Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

จังหวัดเชียงราย ส่งแม่ดีเด่น 2 ราย เป็นตัวแทนสู่ระดับประเทศ ประจำปี 2567

 

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 ที่ห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 โดยมีคณะกรรมการฯเข้าร่วม เพื่อร่วมพิจารณาในการคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดเชียงราย โดยมีแม่ดีเด่นที่เข้ารับการคัดเลือกทั้งหมดจำนวน 13 ราย และคณะกรรมการฯ จะคัดเลือกในครั้งนี้เพียง 2 ราย เพื่อสู่การคัดเลือกในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อยกย่อง และเผยแพร่เกียรติคุณผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นแม่แห่งชาติให้ปรากฏแก่สาธารณชน

 

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปถัมภ์ ได้กำหนดจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 เพื่อเทิดทูนและเผยแพร่พระเกียรติคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแม่แห่งชาติ เพื่อเผยแพร่พระคุณและบทบาทของแม่ ที่มีต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติ เพื่อยกย่องแม่ดีเด่น และลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่
 
 
สำหรับหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2567 แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้ 
 
1) แม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม คัดเลือกจากแม่ที่บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นและสังคม ด้วยความเสียสละ มีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เป็นแบบอย่างได้ เป็นผู้มีความประพฤติดี มีคุณธรรมและจริยธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม ให้การดูแลบุพการีและทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีโดยไม่บกพร่อง รวมทั้งทำหน้าที่ของแม่ที่ดี ให้การอบรมเลี้ยงดูลูกให้มีการศึกษา มีความประพฤติดี และมีอาชีพสุจริต 
 
2) แม่ผู้มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียร คัดเลือกจากแม่ที่มีความยากลำบาก ขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพ เป็นผู้มีความประพฤติดี มีคุณธรรมและจริยธรรม และบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม อบรมเลี้ยงดูลูกด้วยความรัก ความเอาใจใส่ เสียสละ และด้วยความมานะอดทน ทำให้ลูกได้รับการศึกษา มีอาชีพสุจริต มีความประพฤติดี เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม 
 
3) แม่ของลูกผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ คัดเลือกจากแม่ที่มีความประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก มีลูกซึ่งอุทิศตน เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในด้านการศึกษา พัฒนาสังคม เศรษฐกิจ การสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ ฯลฯ มีความประพฤติดี มีอาชีพสุจริต เป็นที่ยอมรับของสังคม และเป็นผู้ที่นิยมและรักษาเอกลักษณ์ของไทย สมควรเป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไป 
 
4) แม่ผู้เป็นเกษตรกร คัดเลือกจากแม่ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีความขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมจนเป็นที่ยอมรับ มีความซื่อสัตย์สุจริต อบรมเลี้ยงดูลูกด้วยความรักความเอาใจใส่ด้วยความมานะอดทน ทำให้ลูกได้รับการศึกษา มีอาชีพสุจริต มีความประพฤติดี เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม 
 
5) แม่ของผู้เสียสละ คัดเลือกจากแม่ที่มีลูกเป็นทหาร ตำรวจ ซึ่งได้เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความมั่นคงของชาติ การรักษาความสงบเรียบร้อย โดยได้ประกอบวีรกรรมที่ควรแก่การยกย่อง หรือทำคุณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติอย่างเด่นชัด และ
 
6) แม่ผู้เป็นอาสาสมัครและแม่ของลูกที่เป็นอาสาสมัคร คัดเลือกจากแม่ผู้เป็นอาสาสมัครและแม่ขอลูกที่เป็นอาสาสมัคร ซึ่งได้เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อการบรรเทาสาธารณภัยการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือนร้อน โดยได้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติอย่างเด่นชัด สมควรเป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไป
 
 
นอกจากนี้คุณสมบัติของแม่ดีเด่นแห่งชาติ จะต้องมีสัญชาติไทย มีความประพฤติดี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความเป็นแม่ที่ดี มีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี ยกเว้นแม่ของผู้เสียสละ มีครอบครัวเป็นที่ยอมรับ และเป็นแบบอย่างของสังคม เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคม เป็นผู้นิยมและรักษาเอกลักษณ์ของไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเสื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งผู้ที่เสนอชื่อเข้ารับการคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติในส่วนกลาง จะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกฯ ในส่วนภูมิภาค (ระดับจังหวัด ในปีเดียวกัน)
 
 
ทั้งนี้แม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 ที่เข้ารับการสัมภาษณ์พิจารณาจากคณะกรรมการฯ ในครั้งนี้จะได้รับเกียรติบัตรทุกราย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ มอบโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ส่วนผู้ได้รับการเสนอชื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 จะได้เข้าพิจารณาในส่วนของระดับประเทศต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เดินหน้านโยบายสามพี่น้องท้องถิ่น กำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำ ต.ดอยงาม

 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น.

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่อำเภอพาน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในพื้นที่ตำบลดอยงาม อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เรื่องการกำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ระหว่าง อบจ.เชียงราย กับ อบต.ดอยงาม ฝ่ายปกครองต.ดอยงาม บ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7 โดยมีนายสุพิศ สมยาราช นายก อบต.ดอยงาม นายนเรศ วรรณวนา ผู้ใหญ่บ้านสันช้างตาย ม.7 นายสำอางค์ ธรรมโก กำนัน ต.ดอยงาม ร่วมลงนามทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามครั้งนี้ด้วย
.
การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ จัดทำขึ้นระหว่าง อบจ.เชียงราย โดย นายก อบจ.เชียงราย กับ อบต.ดอยงาม โดย นายก อบต.ดอยงาม ฝ่ายปกครองตำบลดอยงาม โดย กำนันตำบลดอยงาม บ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7 โดย ผู้ใหญ่บ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ ทำขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินการกำจัดวัชพืชออกจากแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ ในพื้นที่ตำบลดอยงาม อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เนื่องจากประสบปัญหาการแพร่กระจายของวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน และกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้งได้น้อย อบจ.เชียงราย ร่วมกับอบต.ดอยงาม
 
 
ฝ่ายปกครองต.ดอยงาม และบ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7 ร่วมบูรณาการในการกำจัดวัชพืช ออกจากแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ ต.ดอยงาม อ.พาน ด้วยวิธีการใช้เครื่องจักรกลหนัก ของ อบจ.เชียงราย โดย อบต.ดอยงาม เป็นผู้สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิง และฝ่ายปกครองตำบลดอยงาม และบ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7 เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน เพื่อให้การกำจัดวัชพืชออกจากแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์พื้นที่ต.ดอยงาม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขับเคลื่อนนโยบายกระจายเครื่องจักรและบุคลากรลงสู่ชุมชน ในการพัฒนาพื้นที่อย่างครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ ด้วยความร่วมมือของ สามพี่น้องท้องถิ่นและชุมชน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ตักบาตรเที่ยงคืนเชียงราย ปี 67 วันเป็งปุ๊ด เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 23.39 น. เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมกับวัดมิ่งเมือง โดยได้รับความเมตตาจากพระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 เป็นประธานสงฆ์ คณะผู้บริหาร ประธานสภา สมาชิกสภาเทศบาล ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ผอ.โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครเชียงราย พี่น้องชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงรายประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะ ที่วัดมิ่งเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

 
โดย พระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 เป็นประธานสงฆ์ นำคณะพระภิษุกจากวัดต่างๆในอำเภอเมืองเชียงราย ออกรับบาตร ซึ่งตลอดทั้งสองข้างทางตั้งแต่หน้าวัดมิ่งเมือง ผ่าน หอนาฬิกาฯ จนถึงสี่แยกประตูสลี มีพุทธศาสนิกชนจังหวัดเชียงราย ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ ได้นำข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม มาทำบุญตักบาตรเป็งปุ๊ด หรือเรียกกันทั่วไปว่าตักบาตรเที่ยงคืน ซึ่งในครั้งนี้ถือว่ามีผู้มาร่วมทำบุญตักบาตรจำนวนมาก ซึ่งปี 25667 มีวันเป็งปุ๊ด เพียง 1 ครั้งเท่านั้น คือวันที่ 21 เข้าสู่วันที่ 22 พฤษภาคม 2567
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นความงดงามของเราชาวล้านนาและชาวพุทธ ที่ได้มาร่วมสืบสานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่ปฏิบัติสืบต่อเนื่องกันมา
 
 

พระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เป็นประธานสงฆ์ นำคณะพระภิษุกจากวัดต่างๆในอำเภอเมือง ออกรับบาตร ซึ่งตลอดทั้งสองข้างทางมีพุทธศาสนิกชนจังหวัดเชียงราย ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศได้นำข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม มาทำบุญตักบาตรเป็งปุ๊ด หรือเรียกกันทั่วไปว่าตักบาตรเที่ยงคืน ซึ่งในครั้งนี้ถือว่ามีผู้มาร่วมทำบุญตักบาตรจำนวนมาก รวมระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร

 

นอกจากนี้อาจารย์คฑา ชินบัญชร หรือ เขมชาติ ปริญญานุสรณ์ เรียกว่ายืนหนึ่งเป็นนักพยากรณ์ หมอดูไพ่ยิปซีและฮวงจุ้ยเบอร์ต้นของประเทศไทย เดินทางมาร่วมใส่บาตรด้วย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิธีอัญเชิญพระอุปคุตประกอบพิธี ตักบาตรเที่ยงคืนครั้งเดียวในปี 2567

 

เมื่อวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัยจงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มอบหมายให้ นายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมกับวัดมิ่งเมือง โดยได้รับความเมตตาจากพระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 เป็นประธานสงฆ์ คณะผู้บริหาร ประธานสภา สมาชิกสภาเทศบาล ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ผอ.โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครเชียงราย พี่น้องชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตจากลำน้ำกก บริเวณสวนแม่ฟ้าหลวง เพื่อร่วมอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณี อันดีงามของชาวล้านนา ที่มีการปฎิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

 

ทั้งนี้ การร่วมอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก โดยพระครูโสภณศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลนครเชียงราย ณ บริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง และเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระอุปคุตบนรถบุษบกไปยังวัดมิ่งเมือง เมื่อเวลา 23.39 น.ก่อนเที่ยงคืนจะมีการร่วมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุ สามเณรจำนวน 72 รูป ตั้งแต่บริเวณหน้าวัดมิ่งเมืองไปตามถนนบรรพปราการ-หอนาฬิกานครเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

สมาคมขัวศิลปะเตรียมพร้อมย้าย ไปหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567สมาคมขัวศิลปะ โดยอาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคม, อาจารย์ทรงเดช ทิพย์ทอง อาจารย์ชาตะ ใหม่วงค์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, อาจารย์สมพงษ์ สารทรัพย์ ผู้แทนบอร์ดบริหารหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย และคณะกรรมการบริหารสมาคมขัวศิลปะ จัดประชุมประจำเดือนพฤษภาคม 2567 และวาระพิเศษฯ

 

โดยการประชุมได้ปรึกษาและหารือแนวทางการจัดการหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) และมีข้อหารือประกอบด้วย การเตรียมความพร้อม ขนย้าย และส่งคืนพื้นที่ขัวศิลปะปัจจุบัน และประเมินทรัพย์สินเพื่อทำการย้ายไปยังหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย การหาแนวทางเรื่องการบริหารจัดการหอศิลป์ฯ แห่งใหม่เพื่อเร่งเปิดพื้นที่แก่ประชาชน ศิลปิน นักท่องเที่ยว และยังคงมีมติของการรักษาการของคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ไปจนกว่าจะได้บอร์ดบริหารใหม่รวมถึงการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ และการหารือกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ย้ายไปที่แห่งใหม่เรียบร้อยแล้วนั้น
 
 
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ร่างกรอบแนวทางการจัดการพื้นที่ และกิจกรรม รวมถึงรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการจัดงานไทยแลนด์เบียนนาเล่, เชียงราย 2023 ที่ผ่านมา โดยจะนำบทสรุปดังกล่าวเสนอต่อบอร์ดบริหารชุดใหม่ รวมถึงกำหนดกรอปหน้าที่ในช่วงของการเตรียมความพร้อมที่จะจัดงานศิลปะ เทศกาล หรือกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ขัวศิลปะ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. แถลงความสำเร็จ ศูนย์ฝึกอบรม กำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ

 

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 67 ณ ห้องประชุมประดู่แดง 1 อาคารพลเอกสำเภา ชูศรี (E4) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้จัดแถลงข่าวความสำเร็จโครงการ “ศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เพื่อเชื่อมโยง GMS” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ดรุณี วัฒนศิริเวช รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวิศิฎฐ์ เลาหะเพ็ญแสง คณบดีสำนักวิทยาเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สันติชัย วิชา หัวหน้าโครงการฯ นายณัฐกฤต แก้วประทุม นักวิชาการขนส่งชํานาญการ คุณสรนพ บ้านใหญ่ SCGJWD Academy ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

 

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการจัดทำโครงการ “ศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เพื่อเชื่อมโยง GMS” มุ่งพัฒนากำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ เสริมสร้าง ศักยภาพ รองรับการขยายตัวของศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เชื่อมโยง Greater Mekong Subregion (GMS)

 

โดยได้รับความร่วมมือจาก กรมการขนส่งทางบก โรงเรียนทักษะพิพัฒน์หรือ SCGJWD Academy บริษัท แอดวานซ์ อิน โฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยพะเยา ร่วมขับเคลื่อนและได้จัดตั้งศูนย์ฝึกกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจริยะ (Mixed Reality Center of Excellence) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ ที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ อาทิ ผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าและส่งออก พนักงานขับรถยกและรถบรรทุก เจ้าหน้าที่คลังสินค้า และนักศึกษารวมทั้งสิ้นกว่า 300 ราย และกำลังจะดำเนินการฝึกอบรมเพิ่มเติมทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพะเยา ให้มีความรู้ความสามารถที่ทันสมัย ผ่านหลักสูตรทั้งหมด 5 หลักสูตร ซึ่งรองรับรูปแบบการเรียนแบบผสมผสาน (Hybrid) ทั้งออนไลน์และห้องเรียน ตลอดจนให้ประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริง (Simulation) ที่ได้มีการประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยี Mixed Reality ผ่านแว่น HoloLens ภายใต้โครงการ ทั้งหมด 9 ตัว ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาด ยกระดับการฝึกอบรมด้านโลจิสติกส์อัจริยะเพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้งช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันต่อไป

 

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มั่นใจว่าโครงการนี้จะบรรลุเป้าหมาย ส่งผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และประโยชน์ต่อประเทศชาติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค ดึงดูดนักลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้าขาย เชื่อมโยง GMS การค้าขายการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยว ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงต่อไป.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย มอบทุน 5 ล้านบาท ช่วยนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส

 
เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ ประธานสภา อบจ.เชียงราย สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย ผู้บริหาร อบจ.เชียงราย และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานแถลงข่าวโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ สำหรับนักศึกษา นักเรียน ที่ยากจนหรือด้อยโอกาส 
 
 

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินงานการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย และเป็นไปตามนโยบายของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้เล็งเห็นความสำคัญตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ และให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษา และการให้ความช่วยเหลือนักเรียน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2561 เพื่อเป็นการช่วยเหลือนักศึกษานักศึกษา และการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนและด้อยโอกาส จึงได้จัดทำโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ สำหรับนักศึกษา และนักเรียน ที่ยากจนหรือด้อยโอกาส     เพื่อช่วยเหลือนักศึกษา และนักเรียนที่ยากจนหรือด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย ให้ได้รับเงินทุนการศึกษา และเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาตามความเหมาะสม อีกทั้งลดค่าใช้จ่ายและลดภาระให้กับผู้ปกครอง

 

โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้จัดทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ สำหรับนักศึกษาและนักเรียน ที่ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยตั้งงบประมาณตามโครงการจำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) แบ่งออกเป็นทุน 2 ประเภทคือ

  1. ทุนเงินช่วยเหลือนักเรียน
  • ระดับชั้นอนุบาลศึกษา จำนวนเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท/ปีการศึกษา/คน
  • ระดับชั้นประถมศึกษา จำนวนเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท/ปีการศึกษา/คน
  • ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวนเงินช่วยเหลือ 4,000 บาท/ปีการศึกษา/คน
  • ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า จำนวนเงินช่วยเหลือ 6,000 บาท/ปีการศึกษา/คน

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอรับความช่วยเหลือ 

  1. เป็นผู้มีสัญชาติไทยและภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ระยะเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
  2. เป็นผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก และขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน (ผู้ยากจน) หรือ เป็นผู้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่สามารถดำรงชีวิตได้เท่าเทียมกับผู้อื่น (ผู้ด้อยโอกาส)
  3. เป็นผู้มีความประพฤติดี
  4. เป็นผู้ที่กำลังศึกษาในโรงเรียนระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
  5. ไม่อยู่ระหว่างการรับการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการศึกษาจากหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น

2.ทุนการศึกษา

เป็นทุนการศึกษาแก่นักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส และต้องเป็นการศึกษาในหลักสูตรที่สูงกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า แต่ต้องไม่สูงกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า จำนวนเงินทุนการศึกษา 33,000 บาท/ปีการศึกษา/คน และผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษาฯ จะต้องเป็นผู้ศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาของรัฐ จำนวนทุนการศึกษา จำนวน 100 ทุน ปีการศึกษาละไม่เกิน 33,000 บาท แบ่งเป็นจำนวน 80 ทุน ได้แก่

 

  • สาธารณสุขศาสตร์ 
  • พยาบาลศาสตร์
  • แพทย์แผนไทย
  • สาธารณสุขศาสตร์ (ทันตสาธารณสุข)

และอีกจำนวน 20 ทุน ได้แก่ คณะและสาขาอื่นๆ          

 

               คุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษา

  1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายระยะเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
  2. เป็นผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก และขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน (ผู้ยากจน) หรือ เป็นผู้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่สามารถดำรงชีวิตได้เท่าเทียมกับผู้อื่น (ผู้ด้อยโอกาส)
  3. เป็นผู้มีความประพฤติดี
  4. เป็นผู้ที่กำลังศึกษาในหลักสูตรที่สูงกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า แต่ต้องไม่สูงกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าและศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาของรัฐ

               ผู้สนใจสมัครขอรับทุนช่วยเหลือนักเรียนและทุนการศึกษา สามารถติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่ สำนักการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ชั้น 1 หรือดาวน์โหลดใบสมัคร    ได้ที่ www.chiangraipao.go.th โดยยื่นใบสมัครด้วยตนเองหรือผู้ปกครองได้ที่สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ชั้น 1 (ในวัน เวลาราชการ) หรือส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับมายังสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (สมัครขอรับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการศึกษา หรือสมัครขอรับทุนการศึกษา) เลขที่ 521 ถนนศูนย์ราชการฝั่งหมิ่น ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 57100 (ถือวันประทับตราไปรษณีย์เป็นวันยื่นใบสมัคร)     

 

 โดยทุนเงินช่วยเหลือนักเรียนสามารถยื่นขอได้ตั้งแต่บัดนี้ – 1 กันยายน 2567 และทุนการศึกษาสามารถยื่นขอได้ตั้งแต่บัดนี้ – 30 มิถุนายน 2567 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โทรศัพท์ 0 5317 5333 ต่อ 1109 ในวันและเวลาราชการ

 

               ทั้งนี้เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ด้านการผลิตบุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้กลับมาทำงานในท้องถิ่น และรองรับการให้บริการด้านสุขภาพของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี (สอน.) ที่ได้ถ่ายโอนภารกิจมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยในปีงบประมาณ 2567 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ภายใต้การบริหารงานโดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย       ได้ดำเนินการจัดโครงการยูนิตทำฟัน กระจายลงสู่พื้นที่ รพ.สต.และ สอน. กว่า 40 แห่ง เพื่อให้บริการสุขภาพช่องปากแก่ประชาชน ซึ่งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนในเดินทางไปยังโรงพยาบาลในอำเภอ หรือตัวจังหวัด  โดยให้บริการด้านการขูดหินปูน อุดฟัน และถอนฟัน ในหน่วยบริการทันตกรรมของ รพ.สต. ในพื้นที่ของตนเอง ตามนโยบาย “โฮงยาใกล้บ้าน” และการสนับสนุนทุนการศึกษาในครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริม   ให้ผู้ที่สนใจในด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้มีขวัญและกำลังใจที่จะกลับมาทำงานใกล้บ้านและให้บริการด้านสุขภาพแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ของตนเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยการขับเคลื่อนนโยบายนี้เพื่อพัฒนาและสร้างโอกาสให้คนเชียงรายได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมในทุกมิติ ทั้งด้านการศึกษาและการสาธารณสุขต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เจ้าหน้าที่ จ.เชียงราย ส่งทีมยึดรถจับผู้ต้องหาก่อนลอบส่งข้ามโขงไปลาว

 
เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2567 นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ จ.เชียงราย มอบหมายให้สมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.เชียงของ ที่ 7 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหารสถานีเรือเชียงของ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย สภ.เชียงของ ด่านศุลกากรเชียงของ และทหารพรานกองกำลังผาเมือง ทำการตรวจยึดของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน เรือกาบซึ่งเป็นเรือยนต์ในแม่น้ำโขงยาว 15 เมตร จำนวน 1 ลำ 
 
 
หลังจากช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าจะมีการลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ชายแดนไทย – ลาว พื้นที่หมู่บ้านดอนมหาวัน ต.เวียง อ.เชียงของ จึงได้ร่วมกันไปตรวจสอบพบกลุ่มคนต้องสงสัยจำนวน 3 คน โดย 2 คนแรกขับเรือกาบมาเทียบฝั่งส่วนอีก 1 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางจะไปยังเรือกาบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าไปตรวจสอบแต่คนทั้งหมดพากันตกใจและวิ่งขึ้นเรือกาบลำหนึ่งแล้วแล่นออกจากเขตประเทศไทยไป และทิ้งของกลางเอาไว้ดังกล่าว
 
 
ในเวลาใกล้เคียงกันเจ้าหน้าที่ทหารสถานีเรือเชียงของ นรข.เขตเชียงราย ได้รับแจ้งว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดรถจักรยนยนต์ ได้มีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้แชมป์ ติดป้ายทะเบียนว่า 2 กณ 917 กรุงเทพฯ พยายามจะขับไปตามเส้นทางธรรมชาติสู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่หมู่บ้านห้วยเม็ง ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย  เจ้าหน้าที่จึงแยกกำลังไปตรวจสอบปรากฎว่าคนขับรถบนต์ได้วิ่งหลบหนีไปกับความมืดและทิ้งรถเอาไว้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันนำของกลางทั้ง 2 คดี ส่งด่านศุลกากรเชียงของเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

รวบถึงเชียงราย “แก้ว เกวลิน” หลอกลงทุนลอตเตอรี่ เสียหายกว่า 15 ล้าน

 

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนผ่านเพจ “สืบนครบาล IDMB” ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุม น.ส.เกวลิน หรือแก้ว ซึ่งมีพฤติการณ์ ชักชวนหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อโควตาลอตเตอรี่ ในราคากล่องละ 42,500 บาท (ลอตตารี่ 1 กล่องมี 500 ใบ) โดยจะได้รับผลกำไรตอบแทนเป็นเงิน กล่องละ 2,000 บาท ผู้แจ้งมีความสนใจที่จะร่วมลงทุนกับ น.ส.เกวลิน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,711,630 บาท ต่อมาผู้แจ้งไม่ได้รับปันผลตามที่ได้ตกลงไว้ และได้พยายามขอเงินคืนจาก น.ส.เกวลิน แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมคืนเงินจนไม่สามารถติดต่อ น.ส.เกวลิน หรือแก้ว ได้อีกจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

 
ต่อมาศาลอาญาพระโขนงได้พิจารณาอนุมัติหมายจับเพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.136/2566 ลงวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ” แต่ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยใดสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ผู้เสียหายจึงเข้ามาแจ้งในเพจ “ สืบนครบาล IDMB ” เพื่อความหวังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาลช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องการที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีให้ได้เนื่องจากตนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากและเชื่อว่ายังมีประชาชนอีกหลายรายถูกคนร้ายรายนี้หลอกให้ร่วมลงทุนจนได้รับความเสียหายหลักล้านบาทไม่ต่างจากตน เช่นกัน
 
 
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ทราบข้อมูลว่า ณ ปัจจุบัน ผู้ก่อเหตุรายดังกล่าวมีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีอยู่ จำนวน 4 หมายจับ ประกอบด้วย
1) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.136/2566 ลงวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ” ท้องที่ สน.คลองตัน
2) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตราด ที่ จ.56/2567 ลงวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ” ท้องที่ สภ.หนองบอน ภ.จว.ตราด
3) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ที่ 22/2566 (คดีหมายเลขดำ ที่ อ 507/2565 , คดีหมายเลขแดง ที่ อ 146/2566) ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ”
4) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 439/2566 (คดีหมายเลขดำ ที่ อ184/2566 , คดีหมายเลขแดง ที่ อ 597/2566) ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ”
 
 
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เมื่อเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนจากการรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. เร่งรัดให้ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. กำชับให้ รีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
 
 
ต่อมาวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ สืบนครบาล ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม น.ส.เกวลิน อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.136/2566 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ”
.
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณ ภายในร้านจำหน่ายรถไฟฟ้า ภายในตลาดล้านเมือง ม.6 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย
 
 
ในชั้นจับกุม น.ส.เกวลิน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตนจบม.6 จากนั้นได้ไปอบรมเป็นผู้ช่วยพยาบาลจนได้รับใบประกาศและมาทำงานอยู่ในโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ปี ต่อมา เมื่อช่วงประมาณปี 2558 รัฐบาลได้มีการเปิดให้บุคคลทั่วไปสมัครลงทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิซื้อจองสลากกินแบ่งรัฐบาล ตนได้ไปลงทะเบียนจนได้รับสิทธิโควต้ามาจำนวน 1 กล่อง ก่อนจะลาออกจากงานผู้ช่วยพยาบาล แล้วมาเร่ขายลอตเตอรี่ตามสิทธิที่ตนได้ จากนั้น เมื่อช่วงประมาณปี 2562–2563 หลังจากมีประสบการณ์จากการได้รับสิทธิโควต้าลอตเตอรี่และการขายลอตเตอรี่ ตนเห็นช่องทางที่จะสามารถสร้างผลกำไรต่อยอดจากอาชีพนี้ได้ จึงทำการติดต่อซื้อสิทธิโควตาลอตเตอรี่จากคนที่ได้สิทธิแต่ไม่ได้นำลอตเตอรี่มาขาย เพื่อตนจะได้นำไปขายต่อให้ผู้สนใจโดยคิดกำไรส่วนต่าง จนมีคนรู้จักติดต่อมาเพื่อร่วมลงทุนด้วยกว่า 10 ราย โดยแต่ละรายรวมลงทุนรายละประมาณ 3 ล้าน ถึง 5 ล้าน โดยช่วงแรกที่ราคาลอตเตอรี่ไม่แพงมากธุรกิจนี้สร้างผลกำไรให้ตนเป็นอย่างดี
 
 
ต่อมาเมื่อช่วงประมาณปี 2563 ที่สถานการณ์โควิดระบาดอย่างรุนแรง ทำให้ลอตเตอรี่ขายไม่ได้ ประกอบกับราคาลอตเตอรี่มีการผันผวนไม่คงที่ แต่ตนยังต้องแบกภาระเพื่อคืนกำไรให้แก่ผู้ร่วมลงทุนจำนวนเท่าเดิมทุกงวดตามที่ตกลงกันไว้ จึงได้นำเงินทุนจากผู้ที่สนใจลงทุนเพิ่ม นำไปจ่ายคืนกำไรให้แก่ผู้ร่วมลงทุนไปก่อนเพื่อให้ผ่านพ้นเป็นงวดๆไป จนท้ายที่สุดตนไม่สามารถหากำไรมาจ่ายให้แก่ผู้ร่วมลงทุนได้ ทั้งที่ตนพยายามถึงขนาดต้องไปกู้เงินนอกระบบมาหมุนเพื่อเป็นกำไรให้แก่ผู้ร่วมลงทุน แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด จึงได้หลบหนี ก่อนจะมาถูกจับกุมตัวในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว น.ส.เกวลิน ผู้ต้องหาตามหมายจับ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
 
 
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย ตลอดจนศึกษารายละเอียดของการลงทุนแต่ละรูปแบบให้ชัดเจนเสียก่อน หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สืบนครบาล IDMB

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กกต.เชียงราย เผยเปิดรับสมัคร สว. 20-24 พ.ค. 67 ไม่เว้นวันหยุดราชการ

 

เมื่อวันที่พฤหัสบดี ที่ 16 พฤษภาคม 2567 ที่ห้องประชุมคชสาร ศูนย์การเรียนรู้และนันทนาการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้การดำเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยมีนายชูชาติ สุขสงวน ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.จังหวัดเชียงราย กล่าวเปิดงาน และบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา โดยมีประชาชนที่สนใจ ผู้ทรงคุณวุฒิจากกลุ่มสาขาอาชีพต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมรับฟังกว่า 100 คน

 

         โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจในการดำเนินการของการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ก่อนที่จะมีการสมัครรับเลือก ซึ่งในกิจกรรมมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกการดำเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกระบวนการรับสมัคร ขั้นตอนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา รวมถึงหลักเกณฑ์วิธีการแนะนำตัว ข้อห้าม ความผิดและแนวทางวินิจฉัยคุณสมบัติ ก่อนที่จะมีการรับสมัคร ในวันที่ 20 ถึง 24 พฤษภาคม 2567 นี้ 

 

           นายชูชาติ สุขสงวน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งและวันสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 โดยกำหนดให้มีการเลือก 3 ระดับ คือ ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และ ระดับประเทศ

 

          โดยจะมีการรับสมัครในวันที่ 20-24 พฤษภาคม 2567 ณ สำนักทะเบียน ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง  ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึง 16.30 น. ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งระดับอำเภอกำหนด ไม่เว้นวันหยุดราชการ และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอขึ้นในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 ระดับจังหวัดในวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ซึ่งจะเป็นการเลือกกันเองของผู้สมัครรับเลือก สว. ที่มาจากกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม ตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับผู้ที่ประสงค์สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาจะสมัครได้เพียงกลุ่มเดียว อำเภอเดียว และจะถอนการสมัครไม่ ได้โดยสามารถติดต่อขอรับใบสมัคร (สว.2) พร้อมแบบข้อมูลแนะนำตัว (สว.3) และแบบหนังสือรับรองความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรือทำงานในกลุ่มที่สมัคร (สว.4)ด้วยตนเอง ได้ที่สำนักทะเบียนอำเภอ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง

 

       สำหรับการสมัครรับเลือก สว. จะเสียค่าสมัครคนละ 2,500 บาท โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ในวันสมัคร มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ เกิดในอำเภอที่สมัคร มีชื่อหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก ทำงานหรือเคยทำงานในอำเภอที่สมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในอำเภอที่สมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี การศึกษา

 

      ผู้สมัครรับเลือก สว.ไม่สามารถหาเสียงได้ แต่สามารถแนะนำตัวตามแบบข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร โดยระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 กำหนด ให้มีข้อความและข้อมูลดังนี้ ข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัคร ประวัติการศึกษาของผู้สมัคร ประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัคร ไม่เกิน 5 บรรทัด ทั้งนี้ผู้สมัครอาจแนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่ กกต. กำหนด  

 

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการเลือก สว. เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือสายด่วน 1444

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News