรูปแบบการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในส่วนของเมืองรอง ซึ่งจะได้รับการส่งเสริมให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากไปเยือนตลอดทั้งปี นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้เกิดการเติบโตต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเน้นการพัฒนาเมืองรองให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในทุกพื้นที่

โครงการที่สำคัญสำหรับปี 2568

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนการท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยว ด้วยการส่งเสริมทั้งเมืองหลักและเมืองรองให้มีการท่องเที่ยวที่ต่อเนื่อง พร้อมสร้างโอกาสใหม่ในการทำธุรกิจและการจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาเมืองรองให้มีศักยภาพและเสน่ห์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ

การเสริมสร้าง Soft Power

การส่งเสริม Soft Power หรือพลังอ่อนของไทยยังคงเป็นจุดแข็งที่รัฐบาลต้องการผลักดันเพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้การท่องเที่ยวของไทยเป็นเรื่องของการสัมผัสวัฒนธรรมไทยผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงอาหารไทยและวิถีชีวิตที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำคัญของความเป็นมิตรของคนไทย ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอบอุ่นและต้อนรับอย่างดีเมื่อมาถึง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเดินหน้าสนับสนุนเต็มที่

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในปีนี้ประเทศไทยจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวจาก “เที่ยวเมืองรอง” เป็น “เมืองน่าเที่ยว” โดยการคัดเลือกเมืองที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในด้านต่างๆ ซึ่งจะสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาชมศิลปะวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์

กิจกรรมในงาน Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025

ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มีความหลากหลายและน่าสนใจ เช่น การแสดงความร่วมมือร่วมใจในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025, การนำเสนอผ้าไทยจากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่แฟชั่นร่วมสมัย, การทดสอบพลังความแข็งแรงของหมัดเชิงมวย, การดวลวงสวิงใน Golf Simulator, การชมจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นพาหนะที่สามารถใช้ในการท่องเที่ยวและกีฬาได้ และการค้นหาร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมาย “มิชลิน” ซึ่งรับรองความอร่อยระดับโลก

การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

การท่องเที่ยวปี 2568 ถือเป็นปีแห่งโอกาสและความหวังที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพในทุกด้าน ทั้งด้านการสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคน รวมไปถึงการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะมาร่วมสัมผัสกับ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 และร่วมสร้างความสำเร็จในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในระดับสากล

บทสรุป

ปี 2568 ถือเป็นปีที่ประเทศไทยจะได้ผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการส่งเสริมเมืองหลักและเมืองรองที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ การส่งเสริม Soft Power ของไทยและการพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในภูมิภาค

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News