Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กรมปศุสัตว์เร่งฟื้นฟูสุขภาพกระบือเวียงหนองหล่ม

กรมปศุสัตว์เร่งฟื้นฟูสุขภาพกระบือเวียงหนองหล่ม สร้างความมั่นคงให้เกษตรกร

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจของกรมปศุสัตว์ได้ลงพื้นที่ปางควายเวียงหนองหล่ม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินการฟื้นฟูสุขภาพกระบือ ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของเกษตรกรในพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและส่งเสริมการอนุรักษ์พันธุ์กระบือไทย

นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพสัตว์และส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์อย่างยั่งยืน โดยทีมปฏิบัติการได้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ สำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ทีม DART ของศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ต่างๆ สำนักงานปศุสัตว์เขต 5 และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

การปฏิบัติงานฟื้นฟูสุขภาพกระบือ

ทีมปฏิบัติการได้ดำเนินการตรวจสุขภาพกระบืออย่างละเอียด ให้วัคซีนป้องกันโรค ทำหมัน และให้ยาตามอาการ รวมถึงการทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ เพื่อติดตามและบันทึกข้อมูลสุขภาพของกระบือแต่ละตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ปางป่าสักหลวง ปางห้วยน้ำราก และปางต้นยาง สามารถให้บริการฟื้นฟูสุขภาพกระบือได้ทั้งหมด 330 ตัว และทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ได้ 316 ตัว

การดำเนินงาน

การดำเนินงานฟื้นฟูสุขภาพกระบือของกรมปศุสัตว์ครั้งนี้ มีผลดีต่อเกษตรกรและชุมชนในหลายด้าน ดังนี้

  • ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร: การมีกระบือที่แข็งแรงสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
  • อนุรักษ์พันธุ์กระบือไทย: การดูแลสุขภาพกระบืออย่างต่อเนื่องจะช่วยรักษาพันธุ์กระบือไทยให้คงอยู่
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร: การมีกระบือที่แข็งแรงและสวยงาม จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมและสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน
  • สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค: ผลิตภัณฑ์จากกระบือที่ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดี จะได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคมากขึ้น

คำขวัญ “ครอบครัวปศุสัตว์ ทำด้วยใจ ทำให้ไว ทำได้จริง” สรุปได้ถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ทุกคนในการทำงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและดูแลสุขภาพสัตว์

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. ทำไมต้องฟื้นฟูสุขภาพกระบือ? เพราะกระบือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของเกษตรกร ช่วยในการไถนาพรวนดิน และเป็นแหล่งอาหารโปรตีน การดูแลสุขภาพกระบือจึงเป็นการรักษาอาชีพของเกษตรกรและส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน
  2. หน่วยงานใดบ้างที่ร่วมในการปฏิบัติการครั้งนี้? หน่วยงานที่ร่วมในการปฏิบัติการ ได้แก่ สำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ทีม DART ของศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ต่างๆ สำนักงานปศุสัตว์เขต 5 และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย
  3. การทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์มีประโยชน์อย่างไร? การทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ช่วยให้สามารถติดตามและบันทึกข้อมูลสุขภาพของกระบือแต่ละตัวได้อย่างต่อเนื่อง
  4. การฟื้นฟูสุขภาพกระบือจะส่งผลดีต่อชุมชนอย่างไร? การฟื้นฟูสุขภาพกระบือจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
  5. ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์กระบือไทยได้อย่างไร? ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้โดยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากกระบือไทย เลือกซื้อเนื้อวัวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และร่วมกันรณรงค์ให้คนในชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พันธุ์กระบือไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ไชยา รมช. เกษตร มอบสัญญายืมโคให้เกษตรกร จ.เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 67  ที่ทำการคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอแม่จัน เลขที่ 81 หมู่ 7 บ้านดง ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ ภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ โดยมีว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ  จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ และนายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์นำหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเกษตรกรชาวเชียงรายเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

.
          ทั้งนี้กรมปศุสัตว์ได้ส่งมอบโคจากการไถ่ชีวิตโค-กระบือ ของผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อไถ่ชีวิตโค-กระบือเข้าร่วมโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ให้กับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย นำมาช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์ และสร้างความรัก ความสามัคคีในชุมชน ให้กับวิสาหกิจ ชุมชน กลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐ ให้เกษตรกรที่มีความ สนใจด้านอาชีพการเลี้ยงสัตว์ และสมัครเข้าร่วมโครงการ ภายใต้เงื่อนไขโครงการธนาคาร โค-กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ซึ่งเกษตรกรจะต้องคืนลูกตัวแรกเมื่ออายุครบ 18 เดือน ให้กับโครงการ และเมื่อครบสัญญา 5 ปี โครงการฯจะมอบกรรมสิทธิ์แม่โค พร้อมลูกตัวที่ 2 , 3 , 4 ให้กับเกษตรกรต่อไป 

.
          สำหรับในวันนี้ จังหวัดเชียงราย ได้รับสนับสนุนโค จากโครงการธนาคาร โค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริจำนวน 55 ตัว รวมเกษตรกรที่ได้รับสัตว์ทั้งสิ้น จำนวน 55 ราย ซึ่งเป็นเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้อง ตามระเบียบของโครงการฯ สมควรได้รับการช่วยเหลือจากโครงการฯ ต่อไป

 

          โครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ เป็นโครงการหนึ่งของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยกรม ปศุสัตว์เป็นผู้ดำเนินการ และเป็นศูนย์รวมในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน ที่มีอาชีพ ในการทำนา ทำไร่ได้อย่างแท้จริง วัตถุประสงค์ที่สำคัญของธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตาพระราชดำริเพื่อช่วยให้เกษตรกรที่ยากจนทั่วประเทศได้มีโค-กระบือไว้ใช้แรงงาน และเพิ่มผลผลิต ทางการเกษตร เป็นการช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 

.
           ภายในงานมีหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำการบริการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรหลายหน่วยงานมาให้บริการ เช่น คลินิกดิน พืช ปศุสัตว์ ประมง ชลประทาน สหกรณ์ บัญชี พืชสวน ยางพารา สาธารณสุข มาให้บริการให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย

 

หลังจากนั้น นาย ไชยา เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตรในพื้นที่เดียวกัน พร้อมเปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ มีหน้าที่ดูแลเกษตรกรในทุกมิติ ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง ชลประทาน การทำบัญชี การทำงานของสหกรณ์ การผลิตสินค้า รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถทำเกษตรกรรมให้เกิดรายได้ และมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรร่วมชมคูหานิทรรศการของกระทรวงเกษตรฯ อาทิ นิทรรศการจากกรมหม่อนไหม ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในพื้นที่ 3 ไร่ หากเก็บเกี่ยว 1 ครั้ง สามารถขายได้ราคา 9,000 บาท

 

ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวได้ 12 ครั้ง ต่อปี และมีนิทรรศการจากหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรฯ ที่จะมาช่วยผลักดันเกษตรกรให้สามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในระยะเวลา 4 ปี ตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อีกด้วย

 

สำหรับช่วงบ่าย นาย ไชยาเดินทางไปเป็นประธานพิธีมอบโค-กระบือ ให้เกษตรกรยืมเลี้ยงเพื่อการผลิต ภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ณ ศาลาแดงหนองซง บ้านหนองแรดใต้ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยมอบสัญญายืมโค จำนวน 30 ตัว ให้กับเกษตรกร จำนวน 30 ราย คิดเป็นมูลค่า 840,000 บาท

 

นายไชยา กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติจากพี่น้องเกษตรกรมามอบหนังสือสัญญายืมโคเพื่อการผลิต ภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปศุสัตว์เป็นอาชีพหลัก ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์จะคอยสนับสนุนข้อมูลการเลี้ยงดูต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ปศุสัตว์ต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

เตือน “โรคแอนแทรกซ์” พบ 3 ผู้ป่วย ในลาว เหตุกินเนื้อวัว-ควายดิบ

 

เมื่อวันที่ 9 มี.ค.67 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   กล่าวว่า ในขณะนี้กรมปศุสัตว์ได้แจ้งเตือนการพบโรคแอนแทรกซ์ ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนในประเทศลาว โดยมีสาเหตุจากการบริโภคเนื้อโค-กระบือดิบ   โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 มีรายงานข่าวต่างประเทศว่าพบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ 3 ราย ที่เมืองสุขุมา แขวงจำปาสัก ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยโรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacillus anthracis) สัตว์ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในดินหรือหญ้าเข้าสู่ร่างกาย หรือจากการกินน้ำและอาหารที่มีเชื้อปะปนเข้าไป เมื่อเชื้อเข้าตัวสัตว์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น พร้อมสร้างสารพิษทำให้สัตว์ป่วยและตายในที่สุด

 

ทั้งนี้ ระหว่างสัตว์ป่วย เชื้อถูกขับออกมากับอุจจาระ ปัสสาวะหรือน้ำนม เมื่อเปิดผ่าซาก เชื้อสัมผัสกับอากาศ จะสร้างสปอร์ทำให้คงทนในสภาพแวดล้อมได้นาน โค กระบือ แพะ และแกะที่ป่วยจะมีอาการแบบเฉียบพลัน คือจะตายอย่างรวดเร็ว มีเลือดสีดำคล้ำไหลออกตามทวารต่างๆ ซากไม่แข็งตัว สำหรับคนที่ผ่าซากหรือบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้แบบสุกๆ ดิบๆ จะพบแผลหลุมตามนิ้วมือ แขน หรือช่องปาก และมีอาการเจ็บปวดในช่องท้อง โรคนี้ทำให้คนตายได้หากตรวจพบโรคช้า

 

น.ส.เกณิกากล่าวต่อว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมปศุสัตว์ ได้ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค โดยสั่งการให้ด่านกักกันสัตว์ตามแนวชายแดนไทย-ลาวเข้มงวดตรวจสอบการลักลอบนำเข้าโค กระบือ แพะ และแกะที่มีชีวิต รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้วย เตรียมความพร้อมด้านวัคซีนป้องกันโรค และขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ แพะ และแกะ ให้ดูแลสัตว์ของตนเองให้มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และหมั่นสังเกตอาการสัตว์เลี้ยงของตนเองอยู่เสมอ ขอย้ำให้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ผ่านการปรุงสุกและเป็นเนื้อสัตว์ที่ทราบแหล่งที่มาเท่านั้น

 

               “หากเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไป พบโค กระบือ แพะ แกะ แสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุแบบเฉียบพลัน ห้ามเปิดผ่าซาก ห้ามเคลื่อนย้ายซากหรือชำแหละเพื่อการบริโภค ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ หรือ ผ่านทาง Application DLD 4.0 หรือโทรศัพท์สายด่วน 06-3225-6888 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที”  รองโฆษกรัฐบาลกล่าว

 

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่า โรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น เช่น เสือ สุนัข แมว สุกร โรคมักจะเกิดในท้องที่ซึ่งมีประวัติว่าเคยมีโรคนี้ระบาดมาก่อน แต่ปัจจุบันเนื่องจากการคมนาคมสะดวกและรวดเร็ว พ่อค้าสัตว์มักจะนำสัตว์ป่วย หรือสัตว์ที่อยู่ในระยะฟักตัวของโรคไปขายในท้องถิ่นอื่น ทำให้เกิดการกระจายของโรคไปไกลๆ ได้ เชื้อนี้ก่อให้เกิดโรคในคน 3 แบบ คือที่ผิวหนัง ที่ปอดจากการสูดดม ที่ทางเดินอาหาร และ oro-pharynx จากการกินเชื้อนี้เข้าไป.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมปศุสัตว์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

รมช.ไชยา ลงตรวจห้องเย็นสมุทรสาคร พบเนื้อเถื่อนนำเข้าเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

 

   นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นบริษัท เจ.พี. ห้องเย็น จำกัด ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร กรณีได้รับรายงานว่ามีการตรวจพบการลักลอบนำเข้าและลักลอบเก็บสินค้าเกษตร ประเภทเนื้อสัตว์นำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์และกรมประมง ว่า จากนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ ดำเนินการปราบปรามประกาศสงครามเนื้อเถื่อนผิดกฎหมายทุกชนิด ในวันนี้จึงได้ลงพื้นที่ติดตามการจับกุมหลังได้รับรายงานว่ามีสินค้าลักลอบนำเข้าประเภทเนื้อเถื่อนผิดกฎหมาย และได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเข้มงวด

 


     สำหรับรายการสินค้าผิดกฎหมายที่ตรวจพบภายในห้องเย็น จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย เนื้อกระบือ โคเนื้อ ขาไก่/ปีกไก่ หมูสามชั้น และขาหมู วางแทรกระหว่างสินค้าประเภทปลาทูอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้อายัติสินค้าไว้เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มา พร้อมกับเรียกผู้ดูแลสถานประกอบการหรือเจ้าของสถานประกอบการมาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเนื้อสัตว์ที่นำมากักเก็บไว้ และจะต้องทำการขยายผลถึงผู้ที่นำมาฝากแช่แข็งอีกด้วย เพื่อนำผู้กระทำความผิดทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 


     นายไชยา กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ในการตรวจเข้มจับกุมดังกล่าวนี้ เป็นการหยุดยั้งกระบวนการนำเข้า สินค้าเนื้อเถื่อนผิดกฎหมายที่ทำให้บิดเบือนกลไกตลาดและสร้างความเสียหายกับทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย ซึ่งมูลค่าในการตรวจพบครั้งนี้พบความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท และได้สั่งกำชับการเข้าปฏิบัติการทุกครั้งให้กระทำด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เช่น ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากการปราบปรามทุกครั้งที่ลงพื้นที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ และขอยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าในการปราบปรามเนื้อเถื่อนที่ผิดกฎหมายต่อไป

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News