Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

หนองน้ำพุ 82 ไร่ พร้อมใช้งาน! อบต.โป่งผา รับมอบพื้นที่-เดินหน้า “เฟส 2” เชื่อมถ้ำหลวง

หนองน้ำพุ” แลนด์มาร์กใหม่ชายแดนแม่สาย 180 ล้านบาทจากโยธาธิการฯ สู่มือ อบต.โป่งผา ปักธงเมืองสุขภาพ–ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ บนโจทย์ยั่งยืนระยะยาว

เชียงราย, 1 พฤศจิกายน 2568 — พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดสำคัญของตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย ที่ชาวบ้านคุ้นชื่อว่า “หนองน้ำพุ” กำลังเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์จากแหล่งพักผ่อนของชุมชน สู่ สวนสาธารณะเชิงนิเวศและศูนย์สุขภาพกลางแจ้ง ที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับกิจกรรมสาธารณะระดับอำเภอและจังหวัด หลัง กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) กระทรวงมหาดไทย ส่งมอบผลงานก่อสร้างตาม งบประมาณ 180 ล้านบาท ให้ องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา (อบต.โป่งผา) เป็นผู้ดูแลบำรุงรักษา และวางธงเดินหน้า “เฟส 2” เพื่อยกระดับฟังก์ชันการใช้งานให้ครบวงจรด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

ท้องถิ่นร่วมพัฒนาและเห็นผลเป็นรูปธรรม วันนี้เราส่งมอบพื้นที่ที่ประชาชนใช้งานจริง และพร้อมสนับสนุนต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด”นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง

 “ทุนกายภาพ–ทุนสังคม–ทุนนโยบาย” พร้อม แต่ความยั่งยืนต้องมี “แผนดูแลหลังส่งมอบ” ที่จับต้องได้

การส่งมอบโครงการมูลค่า 180 ล้านบาทในวันนี้สะท้อน 3 ปัจจัยบวกที่มาบรรจบกันอย่างน่าสนใจ

  1. ทุนกายภาพ (Physical Capital): สวนสาธารณะกว่า 82 ไร่ โครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้ มีลู่วิ่ง–ลานกิจกรรม–พื้นที่สีเขียวเชื่อมโยงทัศนียภาพ ดอยนางนอน และ “หนองน้ำพุ” ที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะคุณภาพ (public open space) ให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัย
  2. ทุนสังคม (Social Capital): ตัวเลขผู้มาใช้บริการออกกำลังกายและทำกิจกรรมแล้ว กว่า 20,000 คน เป็น “หลักฐานเชิงพฤติกรรม” ว่าพื้นที่ตอบโจทย์จริง สร้างความผูกพันระหว่างพื้นที่–คน–กิจกรรม และกลายเป็นเวทีชุมชนที่เข้มแข็งได้
  3. ทุนเชิงนโยบาย (Policy Capital): การผลักดันของ ยผ. ภายใต้มติและทิศทาง “พัฒนาเมืองปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” บวกกับวิสัยทัศน์ของ อบต.โป่งผา ที่ชัดเรื่อง “ศูนย์สุขภาพกลางแจ้ง–ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” ทำให้แนวทางเปลี่ยนพื้นที่สาธารณะเป็นเครื่องมือสุขภาวะ (Health in All Policies) เดินได้จริง

อย่างไรก็ดี โจทย์ยากหลังพิธีส่งมอบ คือ “แผนดูแล–บำรุงรักษา (O&M)” ระยะยาวให้คงคุณภาพ ทั้งเรื่องงบประมาณประจำปี, ระบบสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ/ผู้พิการ (universal design), การจัดการขยะ–น้ำเสียในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว, การบริหารความปลอดภัย–การจราจร, ตลอดจน แผนพัฒนาเฟส 2 ที่ต้องชัดเจนว่าลงทุนอะไร–เพื่อใคร–ชุมชนได้ประโยชน์อย่างไร และสอดคล้องกับธรรมชาติของพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างไร นี่คือ “บททดสอบความยั่งยืน” ที่ท้องถิ่นต้องตอบให้ได้ตั้งแต่วันนี้

ส่งมอบความสำเร็จ โครงงาน 3 ปี งบ 180 ล้านบาท สวนสาธารณะ–แลนด์มาร์ก 82 ไร่ ใช้งานจริงแล้วหมื่นราย

พิธีส่งมอบจากกรมโยธาธิการและผังเมืองสู่ อบต.โป่งผา ครอบคลุมผลงานก่อสร้างในกรอบ พัฒนาพื้นที่รอบอุทยานถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ)” โดยมีสาระสำคัญดังนี้

  • กรอบงบประมาณ: 180 ล้านบาท
  • กรอบเวลา: พ.ศ. 2566–2568 (รวม 3 ปี)
  • ขนาดพื้นที่พัฒนา: สวนสาธารณะและแลนด์มาร์กแห่งใหม่ กว่า 82 ไร่
  • ผลใช้งาน: มีผู้มาใช้บริการเพื่อออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่า 20,000 คน (นับถึงก่อนวันส่งมอบอย่างเป็นทางการ)
  • ฐานคิดการออกแบบ: เชื่อมโยงคุณค่าธรรมชาติ–ภูมิทัศน์ของ “หนองน้ำพุ” และ ดอยนางนอน ให้เป็นฉาก (backdrop) เพื่อกิจกรรมสำหรับทุกช่วงวัย ตั้งแต่เดิน–วิ่ง–ปั่นจักรยาน–ออกกำลังผู้สูงวัย–กิจกรรมครอบครัว–ตลาดชุมชน–กิจกรรมวัฒนธรรม

เราขอขอบคุณ ยผ. ที่สนับสนุนงบประมาณและขับเคลื่อนจนสำเร็จ วันนี้ชุมชนโป่งผามีพื้นที่สาธารณะคุณภาพ และเราพร้อมทำเฟส 2 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในมิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน”ดร.ณัชชา กันทะดง นายก อบต.โป่งผา

ด้วยทำเลที่ตั้ง หมู่ 1 ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งเป็น ด่านหน้าชายแดนไทย–เมียนมา ด้านเหนือสุดของไทย พื้นที่ดังกล่าวจึงมีศักยภาพต่อยอดเป็น “เกตเวย์ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและสุขภาพ” เชื่อม อุทยานถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน, ตัวเมืองแม่สาย, แหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม, ตลาดชายแดน และจุดชมวิวธรรมชาติ กลายเป็น “จุดพัก–จุดรวมพล–จุดกิจกรรม” ที่กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการท้องถิ่น

อัตลักษณ์ “หนองน้ำพุ” ธรรมชาติ–ตำนาน–ความทรงจำร่วม ของคนทั้งอำเภอ

เอกลักษณ์ของ “หนองน้ำพุ” ไม่ได้มีเพียงทัศนียภาพรายล้อมภูเขา หากยังมี ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ชาวบ้านเล่าขานว่า เมื่อเกิดเสียงดัง เช่น เคาะไม้–เคาะปี๊บ จะมีฟองน้ำพุผุดขึ้นเองจากผิวน้ำ สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนและกลายเป็นเรื่องเล่า (narrative) ของพื้นที่ นอกจากนี้ “หนองน้ำพุ” ยังเชื่อมโยง ความทรงจำร่วมระดับชาติ จากเหตุการณ์ช่วยเหลือทีมฟุตบอลเยาวชนใน ถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชื่อของพื้นที่นี้ปรากฏในเส้นทางท่องเที่ยวและสื่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง

ในเชิงระบบนิเวศ “หนองน้ำพุ” ทำหน้าที่ราว ฟองน้ำธรรมชาติ (natural sponge) ที่ช่วยเก็บกักน้ำหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรในฤดูแล้ง และบรรเทาน้ำหลากในฤดูฝน เมื่อถูกพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะเชิงนิเวศ จึงมีบทบาทเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันพื้นที่ (area resilience) ทั้งด้านน้ำ อากาศ และความร้อนในเมือง (urban heat) โดยธรรมชาติของพื้นที่สีเขียว–สายน้ำ จะช่วยลดอุณหภูมิ สร้างร่มเงา และพื้นที่พักฟื้นสำหรับสัตว์นานาชนิด

หนองน้ำพุไม่ใช่เพียงสวนสาธารณะ แต่เป็นห้องเรียนธรรมชาติของคนแม่สาย ที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่ได้เติบโตพร้อมความหวงแหนสิ่งแวดล้อม”ตัวแทนชุมชนผู้ใช้งานกิจกรรมออกกำลังกาย (สะท้อนความเห็นในเวทีกิจกรรมชุมชน)

เมืองสุขภาพชายแดน สวนสาธารณะคุณภาพที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

แนวทาง “ศูนย์สุขภาพกลางแจ้ง” (Outdoor Health Hub) ที่ อบต.โป่งผาและภาคีท้องถิ่นร่วมกันขับเคลื่อน สอดคล้องกับแนวโน้มสังคมสูงวัยและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness) ที่เติบโตในจังหวัดเชียงราย โครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่งส่งมอบช่วยให้เกิด “ต้นทุนสาธารณะ” ที่ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถเชื่อมต่อกิจกรรมได้หลายมิติ เช่น

  • กิจกรรมกีฬา–มินิมาราธอน–ปั่นจักรยานชุมชน: สร้างการรับรู้และดึงนักท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม
  • ตลาดผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น–สุขภาพ: ผักปลอดภัย, ชา–กาแฟ, สมุนไพร, อาหารเหนือเพื่อสุขภาพ เชื่อม “เส้นทางกาแฟ–ชาเชียงราย”
  • กิจกรรมครอบครัว–เทศกาลวัฒนธรรม: เวทีศิลปวัฒนธรรมล้านนา, ดนตรีในสวน, กิจกรรมเรียนรู้สิ่งแวดล้อม
  • คลินิกสุขภาพชุมชนในพื้นที่เปิด: ลานกายภาพ–โยคะ–ไทชิ–ตรวจสุขภาพเบื้องต้น ร่วมกับโรงพยาบาล–รพ.สต.

ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น กระจายตัว ไปยังผู้ค้าชุมชน ผู้ให้บริการท่องเที่ยวรายย่อย และเกษตรกรที่เชื่อมโยงโซ่อุปทานอาหาร–เครื่องดื่มสุขภาพ ขณะเดียวกัน คุณภาพชีวิต ของประชาชนดีขึ้นผ่านการเข้าถึงพื้นที่ออกกำลังกายใกล้บ้าน ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาว และเพิ่มโอกาสการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

เฟส 2 ต้องชัด จาก “สวนสาธารณะ” สู่ “ห้องเครื่องยั่งยืน” ของชุมชน

แม้พิธีส่งมอบในวันนี้ยืนยันความพร้อมใช้งาน แต่ ความยั่งยืน จะเกิดจริงต่อเมื่อมี “พิมพ์เขียวเฟส 2” ที่ระบุชัดว่า

  1. O&M ระยะยาว: แผนงบประมาณบำรุงรักษา–ตัดหญ้า–ดูแลต้นไม้–ซ่อมพื้นผิวทาง–ไฟส่องสว่าง–ระบบระบายน้ำ–จุดนั่งพัก–ห้องน้ำ–ความสะอาด–ความปลอดภัย ต้องระบุวงเงินต่อปี แหล่งงบ และตัวชี้วัดคุณภาพ (service level)
  2. Universal Design เต็มรูปแบบ: ทางลาด–ราวจับ–ห้องน้ำผู้ใช้วีลแชร์–พื้นผิวต่างสัมผัส–ป้ายอักษรเบรลล์–จุดนั่งพักทุก 100–150 เมตร ให้ผู้สูงอายุ/ผู้พิการเข้าถึงได้เท่าเทียม
  3. Environmental Management: แผนจัดการขยะ (คัดแยก–ถังรีไซเคิล–จุดรองรับขยะกิจกรรม), น้ำเสีย (บ่อดักไขมัน–ระบบบำบัดจุดให้บริการอาหารชุมชน), ความหลากหลายทางชีวภาพ (ปลูก–ดูแลพันธุ์ไม้ท้องถิ่น/พื้นที่ชุ่มน้ำ), การป้องกันการชะล้างพังทลายตลิ่ง, ระบบเฝ้าระวังคุณภาพน้ำหนองน้ำพุรายไตรมาส
  4. Safety & Mobility: แผนจราจรในช่วงกิจกรรมใหญ่, จุดรับ–ส่ง, ที่จอดรถ–จักรยาน, ระบบไฟส่องสว่าง, กล้องวงจรปิด, สายด่วนอาสาสมัครสวนสาธารณะ, ซ้อมแผนฉุกเฉินทางการแพทย์เบื้องต้นร่วมกับ รพ.สต./อปพร.
  5. Governance & Participation: คณะกรรมการบริหารพื้นที่ที่มีตัวแทนชุมชน–ผู้สูงอายุ–เยาวชน–ผู้ประกอบการ ร่วมวางแผนตารางกิจกรรม–กำกับดูแลงบประมาณ–ติดตามประสิทธิภาพ โดยเปิดแดชบอร์ดสาธารณะให้ประชาชนตรวจสอบได้
  6. เศรษฐกิจชุมชน–แบรนด์ปลายทาง: ยกระดับ “หนองน้ำพุ” เป็น แบรนด์จุดหมาย (destination brand) ของชายแดนแม่สาย สื่อสารเรื่องเล่าธรรมชาติ–วัฒนธรรม–สุขภาพ ผ่านป้ายความรู้หลายภาษา (ไทย–อังกฤษ–จีน) และกิจกรรมสม่ำเสมอทั้งปี

การพัฒนาจะสมบูรณ์เมื่อคนในชุมชนเป็นเจ้าของร่วม และมีเครื่องมือกำกับดูแลคุณภาพพื้นที่ได้ด้วยตนเอง”ข้อเสนอเชิงนโยบายของผู้สื่อข่าวต่อ อบต. และภาคี

ตัวเลขที่ชวนคิด: ผู้ใช้บริการ 20,000 คน—สัญญาณคำตอบของ “ดีมานด์” จริง

  • 20,000 คนขึ้นไป ที่เข้ามาใช้งานก่อนวันส่งมอบ เป็นดัชนีชี้ว่าพื้นที่ใหม่ ลดต้นทุนการเดินทาง ของคนในชุมชนที่ต้องการออกกำลังกาย–ทำกิจกรรมครอบครัว
  • 82 ไร่ ของพื้นที่สีเขียว เพิ่ม “พื้นผิวเย็น” ลดปรากฏการณ์เกาะความร้อนในเมือง (Urban Heat Island) มีผลดีต่อสุขภาวะผู้สูงอายุ–เด็กเล็ก
  • ทำเลชายแดนแม่สาย เปิดโอกาสเชื่อม ท่องเที่ยวข้ามแดน (cross-border) สู่เมียนมา ในวันที่การเดินทางข้ามแดนคล่องตัวขึ้นในอนาคต
  • กิจกรรมประจำสัปดาห์–เทศกาลประจำปี สามารถสร้าง เม็ดเงินหมุนเวียนแบบกระจายตัว สู่พ่อค้า–แม่ค้า–เกษตรกร–ผู้ให้บริการท้องถิ่น หากมีระบบอนุญาตใช้พื้นที่ที่ชัดเจนและเป็นธรรม

หมายเหตุเชิงข้อมูล ฝ่ายสื่อสารท้องถิ่นบางแหล่งระบุ “หนองน้ำพุ” มีพื้นที่ผืนน้ำราว 6 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 3,750 ไร่) ซึ่ง ใหญ่กว่าขนาดพัฒนา 82 ไร่ มาก ผู้สื่อข่าวจึงเสนอให้หน่วยงานท้องถิ่น สื่อสารความหมายให้ชัดเจน ว่า “82 ไร่” คือ ขอบเขตสวนสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ใช่ขนาดผืนน้ำทั้งหมด เพื่อป้องกันความสับสนของสาธารณะ และให้สอดคล้องกับแผนที่รูปธรรม

เส้นทางสู่ “เมืองสุขภาวะชายแดน” การบ้านที่ต้องทำให้ครบ

  1. วาระสุขภาพตลอดชีวิต: จัด “เมนูพื้นที่” สำหรับแต่ละช่วงวัย—ลานเด็กเล็ก, ลานเยาวชน, ลานผู้สูงอายุ, เส้นทางเดินเท้าปลอดภัย, สถานีออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างเหมาะสม
  2. เครือข่ายโรงเรียน–รพ.สต.: สร้างกิจกรรมพละ–สุขศึกษา–ค่ายเยาวชน, จุดตรวจสุขภาพเบื้องต้น, มุมความรู้โภชนาการ
  3. ระบบสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment): เซ็นเซอร์คุณภาพอากาศ–น้ำ ฝังจุดวัดภาคประชาชน เปิดข้อมูลสาธารณะบนจอในสวนและออนไลน์
  4. การสื่อสาร 3 ภาษา: ไทย–อังกฤษ–จีน รับนักท่องเที่ยวชายแดน, ป้ายสื่อความหมายธรรมชาติ–ประวัติศาสตร์–ความปลอดภัย
  5. ปฏิทินกิจกรรมรายไตรมาส: กีฬา–วัฒนธรรม–อาหาร–วิถีชุมชน ให้ “หนองน้ำพุ” ไม่ใช่เพียงสถานที่ แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่เกิดซ้ำได้

เสียงจากผู้เกี่ยวข้อง ย้ำความพร้อม–ขอความร่วมมือร่วมดูแล

อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง ย้ำว่า โครงการที่สำเร็จลุล่วงเป็นเพียง “จุดเริ่มต้นของการใช้ประโยชน์” ต้องอาศัยการบริหารท้องถิ่น–ชุมชนร่วมมือกันให้พื้นที่มีชีวิตตลอดทั้งปี พร้อมยืนยัน ความพร้อมสนับสนุนเฟส 2 ตามกรอบภารกิจของกระทรวงมหาดไทย

ด้าน ดร.ณัชชา กันทะดง นายก อบต.โป่งผา ระบุว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ “พร้อมรับไม้ต่อ” ทั้งเรื่องการดูแลรักษาและการต่อยอดกิจกรรม โดยจะเร่งทำแผนปฏิบัติการ O&M, จัดตั้งคณะกรรมการบริหารพื้นที่แบบมีส่วนร่วม และออกแบบกิจกรรมสุขภาพ–ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มวัย พร้อม ขอบคุณ ยผ. ที่สนับสนุนงบประมาณและผลักดันโครงการจนเสร็จสิ้น

หนองน้ำพุคือของทุกคน ยิ่งใช้ยิ่งดี ยิ่งดูแลยิ่งยั่งยืน”ถ้อยคำสรุปจากเวทีชุมชนหลังพิธีส่งมอบ

จาก “งบลงทุน” สู่ “สินทรัพย์สาธารณะ” ที่งอกเงยได้

การลงทุน 180 ล้านบาทก่อให้เกิด สินทรัพย์สาธารณะ ที่จับต้องได้—พื้นที่สีเขียวคุณภาพ, โครงสร้างพื้นฐานกิจกรรม, จุดหมายท่องเที่ยวเชิงนิเวศ–สุขภาพ และความภูมิใจร่วมของคนแม่สาย–เชียงราย ความสำเร็จแท้จริงจากนี้จึงวัดที่ ความต่อเนื่อง ของการดูแล–ใช้งาน–ต่อยอด ให้พื้นที่ไม่เสื่อมคุณภาพเมื่อเวลาเดิน และสามารถสร้าง มูลค่าใหม่ ทั้งสุขภาพชุมชน–เศรษฐกิจท้องถิ่น–สิ่งแวดล้อม

“หนองน้ำพุ” ที่โป่งผา จึงไม่ใช่เพียงแลนด์มาร์กถ่ายรูป แต่คือ ห้องเครื่องเมืองสุขภาวะชายแดน ที่จะหมุนเครื่องได้ยาวนาน ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ร่วมคิด–ร่วมทำ–ร่วมรับผิดชอบ ตั้งแต่วันนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) กระทรวงมหาดไทย
  • องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา (อบต.โป่งผา)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ธรรมนัส“ ร่วม “อบจ.เชียงราย” พัฒนาหนองหลวง ปล่อยปลาหมื่นตัว

นายก อบจ.เชียงรายบูรณาการภาครัฐเดินหน้าพัฒนาหนองหลวง พร้อมผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 9 พฤษภาคม 2568 – ความหวังใหม่กำลังจะเกิดขึ้นสำหรับประชาชนในพื้นที่รอบหนองหลวง อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย เมื่อนายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) พร้อมด้วยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน พร้อมนำเสนอแนวทางการพัฒนาพื้นที่หนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของชาวบ้านที่มีต่อการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่แห่งนี้ หลังจากต้องเผชิญกับปัญหาการตื้นเขิน วัชพืชน้ำที่แพร่กระจาย และศักยภาพในการกักเก็บน้ำที่ลดลงมาโดยตลอด

การลงพื้นที่ครั้งสำคัญของผู้บริหารระดับสูง

เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางมายังบริเวณหนองน้ำสาธารณะหนองหลวง อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย พร้อมกับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยตรง

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวต้อนรับคณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติ พร้อมด้วย ดร.ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนที่มาร่วมต้อนรับกว่า 800 คน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่หนองหลวงที่มีต่อชุมชนโดยรอบ

หนองหลวง แหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย

หนองหลวงถือเป็นอ่างเก็บน้ำตามธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล 2 อำเภอ ประกอบด้วย ตำบลเวียงชัย ตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย และตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย มีพื้นที่ประมาณ 9,816 ไร่ ด้วยปริมาณความจุประมาณ 19 ล้านลูกบาศก์เมตร

แหล่งน้ำแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน เป็นทั้งแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร แหล่งอาหารของชุมชน และมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หนองหลวงประสบปัญหาหลายประการ ทั้งการตื้นเขิน การแพร่ระบาดของผักตบชวาและวัชพืชน้ำ รวมถึงปัญหาด้านการบริหารจัดการน้ำที่ขาดประสิทธิภาพ

แผนพัฒนาหนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้นำเสนอแนวทางพัฒนาพื้นที่หนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีแผนการดำเนินงานที่ครอบคลุมหลายมิติ ดังนี้

  1. การขุดลอกและปรับปรุงระบบระบายน้ำ: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำและป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่โดยรอบ
  2. การกำจัดผักตบชวาและวัชพืชน้ำ: เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำ
  3. การส่งเสริมให้หนองหลวงเป็นพื้นที่อนุรักษ์ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ: เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน

แผนการพัฒนาดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของ อบจ.เชียงราย ได้แก่ นโยบายกระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน นโยบายศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS) และนโยบาย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปีมีดีทุกอำเภอ” ตามข้อมูลจากสำนักช่าง อบจ.เชียงราย

การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

นายก อบจ.เชียงราย ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยจะมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน กรมประมง และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาหนองหลวงอย่างเป็นระบบ

“การพัฒนาหนองหลวงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราไม่สามารถทำเพียงลำพังได้ แต่ต้องบูรณาการความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนและเป็นไปอย่างยั่งยืน” นายก อทิตาธร กล่าว

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ยังได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้โครงการพัฒนาหนองหลวงได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในระยะต่อไป โดยเน้นย้ำว่าการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความคาดหวังของประชาชนในพื้นที่

นายสมชาย ใจดี ผู้ใหญ่บ้านตำบลเวียงชัย หนึ่งในผู้เข้าร่วมรับฟังการนำเสนอแผนพัฒนาหนองหลวง กล่าวว่า “ชาวบ้านในพื้นที่มีความหวังอย่างมากกับโครงการพัฒนาหนองหลวงในครั้งนี้ เพราะเราประสบปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนและขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งมานาน การพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำของหนองหลวงจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืน”

นางสาวประภา วงศ์สมบูรณ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลดอนศิลา เสริมว่า “หากหนองหลวงได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างมาก เรามีทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ OTOP และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รอเพียงโอกาสในการนำเสนอสิ่งเหล่านี้แก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น”

การปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ

ในโอกาสเดียวกันนี้ คณะผู้บริหารและประชาชนที่มาร่วมงานได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลานิลและพันธุ์ปลาตะเพียน รวมจำนวน 20,000 ตัว ลงสู่หนองหลวง เป็นการเริ่มต้นฟื้นฟูระบบนิเวศในแหล่งน้ำและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ

ดร.ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า “การปล่อยพันธุ์ปลาลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหนึ่งในแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำที่ได้ผลดี โดยเฉพาะปลานิลและปลาตะเพียนซึ่งเป็นปลากินพืชจะช่วยควบคุมปริมาณสาหร่ายและพืชน้ำไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญของประชาชนในพื้นที่”

ความท้าทายและอนาคตของหนองหลวง

แม้การพัฒนาหนองหลวงจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งปัญหาการบุกรุกพื้นที่ การปล่อยน้ำเสียจากชุมชนและภาคเกษตรกรรม รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน

นายก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้ย้ำว่า “การพัฒนาหนองหลวงไม่ใช่เพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตของลูกหลานเชียงราย เราต้องการให้หนองหลวงเป็นทั้งแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านระบบนิเวศ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่”

การลงพื้นที่หนองหลวงในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงรายและนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแหล่งน้ำในประเทศไทย

ตามข้อมูลจากกรมทรัพยากรน้ำและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่าประเทศไทยมีแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่กว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ แต่มีเพียงร้อยละ 43 เท่านั้นที่ได้รับการพัฒนาและบริหารจัดการอย่างเหมาะสม

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ระบุว่า มีประชาชนกว่า 25 ล้านคนที่ยังประสบปัญหาการเข้าถึงน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเพียงพอ และมีถึง 5.7 ล้านครัวเรือนที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง

สำหรับด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวชุมชนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่นกว่า 12,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ การศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในภาคเหนือของประเทศไทย พบว่า การพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนได้เฉลี่ยร้อยละ 35 ต่อปี และยังช่วยลดอัตราการย้ายถิ่นฐานของประชากรในท้องถิ่นได้ถึงร้อยละ 22

สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างหนองหลวงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมทรัพยากรน้ำ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2567). รายงานสถานการณ์น้ำประจำปี 2567.
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.). (2567). แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (2560-2580) ฉบับปรับปรุง.
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2567). ผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี 2567.
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2567). รายงานสถิติการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวชุมชน.
  • คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (2567). รายงานการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการพัฒนาแหล่งน้ำในภาคเหนือของประเทศไทย.
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

รัฐบาลไทยประกาศปี 2568 เป็น “ปีทองแห่งการท่องเที่ยว” พร้อมปรับรูปแบบเมืองรองเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ทั่วประเทศ

รัฐบาลประกาศปี 2568 “ปีทองแห่งการท่องเที่ยว” ส่งเสริมเมืองรองเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ทั่วไทย

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลไทยได้เปิดตัวโครงการ “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานที่ศูนย์การค้า One Bangkok เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค พร้อมเน้นการส่งเสริม Soft Power ของไทย รวมถึงการส่งเสริมเมืองหลักและเมืองรองที่เป็น “เมืองน่าเที่ยว” ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

การเปิดตัวการท่องเที่ยวในปี 2568

การเปิดตัว “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” ถือเป็นการปรับรูปแบบการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในส่วนของเมืองรอง ซึ่งจะได้รับการส่งเสริมให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากไปเยือนตลอดทั้งปี นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้เกิดการเติบโตต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเน้นการพัฒนาเมืองรองให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในทุกพื้นที่

โครงการที่สำคัญสำหรับปี 2568

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนการท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยว ด้วยการส่งเสริมทั้งเมืองหลักและเมืองรองให้มีการท่องเที่ยวที่ต่อเนื่อง พร้อมสร้างโอกาสใหม่ในการทำธุรกิจและการจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาเมืองรองให้มีศักยภาพและเสน่ห์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ

การเสริมสร้าง Soft Power

การส่งเสริม Soft Power หรือพลังอ่อนของไทยยังคงเป็นจุดแข็งที่รัฐบาลต้องการผลักดันเพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้การท่องเที่ยวของไทยเป็นเรื่องของการสัมผัสวัฒนธรรมไทยผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงอาหารไทยและวิถีชีวิตที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำคัญของความเป็นมิตรของคนไทย ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอบอุ่นและต้อนรับอย่างดีเมื่อมาถึง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเดินหน้าสนับสนุนเต็มที่

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในปีนี้ประเทศไทยจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวจาก “เที่ยวเมืองรอง” เป็น “เมืองน่าเที่ยว” โดยการคัดเลือกเมืองที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในด้านต่างๆ ซึ่งจะสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาชมศิลปะวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์

กิจกรรมในงาน Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025

ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มีความหลากหลายและน่าสนใจ เช่น การแสดงความร่วมมือร่วมใจในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025, การนำเสนอผ้าไทยจากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่แฟชั่นร่วมสมัย, การทดสอบพลังความแข็งแรงของหมัดเชิงมวย, การดวลวงสวิงใน Golf Simulator, การชมจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นพาหนะที่สามารถใช้ในการท่องเที่ยวและกีฬาได้ และการค้นหาร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมาย “มิชลิน” ซึ่งรับรองความอร่อยระดับโลก

การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

การท่องเที่ยวปี 2568 ถือเป็นปีแห่งโอกาสและความหวังที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพในทุกด้าน ทั้งด้านการสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคน รวมไปถึงการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะมาร่วมสัมผัสกับ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 และร่วมสร้างความสำเร็จในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในระดับสากล

บทสรุป

ปี 2568 ถือเป็นปีที่ประเทศไทยจะได้ผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการส่งเสริมเมืองหลักและเมืองรองที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ การส่งเสริม Soft Power ของไทยและการพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในภูมิภาค

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE