Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พช.เชียงราย​ เตรียม​ความพร้อม​ งาน​ “บวร” Sustainability Expo 2023​

 

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566 นายวิทยา ชุมภูคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายปรีชา ปวงคำ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน และทีมงานนักวิชาการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองเชียงราย ลงพื้นที่เตรียมความพร้อมการดำเนินกิจกรรม Live Action พื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จ ในการจัดนิทรรศการนานาชาติ Sustainability Expo 2023 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 2 – 8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

 
ในการนี้ จังหวัดเชียงราย ได้รับการประสานจากกระทรวงมหาดไทย ในการนำเสนอพื้นที่ตัวอย่างผลสำเร็จในการขับเคลื่อนงาน “บวร” ในวันที่ 7 ต.ค. 66 เวลา 17.30 น. ภายใต้ตีม ” Partnership for the Goals : การร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ในหัวข้อ” โครงการมหัศจรรย์แห่งเกษตรทฤษฎีใหม่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย” โดยได้รับเมตตาจากพระอาจารย์วิบูลย์ ธัมมเตโช ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ นำเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ และให้ข้อมูลสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อจัดทำสื่อวิดีทัศน์ประกอบการนำเสนอในครั้งนี้
 
กระทรวงมหาดไทยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน Sustainability Expo 2023 (SX2023 (บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ให้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมจัดแสดงนิทรรศการนานาชาติSustainability Expo 2023
โดยมีแนวทางการจัดแสดงนิทรรศการฯ ภายใต้ 5 แนวคิด
 
ดังนี้ 1. “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” 2. “ก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” 3. “THINK GLOBAL, ACT Local” 4.”ACTION NOW” การสร้างความเข้มแข็งการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไปปฏิบัติในเชิงพื้นที่โดยการนำเสนอกิจกรรม Live Action, MOI WAR ROOM และ 5. กิจกรรม “มหาดไทยปันสุข”
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน / สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย /สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

ปลัดมหาดไทย ย้ำผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล

 
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 เวลา 15.30 น. ที่ห้อง Ballroom B โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย รองศาสตราจารย์วรวรรณ โรจนไพบูลย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเชฐ โสวิทยสกุล นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด ร่วมประชุมฯ
.
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการพบปะข้าราชการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำให้เราได้รู้ว่า ท่านมีสิ่งที่มุ่งหวังก็คือความรวดเร็วในการที่จะไปขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ซึ่งคำว่านโยบาย คือ ภารกิจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพ่อแม่พี่น้องประชาชนให้อุดมสมบูรณ์พูนสุข ซึ่งคำว่า อุดมสมบูรณ์พูนสุขนี้ มีความหมายเดียวกับคำว่า บำบัดทุกข์ บำรุงสุขอย่างยั่งยืน ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ไม่สำคัญว่าชีวิตราชการของเราจะเหลือมากเหลือน้อย แต่สิ่งที่สำคัญ คือ เราต้องทำทุกวันทุกเวลาทุกนาทีให้มีค่า เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน 
 
ซึ่งผมขอเรียกร้องจากหัวใจของคนมหาดไทยว่าต้องมี passion ที่จะขับเคลื่อนภารกิจให้เกิดความสำเร็จในพื้นที่ที่เรารับผิดชอบ และความสำเร็จในพื้นที่ที่เรารับผิดชอบนั้น จะทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขเพิ่มมากขึ้น และความสุขที่เพิ่มมากขึ้นนี้ จะเป็นสุดยอดของความปรารถนาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มองไว้ คือคำว่าอุดมสมบูรณ์พูนสุข ซึ่งก็คือการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนนั่นเอง
 
“สิ่งเหล่านี้ แน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของผู้นำ นั่นคือผู้ว่าราชการจังหวัดต้องไปทำให้เกิดผลสำเร็จให้จงได้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ไม่สำเร็จ เป็นเพราะผู้นำไม่มีไฟ ทำแต่งาน routine ไม่ได้แตะต้องเนื้องานที่เป็นงานเชิงรุกหรือเชิงคุณภาพ อีกประการสำคัญก็คือ มีผู้นำที่เปรียบเสมือนเป็นนายกรัฐมนตรีของจังหวัด ไม่สามารถทำให้มีภาครเครือข่ายที่ช่วยเราทำงานได้ เพราะฉะนั้นภาคีเครือข่ายจึงมีความสำคัญ เปรียบเสมือนดังคลื่นมหาสมุทรที่ไม่มีวันขาดตอนซึ่งเราต้องเป็นดังผู้นำที่จะต้องผนึกกำลังของภาคีเครือข่ายไว้เสมอ เพื่อที่จะทำให้เกิดสิ่งที่ดีงามต่อพี่น้องประชาชนอย่างชัดเจนควบคู่ไปกับงาน routine เพราะไม่อย่างนั้นความอุดมสมบูรณ์พูนสุขจะมีมิได้เลย 
 
ขออุปมาดังวรรณคดี เรื่อง รามเกียรติ์ ทศกัณฐ์ที่มีถึง 10 พระพักตร์ 20 พระกร แต่ก็ต้องแพ้พระราม ที่มีเพียง 2 พระกร เพราะว่าพระรามมีไพร่พลที่ดี มีภาคีเครือข่ายช่วยรบจนชนะทศกัณฐ์ได้ เช่นเดียวกันการมีภาคีเครือข่ายที่ดีของผู้ว่าราชการจังหวัดก็จะสามารถนำเอาปัญหาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนมารายงานท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบ เพื่อพัฒนาแก้ไขคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงต้น
.
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า สิ่งหนึ่งที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพึงมี คือ องค์ความรู้ แนวทางในวิธีการแก้ไขในสภาพปัญหา แนวทางวิธีการในการที่จะขับเคลื่อนเพื่อจะขจัดปัญหา ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรู้ลึก รู้รอบ รู้กว้าง มากกว่าผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกระทรวง กรม หรือแนวทางการขับเคลื่อนของรัฐวิสาหกิจ ต้องเอาใจใส่และศึกษา ขอยกตัวอย่างของ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คนที่ 57 ซึ่งแม้ท่านไม่เคยทำงานในกระทรวงมหาดไทยมาก่อน ในท้ายที่สุดท่านก็ถือได้ว่าเป็นคนที่เข้าใจและรู้เรื่องงานมหาดไทยมาก ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำท่านไปเป็นเป็นต้นแบบ และประการสุดท้ายที่ทำให้ผลงานของพวกเราสำเร็จก็คือ ทำความรู้จัก เชื้อเชิญ ชักจูงผู้ถนัดและเชี่ยวชาญในพื้นที่ เข้ามาพูดคุยด้วยความเข้าใจ 
 
 
เพื่อที่จะไปทำหน้าที่แทนแม่ทัพใหญ่ที่จะขับเคลื่อนภาคีเครือข่ายได้ แล้วก็เสริมสร้างความรู้ และสามารถโค้ชชิ่ง (Coaching) ให้กับภาคีเครือข่าย เพื่อที่จะผนึกกำลังพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ส่วนสำคัญประการสุดท้ายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดก็คือการติดตามประเมินผล ขอยกตัวอย่าง จังหวัดนครพนมที่เป็นหน้าเป็นตาของพวกเราชาวมหาดไทย มีศาลากลางจังหวัดที่สะอาดเรียบร้อย มีที่ว่าการอำเภอที่สะอาด มีห้องน้ำถูกสุขลักษณะ มีทางลาดสำหรับผู้พิการ และเป็นที่เรียนรู้ของพี่น้องประชาชน เวลาประชาชนมาติดต่อราชการก็ได้ทั้งการอำนวยความสะดวกและความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้น อาทิการสร้างความมั่นคงทางอาหาร “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน ซึ่งทางท่านผู้ว่านครพนมก็ทำให้ประสบผลสำเร็จในทั้ง 12 อำเภอ จะเห็นได้ว่าพี่น้องประชาชนคาดหวังต่อคนมหาดไทยที่เป็นดังหนุมาน เพราะเมื่อมีปัญหาอะไรก็สามารถขจัดแก้ไขให้ได้ ดังนั้นความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา คือ การลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ไปประเมินผล 
 
 
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำพระราชดำริในการฟื้นฟูบูรณะแม่น้ำคูคลองในพื้นที่จังหวัด ตามพระราชปณิธาน “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน และพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า ยกตัวอย่างเช่น คลองแม่ข่า จากสถานที่ที่เป็นที่ระบายน้ำเวลาน้ำหลาก มีน้ำเน่าเสีย กลายเป็นสถานที่ที่พี่น้องประชาชนใช้พักผ่อนหย่อนใจ ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สะท้อนได้จากการวางแผนการเดินทางที่ถูกบรรจุให้เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวของผู้คนที่จะมายังจังหวัดเชียงใหม่
.
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์ที่เป็นสิ่งที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน เพราะงั้นก็ขอให้ทุกคนได้มีความมั่นใจ” ขอให้ความหมายในทัศนคติของผมคือ ต้องทำงานเชิงรุก เตรียมพร้อมเสมอ มิรอให้สั่งแล้วค่อยทำ หรือมีปัญหาอุปสรรคอันใดต้องรีบแก้ไขและรายงาน อีกสิ่งที่สำคัญ คือ การทำงานด้วยความรวดเร็วหรือ speed ซึ่งนัยอย่างนี้ไม่มีอะไรเกินสิ่งที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้ให้พระโอวาทไว้ว่า ลงพื้นที่ให้รองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด
 
 
“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ช่วยกันสร้างฝ่ายเสนาธิการ นั่นก็คือหัวหน้าสำนักงานจังหวัดที่จะเป็นมันสมอง ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ นำสิ่งที่ดีไปถ่ายทอดให้กับพี่น้องประชาชน ตามแนวทางที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเน้นย้ำ เพื่อเป้าหมายสูงสุด คือ พี่น้องประชาชน รวมถึงทำให้หมู่บ้านทุกหมู่บ้านเป็น “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ที่เป็นผู้นำในการทำให้ทุกชุมชนทุกหมู่บ้าน และทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยเกิดความยั่งยืน ที่ได้ร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์กับองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด 
 
 
ที่มุ่งทำให้พื้นที่ได้รับการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ทั้ง 17 ข้อ พร้อมด้วยการขับเคลื่อนจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนในทุกครัวเรือนซึ่ง “เป็นประเทศแรกของโลก” อันเกิดจากทุกท่านช่วยกันทำจนเกิดเป็นมรรคผลร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก จนสามารถขายคาร์บอนเครดิต แปรเปลี่ยนมาเป็นเม็ดเงินแล้ว จำนวน 4 จังหวัด คือ จังหวัดลำพูน สมุทรสงคราม เลย และจังหวัดอำนาจเจริญ โดย บมจ.ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เป็นผู้รับซื้อคาร์บอนเครดิตในราคา 260 บาท/ตัน ซึ่งในเฟสแรก สามารถซื้อขายได้จำนวน 3,140 ตัน เป็นเงิน 816,400 บาท และเม็ดเงินทั้งหมดนี้กลับคืนไปสู่ชุมชน เป็นกองทุนในการพัฒนาชุมชนต่อไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
 
 
นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอให้พวกเราทุกคนได้น้อมนำโครงการในพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ช่วยกันร่วมคิดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมายุครบรอบ 6 รอบ 72 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 รวมทั้งการบำรุงรักษาดูแลแหล่งน้ำของทุกจังหวัดให้สภาพภูมิทัศน์มีความสะอาด สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งร่วมกันขับเคลื่อนงานสร้างความมั่นคงทางอาหาร การจัดการสิ่งแวดล้อม และงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า และกิจกรรม “วันดินโลก : World Soil Day” วันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่องค์กรระดับโลกอย่าง FAO ได้กำหนดขึ้นเพื่อยกย่องพระเกียรติคุณ ด้วยการประชาสัมพันธ์สื่อสาร ทั้งสื่อสังคมออนไลน์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ รวมไปถึงสื่ออื่น ๆ ให้ทั่วทั้งโลกได้เห็นและตระหนักถึงความสำคัญของดิน เพราะดินคือต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต
 
 
“แนวทางการทำงานที่สำคัญ คือ “การพัฒนาคน” โดยเริ่มจากตัวท่านผู้ว่าราชการและทีมงานในจังหวัดให้มีองค์ความรู้ที่รู้ลึก – รู้จริง – รู้กว้าง เพื่อลงไปนำและสร้างเครือข่ายการพัฒนาในพื้นที่ สร้างตัวอย่างความสำเร็จในการดำเนินงานตามนโยบายด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งร่วมกันถอดบทเรียนและสื่อสารความสำเร็จนั้นให้เกิดการขยายผลที่ยั่งยืนต่อไป ขอให้ทุกลมหายใจและทุกหยาดเหงื่อ และโลหิตของคนมหาดไทย ได้อุทิศเพื่อพี่น้องประชาชน เพื่อประเทศชาติ เพื่อพระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพเทิดทูนยิ่งของพวกเรา” ปลัด
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย PR

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ราชกิจจานุเบกษา ขึ้นเงินเดือน กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน-หมอตำบล

 
วันที่ 7 ก.ย.2566 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนตำแหน่ง และเงินอื่น ๆ ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2566 ลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า 
 
โดยที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2566 ได้มีมติให้ปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม ค่าครองชีพและทัดเทียมกับค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่รัฐอื่น ๆ รวมทั้งสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เดียวกันด้วย
 

อาศัยอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กระทรวงมหาดไทย ด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1.ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนตำแหน่งและเงินอื่น ๆ ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2566”

 

ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

ข้อ 3 ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับได้รับเงินตอบแทนตำแหน่งเพิ่มไปรวมกับอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งที่รับอยู่ในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับของแต่ละตำแหน่ง เป็นอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งใหม่ ดังนี้

  1. กำนัน ให้ได้รับเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท
  2. ผู้ใหญ่บ้าน ให้ได้รับเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท
  3. แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ให้ได้รับเพิ่มอีกคนละ 1,000 บาท

ทั้งนี้ อัตราเงินตอบแทนตำแหน่งใหม่แต่ละคนตามวรรคหนึ่งจะต้องไม่เกินอัตราขั้นสูงของแต่ละตำแหน่งตามบัญชีเงินตอบแทนขั้นต่ำขั้นสูงท้ายระเบียบนี้ตามข้อ 4 วรรคหนึ่ง ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนตำแหน่ง และเงินอื่น ๆ ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบนี้และให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ปลัด มท. เผยพบทำผิดกฎหมาย 1 จังหวัด หลังสั่งตรวจสอบพลุไฟทั่วประเทศ

วันนี้ (1 ส.ค. 66) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าที่เกิดขึ้น ที่บริเวณบ้านมูโนะ หมู่ที่ 1 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยมีสาเหตุมาจากการลักลอบนำดอกไม้เพลิงมาเก็บไว้ในที่เกิดเหตุ ผลกระทบจากแรงระเบิดเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้มีหนังสือกำชับแนวทางการควบคุม ตรวจสอบผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งดอกไม้เพลิงไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อเป็นมาตรการในการป้องกัน ควบคุม ตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งดอกไม้เพลิง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตลอดจนให้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน เป็นไปด้วยความถูกต้อง โดยกรมการปกครองได้สั่งการให้อำเภอ 878 อำเภอ ในทุกจังหวัด เร่งตรวจสอบสถานที่ที่อาจเป็นโกดังเก็บดอกไม้เพลิงหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พร้อมรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดและกรมการปกครองทราบโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นมาตรการในการป้องกัน ควบคุม ตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวกับดอกไม้เพลิง ในทุกพื้นที่อย่างเคร่งครัด และอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในชุมชนในช่วงวันหยุดยาวให้พี่น้องประชาชน
.
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันนี้ กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ที่อาจจะเป็นโกดังหรืออาคารลักลอบจัดเก็บพลุ พบแหล่งลักลอบเก็บดอกไม้เพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้เข้าตรวจค้นอาคารไม่มีบ้านเลขที่ อยู่ติดกับหลังบ้านเลขที่ 164/1 หมู่ที่ 11 ตำบลวังด้ง อำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งจากการตรวจค้นพบว่ามีร่องรอยการทำดอกไม้เพลิง (พลุ) และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายประเสริฐ เซี่ยงว่อง อายุ 68 ปี ซึ่งรับเป็นเจ้าของสถานที่และให้การสารภาพว่าตนรับทำดอกไม้เพลิง (พลุ) ที่ใช้ในงานศพ จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาตทำดอกไม้เพลิงจากนายทะเบียนท้องที่ จึงได้ทำการสอบสวนเพิ่มเติมก่อนที่จะพบของกลางหลายรายการ คือ 
1) พลุ ขนาด 3 นิ้ว จำนวน 3 กระบอก 
2) พลุกล้วย ขนาดใหญ่ จำนวน 30 ลูก 
3) พลุกล้วย ขนาดกลาง จำนวน 4 ลูก 
4) พลุกล้วย ขนาดเล็ก จำนวน 10 ลูก 
5) ดินปืนสำหรับทำชนวน จำนวน 1 ถัง 
6) สายชนวนสีดำ จำนวน 2 เข่ง 
7) สายชนวนสีแดง จำนวน 3 ม้วน
 
  สายชนวนแบบตัดแต่งแล้ว จำนวน 1 ถุง ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ทำดอกไม้เพลิง (พลุ) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่” และได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ในทุกพื้นที่ได้ทำการตรวจสอบสถานที่เป้าหมายอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนว่าจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก รวมทั้งเป็นการป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ในช่วงวันหยุดยาวด้วย โดยมีผลการดำเนินงาน อาทิ
 
1. จังหวัดลำปาง ฝ่ายปกครองจังหวัดลำปาง ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายดอกไม้เพลิงในพื้นที่ ประกอบด้วย อำเภอเมืองลำปาง จำนวน 2 แห่ง อำเภองาว 1 แห่ง อำเภอห้างฉัตร 3 แห่ง อำเภอแม่ทะ 1 แห่ง จากการเข้าตรวจสอบ ไม่พบการกระทำผิด ในส่วนการตรวจสอบอีก 9 อำเภอที่เหลือ ไม่พบว่ามีโกดัง อาคาร ลักลอบเก็บพลุ ดอกไม้เพลิง
 
2. จังหวัดหนองคาย ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองหนองคาย ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อำเภอเมืองหนองคาย เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด ดอกไม้เพลิงในพื้นที่อำเภอเมืองหนองคาย โดยมีร้านค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายดอกไม้เพลิง จำนวน 4 ร้าน ประกอบด้วย 1) ร้าน ต.โต้ด การค้า บริเวณร้านค้าตลาดแจ้งสว่าง 2) ร้านแสงรุ่งการเกษตร ต.มีชัย 3) ร้านสุระสถิตย์เซนต์เตอร์ ม.11 ต.พระธาตุบังพวน 4) ร้านจารุวรรณซูเปอร์สโตร์ ม.11 ต.พระธาตุบังพวน จากผลการตรวจสอบ ไม่พบการกระทำผิด
 
3. จังหวัดขอนแก่น ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองขอนแก่น ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อำเภอเมืองขอนแก่น เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด ดอกไม้เพลิงในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น โดยมีร้านค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายดอกไม้เพลิง จำนวน 1 ร้าน คือ ร้านไทยประเสริฐ ตำบลในเมือง จากผลการตรวจสอบ ไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
 
4. จังหวัดราชบุรี ฝ่ายปกครองอำเภอปากท่อ ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอปากท่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากท่อ สภ.ทุ่งหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด ดอกไม้เพลิงในพื้นที่อำเภอปากท่อ โดยมีร้านค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายดอกไม้เพลิง จำนวน 3 ร้าน ประกอบด้วย 1) ร้านนายศุภชัย จำปาโชติ ม.1 ต.ปากท่อ 2) ร้าน น.ส.สุรีย์ แซ่ลิ้ม ม.1 ต.ปากท่อ และ 3) ร้าน น.ส.เพ็ญศรี ศุภกุลศรีศักดิ์ ม.1 ต.ปากท่อ จากผลการตรวจสอบ ไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
 
5. จังหวัดตาก ฝ่ายปกครองอำเภอวังเจ้า ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอวังเจ้า ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบเก็บพลุและดอกไม้ไฟ บริเวณร้านค้า โกดัง ตลาดนาโบสถ์ เพื่อป้องปรามการกระทำความผิดและสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน จากผลการตรวจสอบ ไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
 
6. จังหวัดอุดรธานี ฝ่ายปกครองอำเภอโนนสะอาด ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอโนนสะอาด ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบเก็บพลุและดอกไม้ไฟในพื้นที่อำเภอโนนสะอาด จากผลการตรวจสอบ ไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
 
7. จังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายปกครองอำเภอศรีเทพ ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอศรีเทพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีเทพ และ เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลสว่างวัฒนา ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบเก็บพลุและดอกไม้ไฟในพื้นที่อำเภอศรีเทพ จากผลการตรวจสอบ ไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
 
8. จังหวัดบึงกาฬ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด ดอกไม้เพลิงในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จากผลการตรวจสอบ ไม่มีสถานที่ผลิตในพื้นที่ ส่วนสถานที่เก็บและจำหน่ายนั้น ไม่พบการกระทำผิด ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่เป็นสถานที่จำหน่ายตามช่วงเทศกาลสำคัญ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้จัดเก็บอย่างปลอดภัยและให้ห่างไกลจากแหล่งเชื้อเพลิงที่เป็นอันตราย รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
 
“ขอกำชับไปยังทุกจังหวัด อำเภอให้หมั่นออกตรวจตราเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน พร้อมเน้นย้ำผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานที่จำหน่าย จัดเก็บดอกไม้เพลิง ให้ตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และให้ความระมัดระวัง ไม่ให้ประทัดหรือดอกไม้เพลิง อยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดไฟ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามแนวทางการควบคุม วิธีปฏิบัติการจำหน่ายอย่างเคร่งครัด” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเน้นย้ำ
 
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และตรวจสอบจุดเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดภัยต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการดำเนินการ หรือประกอบการใดที่ผิดกฎหมายในพื้นที่ชุมชน/หมู่บ้านทุกแห่ง รวมถึงการแจ้งประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากผู้ใดพบเบาะแสหรือสถานที่ต้องสงสัยที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเก็บพลุ ดอกไม้เพลิง หรือวัตถุอันตราย ที่อาจก่อให้เกิดระเบิด โดยอยู่ในพื้นที่ของชุมชน หรืออาจไม่มีใบอนุญาตประกอบการดังกล่าว ขอให้แจ้งมายังที่ทำการปกครองจังหวัด ที่ทำการปกครองอำเภอ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ปลัดมหาดไทยนำคณะทำกิจกรรม World Soil Day 2022

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 เวลา 08:00 น. นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอเมืองเชียงราย พร้อมด้วย ปลัดอำเภอ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างในสังกัดที่ทำการปกครองอำเภอเมืองเชียงราย ร่วมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)และกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ที่วัดพุทธอุทยานดอนอินทรีย์ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยอินทรีย์ หมู่ที่ 3 ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเศียร “พระพุทธบารมีรักษาป่า รักษาธรรม รักษาชีวิตสัตว์” ตามโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี “ป่านี้มีผลผู้คนรักกัน” เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ แก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เหตุแห่งปัญหา ส่งเสริมให้ทุก ๆ ภาคส่วนมีส่วนร่วมด้วยช่วยกันด้วยความ “สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย” ในโครงการ “บวร” จังหวัดเชียงราย
 
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองเนื่องในการจัดงานวันดินโลก ปี 2565 (World Soil Day 2022) โดยได้รับเมตตาจาก พระครูขันติพลาธร รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดฝั่งหมิ่น พระครูสิริธรรมนิวิฐ เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงราย เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช เจ้าอาวาสวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ พระวีระยุทธ์ อภิวีโร วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม และคณะสงฆ์ ร่วมอนุโมทนา โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รองศาสตราจารย์วรวรรณ โรจนไพบูลย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเชฐ โสวิทยสกุล นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายจิรชัย มูลทองโร่ย สมาชิกวุฒิสภา นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ นายวราดิศร อ่อนนุช นางภัทราวดี สุทธิธนกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ 18 อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ร่วมในพิธี
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เตรียมพื้นที่จัดกิจกรรม ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ

 

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 นายกัมปนาทจักรวาล วิเวศ ศรีพุทธา หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ลงพื้นที่วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย และพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ระดับตำบล (CLM ดอยอินทรีย์) โดยมีพระอาจารย์​วิบูลย์​ ธัมมเตโช​ ที่ปรึกษา​เจ้าอาวาส​วัด​พุทธ​อุทยาน​ดอย​อินทรีย์​ นายวราดิศร​ อ่อนนุช​ รองผู้ว่าราชการจังหวัด​เชียงราย​ พร้อมด้วย​ นายวิทยา ชุมภูคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงราย นางอำไพ บัวระดก ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน นายปรีชา ปวงคำ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน นางสาวประภาพรรณ วุ่นสุข ผู้อำนวยการกลุ่มงานพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศการพัฒนาชุมชน ทีมงาน Change for Good กระทรวงมหาดไทย และทีมงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่ในการเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และการมอบนโยบายและตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนโครงการตามนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ของนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2566

โดยในช่วงบ่าย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน และคณะ ได้เดินทางไปยังวัดหัวฝาย ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย ตามแนวทางบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินงานโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข อำเภอพาน โดยมีพระครูปิยวรรณพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย​ และประธานเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย นายวุฒิกร​ คำมา​ นายอำเภอ​พาน​ และ​นางสิริกัลยพัชร์​ จอมสว่าง​ พัฒนา​การ​อำเภอ​พาน ให้การต้อนรับ
 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Cddchiangrai

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News