
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงยืนยันอาคารปลอดภัยหลังแผ่นดินไหว ขณะที่ข้อสงสัยเรื่องผู้รับเหมาก่อสร้างหอพักบุคลากรทางการแพทย์ยังคงถูกตั้งคำถาม
เชียงราย, 1 เมษายน 2568 – มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ออกแถลงการณ์ยืนยันความปลอดภัยของอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดภายในมหาวิทยาลัย หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ที่มีศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนถึงจังหวัดเชียงราย โดยผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้เร่งดำเนินการตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดทันทีหลังเกิดเหตุ และผลการตรวจสอบระบุว่าไม่พบความเสียหายใด ๆ ต่อโครงสร้างอาคาร โดยยืนยันว่าทุกอาคารได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามมาตรฐานที่สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้
การตรวจสอบความเสียหายและการยืนยันความปลอดภัย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำทีมผู้บริหาร วิศวกรโยธา และช่างจากส่วนอาคารสถานที่ ร่วมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบสภาพอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั่วทั้งมหาวิทยาลัย รวมถึงศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และอาคารหอพักบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง การตรวจสอบดำเนินการระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม 2568 โดยครอบคลุมทั้งโครงสร้างหลัก ระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
ผลการตรวจสอบเบื้องต้นระบุว่า ไม่พบร่องรอยความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวในทุกอาคารของมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยเน้นย้ำว่า อาคารทุกหลังได้รับการออกแบบและก่อสร้างให้สอดคล้องกับมาตรฐานวิศวกรรมที่คำนึงถึงความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว โดยมีการดำเนินการตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง การก่อสร้าง การควบคุมงาน และการตรวจรับงานอย่างถูกต้องตามสัญญา รวมถึงมีการทดสอบวัสดุทุกชนิดที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งผลการทดสอบยืนยันว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
นอกจากนี้ โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU MCH) ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเพจอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 โดยระบุว่า ทีมวิศวกรโยธาผู้เชี่ยวชาญจากส่วนอาคารสถานที่ของมหาวิทยาลัย ร่วมกับทีมวิศวกรของโรงพยาบาล ได้เข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารและระบบความปลอดภัยอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงโครงสร้างทั้งภายในและภายนอก ระบบไฟฟ้า ระบบสัญญาณเตือนภัย ระบบป้องกันอัคคีภัย และเส้นทางอพยพ ผลการตรวจสอบยืนยันว่า โครงสร้างอาคารมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่พบความเสียหายที่ส่งผลต่อความปลอดภัย และระบบสำคัญทั้งหมดยังคงทำงานได้ตามปกติ โรงพยาบาลจึงเปิดให้บริการตามปกติ และพร้อมให้การดูแลผู้ป่วยด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วน ทางมหาวิทยาลัยได้ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานกลาง เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือสภาวิศวกร เพื่อเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติมในขั้นตอนต่อไป โดยคาดว่าการตรวจสอบนี้จะช่วยยืนยันความปลอดภัยของอาคารอย่างเป็นทางการ และลดข้อกังวลที่อาจเกิดขึ้นในหมู่นักศึกษา บุคลากร และประชาชนในพื้นที่
โครงการหอพักบุคลากรทางการแพทย์และข้อสงสัยที่เกิดขึ้น
หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ โครงการก่อสร้าง “หอพักบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมระบบสาธารณูปการ” ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการภายในบริเวณมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โครงการนี้มีราคากลาง 468 ล้านบาท และผู้รับเหมาก่อสร้างคือ กิจการร่วมค้า TPC ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ไทยพารากอน คอนสตรัคชั่น จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด การจัดหาผู้รับเหมาเป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ผ่านวิธีการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-bidding) ซึ่งเป็นกระบวนการที่โปร่งใสและเปิดเผย
ปัจจุบัน โครงการหอพักบุคลากรทางการแพทย์มีความคืบหน้าโดยรวมแล้วเสร็จ 46% โดยงานโครงสร้างหลักทั้งหมดได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานในส่วนของงานสถาปัตยกรรมและงานตกแต่งภายนอก อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เผชิญกับความล่าช้าจากแผนเดิมที่กำหนดไว้ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้การจัดหาวัสดุและการทำงานในบางช่วงหยุดชะงัก
ทางมหาวิทยาลัยระบุว่า การก่อสร้างอาคารหอพักบุคลากรทางการแพทย์ได้ดำเนินการตามแบบและมาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เช่น เหล็กที่ต้องได้รับมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และผ่านการทดสอบจากหน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนให้ทดสอบวัสดุอย่างถูกต้อง วัสดุทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของโครงสร้างได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานบริการทดสอบวัสดุที่ได้มาตรฐาน ซึ่งผลการทดสอบยืนยันว่าเป็นไปตามข้อกำหนดในแบบและมาตรฐานการก่อสร้าง
สำหรับการควบคุมงานก่อสร้าง ทางมหาวิทยาลัยได้มอบหมายให้บริษัทควบคุมงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาดูแล รวมถึงตั้งคณะกรรมการควบคุมการทำงานเพื่อติดตามความคืบหน้า โดยมีการประชุมร่วมกับผู้รับจ้างทุกสัปดาห์ และมีการเข้าไปสังเกตการณ์ในขั้นตอนสำคัญของการก่อสร้าง เพื่อให้มั่นใจว่างานทุกส่วนเป็นไปตามหลักการออกแบบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารสูงในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหว โดยมีการคำนวณโครงสร้างให้สอดคล้องกับประเภทและขนาดของอาคาร
ข้อสงสัยจากสาธารณชนและการเชื่อมโยงกับกรณีอาคาร สตง.
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มลงมาในกรุงเทพมหานคร ข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารต่าง ๆ ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปรายในวงกว้าง โดยเฉพาะเมื่อพบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร สตง. มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะสมาชิกของกิจการร่วมค้า TPC ที่รับผิดชอบการก่อสร้างหอพักบุคลากรทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
เพจ “China Story” ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568 ระบุว่า “บริษัทที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง. ถล่ม ยังมีชื่อปรากฏในโครงการหอพักบุคลากรทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง…” ซึ่งจุดกระแสให้เกิดการตั้งคำถามในหมู่ประชาชนและสื่อมวลชนถึงความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมาในโครงการนี้ ขณะที่เพจ “บิ๊กเกรียน” ได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า บริษัทจีนที่มีส่วนในกรณีอาคาร สตง. ยังได้รับงานก่อสร้างหอพักและโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดเชียงราย ซึ่งยิ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพการก่อสร้าง
สื่อออนไลน์ภาคเหนือ “Lanner” รายงานว่า ในเดือนสิงหาคม 2565 กิจการร่วมค้า TPC ได้ลงประกาศรับสมัครวิศวกรโครงการเพื่อประจำงานที่ “โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง” โดยระบุที่อยู่สำนักงานของผู้รับเหมาที่เลขที่ 493 ซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากนี้ เอกสารการซื้ออิฐมอญจำนวน 3.9 ล้านก้อนจากจังหวัดลำปาง ซึ่งใช้ในโครงการนี้ ยังระบุชื่อผู้ซื้อว่า “กิจการร่วมค้า ทีพีซี (สำหรับโครงการอาคารหอพักบุคลากรทางการแพทย์ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย)” และระบุที่อยู่สำนักงานเดียวกันนี้ โดยเชื่อมโยงกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด อย่างชัดเจน
การค้นพบนี้ทำให้เกิดคำถามว่า กิจการร่วมค้า TPC และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีความสัมพันธ์กันอย่างไร และการที่บริษัทนี้มีส่วนในกรณีอาคาร สตง. ถล่ม จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในโครงการของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยได้ชี้แจงว่า บริษัทควบคุมงานก่อสร้างของโครงการหอพักบุคลากรทางการแพทย์ไม่ใช่รายเดียวกับที่ควบคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง. และวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างไม่มีรายการใดที่เกี่ยวข้องกับเหล็กยี่ห้อที่ปรากฏในข่าวเกี่ยวกับกรณี สตง.
การตอบสนองของมหาวิทยาลัยต่อข้อกังวล
เพื่อคลายความกังวลของสาธารณชน ทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า การดำเนินงานก่อสร้างหอพักบุคลากรทางการแพทย์ได้ผ่านการควบคุมและตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยย้ำว่า งานโครงสร้างที่เสร็จสิ้นไปแล้วได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และไม่พบปัญหาใด ๆ ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัย แม้จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด นอกจากนี้ การที่โครงการล่าช้ามาจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม และไม่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของงานก่อสร้าง
มหาวิทยาลัยยังระบุว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกในการตรวจสอบเพิ่มเติม หากมีข้อสงสัยจากสาธารณชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะนักศึกษา บุคลากร และประชาชนในจังหวัดเชียงรายที่อาจได้รับผลกระทบทางจิตใจจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝ่าย
กรณีนี้ได้นำไปสู่การถกเถียงในสองมุมมองหลัก ฝ่ายหนึ่งมองว่า การที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีอาคาร สตง. ถล่ม ปรากฏชื่อในโครงการของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นสัญญาณที่น่ากังวลเกี่ยวกับคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมา โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความเสียหายรุนแรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความบกพร่องในกระบวนการก่อสร้างหรือการเลือกใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกิดการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงความสัมพันธ์ของบริษัทนี้กับโครงการต่าง ๆ ในประเทศไทย
ในทางกลับกัน อีกฝ่ายหนึ่งให้เหตุผลว่า การที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงยืนยันว่าอาคารทุกหลัง รวมถึงหอพักบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ไม่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว แสดงถึงความแข็งแรงและคุณภาพของงานก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งการจัดหาผู้รับเหมาผ่านระบบ E-bidding เป็นกระบวนการที่โปร่งใสตามกฎหมาย และการล่าช้าของโครงการเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่ใช่ปัญหาด้านคุณภาพ การเชื่อมโยงกับกรณีอาคาร สตง. อาจเป็นเพียงการตีความที่มากเกินไป โดยขาดหลักฐานที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันในแง่ของความบกพร่อง
จากมุมมองที่เป็นกลาง การตั้งข้อสงสัยของสาธารณชนต่อบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีเหตุผลในแง่ที่เกิดจากความกังวลต่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์อาคาร สตง. ถล่ม อย่างไรก็ตาม การยืนยันของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่ระบุถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานและผลการตรวจสอบที่ไม่พบความเสียหาย ก็มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลดความกังวลในเบื้องต้น การหาข้อสรุปที่ชัดเจนจำเป็นต้องรอผลการตรวจสอบเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยไม่ควรรีบตัดสินหรือกล่าวโทษผู้รับเหมาหรือมหาวิทยาลัยเพียงฝ่ายเดียวในขณะนี้
สถิติที่เกี่ยวข้อง
- เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทย: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2550-2567 ประเทศไทยเผชิญแผ่นดินไหวที่มีผลกระทบในประเทศ 12 ครั้ง โดยเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดก่อนหน้านี้เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ขนาด 6.3 ริกเตอร์ ในจังหวัดเชียงราย สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน 1,200 หลัง (ที่มา: รายงานภัยพิบัติ ปภ., 2567)
- โครงการก่อสร้างภาครัฐที่ล่าช้า: สำนักงบประมาณระบุว่า ในช่วงปี 2558-2567 โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีมูลค่าเกิน 400 ล้านบาท มีจำนวน 120 โครงการ โดยร้อยละ 25 เผชิญปัญหาความล่าช้าจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น โควิด-19 และการขาดแคลนวัสดุ (ที่มา: รายงานงบประมาณแผ่นดิน, 2567)
- การใช้ E-bidding ในประเทศไทย: การกีฬาแห่งประเทศไทยรายงานว่า ในปี 2566 การจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบ E-bidding คิดเป็นร้อยละ 85 ของโครงการภาครัฐทั้งหมด ช่วยลดการทุจริตและเพิ่มความโปร่งใสในการประมูล (ที่มา: การกีฬาแห่งประเทศไทย, สถิติการจัดซื้อจัดจ้าง 2566)
สรุป
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ยืนยันถึงความปลอดภัยของอาคารทุกหลัง รวมถึงหอพักบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง หลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยย้ำถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานและการตรวจสอบที่รัดกุม อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเชื่อมโยงกับกรณีอาคาร สตง. ถล่ม ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เพื่อให้เกิดความชัดเจนและความมั่นใจแก่ทุกฝ่ายในอนาคต
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- Lanner
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
- ithmontawan