Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นบไหว้สาบูชาครู ลื้อลายคำ คนเชียงของที่มีใจรักในศิลปะล้านนา

 

เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗ ที่ พิพิธภัณฑ์ มรดกวัฒนธรรม ผ้าทอไทลื้อ  ลื้อลายคำ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้มีพิธีไหว้ครูลื้อลายคำ ซึ่งทางเพจ Chiang Khong TV รายงานว่าเป็นการนบไหว้สาบูชาครู ลื้อลายคำ ความรู้ ศิลปะ วิชา ทุกแขนงสาขา ล้วนแล้วแต่มีครูบาอาจารย์ผู้ประสาทประสิทธิ์วิชา เมื่อศึกษาจนสำเร็จลุล่วงก็ต่างแยกย้ายไปตามทิศทางที่หมาย จะยากดีมีจน เป็นคนดีคนเลว ก็ล้วนแล้วแต่มีวิชาความรู้ติดตนติดตัว ถือว่าเป็นคนมีครู เป็นผู้ที่ได้รับการศึกษา  และหากผู้ใด รำลึกได้ถึงคุณของครูบาอาจารย์ ผู้นั้นย่อมจักมีความเจริญในชีวิต

 

ซึ่งกลุ่ม ลื้อลายคำ ครั้งหนึ่งเคยสร้างชื่อกระฉ่อนไปทั่วประเทศ โดยการรวมตัวกันของ เยาวชน อ.เชียงของที่มีใจรักในศิลปะล้านนา ศิลปะไทลื้อ ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ถึงแม้ในปัจจุบัน กลุ่มลื้อลายคำ จะไม่ได้รวมตัวกันเช่นแต่ก่อน แต่ทุกคนเมื่อได้ชื่อว่าลื้อลายคำ ก็จะเป็นลื้อลายคำตลอดไป เมื่อใด ที่มีโอกาสได้แสดงวิชา ก็จะมารวมตัวกันไม่ห่างหาย และเมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับมาไหว้ครูอาจารย์ ทุกคนก็พร้อมกลับมารวมตัวกันอย่างสมัครสมานเช่นเคย

 

คุณสุริยา วงค์ชัย ลูกหลานไทลื้อรุ่นปัจจุบัน ที่อยากให้มรดกวัฒนธรรมผ้าทอไทลื้อ สืบทอด สานต่อ ไปยังรุ่นต่อไป โดยใช้บ้านไม้ 2 ชั้น ทรงเก่าๆจัดสร้างที่วัฒนธรรมของไทลื้อถูกเก็บรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ  ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงได้เก็บประวัติเรื่องราว การกล่าวขาน การต่อสู้การ อพยพต่างๆ ของชาวไทลื้อในอดีต เมื่อเดินขึ้นไปชั้นบน มีหุ่นจัดแสดงเครื่องแต่งกายไทลื้อแบบต่างๆ ผ้าทออันมีคุณค่า ที่ต้องใช้เวลาในการเก็บรวมรวม มาให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ เครื่องประดับของมีค่า จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทลื้อ ดูแล้วมีมนต์ขลังเหมือนพาตัวเองเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นจริงๆ

 

จากข้อมูลของสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เล่าว่ากลุ่มชาติพันธ์  “ลื้อ/ยอง/ขึน (เขิน)”

“ลื้อ”   ชาวไทลื้อที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่แคว้นสิบสองปันนา  ทางตอนใต้ของประเทศจีน มีประวัติการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานไปยังรัฐฉาน ประเทศพม่า

“ยอง”  ชาวไทลื้อที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองยอง  อำเภอหนึ่งของเมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า

“ขึน/เขิน”  ชาวไทลื้อ (+ไทใหญ่?) ที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า จีน ไทย และประเทศลาว ตั้งชุมชนหนาแน่นที่บริเวณลุ่มแม่น้ำขึนเมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า

.

ไทลื้อ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาตระกูลไทยอีกกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยอีกกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฉาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และภาคเหนือของลาว ชาวไทลื้อในสิบสองพันนามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไทยวนล้านนาในยุค “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” ชาวไทลื้อจากสิบสองพันนาได้ถูกกวาดต้อนลงมาอยู่ในล้านนาจำนวนมาก  ชาวไทลื้อนับถือศาสนาพุทธและปฏิบัติตามจารีตประเพณีทางพุทธศาสนา

 

การขยายตัวของชาวไทลื้อสมัยเจ้าอินเมืองได้เข้าตีเมืองแถน เชียงตุง เชียงแสน และล้านช้าง กอบกู้บ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น พร้อมทั้งหัวเมืองไทลื้อเป็นสิบสองเขต เรียกว่า สิบสองปันนา และในยุคนี้ได้มีการอพยพชาวไทลื้อบางส่วนเพื่อไปตั้งบ้านเรือนปกครองหัวเมืองประเทศราชเหล่านั้น  จึงทำให้เกิดการกระจายตัวของชาวไทลื้อ ในลุ่มน้ำโขงตอนกลาง (รัฐฉานปัจจุบัน) อันประกอบด้วย เมืองยู้ เมืองยอง เมืองหลวง เมืองเชียงแขง เมืองเชียงลาบ เมืองเลน เมืองพะยาก เมืองไฮ เมืองโก และเมืองเชียงทอง (ล้านช้าง) เมืองแถน (เดียนเบียนฟู)  ซึ่งบางเมืองในแถบนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทลื้ออยู่แล้ว เช่น อาณาจักรเชียงแขง ซึ่งประกอบด้วย เมืองเชียงแขง เมืองยู้ เมืองหลวย เมืองเชียงกก เมืองเชียงลาบ เมืองกลาง เมืองลอง เมืองอาน เมืองพูเลา เมืองเชียงดาว เมืองสิง เป็นต้น

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สุริยา วงค์ชัย พิพิธภัณฑ์ ลื้อลายคำ / Chiang Khong TV / Anirut Ti

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

การค้นพบวัตถุริมแม่น้ำโขง ของลาว อาจเป็นพื้นที่ของล้านนา-ล้านช้าง

 
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมาทางเพจภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้โพสต์ข้อความว่าจากการค้นพบโบราณวัตถุที่ริมแม่น้ำโขง ดอนเผิ่งคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ส.ป.ป.ลาวฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 โดยเป็นพระพุทธรูปสำริดทั้งขนาดใหญ่และเล็กจำนวนมาก รวมทั้งยังพบซากอาคารที่เป็นเสาก่ออิฐจมดินอยู่ด้วย ประชาชนทั้งชาวลาวและชาวไทยให้ความสนใจกันอย่างมากในโลกโซเชียลต่อเนื่องกันมาหลายวัน
 
รองศาสตราจารย์ ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชียร หัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ความเห็นว่ารูปแบบศิลปกรรมที่พบประกอบด้วยพระพุทธรูปและชิ้นส่วนอาคารวิหาร โดยพระพุทธรูปอาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ
 
1.กลุ่มศิลปะล้านนาที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 มีรูปแบบพระพักตร์อวบอ้วน เม็ดพระศกใหญ่ ประทับนั่งบนฐานกลีบบัวปางมารวิชัย
2.คือกลุ่มพระพุทธรูปล้านนาสกุลช่างเชียงราย-เทิง มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 21-22 ดังเช่นพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ ซึ่งมีเทคนิคพิเศษในการหล่อโลหะต่างสีมาประกอบเข้าด้วยกัน และมีพุทธลักษณะบางประการร่วมกับพระพุทธรูปศิลปะลาวล้านช้างเช่นการทำส่วนฐานยกสูงฉลุลาย พระพักตร์เสี้ยม เม็ดพระศกเล็กมีไรพระศก
3.พระพุทธรูปศิลปะล้านช้างขนาดเล็กอายุราวพุทธศตวรรษที่ 22 รูปแบบเป็นพื้นถิ่นเช่นส่วนฐานเป็นบัวงอน รัศมีสูงเป็นแฉก
 
 
เสาอาคารเป็นเสากลมของวิหารประดับด้วยลวดลายปูนปั้นแบบล้านนาคือลายกรอบวงโค้งหยักและดอกโบตั๋นที่เป็นอิทธิพลจากศิลปะจีน กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ข้อมูลในภาพยังมีพระพิมพ์อีกจำนวนหนึ่งซึ่งอาจเป็นศิลปะล้านนา
 
 
พื้นที่ที่พบมีความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนสองฝั่งแม่น้ำโขงในอดีตซึ่งยังมิได้แบ่งเป็นประเทศไทย-ลาว เหมือนปัจจุบัน แต่ขึ้นอยู่กับอำนาจจากสองอาณาจักรคือล้านนาที่เชียงใหม่กับล้านช้างที่หลวงพระบาง-เวียงจัน น่าสนใจที่มีการผสมผสานรูปแบบกันระหว่างสองศิลปะนั้นด้วยเพราะเป็นพื้นที่ชายขอบของล้านนา-ล้านช้าง
 
 
ส่วนตำแหน่งของพื้นที่ว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของเมืองโบราณเชียงแสนหรือไม่นั้น อาจต้องใช้การวิเคราะห์ทางด้านธรณีวิทยาความเปลี่ยนแปลงของลำน้ำโขงจากนักวิทยาศาสตร์มาประกอบด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News