Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ภัยเงียบหลังน้ำลด แม่สายเผชิญโคลนโลหะหนัก ขาดหน่วยงานหลักดูแล ประชาชนรอความจริง

แม่สายเผชิญภัยเงียบ “โคลนโลหะหนัก” หลังน้ำท่วม 3 ระลอก เร่งหาทางออกมลพิษข้ามพรมแดน

เชียงราย, 7 สิงหาคม 2568 – หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย คลี่คลายลง ชาวบ้านในพื้นที่กลับต้องเผชิญกับ “ภัยเงียบ” ที่อาจอันตรายกว่าน้ำท่วมเสียอีก นั่นคือ “โคลนปนเปื้อนโลหะหนัก” ที่ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการยืนยันแล้วว่ามีค่าเกินมาตรฐาน พร้อมเปิดเผย “จุดบอด” ของระบบราชการที่ขาดหน่วยงานหลักรับผิดชอบ ทีมข่าวได้ลงไปพื้นที่จริงเพื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของทุกท่าน รายงานชิ้นนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้และไขข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบจากตะกอนน้ำท่วมที่อาจปนเปื้อนโลหะหนัก ไม่ได้มีเจตนาเพื่อตัดสินหรือสร้างความตื่นตระหนก แต่เพื่อมอบข้อมูลที่ครบถ้วนให้ประชาชนสามารถพิจารณาและตัดสินใจในการดูแลตนเองและครอบครัวภายใต้บริบทความกังวลของการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม เพราะนี่คือเรื่องใหม่ที่ต้องการการพิสูจน์และทำความเข้าใจร่วมกัน

เรื่องเล่าจากสายลมจอยความทุกข์ทรมานของประชาชน

ในย่านสายลมจอย ซึ่งเป็นหัวใจทางเศรษฐกิจของอำเภอแม่สาย ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า “ปีนี้โดนมาแล้ว 3 รอบ รอบที่ 2 เก็บของไม่ทัน” คำพูดสั้นๆ นี้สะท้อนถึงความเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้กับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แม้จะเผชิญกับความยากลำบาก แต่ชาวบ้านยังคงมีความหวัง ชาวบ้านร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยจัดหา “รถดูดโคลน” ขนาดใหญ่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะปัจจุบันพวกเขามีเพียงอุปกรณ์ป้องกันขั้นพื้นฐานอย่างรองเท้าบูทและถุงมือเท่านั้น

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หลายคนไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย หรือหากสวมก็เป็นเพียงหน้ากากเกรดธรรมดา ซึ่งไม่เพียงพอต่อการป้องกันฝุ่นละอองและสารปนเปื้อนที่อาจแฝงมากับโคลนและตะกอนดิน

• ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ห้องแล็บเผยความจริงตะกอนปนเปื้อนโลหะหนักสูงกว่าปกติ

ความกังวลของชาวบ้านไม่ใช่เรื่องที่ไร้มูลเหตุอีกต่อไป เมื่อผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เปิดเผยผลการตรวจวิเคราะห์ตะกอนดินที่เก็บตัวอย่างจากแม่น้ำสาย

“ผลการตรวจพบว่ามีสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ สารหนู ตะกั่ว และแมงกานีส” ดร.ว่าน อธิบาย “เมื่อเปรียบเทียบกับตัวอย่างจากลำน้ำที่ใสสะอาดในสภาวะปกติ พบว่าความเข้มข้นในแม่น้ำสายสูงกว่ามากอย่างมีนัยสำคัญ”

สิ่งที่น่าตกใจคือ เมื่อน้ำลดและโคลนเริ่มแห้ง สารพิษเหล่านี้จะกลายเป็นฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศ “ถ้ามันเป็นฝุ่นที่ฟุ้งกระจายมา มันจะมีโอกาสที่จะมีโลหะหนักปะปนอยู่ด้วย” ดร.ว่าน เตือน

หากอนุภาคฝุ่นมีขนาดเล็กกว่า PM2.5 และฟุ้งกระจายในระดับความเข้มข้นสูงอย่างต่อเนื่อง จะสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีอันตรายจากการสัมผัสผ่านผิวหนัง การปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม

ในส่วนความเสี่ยงต่อสุขภาพ มีการคำนวณหลายรูปแบบ อันดับแรก คือ ดัชนีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ไม่ใช่โรคมะเร็ง อาจจะเป็นความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคอื่น ๆ หรือที่เป็นสารเดียวซึ่งเรียกว่า Hazard Quotient – HQ ซึ่งอิงการคำนวณตามมาตรฐานสากลทั้งองค์การอนามัยโลก WHO และ US EPA ซึ่งหากนำแม่น้ำกก มาดื่มสองลิตรต่อวัน และการสัมผัสในรูปแบบอื่นทั้งในส่วนของการหายใจและผิวหนังในทุกวันก็จะทำให้เกิดอันตรายและโรคต่าง ๆ ได้ ส่วนดัชนีความเสี่ยงรวม หรือ Hazard Index – HI ซึ่งไม่ใช่การตรวจวัดเพียงสารเดียว แต่มีสารหนู แคดเมียม โครเมียม ตะกั่ว และนิกเกิล ค่าการตรวจวัดที่ยอมรับได้คือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ถ้ามากกว่านั้นก็คือเสี่ยงและยอมรับไม่ได้ เมื่อเอาค่าเหล่านี้ไปคำนวณความเสี่ยงพบว่าในส่วนของการกินและดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารโลหะหนัก พบว่ามีความเสี่ยงอย่างมากทั้งผู้ใหญ่และเด็ก โดยในส่วนของผู้ใหญ่ค่าสารหนูอย่างเดียวเกินมากว่า 42 เท่า และเมื่อคิดค่าสารโลหะหนักรวมพบว่าเกินมากถึง 64 เท่า ส่วนในเด็กเสี่ยงกว่าผู้ใหญ่มาก เพราะการรับสัมผัสต่างจากผู้ใหญ่ โดยเด็กมีความเสี่ยงต่อค่าสารหนูอยู่ที่ 65 เท่า และเมื่อรวมค่าสารปนเปื้อนต่าง ๆ รวมกันจะพบว่าเสี่ยงมากถึง 100 เท่า

• ดร.สืบสกุล กิจนุกร, สำนักวิชานวัตกรรมสังคม ม.แม่ฟ้าหลวง

“จุดบอด” ระบบราชการวิกฤตที่ไม่มีใครตอบ

แม้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนแล้ว แต่การรับมือกับปัญหายังคงเผชิญอุปสรรค อาจารย์ ดร.สืบสกุล กิจนุกร จากสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาโครงสร้างที่สำคัญ

“พอมีน้ำท่วมที่แม่สายเนี่ย มันไม่มีหน่วยงานไหนลงไปตรวจ” ดร.สืบสกุล กล่าว “นี่คือจุดบอดของระบบราชการที่ขาดหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบอย่างชัดเจน”

ปัญหาไม่ได้จบแค่นั้น เครื่องมือตรวจวัดของหน่วยงานราชการบางแห่งมีอายุมากและขาดการสอบเทียบมานาน ทำให้ไม่สามารถใช้ตรวจวัดได้อย่างแม่นยำตามมาตรฐาน

สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความไม่พร้อมของระบบรัฐในการเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน โดยเฉพาะปัญหามลพิษข้ามพรมแดนที่ต้องใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศ

• นายวรายุทธ ค่อมบุญ, นายอำเภอแม่สาย

แผนรับมือระยะยาวจากผังเมืองใหม่สู่การเจรจาข้ามพรมแดน

ในขณะที่ปัญหาเชิงโครงสร้างยังคงเป็นความท้าทาย นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย ได้เปิดเผยแผนการทำงานเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

“ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงมิติด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังรวมถึงมิติทางกายภาพของแม่น้ำสายที่เป็น ‘คอขวด’ ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันเมื่อเกิดน้ำหลาก” นายวรายุทธ อธิบาย

แผนการแก้ไขประกอบด้วย 3 แนวทางหลัก

  1. ผังเมืองใหม่ รัฐบาลมอบหมายให้กรมโยธาธิการศึกษาและออกแบบผังเมืองใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสำรวจและออกแบบ คาดใช้เวลาประมาณ 1 ปี
  2. รถดูดโคลน อำเภอแม่สายได้ประสานงานขอรถดูดโคลนขนาดใหญ่จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อจัดการโคลนและตะกอนที่ตกค้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การเจรจาข้ามพรมแดน นายอำเภอวรายุทธชี้ให้เห็นถึงปัญหาซับซ้อนจากการทำเหมืองแร่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ในเขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อยที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่

“ทางการเมียนมาเองก็ยอมรับปัญหานี้ การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอจึงจำเป็นต้องมีการยกระดับการเจรจาระหว่างประเทศอย่างจริงจัง” นายอำเภอวรายุทธกล่าว

ไม่สามารถจำแนกได้อย่างละเอียดว่าเกิดจากฝุ่น PM2.5 หรือโลหะหนัก

ส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย  (ทสจ.เชียงราย) ที่ให้ข้อมูลทีมข่าวเกี่ยวกับประเด็นฝุ่นละอองและโลหะหนักในพื้นที่ โดยเฉพาะอำเภอแม่สาย ความสัมพันธ์ระหว่างฝุ่น PM2.5 และการเจ็บป่วยเจ้าหน้าที่ระบุว่าในปัจจุบันการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นและโลหะหนักจะถูกวินิจฉัยรวมเป็น “โรคระบบทางเดินหายใจ” โดยยังไม่สามารถจำแนกได้อย่างละเอียดว่าเกิดจากฝุ่น PM2.5 หรือโลหะหนักชนิดใดโดยเฉพาะ

 เงื่อนไขการเข้าสู่ร่างกายการที่ฝุ่นและโลหะหนักจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้ต้องเกิดจากการฟุ้งกระจายในอากาศในระดับที่สูงและมีความเข้มข้นมากพอ โดยฝุ่นต้องมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งระบบการกรองตามธรรมชาติของร่างกาย (เช่น ขนจมูก) ไม่สามารถดักจับได้ สถานการณ์ในช่วงฤดูฝนในช่วงฤดูฝนฝุ่นและสารปนเปื้อนในดินโคลนจะถูกน้ำชะล้างและตกตะกอนอยู่กับพื้น ทำให้ไม่ได้ฟุ้งกระจายในอากาศมากนัก ความเสี่ยงจากการสูดดมจึงลดลง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ย้ำว่าเมื่อน้ำแห้ง ฝุ่นอาจกลับมาฟุ้งกระจายได้อีก ความเสี่ยงจากการสัมผัสโดยตรง: สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือการสัมผัสฝุ่นที่มีสารโลหะหนักปนเปื้อนโดยตรง

หลักใจความสำคัญความเสี่ยงมากที่สุดคือการปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม

อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสทางผิวหนัง (เท้า) หรือการปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม ซึ่งเป็นช่องทางที่สารพิษเข้าสู่ร่างกายและสะสมในระยะยาวได้โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก การตรวจวัดและข้อมูลจากหน่วยงานอื่น มีการตั้งข้อสังเกตถึงผลการตรวจวัดของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่ระบุว่าสารโลหะหนักยังมีปริมาณไม่มากพอที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเจ้าหน้าที่ของ ทสจ. สันนิษฐานว่าการตรวจนั้นอาจเป็นไปได้ว่ายังไม่ถึงขั้นมีการตรวจในเลือดหรือมีการตรวจเฉพาะในช่วงที่ฝุ่นไม่ได้ฟุ้งกระจาย

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายทางออกที่ประชาชนได้ประโยชน์

การแก้ไขปัญหาวิกฤตแม่สายต้องใช้ยุทธศาสตร์แบบบูรณาการจากทุกภาคส่วน โดยมีข้อเสนอแนะสำคัญ 4 ประการ

  1. ยกระดับการเจรจาข้ามพรมแดน

รัฐบาลไทยต้องใช้ทุกกลไกเพื่อเจรจาและกดดันให้มีการแก้ไขปัญหามลพิษจากเหมืองแร่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจังและยั่งยืน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาที่ต้นเหตุและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

  1. กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลัก

รัฐบาลควรมีคำสั่งชัดเจนว่าหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดการและเฝ้าระวังปัญหามลพิษที่มาพร้อมภัยพิบัติ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความล่าช้า

  1. เร่งจัดหาเครื่องมือและงบประมาณ

อำเภอและเทศบาลควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาเครื่องมือจำเป็นในการจัดการโคลนที่ปนเปื้อนโลหะหนักอย่างถูกวิธี รวมถึงเครื่องมือตรวจวัดที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน

  1. ให้ข้อมูลและสร้างความตระหนัก

หน่วยงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมต้องเร่งประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนถึงความเสี่ยงจากฝุ่นปนเปื้อนโลหะหนัก รวมถึงวิธีการป้องกันที่ถูกต้อง เช่น การสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเกรด N95 และการสวมถุงมือเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง

ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ

การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเหล่านี้จะส่งผลให้

  • ประชาชนได้รับการปกป้องสุขภาพ จากการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเครื่องมือป้องกันที่เหมาะสม
  • ลดความเสี่ยงในระยะยาว จากการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุผ่านการเจรจาข้ามพรมแดน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการภัยพิบัติ จากการมีหน่วยงานหลักรับผิดชอบที่ชัดเจน
  • สร้างความมั่นใจในระบบการทำงานของรัฐ จากการมีแผนการแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบ

วิกฤตที่อำเภอแม่สายต้องเผชิญครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่ซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต การดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นระบบจะช่วยป้องกันไม่ให้วิกฤตเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว และรักษาความเชื่อมั่นในระบบการทำงานของภาครัฐไว้ได้ ประเด็นสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นคือ ปัญหาการขาดการสื่อสารที่ชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ข้อมูลยังกระจัดกระจายและไม่ถูกส่งตรงถึงประชาชน ซึ่งนำไปสู่ความไม่เข้าใจและการรับมือที่ไม่เหมาะสม ข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพน้ำหรืออากาศในช่วงเวลาและสถานที่ต่างกันย่อมให้ผลที่ต่างกันได้ เนื่องจากกลศาสตร์การไหลและช่วงเวลาการปล่อยสารพิษที่ไม่แน่นอน สร้างความสับสนและเป็นข้อกังวลที่ประชาชนต้องการความชัดเจนในการใช้ชีวิตประจำวัน

มาตรการเบื้องต้นสำหรับประชาชนคือสวมหน้ากาก

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำมาตรการเบื้องต้นสำหรับประชาชนคือ ควรสวมหน้ากากป้องกันหากอยู่ในพื้นที่ฝุ่นฟุ้งกระจาย และใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน สำหรับภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่นควรมีมาตรการป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น เช่น การรดน้ำถนนในพื้นที่ดินโคลนแห้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุย้ำกับทีมข่าวว่าปัจจุบัน 

“คณะอนุกรรมธิการของสภาผู้แทนราษฎรมีแผนที่จะรวบรวมข้อมูลจาก 24 หน่วยงานภาครัฐทั้งหมดให้อยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม”

การนำเสนอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญและการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในชีวิตประจำวันของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันตนเองหรือการตั้งข้อสังเกตอาการเบื้องต้น เราเชื่อมั่นว่าการได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนจะช่วยให้ทุกท่านสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชาญฉลาดและมีสุขภาวะที่ดีในยุคดิจิทัลและยุคของปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตมากยิ่งขึ้น 

การนำเสนอข่าวในครั้งนี้จึงเป็นไปเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันและตรวจสอบข้อมูลลวง เสริมสร้างระบบนิเวศน์ข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือและอ้างอิงได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • อาจารย์ ดร.สืบสกุล กิจนุกร สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
  • กรมโยธาธิการและพัฒนาเมือง
  • ชาวบ้านในพื้นที่สายลมจอย อำเภอแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

แม่สายยังไม่พ้นวิกฤต ผู้ว่าฯ เร่งซ่อมพนัง มทบ.37 ช่วยปชช. เตือนพายุ 4-6 ส.ค.

แม่สายเริ่มคลี่คลาย ผู้ว่าฯ-ทัพภาค 3 เร่งซ่อมพนัง มทบ.37 ตั้งโรงครัวพระราชทาน! เตือนพายุลูกใหม่จ่อถล่ม 4-6 ส.ค.นี้

เชียงราย, 30 กรกฎาคม 2568 – แม่สายคลี่คลาย แต่ “อย่าประมาท” พายุรอถล่มซ้ำ สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เริ่มคลี่คลายหลังฝนที่ตกต่อเนื่องหลายวันหยุดลง ระดับน้ำในแม่น้ำสายลดต่ำกว่าตลิ่ง ขณะที่ในบางจุดยังมีน้ำท่วมขัง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งระบาย ล่าสุดนายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย เปิดเผยว่า จุดเสี่ยง เช่น โต๊ะสนุ๊ก บ้านเช่าริมแม่น้ำ ยังพบรูรั่ว-น้ำซึมเข้าชุมชน แต่ได้บูรณาการกับกรมการทหารช่าง เทศบาล และอำเภอเร่งอุดรอยรั่วและเสริมพนังชั่วคราวเต็มกำลัง

แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่เสียงเตือนภัยยังคงดังก้อง นายอำเภอแม่สายขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารราชการใกล้ชิด เพราะช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคมนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์จะมีฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุลูกใหม่ อาจเกิดน้ำหลากซ้ำ หากปริมาณน้ำมากเกินแนวป้องกันจุดเดิม จึงขอความร่วมมือชาวบ้านเร่งขนของขึ้นที่สูงและเตรียมพร้อมอพยพกลุ่มเปราะบางไปยังศูนย์พักพิงทันทีที่มีประกาศ

ทัพภาค 3–มทบ.37 ลงพื้นที่ “ปิดรอยรั่ว–สร้างขวัญ”

เมื่อ 29 กรกฎาคม พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน กองทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่แม่สายโดยมีนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พล.ต.จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ (มทบ.37) ให้การต้อนรับ คณะฯ ได้รับฟังรายงานปัญหาจากนายอำเภอแม่สาย และพล.ท.สิรภพ ศุภวานิช (เจ้ากรมการทหารช่าง) ถึงปัจจัยหลักน้ำท่วมรอบล่าสุด เช่น การที่พนังบิ๊กแบ็กและผนังอาคารชั่วคราวโดนกระแสน้ำ-ท่อนซุงขนาดใหญ่ซัดจนเกิดโพรง รอยรั่วตามแนวคัน ส่งผลให้มวลน้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนหลายจุด

แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้มทบ.37, กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในพระองค์ฯ และหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก เสริมกำลังเข้าซ่อมแนวพนังเร่งด่วน ขณะเดียวกัน กรมการทหารช่างก็ระดมกำลังคน-เครื่องมือซ่อมแซมตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเกาะทราย จุดที่ได้รับผลกระทบหนักมาก

โรงครัวพระราชทาน พลังใจยามวิกฤต

นอกจากภารกิจด้านวิศวกรรม-ซ่อมแซม มทบ.37 ได้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานเคลื่อนที่ ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่อประกอบอาหารสดแจกประชาชนที่เดือดร้อนและเจ้าหน้าที่ภาคสนาม โดยกลุ่มแม่บ้านกิ่งกาชาดอำเภอแม่สายร่วมช่วยเหลือ เมนูยอดนิยมคือข้าวกะเพราไก่ไข่ต้มและข้าวอกไก่ทอด ผลิตวันละ 1,000 กล่อง (3 มื้อ) นำไปแจกจ่ายตามจุดพักพิง สร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวแม่สายก้าวผ่านวิกฤติร่วมกัน

เร่งผลักดันน้ำอิงลงโขง กลยุทธ์บูรณาการ “ทุกสาย”

แม่น้ำอิงซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักรับน้ำจากจังหวัดพะเยา-เชียงราย ก็เป็นอีกสมรภูมิหนึ่งที่หน่วยงานรัฐกำลังเร่งระบายน้ำ โดยนายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย เผยว่าขณะนี้กำลังติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 10 เครื่อง ที่สะพานอิงอุดม บ้านเต๋น ต.สถาน อ.เชียงของ สามารถผลักดันน้ำกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ลดความเสี่ยงน้ำเอ่อท่วมพื้นที่เกษตร-ชุมชนท้ายน้ำลงโขง เป็นมาตรการเชิงรุกในการแก้ปัญหาอุทกภัยแบบองค์รวม

เชียงราย “ยังไม่พ้นวิกฤต” แต่พร้อมสู้ระลอกใหม่

สถานการณ์อุทกภัยแม่สายปี 2568 สะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างในพื้นที่น้ำหลากชายแดนฝั่งเหนือ แม้สัญญาณคลี่คลายจะเริ่มชัดเจน แต่การเตรียมพร้อมรับมือพายุระลอกใหม่ยังจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเด็น “พนังชั่วคราว–ผนังอาคารเก่า” ที่ยังมีจุดอ่อนง่ายต่อการทะลุซ้ำ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในระยะสั้น–ยาว

  • ซ่อมแซม–เสริมแนวป้องกันถาวร: หลังน้ำลด การรื้อถอนพนังชั่วคราวและสร้างแนวป้องกันถาวรที่แข็งแรงยั่งยืน ควรเป็นวาระเร่งด่วนของทุกภาคส่วน
  • การเยียวยาฟื้นฟูหลังน้ำลด: การสำรวจ-ประเมินความเสียหาย การจัดสรรงบฯ เยียวยาชาวบ้านต้องดำเนินการรวดเร็ว-โปร่งใส สร้างความหวังให้ผู้ได้รับผลกระทบ
  • สื่อสารความเสี่ยง–แจ้งเตือนล่วงหน้า: ทุกฝ่ายต้องสื่อสารข้อมูลสภาพอากาศ การระบายน้ำ แจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง เข้าใจง่าย ไม่ปล่อยข่าวลือ
  • กลไกช่วยเหลือครบวงจร: การบูรณาการของหน่วยงานรัฐ ทหาร เทศบาล กลุ่มจิตอาสา และภาคประชาสังคม ยังคงเป็นหัวใจของการช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย

สู้ “น้ำ” ด้วยความร่วมมือ–ระวัง “ใจ” ให้มั่นคง

สถานการณ์แม่สายครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่สังคมไทยได้เห็นพลังความร่วมมือของภาครัฐและประชาชน ในวันที่ธรรมชาติรุนแรงเกินคาดเดา ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีคือหัวใจ แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการวางแผนเชิงระบบ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว เพื่อไม่ให้แม่สาย–เชียงราย ต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตน้ำท่วมซ้ำซากอีกต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • โครงการชลประทานเชียงราย
  • ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37
  • กองทัพภาคที่ 3
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • รายงานสถานการณ์น้ำและอุทกภัย สำนักข่าวท้องถิ่น/ภาคสนาม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กองทัพบกผนึกกำลังอำเภอแม่สาย สู้ภัยดินโคลน เร่งสร้างแนวป้องกัน

เชียงรายเดินหน้าป้องกันดินโคลนน้ำหลาก กองทัพบกร่วมอำเภอแม่สาย เร่งขุดลอกแม่น้ำ-เสริมแนวป้องกันชั่วคราว สร้างภูมิคุ้มกันชุมชนช่วงฤดูฝน

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางสภาพอากาศฤดูฝนที่ทวีความรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะเขตอำเภอแม่สาย กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากดินโคลนน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง จากสถานการณ์ดังกล่าว หน่วยงานทหารกองทัพบก โดยหน่วยทหารช่าง ได้ประสานความร่วมมือกับที่ว่าการอำเภอแม่สาย ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง

เดินหน้า 2 แนวทางหลัก ขุดลอก-เสริมแนวป้องกัน

การบริหารจัดการพื้นที่ในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การขุดลอกดินตะกอนในแม่น้ำสายสำคัญ เพื่อเปิดทางน้ำและลดการท่วมขัง และการเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในเขตชุมชนเศรษฐกิจ เพื่อปกป้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงในช่วงรอการก่อสร้างแนวป้องกันถาวรในอนาคต

โดยเฉพาะในส่วนของแม่น้ำรวก ฝั่งไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในลำน้ำสายหลักที่มักมีน้ำหลากไหลผ่านและก่อให้เกิดน้ำท่วมในหลายชุมชน ความคืบหน้าการขุดลอกล่าสุดอยู่ที่ 65.91% งานนี้ดำเนินการด้วยความต่อเนื่องแม้จะเผชิญกับสภาพฝนฟ้าคะนอง เพื่อให้สามารถลดปริมาณตะกอน เปิดทางระบายน้ำ ลดความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วม และรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝนที่กำลังจะถึง

ขณะเดียวกัน โครงการเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในเขตชุมชนเศรษฐกิจ ได้เร่งอุดและเสริมความแข็งแรงให้กับแนวป้องกันเดิม เพื่อเพิ่มความมั่นคงก่อนจะมีการก่อสร้างแนวป้องกันถาวรตามแผนยุทธศาสตร์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง งานในส่วนนี้มีความคืบหน้าถึง 73.06% แล้ว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านเรือน ผู้ประกอบการ และโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชุมชน

ทหารช่างลุย 24 ชั่วโมง – ปฏิบัติการกลางฝน

กองกำลังจากหน่วยทหารช่างของกองทัพบกยังคงเดินหน้าปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน ภายใต้สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากการเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือกับดินโคลนน้ำหลากจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเร่งด่วน เป้าหมายสูงสุดคือให้ทุกภารกิจแล้วเสร็จก่อนที่ฝนหนักจะเริ่มส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้นในพื้นที่

ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานแต่ละวัน มีการวางแผนและติดตามผลอย่างใกล้ชิด พร้อมการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ช่างผู้ควบคุมเครื่องจักร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นและปรับแผนงานให้ทันต่อสถานการณ์

ผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและเศรษฐกิจ

ความคืบหน้าในการขุดลอกและเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากดินโคลนน้ำหลากเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งในแง่ของความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนช่วยลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในเขตชุมชนที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวของอำเภอแม่สาย

บทเรียนจากเหตุการณ์น้ำท่วมและดินโคลนไหลหลากในอดีต ทำให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงรายตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการจัดการเชิงรุก โดยอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ทหาร และประชาชน ซึ่งการขับเคลื่อนเชิงรุกในปีนี้คาดว่าจะช่วยลดความสูญเสียและผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุปและวิเคราะห์

จากความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างกองทัพบกกับที่ว่าการอำเภอแม่สายในครั้งนี้ สะท้อนถึงแนวคิด “ป้องกันดีกว่าแก้ไข” ที่เน้นการบูรณาการแผนงานระยะสั้นและระยะยาวควบคู่กันอย่างเป็นระบบ นำไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงภัยของเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • หน่วยทหารช่างกองทัพบก
  • ที่ว่าการอำเภอแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ธนารักษ์เอื้อราษฎร์ รมช.คลัง มอบที่ดินทำกิน-ที่อยู่ ลดเหลื่อมล้ำแม่สาย

รมช.คลังมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” แก่ชาวแม่สาย หนุนความมั่นคงที่ดิน ลดเหลื่อมล้ำ สู่เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง

เชียงราย, 12 มิถุนายน 2568 – นับเป็นอีกก้าวสำคัญของนโยบายด้านที่ดินเพื่อประชาชน เมื่อกระทรวงการคลัง โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชร.1154 ให้กับประชาชนตามโครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” ซึ่งมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำด้านทรัพย์สิน และขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชนฐานราก

พิธีมอบสัญญาเช่า สู่ชีวิตใหม่ของ 200 ครอบครัวแม่สาย

บรรยากาศที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สายในวันนี้อบอวลด้วยรอยยิ้มและความปลื้มปีติของประชาชน 196 รายที่ได้รับสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุอย่างเป็นทางการ อีก 4 รายได้รับการอนุมัติเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 200 ราย รวมพื้นที่ประมาณ 31 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา การส่งมอบสัญญาเช่าในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างหลักประกันด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ชาวบ้านแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนเจตนารมณ์ของรัฐในการจัดการทรัพยากรเพื่อสาธารณะอย่างเป็นธรรม

โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นเกียรติ ร่วมแสดงความยินดีกับประชาชนผู้รับสัญญาเช่า

จากนโยบายสู่ความเปลี่ยนแปลงจริง

โครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ตอบโจทย์ปัญหาการถือครองที่ดินราชพัสดุในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือกลุ่มที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่มาก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 โดยการให้สิทธิ์เช่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในอัตราที่เหมาะสม ลดความกังวลเรื่องที่ดินไร้สถานะและปัญหาข้อพิพาท ช่วยสร้างความมั่นคงและเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้ขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนฐานรากมีความมั่นใจในชีวิตและอนาคต สามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโต

รมช.คลัง ชู “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” สร้างสังคมแห่งความเสมอภาค

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เน้นย้ำเจตนารมณ์ของรัฐบาลและกระทรวงการคลังในการสร้างความมั่นคงด้านที่ดิน พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ผลักดันและสนับสนุนโครงการจนเกิดผลสำเร็จ ยืนยันว่าจะบริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านที่อยู่อาศัย โอกาสทางเศรษฐกิจ และการเข้าถึงบริการสาธารณะอย่างเท่าเทียม

ตรวจติดตามแผนป้องกันอุทกภัย เสริมความปลอดภัยระยะยาว

ในโอกาสเดียวกัน คณะรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ยังได้ลงพื้นที่สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างคันกั้นน้ำในแผนป้องกันอุทกภัยของอำเภอแม่สาย โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมซ้ำซาก สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและยกระดับคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชายแดน

สู่สังคมที่มั่นคงและยั่งยืน

การมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุในวันนี้ จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์และกลไกขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของประชาชนแม่สาย นำไปสู่ความมั่นคงด้านที่ดิน การอยู่อาศัยที่ปลอดภัย การทำกินที่ยั่งยืน และการเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ในเศรษฐกิจฐานราก ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเสมอภาคในสังคมไทยอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย (12 มิถุนายน 2568)
  • กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง
  • กระทรวงการคลัง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายก อบจ.เชียงราย ลุยน้ำท่วมแม่สาย

อบจ.เชียงรายเร่งลงพื้นที่รับมืออุทกภัยแม่สาย น้ำสายล้นตลิ่งท่วมชุมชนบ้านปิยะพร

เชียงราย, 30 พฤษภาคม 2568 – จากอิทธิพลของฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดหลายวัน ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนบ้านปิยะพร ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทำให้ประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังในบริเวณบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรม

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) พร้อมด้วยคณะทำงาน ประกอบด้วย นายเสน่ห์ ปัญญาดี ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย พันจ่าเอกทวีป เชี่ยวสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่บ้านปิยะพรอย่างเร่งด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น

กระสอบทราย-กำลังใจ แผนช่วยเหลือด่วนจาก อบจ.เชียงราย

อบจ.เชียงราย ได้ดำเนินการจัดส่งกระสอบทรายให้แก่ประชาชนที่ประสบภัย เพื่อนำไปวางกั้นน้ำบริเวณบ้านพักอาศัยและจุดเสี่ยงของหมู่บ้าน ทั้งยังให้กำลังใจเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และอาสาสมัครที่ร่วมลงพื้นที่อย่างไม่ย่อท้อในการควบคุมสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้

การบูรณาการระหว่างหน่วยงานในพื้นที่

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจาก ร.ต.อ.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้าง พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่น ซึ่งร่วมกันประเมินสถานการณ์น้ำร่วมกับ อบจ.เชียงราย และหารือแนวทางการรับมือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยพิบัติอย่างมีแผนรองรับ

นายก อบจ.เชียงราย ยืนยันว่า อบจ.เชียงรายพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองท้องถิ่น และภาคประชาชน เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทันท่วงที ลดความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยให้ได้มากที่สุด

ความเสี่ยงซ้ำซ้อนจากภูมิประเทศและภาวะโลกร้อน

พื้นที่อำเภอแม่สายถือเป็นหนึ่งในจุดเสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซากของจังหวัดเชียงราย เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศติดแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่รับน้ำจากฝั่งประเทศเมียนมาและลุ่มน้ำฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงราย เมื่อฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องหรือเกิดฝนตกในฝั่งเมียนมา ก็มีโอกาสสูงที่ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและล้นตลิ่งดังเช่นครั้งนี้

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ส่งผลให้ปริมาณฝนในภาคเหนือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-10% ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา และอาจกระทบต่อแผนบริหารจัดการน้ำในระดับท้องถิ่นที่ยังขาดระบบระบายน้ำถาวรในบางพื้นที่

ความเชื่อมโยงเชิงพื้นที่และผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น

นอกจากบ้านปิยะพร ยังมีพื้นที่ใกล้เคียง เช่น บ้านป่าซาง บ้านเกาะช้าง ที่เริ่มมีรายงานน้ำล้นตลิ่งเบื้องต้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมโดยเฉพาะสวนข้าวโพดและไร่ชาในเขตอำเภอแม่สายตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด

อบจ.เชียงราย ได้เตรียมประสานงานกับสำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อจัดเก็บข้อมูลความเสียหายด้านเกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ พร้อมจัดทำรายงานนำเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยเพื่อของบประมาณเยียวยาต่อไป

แนวโน้มอุทกภัยต้องใช้ ‘ระบบจัดการ’ ไม่ใช่เพียง ‘การบรรเทา’

แม้การลงพื้นที่อย่างเร่งด่วนของ อบจ.เชียงราย จะช่วยบรรเทาผลกระทบในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการลงทุนด้านระบบป้องกันน้ำท่วมถาวร เช่น การขุดลอกคูคลอง การสร้างเขื่อนป้องกันริมแม่น้ำ และการพัฒนาระบบระบายน้ำในชุมชน

ในระยะยาว จังหวัดเชียงรายจำเป็นต้องเร่งทำแผนป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติแบบองค์รวม พร้อมปรับปรุงระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System) ให้ทันสมัย เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสามารถเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในอำเภอแม่สายช่วงวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2568: 137 มม. (ที่มา: ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ)
  • ระดับน้ำแม่น้ำสายวันที่ 30 พ.ค. 2568 สูงกว่าระดับตลิ่ง 0.7 เมตร (ที่มา: กรมทรัพยากรน้ำ)
  • พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซากใน อ.แม่สาย: 5 ตำบล 18 หมู่บ้าน (ที่มา: สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย)
  • ความเสียหายเบื้องต้น: บ้านเรือน 46 หลังได้รับผลกระทบ, พื้นที่เกษตรกว่า 130 ไร่ (ที่มา: อบจ.เชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • กรมทรัพยากรน้ำ
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แม่สายเร่งสอบนายทุน บุกรุกที่ราชพัสดุ ป่าสงวน

นายทุนแฝงรุกป่าสงวนเชียงราย จัดสรรขายที่ดินรัฐหวั่นกระทบมั่นคงชาติ

เชียงรายตรวจเข้ม! แฉพฤติกรรมจัดสรรที่ดินรัฐอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เชียงราย, 30 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายกลายเป็นจุดสนใจระดับชาติอีกครั้ง หลังมีรายงานผ่านช่องยูทูปชื่อดังเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เขตโครงการพัฒนาดอยตุง (คพต.) และที่ราชพัสดุในอำเภอแม่สาย โดยมีการจัดสรรแบ่งขายอย่างเปิดเผยผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งสร้างความกังวลต่อทั้งภาครัฐและประชาชนในพื้นที่

ลงพื้นที่ตรวจสอบด่วนหลังมีรายงานการขายที่ดินผ่านไลฟ์เฟซบุ๊ก

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่เชียงราย และผู้นำชุมชน ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบ 3 จุดหลักในตำบลเวียงพางคำ

  • บ้านผาแตก หมู่ 10 (ซอยผาคำ 11) พื้นที่ประมาณ 11 ไร่
  • บ้านป่ายางใหม่ หมู่ 4 พื้นที่ประมาณ 7 ไร่
  • บ้านป่าเมือดรุ่งเจริญ หมู่ 5 พื้นที่ประมาณ 23 ไร่

พื้นที่ทั้งหมดถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีการบุกรุกโดยกลุ่มนายทุนบางกลุ่ม ซึ่งมีเป้าหมายรองรับการย้ายถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมาและชาวจีนเทา ด้วยวิธีการเปิดขายผ่านป้ายและการไลฟ์สดทางโซเชียลมีเดีย

ตั้งโต๊ะแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

ในที่ประชุม ณ ชั้น 4 ที่ว่าการอำเภอแม่สาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีมติร่วมกัน 3 ข้อสำคัญ

  1. สั่งระงับกิจกรรมในพื้นที่ทั้งหมดทันที พร้อมรื้อถอนป้ายประกาศและโพสต์ขายทางออนไลน์
  2. ให้หน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ร่วมตรวจสอบสถานะกรรมสิทธิ์ของแต่ละแปลง
  3. มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชน 8 ตำบลในแม่สายเฝ้าระวัง หากพบความผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

ที่ดินรัฐกลายเป็นสินค้าราคาสูงในตลาดลับ

การรายงานข่าวโดยสื่อออนไลน์ได้นำเสนออย่างชัดเจนว่ามีการแสดงเจตนาขายที่ดินของรัฐอย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์ของพื้นที่ซึ่งจัดสรรไว้สำหรับการอยู่อาศัยของประชาชนผู้ยากไร้ หรือการใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ หรือมีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายรู้เห็นเป็นใจ ซึ่งทางฝ่ายปกครองกำลังเร่งสืบสวน

ความเสี่ยงระยะยาวต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน

หนึ่งในประเด็นที่เจ้าหน้าที่แสดงความกังวลคือ หากไม่รีบจัดการและปล่อยให้กระบวนการซื้อขายแบบผิดกฎหมายดำเนินไป อาจส่งผลให้พื้นที่ในอำเภอแม่สายตกอยู่ภายใต้การครอบครองของกลุ่มชาติพันธุ์จากประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต

นอกจากนี้ การตั้งถิ่นฐานใหม่อย่างไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ปัญหาด้านอาชญากรรม เศรษฐกิจสีเทา และการบิดเบือนโครงสร้างประชากรในเขตพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา

เสียงเรียกร้องต่อหน่วยงานรัฐตรวจสอบ-ลงโทษ-ปกป้องประชาชน

ประชาชนในพื้นที่ต่างเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ เช่น กรมธนารักษ์ กรมป่าไม้ และสำนักงานที่ดิน เร่งตรวจสอบข้อมูลเอกสารสิทธิ์ของพื้นที่ที่ถูกบุกรุก พร้อมดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด

เสียงสะท้อนจากชุมชนยืนยันว่า พื้นที่เหล่านี้ควรสงวนไว้ให้กับผู้มีสิทธิ์โดยชอบตามกฎหมาย ไม่ใช่เปิดโอกาสให้ทุนต่างถิ่นเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในลักษณะที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐ

ปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนายทุนแฝง

หากวิเคราะห์ในเชิงลึก ปัญหานี้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบกำกับดูแลที่ดิน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนซึ่งมีจุดอ่อนในการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย อีกทั้งยังเปิดช่องให้มีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารใหม่ เช่น ไลฟ์เฟซบุ๊ก มาเป็นเครื่องมือขายที่ผิดกฎหมาย

การตรวจสอบที่แม่นยำและการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการปัญหาเชิงระบบ

การบุกรุกพื้นที่ป่าและที่ดินรัฐในประเทศไทย

จากรายงานของกรมป่าไม้ พบว่าในปี 2566 มีการบุกรุกพื้นที่ป่าทั่วประเทศกว่า 279,000 ไร่ โดยในภาคเหนือมีสัดส่วนการบุกรุกสูงสุดถึง 36% ของทั้งหมด

ในขณะเดียวกัน สำนักงานที่ดินระบุว่ามีกรณีฟ้องร้องเรื่องสิทธิ์ครอบครองที่ดินของรัฐมากกว่า 4,500 คดี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดน เช่น เชียงราย ตาก และแม่ฮ่องสอน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย
  • กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
  • รายงานสถานการณ์การบุกรุกพื้นที่ป่า ปี 2566
  • รายงานข่าวจาก YouTube ช่อง “เจาะลึกจริง” และเฟซบุ๊กไลฟ์กลุ่มขายที่ดินแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ปิดตลาดสายลมจอย ‘ชั่วคราว’ เร่งสร้างพนังกั้นน้ำพร้อมจัดพื้นที่เยียวยา

อำเภอแม่สายสั่งปิดตลาดสายลมจอย 2 เดือน เร่งสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราวกึ่งถาวร หลังเผชิญน้ำท่วมใหญ่ – พร้อมเยียวยาผลกระทบ พ่อค้าแม่ค้ากว่า 100 รายได้พื้นที่ค้าขายใหม่

เชียงราย, 29 พฤษภาคม 2568 – จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ต้องเผชิญกับความเสียหายหนัก โดยเฉพาะตลาดสายลมจอย ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายสำคัญของชุมชนชายแดนและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในพื้นที่เหนือสุดของไทย

ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ สู่คำสั่งปิดตลาดสายลมจอย

เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน ร้านค้า และทรัพย์สินในพื้นที่อำเภอแม่สาย โดยเฉพาะตลาดสายลมจอยที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำสาย พ่อค้าแม่ค้ากว่า 100 รายต่างได้รับความเดือดร้อน สินค้าหลายชนิดได้รับความเสียหาย และพื้นที่ค้าขายต้องหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน

หลังเกิดเหตุ ฝ่ายปกครองนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีคำสั่งให้นายอำเภอแม่สายและสำนักงานธนารักษ์ เชิญผู้ประกอบการร้านค้าตลาดสายลมจอยเข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคาร OSS ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. เพื่อแจ้งข้อสั่งการเรื่อง “การหยุดค้าขายชั่วคราวในตลาดสายลมจอย” พร้อมเหตุผลสำคัญคือ ต้องเร่งรัดการสร้างพนังกั้นน้ำแบบชั่วคราว-กึ่งถาวรโดยกรมการทหารช่าง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำป่าหลากและน้ำท่วมซ้ำซ้อนในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

การตอบสนองของผู้ประกอบการและมาตรการบรรเทาผลกระทบ

ในที่ประชุม ผู้ประกอบการร้านค้าต่างรับทราบและยินยอมปฏิบัติตามข้อสั่งการ แม้จะต้องหยุดค้าขายเป็นเวลา 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป แต่ได้เสนอขอพื้นที่ค้าขายชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิต ซึ่งทางอำเภอแม่สายได้ตอบรับและร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น คุณอัมพร ศรีสมุทร เจ้าของโรงแรมปิยะพรฮิลล์ อนุเคราะห์สถานที่ชั่วคราวให้พ่อค้าแม่ค้าใช้เป็นแหล่งค้าขายใหม่บริเวณทางเข้าซอยการประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่สาย

ขั้นตอนดำเนินการเบื้องต้น ตัวแทนผู้ประกอบการได้รวบรวมรายชื่อและลงทะเบียนร้านค้าที่ประสงค์จะเข้ามาขายสินค้าในพื้นที่ชั่วคราวนี้ โดยกำนันตำบลเวียงพางคำรับผิดชอบจัดหาเต็นท์และแบ่งล็อกพื้นที่ร้านค้ารายละประมาณ 1.5 เมตร เพื่อความเป็นระเบียบและรองรับผู้ค้าจำนวนมาก

นอกจากนี้ ทางอำเภอแม่สายยังได้จัดสรรพื้นที่จำหน่ายสินค้าชั่วคราวเพิ่มเติมบริเวณถนนและลานด้านหลังสถานีตำรวจภูธรแม่สาย ใกล้ตลาดดอยเวา เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการค้าขายต่อเนื่องและฟื้นฟูรายได้ โดยไม่ต้องย้ายออกจากพื้นที่อำเภอมากนัก

เร่งรัดสร้างพนังกั้นน้ำ “ชั่วคราว-กึ่งถาวร” ป้องกันแม่น้ำสายล้นตลิ่ง

สาเหตุหลักของการปิดตลาดในครั้งนี้คือ ความจำเป็นในการเร่งสร้างพนังกั้นน้ำแบบชั่วคราวกึ่งถาวรโดยกรมการทหารช่าง เพื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 ตามแผนงานที่วางไว้ พร้อมรับมือฤดูฝนและพายุที่คาดว่าจะมาในช่วงกลางปีนี้

แผนการก่อสร้างพนังกั้นน้ำดังกล่าวถือเป็นมาตรการเร่งด่วน หลังจากปัญหาน้ำป่าหลากและแม่น้ำสายล้นตลิ่งได้สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2568 ที่มีสถิติฝนตกหนักและปริมาณน้ำมากกว่าค่าเฉลี่ย ส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำสายสูงเกินจุดวิกฤติในหลายจุดตลอดแนวพรมแดน

การเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น

ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดแค่ผู้ประกอบการร้านค้าเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงครอบครัวแรงงาน พ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งเศรษฐกิจชุมชนรอบข้าง ดังนั้น ฝ่ายปกครองจึงให้ความสำคัญกับการจัดหาพื้นที่ค้าขายใหม่อย่างเร่งด่วน และจัดการระบายสินค้าที่ได้รับความเสียหายบางส่วน เช่น ผ้า เสื้อผ้า ของใช้เบ็ดเตล็ด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าได้นำมาวางขายในราคาพิเศษเพื่อหมุนเวียนเงินทุนกลับมาใช้ดำรงชีวิตอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือจากประชาชน นักท่องเที่ยว และหน่วยงานในพื้นที่ที่พร้อมสนับสนุนและให้กำลังใจแก่ผู้ค้า เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจชายแดนให้กลับมาแข็งแรงโดยเร็วที่สุด

คลี่คลายปมปัญหาและมองไปข้างหน้า

แม้การปิดตลาดสายลมจอยจะสร้างความเดือดร้อนในระยะสั้น แต่ถือเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในระยะยาว เมื่อพนังกั้นน้ำเสร็จสมบูรณ์แล้ว พื้นที่ตลาดจะได้รับการปรับปรุงและเตรียมเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมมาตรการป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน บทเรียนจากน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ จะถูกนำไปปรับใช้ในการวางแผนจัดการภัยพิบัติในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและระบบเตือนภัยในอำเภอแม่สาย รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่ริมน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัย

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  • ปี 2567-2568 อำเภอแม่สายประสบเหตุฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ระดับน้ำในแม่น้ำสายสูงเกินจุดวิกฤติ (ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา)
  • ตลาดสายลมจอยมีร้านค้ากว่า 100 ร้าน และเป็นแหล่งทำรายได้หลักให้กับครอบครัวในพื้นที่กว่า 200 ครัวเรือน (ข้อมูลจากอำเภอแม่สาย)
  • การก่อสร้างพนังกั้นน้ำคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568 เพื่อรับมือฤดูฝนและพายุ (ข้อมูลจากกรมการทหารช่าง)
  • มูลค่าความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ปีนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานธนารักษ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานอำเภอแม่สาย
  • กรมการทหารช่าง
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • คุณอัมพร ศรีสมุทร (เจ้าของโรงแรมปิยะพรฮิลล์)
  • กำนันตำบลเวียงพางคำ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

นายกฯ สั่ง ปภ.ติดตาม สถานการณ์แม่สาย

การลงพื้นที่ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

เชียงราย, 25 พฤษภาคม 2568 – อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบหลายปี เมื่อฝนตกหนักในคืนวันที่ 23 ถึงเช้าวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ส่งผลให้ชุมชนริมแม่น้ำสายหลายแห่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก น้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ตลาด และพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนจำนวนมาก เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ท้าทายความสามารถของหน่วยงานภาครัฐในการจัดการภัยพิบัติ แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกันภัยในอนาคต

ค่ำคืนแห่งน้ำท่วม

ในช่วงค่ำของวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ท้องฟ้าเหนืออำเภอแม่สายเริ่มมืดครึ้ม ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องหลายชั่วโมงทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านอำเภอแม่สาย เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชุมชนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เช่น ชุมชนสายลมจอย ถ้ำผาจม เกาะทราย ไม้ลุงขน และเหมืองแดง ต้องเผชิญกับน้ำที่ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ถนน และร้านค้าในชั่วพริบตา ชาวบ้านหลายครอบครัวต้องรีบเก็บข้าวของขึ้นที่สูง บางครอบครัวที่ไม่ทันตั้งตัวต้องเผชิญกับความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและความมั่นคงในชีวิตประจำวัน

ความรุนแรงของน้ำท่วมในครั้งนี้เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่มากผิดปกติ ประกอบกับระบบระบายน้ำในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถรองรับมวลน้ำขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ชุมชนสายลมจอยและถ้ำผาจมกลายเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำและใกล้กับแม่น้ำสาย น้ำโคลนและตะกอนที่ไหลมากับน้ำท่วมยังทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ในบ้านเรือนและพื้นที่สาธารณะ ทำให้การฟื้นฟูหลังน้ำลดเป็นภารกิจที่ท้าทาย

การตอบสนองจากภาครัฐ ความห่วงใยจากผู้นำ

เมื่อข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอแม่สายแพร่กระจายออกไป นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และสั่งการให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. นายภาสกร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางไปยังด่านศุลกากรอำเภอแม่สาย เพื่อร่วมประชุมรับฟังรายงานจากหน่วยงานในพื้นที่ นำโดยนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง และนางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การประเมินความเสียหาย การจัดการสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน และการวางแผนฟื้นฟูพื้นที่ในระยะยาว

นายภาสกร เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอแม่สายเกิดจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 23-24 พฤษภาคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อชุมชนหลายแห่ง โดยเฉพาะชุมชนสายลมจอยและถ้ำผาจมที่ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่เหล่านี้ กรมการทหารช่างได้ดำเนินการก่อสร้างพนังกั้นน้ำเพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าสู่เขตเศรษฐกิจและชุมชน แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักชั่วคราวเนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้ คาดว่าหลังจากฝนทิ้งช่วงในต้นเดือนมิถุนายน 2568 การก่อสร้างจะสามารถดำเนินต่อได้ตามแผน

สายสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและประชาชน

หลังจากการประชุม นายภาสกรและคณะได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เชื่อมโยงการค้าชายแดนระหว่างไทยและเมียนมา สะพานแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้การสัญจรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก นอกจากนี้ คณะยังได้เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบในชุมชนสายลมจอย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสียหายหนักจากการถูกน้ำโคลนท่วมขัง เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร ได้ร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือนและถนน เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

ในวันเดียวกัน นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะกรรมการและสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สาย ได้ลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและมอบความช่วยเหลือแก่ประชาชน การลงพื้นที่ครั้งนี้เน้นการเยี่ยมเยียนชุมชนที่ได้รับผลกระทบ เช่น ชุมชนถ้ำผาจม สายลมจอย เกาะทราย ไม้ลุงขน และเหมืองแดง เพื่อประเมินความต้องการของประชาชนและมอบสิ่งของจำเป็น เช่น ชุดทำความสะอาดและเวชภัณฑ์

การจัดการด้านสาธารณสุข ความปลอดภัยของประชาชน

นอกเหนือจากการฟื้นฟูพื้นที่ น้ำท่วมครั้งนี้ยังก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพน้ำและสุขภาพของประชาชน ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ร่วมกับศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ โรงพยาบาลแม่สาย และเทศบาลตำบลแม่สาย ตรวจสอบคุณภาพน้ำผิวดินในแม่น้ำสายบริเวณจุดเสี่ยง 4 แห่ง ได้แก่ บ้านสันมะนะ บ้านป่าซางงาม บ้านป่าแดง และศูนย์พักพิงชั่วคราววัดพรหมวิหาร การตรวจสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนของสารเคมีและเชื้อโรคในน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีสารหนูเกินค่ามาตรฐานในน้ำผิวดินบริเวณแม่น้ำกกในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และใน 6 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย เชียงแสน แม่จัน เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง และแม่สาย อย่างไรก็ตาม ไม่พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในน้ำประปา พืชผัก ปลา หรือในปัสสาวะของประชาชนกลุ่มเสี่ยง และยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการจากการได้รับสารหนู ผลการตรวจสอบนี้ช่วยลดความตื่นตระหนกของประชาชนและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของน้ำในช่วงน้ำท่วม

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังได้จัดทีมแพทย์และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมกลุ่มเปราะบางจำนวน 94 ราย และช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง 7 ราย โดยอพยพไปยังบ้านญาติชั่วคราว ทีม MCATT (Mobile Community Assessment and Treatment Team) ได้ให้คำแนะนำด้านสุขอนามัยและสุขภาพจิต พร้อมมอบชุดปฐมพยาบาลและถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โรงพยาบาลในพื้นที่ได้จัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มเปราะบาง รองรับได้ 8-24 เตียง พร้อมเปิดช่องทางประสานงานสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการยาหรือการรักษาในกรณีฉุกเฉิน

การฟื้นฟูและป้องกันในอนาคต

เพื่อจัดการกับสถานการณ์น้ำท่วมในระยะยาว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการหลายมาตรการเพื่อฟื้นฟูพื้นที่และป้องกันภัยในอนาคต กรมการทหารช่างได้เร่งก่อสร้างพนังกั้นน้ำและเสริมแนวป้องกันน้ำในจุดที่อ่อนแอ เช่น บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และชุมชนสายลมจอย นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม 6 เครื่อง เพื่อเตรียมรับมือกับมวลน้ำที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อำเภอแม่สายที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนอย่างทันท่วงที

จังหวัดเชียงรายได้แบ่งพื้นที่ฟื้นฟูออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โซน A (ชุมชนสายลมจอย) โซน B (ชุมชนเกาะทราย) โซน C (ชุมชนไม้ลุงขน) และโซน D (ชุมชนเหมืองแดง) โดยมอบหมายให้ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) ร่วมกันทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนของประชาชน การดำเนินการเหล่านี้ช่วยให้ชุมชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่

บทเรียนจากน้ำท่วม

เหตุการณ์น้ำท่วมในอำเภอแม่สายครั้งนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ชายแดนที่มีความซับซ้อนทั้งในด้านภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ การตอบสนองอย่างรวดเร็วของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ไปจนถึงอาสาสมัครและชุมชนท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของระบบการจัดการภัยพิบัติในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การที่น้ำท่วมเกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่เดียวกันชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น พนังกั้นน้ำและระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ การตรวจพบสารหนูในน้ำผิวดินบางพื้นที่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในช่วงน้ำท่วม การที่หน่วยงานสาธารณสุขสามารถตรวจสอบและยืนยันความปลอดภัยของน้ำประปาและอาหารได้อย่างรวดเร็วนั้นช่วยลดความตื่นตระหนกและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน แต่ในระยะยาว การพัฒนาระบบตรวจสอบและจัดการคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่องจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

จากรายงานของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2568:

  • จำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ: 1,245 ครัวเรือนใน 5 ชุมชน (สายลมจอย เกาะทราย ไม้ลุงขน เหมืองแดง และถ้ำผาจม)
  • พื้นที่เกษตรที่เสียหาย: ประมาณ 320 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นนาข้าวและพืชสวน
  • ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน: ถนน 12 สายในอำเภอแม่สายได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท
  • จำนวนผู้ป่วยติดเตียงที่ได้รับการอพยพ: 7 ราย
  • กลุ่มเปราะบางที่ได้รับการดูแล: 94 ราย
  • ปริมาณน้ำฝน: วัดได้ 180 มิลลิเมตรในช่วง 24 ชั่วโมง (23-24 พ.ค. 2568)
  • จุดตรวจคุณภาพน้ำ: 4 จุดในแม่น้ำสาย พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน 2 จุด (บ้านสันมะนะและบ้านป่าซางงาม)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กรมการทหารช่าง
  • สำนักนายกรัฐมนตรี
  • เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่
  • เทศบาลตำบลแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กอ.รมน.เชียงราย เตรียมแผนป้องกันน้ำท่วมแม่สาย

กอ.รมน.เชียงราย จับมือท้องถิ่นเตรียมรับมืออุทกภัยแม่สาย งวดที่ 2 ประจำปี 2568 เดินหน้าวางแผนบูรณาการร่วมทุกภาคส่วน

เชียงราย, 20 พฤษภาคม 2568 – กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดเชียงราย โดย พันโทนิรุธ ณ ลำปาง รองหัวหน้ากลุ่มงานประสานความมั่นคง ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอแม่สาย เร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งวดที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อรับมือสถานการณ์อุทกภัยในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

จากปัญหาซ้ำซากสู่แนวทางรับมือ: การลงพื้นที่ร่วมภาคีเครือข่าย

เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 กอ.รมน.เชียงราย ลงพื้นที่พบปะประสานการปฏิบัติร่วมกับนายวรรณศิลป์ จีระกาศ ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย เพื่อติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าในการเตรียมรับมืออุทกภัยในพื้นที่

กิจกรรมในครั้งนี้ครอบคลุมการตรวจสอบสภาพคลองภายในชุมชน บริเวณบ้านหัวฝาย ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน โดยมีการตรวจความคืบหน้าการขุดลอกและทำผนังกันน้ำที่ดำเนินการโดยทหารช่าง รวมถึงการวางแนวทางในการขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำและเร่งรัดการเตรียมระบบแจ้งเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สรุปข้อเสนอและแนวทางแก้ไขปัญหาจากเวทีหารือ

การหารือร่วมระหว่าง กอ.รมน.และเทศบาลตำบลแม่สายได้ข้อสรุปเบื้องต้น ดังนี้:

  1. เทศบาลตำบลแม่สายดำเนินการขุดลอกท่อและคลองภายในชุมชนแล้วจำนวน 4 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา
  2. ปัญหาหลักคือเมื่อตกฝนหนัก มวลน้ำและทรายจากพื้นที่สูงไหลเข้าสู่ทางระบายน้ำ ทำให้เกิดการอุดตันอย่างรวดเร็ว
  3. เทศบาลยังประสบปัญหาด้านงบประมาณในการดูแลรักษาและขุดลอกระบบระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง
  4. การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำทางระบายน้ำได้รับการมอบหมายให้ทหารช่างดำเนินการ โดยเทศบาลจะเป็นผู้ประสานงานกับชาวบ้าน
  5. ตลาดสายลมจอย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ มีการเช่าพื้นที่ล่วงหน้าในระยะยาว 4-5 ปี โดยแม่ค้ายืนยันไม่ขอย้ายออกและยอมรับความเสี่ยงกรณีเกิดอุทกภัยโดยไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาล
  6. เทศบาลมีแผนการแจ้งเตือนและอพยพประชาชนอย่างเป็นระบบหากเกิดเหตุอุทกภัยฉับพลัน
  7. ประชาชนในพื้นที่มีความตื่นตัวและให้ความร่วมมือกับทางราชการเป็นอย่างดี
  8. เทศบาลแม่สายได้ขอประสานกับ กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย เพื่อแจ้งหน่วยงานอื่น ๆ ได้แก่ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จว.ชร.), หน่วยทหาร, ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงราย เพื่อจัดทำแผนรับมืออุทกภัยและซักซ้อมการอพยพให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งหมด

วิเคราะห์ภาพรวมและผลกระทบเชิงระบบ

จากการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.เชียงราย พบว่าปัญหาอุทกภัยในพื้นที่แม่สายเป็นปัญหาซ้ำซาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ยจากแนวเทือกเขาด้านตะวันตกของอำเภอ ซึ่งทำให้เกิดน้ำหลากรุนแรงและรวดเร็ว

แนวทางที่ได้รับการเสนอจากนักวิชาการท้องถิ่นประกอบด้วยการพัฒนาระบบ Early Warning System (EWS) โดยอาศัยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจวัดน้ำฝนและน้ำหลาก รวมถึงการสร้างฝายชะลอน้ำและบ่อพักน้ำในชุมชน เพื่อแบ่งเบาภาระของระบบระบายน้ำหลัก

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

  • จากรายงานของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ปี 2566 ระบุว่า อำเภอแม่สายมีเหตุอุทกภัยเกิดขึ้น 6 ครั้ง มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 3,100 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตรเสียหายมากกว่า 1,800 ไร่
  • รายงานจากเทศบาลตำบลแม่สาย ปี 2567 พบว่าในช่วงฤดูฝน มีการขุดลอกท่อระบายน้ำเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง แต่ยังไม่เพียงพอต่อการรองรับปริมาณน้ำฝนที่มากขึ้นทุกปี
  • ศูนย์พยากรณ์อากาศภาคเหนือ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ปี 2568 ภาคเหนือจะมีฝนตกสูงกว่าค่าเฉลี่ย 15% โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จังหวัดเชียงราย (กอ.รมน.เชียงราย)
  • เทศบาลตำบลแม่สาย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์พยากรณ์อากาศภาคเหนือ กรมอุตุนิยมวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สภากาชาดเยี่ยมแม่สาย หนุนสร้างพนังกั้นน้ำ

สภากาชาดไทย-กาชาดเชียงราย ลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โครงการแนวป้องกันน้ำและขุดลอกแม่น้ำสายแม่สาย

เชียงราย, 18 พฤษภาคม 2568 – สภากาชาดไทยร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ปฏิบัติงานก่อสร้างแนวป้องกันน้ำและขุดลอกแม่น้ำสาย เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในฤดูฝนปีนี้ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน

จุดเริ่มต้นของภารกิจ: การระดมพลังข้ามหน่วยงานเพื่อปกป้องชีวิตประชาชน

โครงการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร และการขุดลอกแม่น้ำสาย เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยน้ำหลากและตลิ่งพัง ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อำเภอแม่สายต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน การค้า และการคมนาคมในพื้นที่

พื้นที่ปฏิบัติงานครอบคลุมตั้งแต่บ้านหัวฝาย หมู่ที่ 1 ตำบลเวียงพางคำ ไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร โดยได้รับการสนับสนุนด้านกำลังพลและเครื่องจักรจากกรมการทหารช่าง กองทัพบก ร่วมกับกองกำลังผาเมือง และมณฑลทหารบกที่ 37

กำลังใจถึงแนวหน้า ผู้นำลงพื้นที่ด้วยตนเอง

ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568 คณะจากสภากาชาดไทย นำโดย นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด พร้อมด้วย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และที่ปรึกษาคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการเหล่ากาชาดอำเภอแม่สาย ร่วมกับที่ทำการปกครองอำเภอแม่สายและแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

บรรยากาศของการลงพื้นที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความหวัง โดยมีการจัดเตรียมน้ำดื่ม อาหารว่าง และอุปกรณ์ป้องกันแดดเพื่อแจกจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณในความเสียสละและความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทุกนาย

รายละเอียดโครงการ ระบบป้องกันน้ำที่ออกแบบอย่างหลากหลาย

เพื่อให้การป้องกันน้ำมีประสิทธิภาพในทุกสภาพพื้นที่ โครงการดังกล่าวได้ออกแบบแนวป้องกันน้ำใน 5 รูปแบบ ดังนี้:

  • แบบที่ 1: ใช้เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก แผ่น Precast panel และคานทับหลัง พร้อมถมดินและเสริมแนว Big bag ด้านบน
  • แบบที่ 2: มีแนวกำแพงพร้อมเสาเหล็กค้ำยัน ใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป
  • แบบที่ 3: เป็นเสาและกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมด
  • แบบที่ 4: กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กมีช่องเปิดสำหรับอาคารริมน้ำ ใช้เหล็กหนา 2 มิลลิเมตร
  • แบบที่ 5: ใช้ Big bag เป็นหลักในการกันน้ำบริเวณแนวอ่อนแรง

นอกจากการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำแล้ว ยังมีการขุดลอกแม่น้ำรวก ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักของพื้นที่ โดยเริ่มตั้งแต่ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ไปจนถึงพื้นที่ในอำเภอเชียงแสน เพื่อเพิ่มความจุของแม่น้ำ ลดแรงดันน้ำและป้องกันตลิ่งทรุด

การขุดลอกแม่น้ำ ขั้นตอนที่ต้องอาศัยความแม่นยำและระมัดระวัง

การดำเนินการขุดลอกแม่น้ำดำเนินด้วยความรอบคอบ โดยเริ่มจากการสำรวจสภาพพื้นที่ สภาพดิน ความกว้าง-ลึกของลำน้ำ และระยะห่างจากสิ่งปลูกสร้างริมตลิ่ง ก่อนจะเริ่มขุดในช่วงละ 50–100 เมตร

จุดที่มีความเสี่ยงต่อการทรุดตัวของตลิ่งจะมีการตอกเสาเข็มไม้ขนาด 6–8 นิ้ว เรียงชิดเป็นแนว เพื่อป้องกันการไหลทลายของดินลงสู่แม่น้ำ อันจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านเรือนริมฝั่งในอนาคต

ความร่วมมือเพื่อความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชน

โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงแนวทางการจัดการภัยพิบัติอย่างมีระบบที่อาศัยความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งพลเรือน ทหาร และภาคประชาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงพื้นที่ของสภากาชาดไทยและเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ ไม่ได้เพียงเป็นการให้กำลังใจเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังเป็นการส่งเสริมขวัญกำลังใจและสร้างแรงสนับสนุนจากระดับนโยบายไปถึงระดับปฏิบัติการ

การป้องกันน้ำท่วมไม่อาจพึ่งพาเฉพาะโครงสร้างทางวิศวกรรม หากต้องเสริมด้วยความเข้าใจในระบบนิเวศ ความร่วมมือของชุมชน และการบำรุงรักษาระบบที่ก่อสร้างไปแล้วอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถลดผลกระทบในระยะยาวได้อย่างแท้จริง

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี 2566 ระบุว่า จังหวัดเชียงรายประสบภัยพิบัติน้ำท่วมรวมทั้งสิ้น 12 ครั้ง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวมกว่า 22,000 ครัวเรือน
  • แม่น้ำสายและแม่น้ำรวก เป็นสองลำน้ำหลักที่มีน้ำหลากบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน
  • กรมทรัพยากรน้ำรายงานว่า ในปี 2567 มีปริมาณฝนสะสมในเขตภาคเหนือสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 13.7% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านน้ำท่วมเฉียบพลัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สภากาชาดไทย
  • เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย
  • กรมการทหารช่าง กองทัพบก
  • กองกำลังผาเมือง
  • มณฑลทหารบกที่ 37
  • ที่ทำการปกครองอำเภอแม่สาย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • กรมทรัพยากรน้ำ
  • สำนักงานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE