
รัสเซียลงนามสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมียนมา ไทยจับตาความปลอดภัยใกล้ชายแดน
เมียนมาจับมือรัสเซีย พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใกล้ชายแดนไทย
เมียนมา – วันที่ 8 มีนาคม 2568 พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือก่อสร้าง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor หรือ SMR) ใน เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไทยที่จังหวัดกาญจนบุรีเพียง 132 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 300 กิโลเมตร
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ ระหว่างสองประเทศ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2023 โดยรัสเซียเสนอความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยี พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ให้แก่เมียนมา ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า โรงไฟฟ้าดังกล่าวจะมีกำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ และใช้ เครื่องปฏิกรณ์ RITM-200N ที่พัฒนาโดยบริษัท Rosatom ซึ่งเป็นผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์รายใหญ่ของรัสเซีย
เครื่องปฏิกรณ์ RITM-200N คืออะไร?
ตามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานนิวเคลียร์ (รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำจุฬาฯ และ ผศ.ดร.พงษ์แพทย์ เพ่งวาณิชย์ จากภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ) เครื่องปฏิกรณ์ที่คาดว่าจะถูกนำมาติดตั้งในเมียนมาคือ RITM-200N ซึ่งเป็น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor – SMR)
จุดเด่นของเครื่องปฏิกรณ์ชนิดนี้ ได้แก่:
- มีขนาดเล็ก กำลังการผลิต 55 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง
- สามารถติดตั้งและใช้งานในพื้นที่จำกัด
- ใช้ระบบหล่อเย็นแบบปิด ลดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม
- พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับโรงไฟฟ้าขนาดเล็กและเรือตัดน้ำแข็งของรัสเซีย
- มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงตามข้อกำหนดของ IAEA
อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีจะได้รับการออกแบบมาให้ปลอดภัย แต่ความกังวลเกี่ยวกับการบริหารจัดการของรัฐบาลทหารเมียนมา รวมถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองของประเทศ อาจเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
ผลกระทบต่อไทย และความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม
โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมียนมา สร้างความกังวลให้กับประชาชนในไทย เนื่องจาก ที่ตั้งของโรงไฟฟ้าอยู่ใกล้ชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ ผลกระทบอาจลุกลามถึงพื้นที่ในประเทศไทยได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานให้ความเห็นว่า “แม้เทคโนโลยี SMR จะมีความปลอดภัยสูงกว่าระบบปฏิกรณ์รุ่นเก่า แต่ความเสี่ยงที่แท้จริงอยู่ที่มาตรฐานการควบคุมของรัฐบาลเมียนมา ซึ่งขาดเสถียรภาพทางการเมืองและยังมีสงครามกลางเมืองในหลายพื้นที่”
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ การจัดการกากนิวเคลียร์ ซึ่งหากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด อาจส่งผลกระทบต่อแม่น้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่ไหลผ่านเข้าสู่ประเทศไทย
พม่าขาดแคลนพลังงานอย่างหนัก ผลักดันโครงการนิวเคลียร์
การตัดสินใจสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของรัฐบาลทหารเมียนมา มีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนพลังงานของประเทศ เนื่องจากปัจจุบัน เมียนมามีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมเพียง 2,400 เมกะวัตต์ แต่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าถึง 4,400 เมกะวัตต์
ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานเมียนมาระบุว่า:
- พม่าใช้พลังงานไฟฟ้าจาก เขื่อนเป็นหลัก (55%) แต่หลายแห่งได้รับความเสียหายจากสงคราม
- โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (35%) มีปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิงจากมาตรการคว่ำบาตร
- พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ และลม (10%) ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น
สถิติและสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลก
ตามรายงานของ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ปี 2567 พบว่า:
- ปัจจุบันทั่วโลกมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กว่า 440 แห่ง และกำลังก่อสร้างเพิ่มเติม 60 แห่ง
- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR มีเพียง 5 แห่งที่ใช้งานจริง เช่นในรัสเซียและจีน
- ประเทศที่มีแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
- อัตราการเติบโตของพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลก คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15% ภายในปี 2050
ความคิดเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ในเมียนมา
ฝ่ายสนับสนุน
- เชื่อว่าโครงการนี้จะช่วย แก้ปัญหาพลังงานขาดแคลน ของเมียนมา
- โรงไฟฟ้าแบบ SMR มีขนาดเล็ก ควบคุมง่าย และปลอดภัยกว่าระบบเก่า
- อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเมียนมา และลดการพึ่งพาการนำเข้าไฟฟ้า
ฝ่ายคัดค้าน
- กังวลเกี่ยวกับ มาตรฐานความปลอดภัย และการบริหารจัดการของรัฐบาลทหารเมียนมา
- ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หากเกิดอุบัติเหตุหรือมีการรั่วไหลของกัมมันตรังสี
- ผลกระทบทางการเมือง อาจทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
บทสรุป: ไทยควรเตรียมรับมืออย่างไร?
แม้ว่าโครงการนี้จะเป็นความร่วมมือระหว่างรัสเซียและเมียนมา แต่ ไทยควรเตรียมมาตรการรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น:
- การเฝ้าระวังระดับรังสีในพื้นที่ชายแดน
- การร่วมมือกับองค์กรสากล เช่น IAEA เพื่อตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย
- การสร้างแผนฉุกเฉินในกรณีเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์
ท้ายที่สุด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้อาจกลายเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญของอาเซียน หากดำเนินการได้อย่างมีมาตรฐาน แต่หากขาดการควบคุมที่ดี ก็อาจเป็น ภัยคุกคามที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Jessada Denduangboripant / thairath