Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เวียงชัยอิ่มบุญ อบจ.เชียงราย ร่วมสืบชะตา บรรจุพระธาตุ

อบจ.เชียงราย ร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เสริมสร้างสิริมงคลแก่ชุมชนท้องถิ่น

จุดเริ่มต้นแห่งศรัทธาของชุมชนเวียงชัย

เชียงราย, 18 เมษายน 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) โดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนางสาวธมลวรรณ ปัญญาพฤกษ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เขต 1 อำเภอเวียงชัย ร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวงเสริมสิริมงคล ประจำปี 2568 ณ วัดพนาลัยเกษม ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

ความสำคัญของพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุถือเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากพระบรมสารีริกธาตุเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ที่ผ่านการบำเพ็ญบุญบารมีมาอย่างยิ่งใหญ่ ชาวบ้านจึงมีความเชื่อมั่นว่าการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจะนำความสุข สงบ และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชุมชน อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมศรัทธาและจิตใจของชาวบ้าน ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีในชุมชนอีกด้วย

พิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวง เสริมบุญบารมี

ภายในพิธีนอกจากจะมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวง โดยคณะสงฆ์ในพื้นที่ได้ร่วมกันสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี และเสริมสร้างสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมพิธี โดยพิธีสืบชะตาหลวงนี้ถือเป็นประเพณีสำคัญที่ชุมชนภาคเหนือปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ทรงคุณค่าให้ดำรงอยู่สืบไป

บทบาทของอบจ.เชียงรายในการสนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่น

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกอบจ.เชียงราย กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นมาโดยตลอด เพื่อเสริมสร้างความรักสามัคคีและการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งยังส่งเสริมให้ชุมชนมีการศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคมให้มีความสงบสุขและมั่นคง

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงราย

การจัดพิธีในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดเชียงราย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศาสนาที่หลากหลาย โดยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาสัมผัสกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่มีคุณค่าของจังหวัดเชียงราย

การวิเคราะห์และแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน

พิธีกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และหน่วยงานท้องถิ่นในการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งการดำเนินงานเช่นนี้ควรได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางวัฒนธรรม รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างจริงจังและยั่งยืน

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเชียงราย

จากรายงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในปี 2567 พบว่า จังหวัดเชียงรายมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนในกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่า 18% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท (ที่มา: รายงานสถิติการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2567) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2567
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

รถไฟเด่นชัย-เชียงของ เคลียร์ปัญหา เวนคืนที่ดิน

เชียงรายประชุมความคืบหน้ารถไฟเด่นชัย-เชียงของ พร้อมถกปัญหาค่าเวนคืนที่ดิน

เชียงราย, 17 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายจัดประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย, สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย, สำนักงานธนารักษ์พื้นที่เชียงราย และหน่วยงานในจังหวัดเชียงราย

ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางรถไฟ

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในจังหวัดเชียงราย ครอบคลุม อำเภอป่าแดด, อำเภอเทิง, อำเภอเมืองเชียงราย, อำเภอเวียงชัย, อำเภอเวียงเชียงรุ้ง, อำเภอดอยหลวง และอำเภอเชียงของ เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาคเหนือ โดย มีระยะทาง 323.1 กิโลเมตร ครอบคลุม 59 ตำบล 17 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่, ลำปาง, พะเยา และเชียงราย มี 26 สถานี แบ่งเป็น 4 สถานีขนาดใหญ่, 9 สถานีขนาดเล็ก และ 13 ป้ายหยุดรถ ใช้งบประมาณ 85,345 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จภายใน 7 ปี โครงการนี้ยังรวมถึง ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าชายแดนเชียงของ บนพื้นที่ 150 ไร่ ใกล้พรมแดน สปป.ลาว เพื่อรองรับการเชื่อมต่อสู่จีน

ข้อกังวลเรื่องการเวนคืนที่ดิน

ขณะนี้มีความคืบหน้าในการเวนคืนที่ดินไปแล้ว 87% (550 แปลง จากทั้งหมด 634 แปลง) แต่ยังเหลืออีก 84 แปลง ที่อยู่ระหว่างการเจรจา โดยมีกรณีปัญหาการคัดค้านจากเจ้าของที่ดินบางส่วน โดยเฉพาะ พื้นที่ ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย ซึ่งมีประชาชนร้องเรียนว่าค่าเวนคืนต่ำและไม่เพียงพอสำหรับซื้อที่ดินใหม่

เสียงสะท้อนจากประชาชน

  • นายศรัณย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี และ น.ส.ณัฐภา (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี เจ้าของร้านค้าของเก่าใน อ.เวียงชัย กล่าวว่า ตนได้รับค่าเวนคืน ตารางวาละ 19,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 7.5 ล้านบาท แต่ราคาตลาดที่ดินในพื้นที่สูงกว่า ไร่ละ 8-9 ล้านบาท ทำให้เงินเวนคืนไม่พอซื้อที่ดินใหม่
  • นางพิศมัย ชัยสิทธิ์ ชาวบ้าน อ.เชียงของ ระบุว่า ตนได้รับแจ้งว่าที่ดินของตนจะได้เวนคืนเพียง ไร่ละ 400,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าการประเมินในพื้นที่ที่อยู่ที่ 2.5-3.5 ล้านบาทต่อไร่
  • กลุ่มตัวแทนชาวบ้านร้องขอให้ รฟท. ปรับเพิ่มค่าเวนคืน หรือ จัดสรรที่ดินทดแทนในรัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตรจากพื้นที่เดิม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก

จุดยืนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

นายจักรี วิสุทธิพนัง พนักงานเทคนิค 8 ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง รฟท. ระบุว่า ราคาค่าเวนคืนที่ดินคำนวณตามเกณฑ์ของกรมธนารักษ์ และเป็นไปตาม พ.ร.บ.เวนคืนที่ดินและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 เจ้าของที่ดินที่ไม่พอใจราคาสามารถ ยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 1 ปี

นอกจากนี้ รฟท. ยังเสนอซื้อที่ดินส่วนที่เหลือเพิ่มเติม อีก 1 งาน เป็นเงิน 11 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเจ้าของร้านค้าของเก่า แต่เจ้าของเรียกร้อง 79 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาประเมิน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องได้

มาตรการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ

ที่ประชุมมีมติให้ สำนักงานจังหวัดเชียงราย, กรมที่ดิน และธนารักษ์พื้นที่เชียงราย ร่วมกันตรวจสอบราคาเวนคืนที่ดินใหม่ เพื่อหาทางออกที่เป็นธรรม ขณะเดียวกัน ให้ รฟท. เร่งรัดการจ่ายค่าชดเชยให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับ ผู้ที่ต้องการอุทธรณ์การประเมินราคาเวนคืน สามารถยื่นเรื่องต่อ สำนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ศาลปกครอง เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • ความคืบหน้าการเวนคืนที่ดิน: เวนคืนแล้ว 87% (ข้อมูลจาก รฟท. ปี 2568)
  • งบประมาณโครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย – เชียงของ: 85,345 ล้านบาท (ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม ปี 2568)
  • จำนวนสถานีและระยะทาง: 323.1 กิโลเมตร, 26 สถานี (ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางราง ปี 2568)
  • ราคาค่าเวนคืนที่ดินในพื้นที่: ตารางวาละ 19,000 บาท (ข้อมูลจากกรมธนารักษ์ ปี 2568)

สรุป

การประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย – เชียงของ สะท้อนถึงความก้าวหน้าของโครงการและอุปสรรคที่ต้องแก้ไข โดยฝ่ายรัฐยืนยันว่าค่าเวนคืนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ กรมธนารักษ์และกฎหมายเวนคืนที่ดิน ในขณะที่ประชาชนบางส่วนยังคงเห็นว่าราคาที่ได้รับต่ำกว่าราคาตลาด ทำให้เกิดข้อเรียกร้องให้ทบทวน

แนวทางแก้ไขในขณะนี้คือ การตรวจสอบราคาประเมินใหม่ และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ไม่พอใจยื่นอุทธรณ์ผ่านกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะที่โครงการเดินหน้าต่อไป เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของภาคเหนือเกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) / กระทรวงคมนาคม / กรมธนารักษ์ / กรมการขนส่งทางราง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สธ จัดบริการแพทย์เฉพาะทาง 14 คลินิก ดูแลสุขภาพชาวเชียงราย

 
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2567  ที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวร อำเภอเวียงชัย  จังหวัดเชียงราย ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข  ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1  เปิด “โครงการพาหมอไปหาประชาชนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  6  รอบ 28  กรกฎาคม  2567  เขตสุขภาพที่ 1 โดยมี นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน นายบดินทร์ เทียมภักดี  นายอำเภอเวียงชัย กล่าวต้อนรับ ผู้เข้าร่วมพิธีประกอบด้วย พญ.อัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ คณะผู้บริหารในเขตสุขภาพที่ 1 ผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ผู้บริหารโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ บุคลากรในสังกัดและประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย
 

     ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข  ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวว่า โครงการพาหมอไปหาประชาชนเฉลิมพระเกียรติฯ นี้ มุ่งหวังให้ประชาชนที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ให้สามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม สะดวก ได้รับการค้นหาและรักษาโรคในระยะเริ่มต้นได้อย่างทันท่วงที ลดอัตราการป่วย และเสียชีวิตจากโรคสำคัญช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล มุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดคือ “สุขภาพคนไทย เพื่อสุขภาพประเทศไทย”
 

             ทั้งนี้โครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  เขตสุขภาพที่ 1 ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวร อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย โดยโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงรายและภาคีเครือข่ายได้จัดบริการทางการแพทย์ คลินิกตรวจรักษา โดยแพทย์เฉพาะทางจิตอาสา 14 คลินิก 2 กิจกรรม ประกอบด้วย 1.คลินิกคัดกรองมะเร็งตับและท่อน้ำดี 2.คลินิกคัดกรองมะเร็งปากมดลูก 3.คลินิกคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง 4.คลินิกคัดกรองมะเร็งเต้านม 5.คลินิกตาในเด็กและผู้สูงอายุ 6.คลินิกทันตกรรม  7.คลินิกสุขภาพจิต 8.คลินิกตรวจสุขภาพพระสงฆ์ 9.คลินิกฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน 10.คลินิกตรวจมวลกระดูกและตรวจความแข็งตัวของหลอดเลือดแดง 11.คลินิกไตเสื่อม 12.คลินิกผ่าตัดทำเส้นเลือดฟอกไต(AVF) 13.คลินิกคัดกรองความผิดปกติการเต้นของหัวใจ 14.คลินิกหมอความ  2 กิจกรรม ได้แก่ 1.กิจกรรมลงทะเบียนบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่  2.กิจกรรมบริการทางเภสัชกรรมและการคุ้มครองผู้บริโภคฯ 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงราย หนุนงบส่งเสริมและสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟ ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย

 
เมื่อวันที่อังคารที่ 30 เมษายน 2567 นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟ โดยมี นายสมเกียรติ พรมชัย นายกเทศมนตรีตำบลดอนศิลา กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน พร้อมด้วย นายเขื่อนเพ็ชร วงค์เป็ง รองนายกเทศมนตรีตำบลดอนศิลา นายมานพ ปฐมวงค์ ประธานสภาเทศบาลตำบลดอนศิลา ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และบุคลากรเทศบาลตำบลดอนศิลา ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด ณ ข่วงพญาแถน บ้านสมานมิตร ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย โดย อบจ.เชียงราย ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดโครงการ จำนวน 120,000 บาท
 
 
ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นประเพณีหนึ่งของภาคอีสาน โดยมีตำนานมาจากนิทานพื้นบ้านของภาคอีสานเรื่องพระยาคันคาก เรื่องผาแดงนางไอ่ ซึ่งในนิทานพื้นบ้านดังกล่าวได้กล่าวถึง การที่ชาวบ้านได้จัดงานบุญบั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นการบูชาพญาแถน เนื่องด้วยบรรพบุรุษ หมู่บ้านสมานมิตร ต.ดอนศิลา อพยพมาจาก อีสาน ประกอบกับประเพณีบุญบั้งไฟเป็น หนึ่งในฮีตสิบสองของชาวอีสานที่นิยมทำกันในเดือน 6 หรือเดือน 7 อันเป็นช่วงฤดูฝน เข้าสู่การทำนา ตกกล้า หว่าน ไถ เพื่อเป็นการบูชาพญาแถน ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เทศบาลตำบลดอนศิลา จึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่ออนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามเอาไว้ให้ลูกหลาน เสริมสร้างความร่วมมือและปลูกจิตสำนึกรักประเพณีท้องถิ่นของชาวอีสาน และเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ ความรักสามัคคีให้เกิดขึ้นในชุมชนและสังคม ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ทปษ.บุญสิงห์” เปิดการประกวดโคเนื้อ “โคบาลล้านนา ครั้งที่ 3” จังหวัดเชียงราย

 
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2567 ที่หาดทรายเทียมหนองหลวง ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดการประกวดโคเนื้อ “โคบาลล้านนา ครั้งที่ 3” ณ บริเวณหาดทรายเทียมหนองหลวง ตำบลเวียงชัย อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอเวียงชัย นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้การต้อนรับ
 
นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การงานจัดการประกวดโคเนื้อในครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ขยายผลการสร้างมูลค่าเพิ่มโคเนื้อ การยกระดับและเพิ่มศักยภาพมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพอาหารปลอดภัย โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและสร้างเครือข่ายการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพอาหารปลอดภัยอย่างสร้างสรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพ ในจังหวัดเชียงราย 
 
 
เพื่อพัฒนาศักยภาพการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ การคัดเลือกพันธุ์สัตว์ เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ การผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มโคเนื้อ เพิ่มช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรได้เชื่อมโยงเครือข่ายกัน และมีการจัดประกวด 2 ประเภท ได้แก่ โคลูกผสมยุโรปทั่วไป และโคลูกผสมบีฟมาสเตอร์ รวมทั้งหมด 12 รุ่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) และผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่มีการจัดประกวดโคเนื้อเกิดขึ้น ตั้งแต่มีการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อมาระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา 
 
 
ซึ่งผลผลิตโคเนื้อที่ได้พัฒนาปรับปรุงพันธ์โดยพ่อพันธุ์สายเลือดยุโรป เริ่มเจริญเติบโตและขยายเพิ่มขึ้น จังหวัดเชียงราย มีเป้าหมายในการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อ โดยการยกระดับสายเลือดพันธุ์โคเนื้อยุโรป เน้นโคเนื้อสายพันธุ์ บีฟมาสเตอร์ เป็นหลัก
 
 
การจัดงานประกวดโคเนื้อในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ห้างร้าน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการเลี้ยงโคเนื้อ กลุ่มเกษตรกรวิสากิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อต่างๆ เครือข่ายโคเนื้อล้านนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเชี่ยวชาญการเลี้ยงโคเนื้อ ตลอดจนเกษตรกรเจ้าของโคเนื้อที่ส่งโคเนื้อเข้าร่วมประกวดทั้งจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง
 
 
ทางด้าน นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่านับว่าเป็นสิ่งน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับทุกคนที่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานการประกวดโคเนื้อในครั้งนี้ การประกวดถือได้ว่าเป็นการประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่ง ที่จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาและขยายตลาดเนื้อโคคุณภาพ เป็นการแสดงถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์โคเนื้อที่ได้พัฒนามาระดับหนึ่ง ทราบว่าจังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพ มาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เริ่มมีผลผลิตโคเนื้อพันธุ์ดี ที่ได้ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์มาในระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กว่าจะได้ผลผลิตโคเนื้อออกมาต้องใช้เวลานานเป็นแรมปี 
 
 
ทำให้สินค้าโคเนื้อมีโอกาสของเวลาที่สามารถวางแผนการผลิตและการตลาดได้ล่วงหน้า แต่อย่างไรก็ตามผลผลิตโคเนื้อคุณภาพก็ยังมีปริมาณไม่เพียงพอในการบริโภคภายในประเทศ ยังคงมีการนำเข้าโคมีชีวิตและเนื้อโคอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบัน ประเทศไทยต้องเจอภาวะการแข่งขันภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ซึ่งมีผลบังคบใช้ 
 
 
ในวันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นมานั้น โดยมีการลดภาษี เป็น 0% หากเราไม่มีการเร่งรัดพัฒนาทั้งในด้านการผลิต การแปรรูป การตลาด ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกร จะทำให้ไม่สามารถแข่งขันทางการค้าทั้งในและต่างประเทศได้ การพัฒนาขยายช่องทางการตลาดโดยเน้นการประชาสัมพันธ์ การจัดการผลผลิตให้ได้คุณภาพ ซึ่งก็มีหลายปัจจัย โดยเฉพาะในเรื่องของพันธุ์สัตว์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ต้องเร่งพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงได้ โคเนื้อที่มีลักษณะพันธุ์ดี มีอัตราการแลกเนื้อสูง และจากงานวิจัยทางวิชาการ เนื้อที่มีคุณภาพดี ก็ต้องเป็นเนื้อที่ได้จากโคลูกผสมยุโรป พันธุ์ต่างๆ ซึ่งทราบว่า จังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งผลิตโคเนื้อสายพันธุ์ บีฟมาสเตอร์ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่เลี้ยงง่ายปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมบ้านเรา 
 
 
ถือเป็นเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงราย ได้เล็งเห็นความสำคัญ และได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการ โดยต้องการส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ได้พัฒนาการเลี้ยงของตนเอง ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น สามารถที่จะพัฒนาเป็นอาชีพหลักได้ต่อไป และการประกวดโคเนื้อ โคบาลล้านนา ครั้งที่ 3 ในวันนี้จึงนับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ให้ประโยชน์พี่น้องแก่เกษตรกร โดยในจังหวัดเชียงราย ทราบว่า มีการรวมตัวของพี่น้องเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในอำเภอต่างๆ เป็นเครือข่ายโคเนื้อล้านนา ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มเครือข่ายของเราเข้มแข็ง มีพลังต่อรองในเรื่องต่างๆ และทำให้เชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตและการตลาดโคเนื้อ กับเครือข่ายอื่นๆในห่วงโซ่าการผลิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นคง ในอาชีพต่อไป
 
 
นายบุญสิงห์ กล่าวด้วยว่า หลังจากผ่านการประกวดโคในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องเกษตรกรผู้เข้าร่วมงานจะได้ประโยชน์ หรือประสบการณ์ดีๆ ที่ได้เห็นโคเนื้อที่มีวิวัฒนาการปรับปรุงพันธุ์ จนได้ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ต่อครอบครัว และหวังว่ากลุ่มเครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อล้านนาจะเติบโตและเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ และขอให้มีการจัดงาน “โคบาลล้านนาครั้งที่ 4” ให้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต.
 
 
 สำหรับการจัดการประกวดโคเนื้อ “โคบาลล้านนา ครั้งที่ 3” นี้ ดำเนินงานโดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและสร้างเครือข่ายการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพอาหารปลอดภัยอย่างสร้างสรรค์ กิจกรรมการยกระดับและเพิ่มศักยภาพมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพอาหารปลอดภัย ประจำปี 2567 โดยประชาสัมพันธ์ขยายผลการสร้างมูลค่าเพิ่มโคเนื้อ จัดให้มีการประกวดโคเนื้อขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพในจังหวัดเชียงราย และพัฒนาศักยภาพการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ การคัดเลือกพันธุ์สัตว์ และมีการจัดประกวด 2 ประเภท ได้แก่ โคลูกผสมยุโรปทั่วไป และโคลูกผสมบีฟมาสเตอร์ รวมทั้งหมด 12 รุ่น 
 
 
โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 2 (จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน) และผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่มีการจัดประกวดโคเนื้อเกิดขึ้น ตั้งแต่มีการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อมาระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งผลผลิตโคเนื้อที่ได้พัฒนาปรับปรุงพันธ์โดยพ่อพันธุ์สายเลือดยุโรปเริ่มเจริญเติบโตและขยายเพิ่มขึ้นในจังหวัดเชียงราย มีเป้าหมายในการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อ โดยการยกระดับสายเลือดพันธุ์โคเนื้อยุโรป เน้นโคเนื้อสายพันธุ์ บีฟมาสเตอร์ เป็นหลัก
 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News