Categories
TRAVEL

‘ห้วยตึงเฒ่า’ แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ใกล้ชิดพระราชดำริ

ห้วยตึงเฒ่า” โครงการหมู่บ้านตัวอย่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแหล่งท่องเที่ยวในเขตทหาร จังหวัดเชียงใหม่

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี พ.ศ. 2523 ทรงมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 3 สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตร และตั้ง โครงการหมู่บ้านตัวอย่างห้วยตึงเฒ่า” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ไร่ มีความจุประมาณ 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยราษฎรที่ได้รับจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินกว่า 61 ครอบครัว สามารถดำรงชีพด้วยอาชีพเกษตรกรรม และไม่มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติม

ในปี พ.ศ. 2550 กองทัพบกมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตทหาร ได้จัดตั้ง สำนักงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า” ขึ้น โดยเน้นให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น และสนับสนุนกำลังพลในกองทัพบก รวมถึงประชาชนทั่วไป

กิจกรรมที่น่าสนใจในอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

  1. ชมจุดทรงประทับยืน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมหอคอยชมวิว 5 ชั้น
  2. สักการะพระพุทธรูป “พระพุทธรัตนชัย สุรพลารักษ์” และองค์เจ้าแม่กวนอิม
  3. รับประทานอาหารในซุ้มริมน้ำ ชมวิวธรรมชาติ
  4. นั่งรถรางชมพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำ
  5. เดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ ระยะทาง 4 กิโลเมตร
  6. กิจกรรมตกปลาและปั่นจักรยานน้ำ
  7. ป้อนอาหารน้องแกะและเล่นน้ำกับครอบครัว
  8. ถ่ายรูปกับ “ครอบครัวคิงคองยักษ์” และกังหันลมสวิตเซอร์แลนด์

 

ความสำคัญของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

โครงการนี้เป็นตัวอย่างของการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ผสมผสานการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมอาชีพของราษฎร และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน โดยในปัจจุบันยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างสวัสดิการให้แก่ชุมชน

แม่ทัพภาคที่ 3

ได้เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมบรรยากาศที่สวยงามของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า พร้อมสัมผัสลมหนาวและธรรมชาติบริเวณทิวเขาอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 053-121119 หรือเว็บไซต์ www.rta.mi.th/hueytuengtao

 

ข้อมูลสรุป

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าเป็นโครงการพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของราษฎรในพื้นที่เชียงใหม่ นอกจากการเป็นหมู่บ้านตัวอย่าง ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่ชมธรรมชาติ สักการะพระพุทธรูป ไปจนถึงการทำกิจกรรมกับครอบครัว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
SOCIETY & POLITICS

ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย สร้างคุณภาพชีวิตยั่งยืนในโรงเรียนภาคเหนือ

โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” โรงเรียนต้นแบบในพื้นที่ภาคเหนือ สร้างคุณภาพชีวิตยั่งยืน

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” โรงเรียนต้นแบบในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 ภายใต้พระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการต่อยอดและขยายผลต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารให้กับโรงเรียนในพื้นที่สูงและชุมชนใกล้เคียง รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตนักเรียนให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีสุขภาพแข็งแรง

จุดเริ่มต้นของโครงการ

ด้วยสภาพพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่สูง ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งอาหารที่เพียงพอสำหรับนักเรียน กองทัพภาคที่ 3 จึงได้รับพระราชดำริให้ดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างแหล่งอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมทั้งส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษ การเลี้ยงสัตว์ และการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่างยั่งยืน

ในปีงบประมาณ 2567 โครงการครอบคลุมโรงเรียนจำนวน 117 แห่ง และเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่งในปีงบประมาณ 2568 รวมเป็น 121 โรงเรียน ได้แก่

  1. โรงเรียนบ้านแม่แสะ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
  2. โรงเรียนแม่จะเราวิทยาคม ตำบลแม่จะเรา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
  3. โรงเรียนโมโกรวิทยาคม ตำบลโมโกร อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
  4. โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 ตำบลแม่นาเติง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

กระบวนการดำเนินโครงการ

โครงการแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:

  1. การวางแผนและสำรวจข้อมูล

    • สำรวจข้อมูลและวางแผนการดำเนินงานร่วมกับโรงเรียน
    • จัดทำแผนงานและงบประมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียน
  2. การดำเนินการตามแผนงาน

    • ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์โดยใช้พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และพันธุ์ปลาจากโครงการทหารพันธุ์ดี และศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ
    • บันทึกสถิติและผลการดำเนินงาน
  3. การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

    • ประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
    • แก้ไขปัญหาและพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง

ความสำเร็จและผลกระทบเชิงบวก

โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร โรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ โดยมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในหลายด้าน:

  • นักเรียนได้รับสารอาหารครบถ้วน ส่งผลต่อการพัฒนาสุขภาพร่างกายและจิตใจ
  • ชุมชนรอบโรงเรียนได้แหล่งเรียนรู้ด้านการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ปลอดภัย
  • เพิ่มความมั่นคงทางอาหารในระดับท้องถิ่น
  • สร้างความยั่งยืนในสังคมตามพระราชดำริ

เป้าหมายในอนาคต

โครงการมุ่งเน้นการขยายผลและสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ โดยตั้งเป้าหมายให้ชุมชนและโรงเรียนสามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ที่นำไปสู่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

โครงการนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นคงทางอาหาร แต่ยังสะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณและความใส่พระทัยในคุณภาพชีวิตของเด็กและชุมชนไทยบนพื้นที่สูง เพื่ออนาคตที่ดีและยั่งยืนของสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายมอบโค-กระบือกว่า 1,600 ตัว สร้างอาชีพยั่งยืนให้เกษตรกร

จังหวัดเชียงรายจัดพิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือกว่า 1,600 ตัว มูลค่ากว่า 55 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่ลาว ตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน และผู้แทนจากหน่วยงานราชการ หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ และประชาชนในพื้นที่ร่วมงานอย่างคับคั่ง

ความสำคัญของโครงการมอบกรรมสิทธิ์โค-กระบือ

พิธีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ซึ่งริเริ่มโดย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 โดยกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานหลักที่รับสนองพระราชดำริ โครงการนี้มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรให้มีโค-กระบือไว้ใช้แรงงานในไร่นา และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

สำหรับในปีนี้ จังหวัดเชียงรายได้มอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือจำนวน 1,642 ตัว โดยแบ่งเป็นโคจำนวน 1,173 ตัว และกระบือจำนวน 469 ตัว รวมมูลค่ากว่า 55,217,750 บาท

รายละเอียดและเป้าหมายของโครงการ

การดำเนินงานครั้งนี้มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการเป็นกรณีพิเศษ ได้แก่ เกษตรกรที่ส่งคืนลูกตัวแรกให้กับโครงการ และอยู่ในสัญญามาไม่น้อยกว่า 3 ปี จำนวน 796 ราย โดยโค-กระบือที่ได้รับมอบกรรมสิทธิ์ในครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ เช่น

  • ใช้แรงงานในไร่นา
  • การผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์
  • การทำแก๊สชีวภาพ
  • การอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น

ผลสำเร็จและการต่อยอดโครงการ

จากการดำเนินงานที่ผ่านมา โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ได้ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงรายมากกว่า 6,000 ราย โดยปัจจุบันยังมีเกษตรกรในความดูแลของโครงการกว่า 2,000 ราย โครงการนี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร แต่ยังส่งเสริมการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงควบคู่กับการบูรณาการการทำงานในพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเกษตรกร

แนวทางการดำเนินงานในอนาคต

กรมปศุสัตว์ยังคงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับชุมชน ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อบริหารจัดการโครงการให้มีความยั่งยืน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่างคุ้มค่า พร้อมสนับสนุนกิจกรรมที่เสริมสร้างรายได้ เช่น การขายปุ๋ยจากมูลสัตว์ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากโค-กระบือ

สรุป

การมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อเกษตรกรไทย และสะท้อนถึงความสำคัญของโครงการธนาคารโค-กระบือ ที่ช่วยส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน และพัฒนาชุมชนให้มีความมั่นคงในทุกมิติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News