Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

อนุทินสั่งรับมือพายุหม่านหยี่ เร่งฟื้นฟูน้ำท่วมแม่สาย

“มหาดไทยเตรียมพร้อมรับมือพายุหม่านหยี่ เร่งฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมแม่สาย”

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ณ กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์พายุหม่านหยี่ที่กำลังส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยกล่าวว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เตรียมแผนเผชิญเหตุและแผนรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติที่จะมาถึง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น พื้นที่ลาดเชิงเขาที่อาจเกิดดินถล่ม หรือถนนที่อาจถูกน้ำท่วมขังจนทำให้การสัญจรถูกตัดขาดได้ ทางกระทรวงได้กำชับให้มีการตั้งจุดตรวจเตือนให้กับผู้สัญจรไปมา พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในจุดเสี่ยง พร้อมทั้งมีการเตรียมอุปกรณ์และเครื่องจักรเพื่อช่วยเคลียร์พื้นที่และซ่อมแซมถนนที่อาจได้รับความเสียหาย

การฟื้นฟูพื้นที่แม่สาย จังหวัดเชียงราย

นอกจากนี้ นายอนุทินยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา โดยปัจจุบันทางกรมโยธาธิการและผังเมืองได้เสนอแนวทางการวางผังเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการสร้างฝายและเขื่อนถาวรเพื่อป้องกันน้ำท่วมในอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบและดำเนินการ

นายอนุทินระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่เกิดปัญหา โดยเฉพาะในตลาดสายลมจอย ซึ่งเป็นจุดที่เกิดการลุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ทำให้เกิดการอุดตันของทางน้ำ และเป็นสาเหตุให้น้ำไม่สามารถระบายได้ตามปกติ กระทรวงมหาดไทยจึงมีแผนที่จะเร่งเวนคืนพื้นที่ดังกล่าวเพื่อนำไปสร้างระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเตรียมความพร้อมรับมือพายุหม่านหยี่

นายอนุทินเน้นย้ำว่าการเตรียมการรับมือพายุหม่านหยี่จะต้องเป็นไปอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการประสานงานระหว่างหน่วยงานในระดับจังหวัดและท้องถิ่น ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำหลากและดินถล่มที่จะเกิดขึ้น โดยให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมความพร้อมในการระดมกำลังคนและอุปกรณ์สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ กระทรวงยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบความพร้อมของเครื่องจักร อุปกรณ์ และยานพาหนะที่ใช้ในการบรรเทาสาธารณภัย พร้อมทั้งเตรียมการช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่เกิดอุทกภัย เช่น การจัดหาถุงยังชีพ และสิ่งของจำเป็นเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยทันที

แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว

นายอนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า ทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยการพัฒนาระบบระบายน้ำและการวางผังเมืองให้สามารถรองรับน้ำหลากได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงของน้ำท่วมในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุที่ได้วางไว้ เพื่อให้สามารถลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน และเพื่อให้การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายสามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

จากการเตรียมความพร้อมและการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลและช่วยเหลือในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ โดยนายอนุทินได้ย้ำว่า การร่วมมือของทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กระทรวงมหาดไทยปรับทัพ จ.เชียงราย แต่งตั้งข้าราชการใหม่ 4 ตำแหน่งฟื้นฟูเมือง

 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 กระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการระดับสูงเพื่อปรับปรุงการบริหารงานและสนับสนุนการปฏิบัติราชการของกระทรวงมหาดไทยให้มีประสิทธิภาพ โดยมีการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายคนใหม่ และมีการปรับย้ายข้าราชการระดับบริหารจำนวน 6 ตำแหน่ง ตามคำสั่งที่ 3067/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

ในคำสั่งดังกล่าว นายโชตินรินทร์ เกิดสม ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมกันนี้ นายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวงมหาดไทย ถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ เดิมเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้รับการโยกย้ายให้มาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายอีกตำแหน่ง นอกจากนี้ นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ก็ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ถูกโยกย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์แทน โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการปฏิบัติราชการระดับภูมิภาคให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และรองรับการดำเนินงานต่าง ๆ ของกระทรวงมหาดไทยอย่างเต็มที่

ในวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ห้องประชุมราชสีห์ ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้บริหารระดับกรมและผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกล (VCS) ซึ่งในที่ประชุม นายอนุทินได้กล่าวแสดงความยินดีกับ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่เป็นครั้งแรก โดยเน้นย้ำความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายปฏิบัติ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายและภารกิจต่าง ๆ ของกระทรวงมหาดไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การปรับเปลี่ยนตำแหน่งในครั้งนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับทีมบริหารของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในเรื่องของการให้บริการและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งนี้ เขายังได้ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดทุกคนให้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการ “เกียร์ว่าง” เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างทันท่วงที

สำหรับเหตุการณ์ความวุ่นวายในจังหวัดเชียงรายที่ผ่านมา นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์และไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาของประชาชนและเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดต่อไป

สุดท้าย นายอนุทินย้ำว่า การปรับเปลี่ยนตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานรัฐและผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่ได้รับการแต่งตั้งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ คนใหม่ เพื่อมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสในทุกขั้นตอน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ปลัด มท. ชี้น้ำท่วมพะเยาลด เตรียม Big Cleaning เตือนอย่าชะล่าใจ

 

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ก.ย. 67) ที่จังหวัดพะเยา บริเวณมหาวิทยาลัยพะเยา ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่โดยรอบ ซึ่งนายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์ร่วมกับนายอำเภอเมืองพะเยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้โทรศัพท์รายงานทุกระยะ ทั้งนี้ ได้มีการระดมสรรพกำลัง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองท้องถิ่น อส. อปพร. ไปช่วยตั้งแต่ 05.00 น. กระทั่งเมื่อเช้าก่อน 10.00 น. ได้ยกหูโทรศัพท์สอบถามท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ซึ่งยังอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ ทำให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ฝนจำนวนมากตกอยู่บริเวณพื้นที่ป่าจังหวัดลำปางเขตติดต่อจังหวัดพะเยา แต่เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูงกว่า จึงกลายเป็นน้ำป่าไหลลงมาท่วมขัง เพราะจริง ๆ แล้วบริเวณพื้นที่มหาวิทยาลัยพะเยาไม่เคยมีน้ำท่วมเพราะอยู่ที่สูง แต่คราวนี้น้ำมันไหลมาจากที่สูงกว่า แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาจะระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนไป Big Cleaning ทันทีต่อไป

“ในขณะเดียวกันทางจังหวัดเชียงราย จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครพนม และจังหวัดพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นมากจนเข้าใกล้ที่จะไว้วางใจได้ แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ยังมีระดับน้ำสูงอยู่อย่างใกล้ชิด เพราะถ้าบังเกิดฝนฟ้าตกลงมาหนักอีก อาจส่งผลให้เกิดสถานการณ์ซ้ำ อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าปริมาณฝนไม่มาก จะเป็นฝนที่ตกตามฤดูกาลปกติ แต่ก็อาจจะมีฝนที่เกิดจากการก่อตัวของกลุ่มเมฆที่เราไม่คาดคิดได้ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนได้ระแวดระวังป้องกันด้วยการยกเครื่องใช้ไฟฟ้า ยกข้าวของที่จำเป็น รวมถึงเอกสารสำคัญขึ้นที่สูงได้ก็จะเป็นการเตรียมการที่ดี และที่สำคัญ ขอให้เชื่อการแจ้งเหตุของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ อปพร. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ้าแจ้งเตือนอย่างไรขอให้เชื่อกัน และขอย้ำว่า กันไว้ดีกว่าแก้ พอฝนเริ่มตกก็อย่าชะล่าใจว่ารอให้มันหนักกว่านี้แล้วถึงจะยก” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น
 
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ดีในเชิงระบบ เป็นที่น่าดีใจที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับบัญชาจากท่านแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการที่จะเพิ่มการแก้ไขในจุดอ่อนของการป้องกันสถานการณ์ภัย คือ “การเตือนภัยด้วยการทำระบบ Cell Broadcast” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการส่งข้อความไปยังผู้ใช้โทรศัพท์มือถือหลายรายในพื้นที่ที่กำหนดพร้อมกันได้อย่างทั่วถึงเป็นรายบุคคล เพราะตอนนี้เรายังใช้ลักษณะเตือนภัยแบบภาพรวมด้วยการใช้คนออกวิทยุกระจายเสียง ออกหอกระจายข่าว หรือใช้คนวิ่งไปบอก ซึ่งมันไม่ทันการณ์ โดยแต่เดิมตามแผนระบบดังกล่าวจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2568 
 
แต่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่าต้องทำให้เร็วที่สุดก่อนแผน ซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สายงานโทรคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ในการขอความร่วมมือผู้ให้บริการเครือข่าย AIS True และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันดำเนินการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) ทั้งการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า 12-24 ชั่วโมง และการแจ้งเตือนภัยแบบฉุกเฉิน 6 -12 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้รับข้อมูลการแจ้งเตือนภัยและสามารถเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างทันท่วงทีและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
 
“ถึงอย่างไรเสีย ตอนนี้สังคมต้องคุยกันให้ชัดว่าที่ทำอยู่นี้มันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนหรือการแก้ปัญหาที่จะเกิดประโยชน์ในระยะยาว เราต้องเอาจริงเอาจังกับการเพิ่มจำนวนต้นไม้ เพิ่มจำนวนป่าไม้ให้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะพื้นที่ที่ประสบปัญหารุนแรงส่วนใหญ่จะอยู่พื้นที่ที่อยู่ติดกับเชิงเขา เพราะตอนนี้ภูเขาในทุกภูมิภาคของไทยเราต้องยอมรับสภาพว่า “ต้นไม้ยืนต้นมันหายไปเยอะ” ถูกแปลงจากป่าที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นสวนยาง เป็นไร่ข้าวโพดก็เยอะ เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเอาภัยอันตรายที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องกระตุ้น ทำให้คนในสังคมช่วยกันให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูป่าไม้ให้มากขึ้นอย่างจริงจัง และอย่างได้ผลจริง ไม่ใช่ว่าระดมกันไปปลูกแล้วก็ทิ้ง ต้นที่ปลูกไว้ก็จะตาย” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ
 
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนในการแก้ไขปัญหาเชิงภูมิประเทศพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ในขณะลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน ท่านชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้จัดทำเอกสารเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในการที่จะนำข้อมูลแต่ละพื้นที่ ทั้งแม่สายและพื้นที่ต่าง ๆ ไปปรับปรุงในเชิงระบบ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เห็นข่าวที่เป็นผลต่อเนื่องหลังจากท่านนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่แม่สาย ก็คือ ท่านมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 
 
ได้ประสานงานไปที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในการนำข้อเสนอแนะของนายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย นายอำเภอแม่สาย และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายไปสู่การปฏิบัติโดยทันที เพราะว่าน้ำที่แม่สายต้นทางมาจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และแม่น้ำแม่สายเป็นแม่น้ำระหว่างสองประเทศ แสดงให้เห็นว่าบัญชาของท่านนายกรัฐมนตรีจะนำไปสู่การตั้งโต๊ะนั่งคุยกันว่าประเทศไทยจะช่วยเมียนมาได้อย่างไร ร่วมกันได้อย่างไร และจะพัฒนาพื้นที่ฝั่งไทยตรงเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร
 
นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า สำหรับประเด็นการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยในด้านการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ท่านนายกรัฐมนตรีก็เน้นย้ำให้ช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและเพิ่มเติม top up เข้าไป เพราะตามระเบียบราชการช่วยได้น้อย และช่วงสายวันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 3,045.519 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 
 
ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีจ่ายเงินที่ ครม. กำหนด โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะเป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน ซึ่งทางธนาคารจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ประสบภัยที่มีสิทธิโดยตรงผ่านระบบพร้อมเพย์ต่อไป นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ได้นำเสนอเรื่องการบรรเทาความเดือดร้อนค่าไฟและค่าน้ำ 
 
ซึ่งที่ประชุมก็ได้เห็นชอบที่จะช่วยเหลือและเยียวยา และในส่วนข้อเสนออื่น ๆ ท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ให้นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงต่อนายกรัฐมนตรีเลยว่า ปัญหานี้จะแก้อย่างไร มีแนวทางข้อแนะนำจากพื้นที่อย่างไรให้เสนอมา ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะทำให้การแก้ปัญหาตรงจุด เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยการใช้แนวทาง Bottom Up แล้วท่านนายกรัฐมนตรีก็จะช่วยสนับสนุนในลักษณะ Top Down ระดมกำลังของทุกกระทรวงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย Kick Off โครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” 

 

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” ณ วัดป่ายางสบยาบ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วยนางสุวาภรณ์ จิตต์พลีชีพ รองประธานแม่บ้านมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการอำเภอเชียงแสน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น คณะครูและนักเรียน และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธี

      ในการนี้ นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นายปรีชา ปวงคำ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการ โดยมีนางสุรีย์ศรี แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน พัฒนาการอำเภอและเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน จาก 18 อำเภอ ร่วมพิธี 

       สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานแนวพระราชดำริในการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชาชน เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 2019 รวมทั้งใช้เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความรัก ความสามัคคีในหมู่ของประชาชน เกิดผลดีต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม  

     กระทรวงมหาดไทย ได้น้อมนำแนวพระราชดำริดังกล่าว มาขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ร่วมกับประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด และภาคีเครือข่ายการพัฒนา ดำเนินโครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” เพื่อต่อยอดขยายผลการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ปฏิบัติการปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจังหวัดเชียงราย ได้พิจารณาคัดเลือกบ้านสบยาบ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน เป็นพื้นที่ดำเนินงาน 

        สำหรับกิจกรรมในวันนี้ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ได้บูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเชียงแสน เทศบาลตำบลแม่เงิน และประชาชนบ้านสบยาบ ดำเนินกิจกรรมตามโครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” ดังนี้

1. กิจกรรม “ผู้นำต้นแบบตัวอย่างที่เห็นจริง” Kick off กิจกรรม โครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” โดยร่วมกันปลูกไม้ผลและปลูกผักสวนครัว ภายในบริเวณวัดป่ายางสบยาบและบริเวณ 2 ข้างทางของหมู่บ้าน

2. การมอบเมล็ดพันธุ์และกล้าพันธุ์ไม้ให้แก่ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา สถานศึกษาและตัวแทนครัวเรือน เพื่อนำไปขยายพันธุ์ผัก และต่อยอดไปสู่การจัดตั้งเป็นศูนย์แบ่งปันเมล็ดพันธุ์ระดับตำบล 

3.กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และจัดทำวีดิทัศน์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ปลัดมท.สั่งผู้ว่าฯทุกจังหวัดค้นหา ผู้เสพ-ผู้ค้ายาเสพติดในทุกพื้นที่

 

เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 67 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือแจ้งให้ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด (ศอ.ปส.จ.) ทุกจังหวัดบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยดำเนินการให้ครอบคลุม ทั้งด้านการป้องกัน การปราบปราม การบังคับใช้กฎหมาย การบำบัดรักษายาเสพติด และการดำเนินการค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (Re X-ray) ในพื้นที่ตำบล/หมู่บ้านอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยกรณีผู้ค้าและผู้ผลิตให้จับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ให้นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดทันที

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ใช้แนวทางในการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงรุก ควบคู่กับนโยบายการจัดระเบียบสังคมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคีเครือข่าย ภาครัฐ อาทิ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ป.ป.ส. หน่วยงานด้านสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาควิชาการ ภาคศาสนา ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน เข้าร่วมปฏิบัติการ Re X-ray สถานบริการและสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการ พร้อมทั้งรับแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดและการสกัดจับเครือข่ายผู้ค้ารายใหญ่ และรายย่อยที่ลักลอบขนย้ายยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย โดยไม่มีการยกเว้น
 
“เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการบำบัด รักษา และฟื้นฟูสภาพทางสังคมผู้ติดยาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด ดำเนินการมาตรการเร่งรัดการดำเนินการค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (Re X-ray) โดยขอความร่วมมืออำเภอทุกอำเภอดำเนินการค้นการค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยดำเนินการขอความร่วมมือจากบุคคลในครอบครัว หัวหน้าสถานศึกษา ผู้นำศาสนา หรือ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เจ้าของสถานประกอบการ แจ้ง หรือ ให้ข้อมูลบุคคลในครอบครัว บุคคลในปกครองดูแล ลูกจ้างพนักงาน ที่เสพ หรือ ติดยาเสพติด เพื่อนำไปสู่กระบวนการบำบัดรักษา และขอความร่วมมือจากชุมชน ผู้นำชุมชน/หมู่บ้าน หัวหน้าสถานศึกษา ผู้นำศาสนา ผู้ประกอบการหัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และประชาชน ให้ข้อมูลผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เพื่อนำไปสู่กระบวนการบำบัดรักษา โดยใช้สายด่วน 1567” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
 
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า “ขอให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ รับแจ้งประสานการปฏิบัติ และเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ไว้เป็นความลับ โดยมุ่งเน้นให้ได้ตัวผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เข้ากระบวนการบำบัดรักษา และเยียวยาฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย รวมทั้งฝึกฝนทักษะอาชีพ เพื่อให้มีรายได้และสามารถกลับคืนสู่สังคมอย่างปกติสุข และคัดกรองผู้ติดยาเสพติด โดยนำตัวผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เข้าสู่ระบบการคัดกรองและประเมินความรุนแรงของการติดยาเสพติดโดยใช้ศูนย์คัดกรอง สถานพยาบาลยาเสพติด เพื่อส่งตัวเข้าสู่ระบบการบำบัดรักษาและฟื้นฟูยาเสพติดต่อไป
 
“นอกจากนี้ ขอให้ทุกจังหวัดถอดบทเรียนการบูรณาการฐานข้อมูลยาเสพติด ให้เป็นแบบ “Real time” ของจังหวัดสุรินทร์ ให้ทุกจังหวัดได้นำไปใช้เพื่อให้มีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันตลอดเวลา อันจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ผู้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด รวมทั้งให้กรมการปกครองเร่งรัดสร้างความเข้มแข็งของชุมชนให้ชุมชนดูแลกันเอง ด้วยการส่งเสริมให้เกิดระบบคุ้ม ตามแนวพระราชดำริหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พร้อมทั้งให้กรมการพัฒนาชุมชนไปกระตุ้นให้เกิดการรวมกลุ่มนำแนวทางของกองทุนแม่ของแผ่นดิน ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปดำเนินการให้เกิดกองทุนแม่ของแผ่นดินจนครบทุกหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

“เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน) สั่งบุกจับกุม ร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า

 
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการ ของชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงรายหลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ตนจึงได้มอบหมายให้ นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย สั่งการ นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย บูรณาการกำลังกับสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยได้ลงพื้นที่เข้าจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่จำนวน 2 ร้าน พร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารวมกันราว 1,000 ชิ้น ทั้งนี้ ทางชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ได้ทำบันทึกการจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 

การปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องมากจากได้รับร้องเรียนมาจากผู้ปกครอง บุคลาการทางการศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งตนได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวทันที และพบว่ามีร้านที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริงจำนวน 2 ร้าน ซึ่งได้มีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และ 1 ใน 2 ร้าน มีการวางน้ำหอม ตั้งโชว์บริเวณหน้าตู้กระจก แต่จะเก็บบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในลิ้นชักเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ 

 

ทั้งยังพบในร้านมีการแจกคูปองเพื่อไว้ให้ลูกค้าลุ้นรางวัลด้วย โดยทั้ง 2 ร้าน ดังกล่าวประกอบด้วย ร้าน VMC HUB Chiangrai ตั้งอยู่ที่ 34/5 หมู่ 11 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 2 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล และ ร้านบ้านควันหอม ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล พร้อมกับยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากคือ 1.เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัวน้ำยา จำนวน 15 เครื่อง 2.หัวพอตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 522 ชิ้น 3.บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 382 ชิ้น 4.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 25 ชิ้น และ 5.คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 71 ชิ้น ซึ่งมีมูลค่ารวมหลายแสนบาท” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าว

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้เข้าตรวจสอบและยึดของกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษได้ทำการตรวจสอบรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้านเพิ่มเติม และพบว่า แต่ละร้านมีรายได้ต่อวัน ตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือตกเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบว่า เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิให้กับผู้กระทำผิดทั้ง 3 คนทราบแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหาดังนี้ 

1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ 

2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

“บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้สูบเป็นอย่างมาก อาทิ การก่อให้เกิดมะเร็งปอด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัว และชุมชนในระยะยาวอย่างแน่นอน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ตรวจตลิ่งริมแม่น้ำอิง จ.เชียงรายเตรียมสร้างเขื่อนป้องกันบรรเทาความเดือดร้อน

 

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 10:08 น.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วย นางสาวพรพิมล ธรรมสาร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมเกียรติ กิจเจริญ คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเอกภพ เพียรพิเศษ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำอิง หมู่ที่ 4 ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยมี นายอรัญ กิติเรืองแสง ผู้ตรวจราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง นายบัลลังก์ ไวท์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ให้การต้อนรับ พร้อมร่วมพูดคุยกับผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ ณ บริเวณตลิ่งริมแม่น้ำอิงชุมชนห้วยขี้เหล็ก บ้านหลวง หมู่ที่ 4 ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

 

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่า ตลิ่งริมแม่น้ำอิง มีลักษณะเป็นทางโค้ง ทำให้กระแสน้ำกัดเซาะดินริมตลิ่งได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องซึ่งจุดที่เสียหายอยู่ใกล้กับถนนสายบ้านหลวงเชื่อมบ้านหลวงใหม่พัฒนา หากไม่ได้รับการป้องกันจะสร้างผลกระทบต่อเส้นทางสัญจรที่อยู่ติดริมตลิ่งแม่น้ำอิงในเขตเทศบาลตำบลครึ่งได้ จึงได้มีข้อสั่งการให้เทศบาลตำบลครึ่ง และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาเรื่องตลิ่งริมแม่น้ำถูกกัดเซาะ ประสานกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย ในการขอรับสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งกำชับให้กรมโยธาธิการและผังเมือง พิจารณาจัดทำแผนงานขอรับสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างโครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

 

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลครึ่ง มีหนังสือถึงสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย เพื่อขอรับการสนับสนุนโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำอิง หมู่ที่ 4 ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ความยาว 400 เมตร พร้อมทั้งได้ดำเนินการตรวจสอบกรรมสิทธิ์ที่ดินทุกแปลงของพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว พบว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ และไม่มีส่วนราชการอื่นดำเนินการในพื้นที่ กรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีภารกิจสำคัญในด้านการพัฒนาเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ได้ขานรับข้อสั่งการนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการพิจารณาจัดทำแผนงานขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณและดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

 

ทั้งนี้ หากโครงการฯ ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการ จะมีประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวกว่า 50 ครัวเรือน และเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาพื้นที่เกษตรกรรม สภาพแวดล้อม และใช้ประโยชน์พื้นที่สาธารณะได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

มหาสงกรานต์ 21 วัน จัด 20 พาเหรด คาดต่างชาติเข้าไทย 5.1 แสนคน

 

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมแถลงข่าวงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” เตรียมจัดขบวนพาเหรดสงกรานต์ยิ่งใหญ่ พร้อมนำเสนอความวิจิตรตระการตา สะท้อนอัตลักษณ์วัฒนธรรม Soft Power ไทย บริเวณถนนราชดำเนินกลาง และท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 11 – 15 เมษายน นี้

 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการที่ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทยได้รับการประกาศจากองค์การ UNESCO ให้ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมสงกรานต์ในกรุงเทพมหานคร และส่วนภูมิภาค 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น สมุทรปราการ ชลบุรี และภูเก็ต พร้อมจัดทำปฏิทินการจัดกิจกรรมสงกรานต์ ประจำปีพุทธศักราช 2567 ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในช่วงเดือนเมษายน และได้แต่งตั้งนางสาว แอนโทเนีย โพซิ้ว รองนางงามจักรวาลอันดับ 1 เป็น “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ประจำปี 2567 
 
 
เพื่อร่วมถ่ายทอดคุณค่าและแสดงอัตลักษณ์ของประเพณีสงกรานต์ไทย พร้อมกันนี้ ยังได้จัดทำบทเพลงสงกรานต์ 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาฝรั่งเศส เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติรับรู้ถึงคุณค่าสาระของประเพณีสงกรานต์ไทย สนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ Soft Power ให้สร้างมูลค่าและรายได้แก่ประเทศไทย
 
 
 นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดยใช้ชื่อ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยจะจัดตั้งศูนย์อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 บูรณาการการดำเนินงานทุกภาคส่วนกำหนดแนวทางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน เน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ควบคู่กับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนน 
 
 
จัดตั้งจุดตรวจ จุดอำนวยความสะดวก จุดบริการ และให้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย โดยสำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ได้เตรียมควบคุมดูแลพื้นที่ที่คาดว่าจะมีผู้มาร่วมงานสงกรานต์หนาแน่น จัดให้มีศูนย์กล้องวงจรปิด (CCTV) ติดตามเฝ้าสังเกต เพื่อจำกัดไม่ให้ผู้ร่วมงานเกินกว่าพื้นที่ที่รองรับได้ โดยสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ได้เตรียมการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว สนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมรถดับเพลิงและกู้ภัย รถไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์ด้านการดับเพลิงและกู้ภัย ประจำจุดเฝ้าระวังอัคคีภัย อาทิ บริเวณย่านถนนสีลม ถนนข้าวสาร เป็นต้น รวมทั้งจุดบริการประชาชนบริเวณเส้นทางเข้าออกเมือง รวม 41 จุด
 
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นของการปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมในการผลักดันเทศกาลสงกรานต์ไทยสู่เทศกาลระดับโลก ตามนโยบายของรัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยเป็นการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภายใต้คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติที่ ต้องการสร้างความแปลกใหม่ของขบวนพาเหรดที่สะท้อนวัฒนธรรมของไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
 
 
จึงได้กำหนดจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 อย่างยิ่งใหญ่ และวิจิตรตระการตา ในวันที่ 11 – 15 เมษายน 2567 ณ บริเวณถนนราชดำเนินกลางและพื้นที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานครโดยนำเสนอภาพลักษณ์ความสวยงามของประเพณีสงกรานต์ไทยด้วยขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์กว่า 20 ขบวน พร้อมด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักแสดงและผู้ร่วมขบวนแห่กว่าพันคนเคลื่อนจากถนนราชดำเนินกลางสู่ท้องสนามหลวง 
 
 
พร้อมกิจกรรมนำเสนอศิลปวัฒนธรรมประเพณี และ Soft Power หลากหลายสาขาบริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งจะทำให้สงกรานต์เป็นเทศกาลที่จะอยู่ในความทรงจำและสร้างความประทับใจให้กับประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลกที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมเฉลิมฉลองประเพณีที่ยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าของชาวไทย
 
 
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยอีกว่า การจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 จะมีการจัดสงกรานต์ยาว 21 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-21 เมษายน 2567 เริ่มวันที่ 1 เมษายน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ วันที่ 1-15 เมษายน สถานที่จัดงานทั่วเมืองเชียงใหม่ 
 
 
ส่วนวันสุดท้าย 21 เมษายน จัดที่ จังหวัดชลบุรี และ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งเป้าหมายผลักดันสงกรานต์ไทยเป็นงานเฟสติวัลติด 1 ใน 10 งานเฟสติวัลโลก งาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” จัดขึ้น ณ บริเวณถนนราชดำเนินกลางและพื้นที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร 
 
 
โดย ขบวนพาเหรดที่สะท้อนวัฒนธรรมของไทย ภายในงานจะมีการนำเสนอภาพลักษณ์ความสวยงามของประเพณีสงกรานต์ไทยด้วยขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์กว่า 20 ขบวน พร้อมด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักแสดงและผู้ร่วมขบวนแห่กว่าพันคน เคลื่อนจากถนนราชดำเนินกลางสู่ท้องสนามหลวง 
 
 
ทั้งได้ร่วมกับพันธมิตรสื่อมวลชนระดับโลก CNN และ BBC ในการนำเสนอคอนเท้นต์เทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทยผ่านสื่อประชาสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงเตรียมเผยแพร่โฆษณาผ่าน IQYI ช่องทางสตรีมมิ่งยอดนิยมในตลาดจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และกลุ่มประเทศอาเซียน และเชิญ Celebrity และ Influencer ชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงเดินทางสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทย
 
 
 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ในครั้งนี้ จะเป็นการประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีอันทรงคุณค่าของประเทศไทย โดยนอกจากการจัดงานภายในประเทศอย่างยิ่งใหญ่แล้ว ททท. เตรียมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ความสวยงามของวัฒนธรรมประเพณีไทยไปสู่สายตาชาวต่างชาติทั่วโลก 
 
 
โดยได้ร่วมกับพันธมิตรสื่อมวลชนระดับโลก CNN และ BBC ในการนำเสนอคอนเท้นต์เทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทยผ่านสื่อประชาสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงเตรียมเผยแพร่โฆษณาผ่าน IQYI ช่องทางสตรีมมิ่งยอดนิยมในตลาดจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และกลุ่มประเทศอาเซียน และเชิญ Celebrity และ Influencer ชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงเดินทางสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมาย พร้อมส่งต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยให้เป็น Amazing Thailand : Your Stories Never End
 
 งาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 จัดระหว่างวันที่ 11 – 15 เมษายน 2567 บริเวณถนนราชดำเนินกลางและท้องสนามหลวง โดยมีไฮไลท์ในการจัดงาน ได้แก่ กิจกรรมขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์ในวันที่ 11 เมษายน 2567  ซึ่งจะเริ่มต้นเคลื่อนขบวนจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศผ่านบริเวณถนนราชดำเนินกลางและสิ้นสุดที่ท้องสนามหลวง โดยมีขบวนรถพาเหรดกว่า 20 ขบวน ได้แก่ ขบวนรถพระพุทธรูป  ขบวนรถเทพีสงกรานต์ ประจำปี 2567 “มโหธรเทวี” เสด็จไสยาสน์ลืมเนตรเหนือหลังนกยูง ขบวนรถพาเหรด 16 จังหวัด ประกอบด้วย 5 จังหวัดที่มีอัตลักษณ์การจัดเทศกาลสงกรานต์ที่โดดเด่นซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดที่ประเทศไทยนำเสนอเพื่อขอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี สมุทรปราการ นครศรีธรรมราช กลุ่ม 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงราย หนองคาย พิษณุโลก สงขลา บุรีรัมย์ และกลุ่มจังหวัดอื่นๆ ที่มีศักยภาพและมีการจัดงานประเพณีสงกรานต์ที่มีเอกลักษณ์ 6 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครพนม ลำปาง เลย สุโขทัย และภูเก็ต 
 
 
โดยจัดตกแต่งขบวนรถพาเหรดที่แสดงถึงประเพณีวัฒนธรรม บ่งบอกถึงสัญลักษณ์หรือของดีประจำจังหวัด พร้อมด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมโดยนักแสดงและผู้ร่วมขบวนแห่กว่าพันคน รวมถึงขบวนรถพาเหรด Soft Power 4 สาขา ได้แก่ แฟชั่น เกม ภาพยนตร์และซีรีส์ และเฟสติวัล ที่จะมานำเสนอเอกลักษณ์ Soft Power ของประเทศไทยในแต่ละสาขาอย่างน่าสนใจ อาทิ ธีม SiamBL (สยามบีแอล) ในชุดไทยประยุกต์ร่วมสมัย ซึ่งจะมีนักแสดงจากค่ายผู้ผลิตซีรีส์วายชั้นนำร่วมในขบวนรถพาเหรด การแสดงทางวัฒนธรรม 4 ภาค ที่สะท้อนเทศกาลและงานประเพณีต่าง ๆ ของไทย เป็นต้น ทั้งนี้ ขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์จะจอดแสดงโชว์ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ 11-15 เมษายน 2567

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมในบริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวง มุ่งนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทย อัตลักษณ์ประเพณีสงกรานต์ และ Soft Power ไทย ด้วยนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ 

 

ประกอบด้วย เวทีจัดแสดงศิลปวัฒนธรรม เช่น การแสดงโขน รำมโนราห์ การแสดงร่วมสมัยผสมผสาน และการแสดงดนตรีออเครสต้าร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก โซนสงกรานต์อัตลักษณ์ 5 ภาคที่มีความสวยงามของวัฒนธรรมประเพณีแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ได้แก่ เวณีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ประเพณีสงกรานต์กรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ จ.เลย ประเพณีก่อพระทรายวันไหล จ.ชลบุรี และประเพณีแห่นางดาน จ.นครศรีธรรมราช โซน Soft Power นำเสนอเอกลักษณ์ในแต่ละสาขาได้แก่ กีฬา อาหาร ท่องเที่ยว หนังสือ และการออกแบบ อาทิ สาขากีฬานำเสนอภายใต้แนวคิด Muaythai Maha Songkran ซึ่งจะมีการแสดงไหว้ครูมวยไทย การแสดงนาฏยุทธ์มวยไทย การแข่งขันมวยไทย 

 

โดยมีนักกีฬามวยไทยที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมงาน รวมถึงการสาธิตมวยโบราณ สาขาอาหาร ด้วยแนวคิด “อาหารหน้าร้อนเย็นชื่นใจ มหาสงกรานต์” สาธิตอาหารไทยโบราณ อาหารไทยชาววัง และจำหน่ายอาหารไทยหน้าร้อนรูปแบบ Food Truck สาขาท่องเที่ยว เชิญสัมผัสประสบการณ์ 365 วัน มหัศจรรย์เที่ยวเมืองไทย เสนอขายแพคเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมถึงลานเล่นน้ำ การแสดงน้ำพุประกอบดนตรี อุโมงค์น้ำ ถังน้ำล้นยักษ์ สถานีน้ำ สำหรับให้นักท่องเที่ยวร่วมเล่นน้ำ และ โซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และสุดยอดของดี OTOP จากทั่วประเทศ โดยในวันที่ 13 เมษายน 2567 เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ไทยจะจัดให้มีกิจกรรมพิเศษทำบุญตักบาตร กิจกรรมสรงน้ำพระเพื่อขอพรเสริมสิริมงคล รดน้ำผู้สูงอายุ เพื่อร่วมอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงามอีกด้วย

 

ททท. ยังส่งเสริมให้ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและได้คำนึงถึงการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้ร่วมมือกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC จัดกิจกรรม GCYOU เทิร์น บริหารจัดการขยะจากพลาสติก ขวดน้ำดื่ม โดยจัดจุดรับขวด YOU เทิร์น Droppoint 20 จุดบริเวณงาน จัดกิจกรรมส่งเสริมรณรงค์การทิ้งขยะ นำขวดน้ำดื่มมาแลกของรางวัล และกิจกรรม Upcycling โดยการนำฝาขวดน้ำดื่ม มา DIY เป็นพวงกุญแจ สร้อย ที่เปิดขวด รวมถึงออกบูธจำหน่ายสินค้าจากการ Upcycling อาทิ เสื้อลายดอกที่ทำจากพลาสติก Recycle

 

ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 12 – 16 เมษายน 2567บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะมีการเดินทางอย่างคึกคักมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งผลให้เกิดรายได้รวมประมาณ 24,420 ล้านบาท สำหรับตลาดในประเทศ คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 4,299,500 คน-ครั้ง และใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียน 15,660 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย 510,000 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 8,760 ล้านบาท เติบโตประมาณร้อยละ 49 จากปี 2566 โดยสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร คาดว่าในช่วงการจัดกิจกรรมจะสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 3,690 ล้านบาท และมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 653,590 คน – ครั้ง

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มประสิทธิภาพ บูรณาการ (ผู้ว่า CEO) จ.เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 67 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย ผู้แทนนายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ นายบัณฑูรย์ เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริหารภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. พร้อมคณะจากส่วนกลาง ที่บริเวณพื้นที่ศึกษาข้อมูลเชิงลึก โคก หนอง นา โมเดล ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติดอยอินทรีย์ วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 

 

ในโอกาสลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพื่อขับเคลื่อนแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานเชิงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (ผู้ว่า CEO) โดยเลือกจังหวัดเชียงรายเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ โดยมีอีก 4 จังหวัดคือ จังหวัดขอนแก่น บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และจังหวัดเพชรบุรี รวม 5 จังหวัดเป้าหมาย โดยมี พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ให้เกียรติบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของทางศูนย์กสิกรรมธรรมชาติดอยอินทรีย์ ที่มีการปรับพื้นที่ให้เป็นเศรษบกิจพอเพียง ป่า 3 อย่าง ปรโยชน์ 4 อย่าง สนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และขับเคลื่อนการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน การขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนต้นแบบพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ดอยอินทรีย์ เป็นพื้นที่ป่าไม้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งแต่เดิมประชาชนในพื้นที่ได้รุกล้ำพื้นที่ป่าไม้โดยการแผ้วถางเผาป่า ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำเข้าไปทำเกษตรเชิงเดียว ได้แก่ การปลูกข้าวโพด การปลูกสับปะรด การปลูกถั่วเหลือง อีกทั้งยังมีการใช้สารเคมีแหล่งพื้นที่สร้างอาหารถูกทำลาย สัตว์ป่าเสียชีวิต

 

 

พระอาจารย์วิบูลย์ ธัมเมเตโช ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดพุทธดอยอินทรีย์ จึงได้หาวิธีการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานราชการ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ประชาชนจิตศรัทธา เพื่อรักษาแหล่งต้นน้ำทำนุบำรุงรักษาผืนป่า จึงขอรับการสนับสนุนจากสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินองค์การมหาชน ในการจัดสรรที่ดินให้ครอบครัวที่ไม่มีที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยครอบครัวละ 1 ไร่ แล้วเปลี่ยนแนวคิดของคนในชุมชน ให้เกิดการรักษาทรัพยากรที่ก่อเกิดแหล่งอาหารก่อเกิดสิ่งมีชีวิตโดยน้อมนำแนวทางศาสตร์พระราชา เกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สู่แนวคิด“เขียนตำราลงดิน”มาเป็นแนวทางปฏิบัติให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงราย ขานรับนโยบายเข้มงวด เรื่องปัญหายาเสพติด อาวุธ

 

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 ที่ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชจังหวัด บุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในจังหวัดที่อยู่ภายใต้การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (Video Conference) เพื่อรับฟังประเด็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน และข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาของจังหวัด / กลุ่มจังหวัด เขตตรวจราชการที่ 5 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เขตตรวจราชการที่ 13 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1 และเขตตรวจราชการที่ 16 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง ทั้งจังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และจังหวัดน่าน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ เป็นผู้นำเสนอข้อมูล ประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะในภาพรวม จากห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและรับมอบนโยบายฯ

 

โดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รายงานต่อที่ประชุมว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดแพร่ จังหวัดพะเยา และจังหวัดน่าน มีศักยภาพที่โดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยว มีที่ตั้งติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งเชื่อมต่อไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน จังหวัดเชียงรายเป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ และมีสถานีรถไฟสายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ที่จะสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2571 โดยในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มจังหวัดฯ มีประเด็นปัญหาร่วมกันภายในกลุ่มจังหวัด ที่สำคัญ ดังนี้ 
 
1. ปัญหาการเกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เผชิญสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายนของทุกปี สาเหตุหลักเกิดจากการเผาในที่โล่ง การเผาเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตร และการเผาในพื้นที่ป่า ประกอบกับการเกิดหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน นำมาซึ่งวิกฤติการณ์ด้านคุณภาพอากาศส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว สุขภาพของประชาชน 
 
2. ปัญหาการจัดระเบียบสังคม ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยกลุ่มผู้เสพเป็นรายเดิมที่กลับมาเสพซ้ำเป็นส่วนใหญ่ มีผู้ค้ารายย่อย ผู้เสพ ที่อาศัยอยู่ในชุมชนลักลอบจำหน่าย หรือเสพยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งมีความประสงค์ค้ายาเสพติดกับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ตำบลที่อาศัยอยู่ รวมถึงพื้นที่ข้างเคียง และปัญหาด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดน เช่น การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เป็นต้น รวมไปถึงผู้ไม่มีสัญชาติไทยในพื้นที่จังหวัดภายในกลุ่มจังหวัด 
 
3. ปัญหาหนี้นอกระบบ ของจังหวัดภายในกลุ่มจังหวัด ข้อมูล ณ วันที่ 9 มกราคม 2567 มีผู้มาลงทะเบียนสะสมรวมจำนวน 3,415 ราย ยอดหนี้รวมทั้งสิ้น 215,978,440.29 บาท และ 4. ปัญหาการขาดแคลนน้ำ จังหวัดภายในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีการกักเก็บน้ำได้ปริมาณน้อย เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งปริมาณน้ำในแม่น้ำ อ่างเก็บน้ำ สระน้ำ ฝายกักเก็บน้ำ และลำน้ำสายต่างๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตรและการอุปโภค บริโภค
 
 
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้มงวดกับปัญหาสังคม โดยเฉพาะโครงการ แก้หนี้นอกระบบ การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน รวมถึงปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่น PM2.5 เรื่องน้ำสะอาด (น้ำประปาดื่มได้) พลังงานสะอาด (เพิ่มพลังงานสีเขียว) และการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน และยังได้กล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาล คือการบำบัดทุกข์บำรุงสุข การรักษาความสงบเรียบร้อย รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน จึงได้มอบหมายให้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการลงพื้นที่ เพื่อสำรวจปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ หากเกิดเหตุใดๆ ให้รีบหาทางแก้ไขทันที และเน้นย้ำต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนเท่านั้น รวมไปถึงปัญหายาเสพติด และปัญหาเยาวชนอายุไม่ถึง 20 ปี มั่วสุมตามสถานบันเทิง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละจังหวัด เข้าตรวจคุมเข้ม หากมีสถานบันเทิงแห่งใด ไม่มีใบขออนุญาตให้เปิดบริการตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการอย่างท่วงทันที “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที”
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News