Categories
AROUND CHIANG RAI HEALTH

จิ้นส้มหมกไข่อร่อยเด็ด! ปลอดภัย สไตล์คนเหนือ

กิ๋นสุก เป๋นสุข เปลี่ยนเมนูดิบสู่เมนูสุกเพื่อสุขภาพ

ความอร่อยไม่ต้องดิบก็เป็นเอกลักษณ์ที่น่าลืมลอง

อาหารดิบเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสาน เช่น ลาบดิบ ก้อยเนื้อ หรือส้มตำปูดิบ ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่ชื่นชอบของหลายคน อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารดิบอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น การติดเชื้อพยาธิหรือแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนในวัตถุดิบ แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” จึงเกิดขึ้นเพื่อชวนทุกคนหันมาปรุงอาหารให้สุก ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ แต่ยังคงรักษารสชาติที่คุ้นเคยและความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ได้ การเปลี่ยนเมนูดิบให้เป็นเมนูสุกไม่ใช่เรื่องยาก และยังคงความสนุกในการลิ้มลองรสชาติที่หลากหลายได้อย่างปลอดภัย

สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการบริโภคอาหารดิบและความเสี่ยงต่อสุขภาพ

จากการสำรวจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารดิบของประชาชน พบว่า:

  • ประชาชนร้อยละ 28 บริโภคอาหารดิบอย่างน้อย 1 อย่าง
  • ร้อยละ 22.2 นิยมบริโภคอาหารทะเลดิบ เช่น ตำกุ้งสด ปลาหมึกช็อต หรือยำปูทะเล
  • ร้อยละ 10.9 ชอบอาหารจากสัตว์น้ำจืดดิบ เช่น ก้อยปลาดิบ หรือยำหอยดิบ
  • ร้อยละ 7.3 บริโภคเนื้อวัวดิบ เช่น ซอยจุ๊ หรือลาบเลือด
  • ร้อยละ 5.9 บริโภคเนื้อหมูดิบ เช่น ก้อยหมู หรือหลู้หมู

นอกจากนี้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า การบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ อาจนำไปสู่โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ หรือการติดเชื้อพยาธิ เช่น พยาธิใบไม้ตับ ซึ่งพบในผู้ที่บริโภคปลาน้ำจืดดิบ ดร.สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการโภชนาการอิสระ ยังเตือนว่า การกินอาหารดิบ เช่น หมูดิบซาชิมิ หรือปลาไทยซาชิมิ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไข้หูดับจากเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ซึ่งอาจทำให้หูหนวกหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้

กินอาหารสุก ไม่ยากและไม่เสียรสชาติ

การปรุงอาหารให้สุกไม่จำเป็นต้องสูญเสียรสชาติที่คุ้นเคย การใช้ความร้อนในการปรุงอาหาร เช่น ต้ม ผัด นึ่ง หรือย่าง สามารถฆ่าเชื้อโรคและพยาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงรักษาความอร่อยและเอกลักษณ์ของเมนูไว้ได้ ตัวอย่างเช่น:

  • ลาบหมูสุก: จากลาบดิบที่ใช้เนื้อหมูดิบ สามารถปรับเป็นลาบหมูสุกโดยการผัดเนื้อหมูให้สุกก่อนปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว พริก และข้าวคั่ว ยังคงได้รสชาติเผ็ดแซ่บแบบเดิม
  • ก้อยปลาสุก: แทนที่จะใช้ปลาดิบ สามารถนำปลาไปย่างหรือนึ่งให้สุก แล้วปรุงรสด้วยเครื่องปรุงแบบก้อย ได้ทั้งความหอมและความปลอดภัย
  • ส้มตำกุ้งสุก: เปลี่ยนจากกุ้งสดเป็นกุ้งลวกสุก ยังคงความกรอบและรสชาติที่ลงตัวเมื่อคลุกเคล้ากับน้ำส้มตำ

การปรุงสุกยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารบางชนิดได้ดีขึ้น เช่น ผักโขมที่ปรุงสุกจะช่วยลดกรดออกซาลิก ทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียมได้ดีกว่าการกินดิบ

จิ้นส้มหมกไข่คืออะไร

จิ้นส้มหมกไข่ เป็นเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือที่นำ “จิ้นส้ม” (แหนมหมู) มาปรุงสุกโดยการหมกหรืออบกับไข่ไก่ เมนูนี้เป็นตัวอย่างของการปรับเมนูดิบให้เป็นเมนูสุกที่ทั้งอร่อยและปลอดภัย จิ้นส้มดิบอาจมีความเสี่ยงจากเชื้อแบคทีเรียหากไม่ผ่านการหมักอย่างถูกวิธี แต่เมื่อนำมาหมกกับไข่และเครื่องปรุง เช่น ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด แล้วอบหรือนึ่งให้สุก จะได้เมนูที่มีกลิ่นหอม รสชาติเปรี้ยวเค็มกลมกล่อม และเนื้อสัมผัสที่นุ่มจากไข่ที่ผสมผสานกับจิ้นส้ม เมนูนี้เป็นที่นิยมในครัวเรือนภาคเหนือและเป็นตัวอย่างของการรักษารสชาติท้องถิ่นไว้ได้โดยไม่ต้องกินดิบ

วิธีทำจิ้นส้มหมกไข่ (สูตรง่ายๆ)

ส่วนผสม:

  • จิ้นส้ม (แหนมหมู) 200 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด (ซอยละเอียด) อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนู 5-10 เม็ด (ตามชอบ)
  • น้ำปลา 1 ช้อนชา
  • ใบตองสำหรับห่อ (หรือภาชนะทนความร้อน)

วิธีทำ:

  1. หั่นจิ้นส้มเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมกับไข่ไก่ในชาม
  2. ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกขี้หนู ปรุงรสด้วยน้ำปลา
  3. ตีส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วห่อด้วยใบตองหรือใส่ในภาชนะทนความร้อน
  4. นึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 15-20 นาที หรือจนไข่สุก
  5. เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมข้าวเหนียวหรือข้าวสวย

เมนูนี้ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังลดความเสี่ยงจากจิ้นส้มดิบ และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการจากไข่ที่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ชวนเปลี่ยนเมนูดิบสู่เมนูสุก

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” มุ่งส่งเสริมให้คนไทยปรับพฤติกรรมการกินโดยลดการบริโภคอาหารดิบและหันมาปรุงอาหารให้สุกมากขึ้น โดยไม่ห้ามการกินดิบอย่างสิ้นเชิง แต่เน้นการสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยและสุขภาพ ผ่านแนวคิด:

  • ปรุงสุก อร่อยเหมือนเดิม: ใช้เทคนิคการปรุง เช่น นึ่ง ย่าง หรือผัด เพื่อรักษารสชาติและเนื้อสัมผัส
  • เลือกวัตถุดิบสะอาด: ล้างวัตถุดิบให้สะอาดก่อนปรุงเพื่อลดการปนเปื้อน
  • ปรับเมนูท้องถิ่น: นำเมนูดิบที่คุ้นเคยมาปรุงสุก เช่น จากก้อยดิบเป็นก้อยย่าง หรือจากลาบดิบเป็นลาบผัด
  • สร้างความหลากหลาย: ลองเมนูใหม่ๆ ที่ปรุงสุก เช่น จิ้นส้มหมกไข่ หรือยำปลานึ่ง เพื่อเพิ่มความสนุกในการกิน

แคมเปญนี้ยังสนับสนุนให้ร้านอาหารและผู้บริโภคเลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และปรุงอาหารตามหลักสุขอนามัย เช่น การใช้ความร้อนให้ทั่วถึง และหลีกเลี่ยงการปรุงรสจัดเกินไปเพื่อรักษาสุขภาพโดยรวม

กินสุกเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

การกินอาหารสุกไม่ใช่การละทิ้งวัฒนธรรมหรือรสชาติที่เรารัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ชวนทุกคนลองเปลี่ยนเมนูดิบให้เป็นเมนูสุก ลิ้มลองความอร่อยที่ยังคงเอกลักษณ์ และสัมผัสความสุขจากการมีสุขภาพที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจิ้นส้มหมกไข่ ลาบสุก หรือก้อยย่าง ทุกเมนูสามารถเป็นทั้งความอร่อยและความปลอดภัยได้ในจานเดียว ลองเริ่มต้นวันนี้เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรัก!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารดิบ
  • กรมอนามัย, กระทรวงสาธารณสุข, แนะนำการบริโภคอาหารสุก
  • ดร.สง่า ดามาพงษ์, นักวิชาการโภชนาการอิสระ, ความเสี่ยงจากอาหารดิบ
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, คุณค่าทางโภชนาการของผักปรุงสุก
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ชิมลาบเหนือแท้ ‘เซ็นทรัลเชียงราย’จัดแข่ง ‘ลาบเมือง’ 2 เมษาฯ

การบริโภคลาบเมือง: วิถีวัฒนธรรมอาหารเหนือ กับแนวทางสุขภาพที่ปลอดภัย

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.), วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และสมาคมสื่อมวลชนเชียงราย จัดงาน การแข่งขันลาบเมือง” ศิลปะแห่งรสชาติล้านนา ในวันที่ 1-2 เมษายน 2568 ณ ชั้น G โซนทางาเชื่อมจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมการทำลาบพื้นเมืองล้านนา พร้อมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารปรุงสุกเพื่อความปลอดภัยทางสุขภาพ

ประวัติและวิวัฒนาการของลาบเมือง

ลาบเมือง ถือเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีประวัติยาวนาน นิยมใช้เนื้อสัตว์หลากหลาย เช่น เนื้อควาย เนื้อหมู หรือเนื้อวัว ในการประกอบอาหาร ซึ่งแต่เดิมมีการบริโภคลาบดิบหรือที่เรียกว่า ลาบดิบ” ที่มีสมุนไพรหลายชนิดเป็นส่วนผสม อาทิ มะแขว่น มะแหลบ ตะไคร้ ข่า และพริกลาบ ที่เชื่อกันว่าสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและพยาธิได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำให้ประชาชนบริโภคลาบแบบปรุงสุก หรือ ลาบคั่ว” เพื่อป้องกันโรคพยาธิและแบคทีเรียที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย

ลาบเหนือ vs. ลาบอีสาน: ความแตกต่างที่สะท้อนวัฒนธรรม

  1. แหล่งที่มาและการใช้เนื้อสัตว์
    • ลาบเหนือมักนิยมใช้ เนื้อควาย เนื่องจากควายเป็นสัตว์ที่เลี้ยงกันมากในภาคเหนือที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์
    • ลาบอีสานนิยมใช้ เนื้อวัว เพราะภาคอีสานเป็นที่ราบสูง มีน้ำน้อย จึงเลี้ยงวัวมากกว่าควาย
  2. รสชาติและเครื่องเทศ
    • ลาบเหนือมีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด ทำให้รสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ
    • ลาบอีสานเน้นรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และมักใส่ข้าวคั่วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
  3. กระบวนการปรุง
    • ลาบเหนือใช้วิธีการสับละเอียดและคลุกเคล้ากับเครื่องเทศหลายชนิด ทำให้มีรสชาติกลมกล่อม
    • ลาบอีสานนิยมปรุงแบบด่วน ใช้เวลาน้อยกว่า สามารถรับประทานได้ทันทีหลังจากปรุงเสร็จ

แนวทางส่งเสริมการบริโภคอาหารปลอดภัย

เพื่อสนับสนุนการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและปราศจากเชื้อโรค องค์กรสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รณรงค์ให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงสุก พร้อมทั้งแนะนำแนวทางดังต่อไปนี้:

  • บริโภคลาบคั่วแทนลาบดิบ เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและพยาธิ
  • เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่ปลอดภัย และผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ
  • ใช้เครื่องเทศและสมุนไพรที่สดใหม่ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการใช้เลือดสดที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอไรซ์

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 ระบุว่า:

  • ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยพยาธิใบไม้ตับในประเทศไทยเกิดจากการบริโภค อาหารดิบ
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มี อัตราผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับสูงที่สุด ในประเทศ
  • การบริโภคลาบดิบมี ความเสี่ยงต่อโรคพยาธิและโรคติดเชื้อทางเดินอาหารมากกว่าการบริโภคอาหารที่ปรุงสุกถึง 5 เท่า

สรุป

การแข่งขันลาบเมืองในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านล้านนา แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ผ่านแนวคิด กินสุก เป็นสุข” ซึ่งเน้นการปรุงอาหารให้สุกก่อนบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงของโรคพยาธิและแบคทีเรีย โดยยังคงความอร่อยของรสชาติลาบเหนือไว้ได้เช่นเดิม

ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค อร่อยได้ ไม่ต้องดิบ” เป็นแนวคิดที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมารับประทานอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ พร้อมทั้งรักษาวัฒนธรรมการกินลาบแบบดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / รวมที่เที่ยวเชียงราย – chiangrai travel / ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, 2567

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

‘พราวตะวัน’ เชียงราย ผสานอาหาร เหนือ-ไทย ท่ามกลางธรรมชาติ

“พราวตะวัน เชียงราย” ร้านอาหารใหม่ริมอ่างเก็บน้ำห้วยสัก สะท้อนวิถีเหนือในบรรยากาศทันสมัย

เชียงรายเปิดตัวร้านอาหารใหม่ล่าสุด “พราวตะวัน” โดยเป็นผลงานต่อยอดจากทีมผู้สร้างความสำเร็จของ พันดาว 1000 Stars ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยสัก โอบล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบ

การตกแต่งและบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์

พราวตะวัน ถูกออกแบบให้สะท้อนความเป็นชนบท ชนเผ่า และวิถีชีวิตท้องถิ่นของคนเหนือ ผสมผสานกับความทันสมัยอย่างลงตัว โดยไฮไลท์ของร้านคือทางเดินไม้ไผ่สานมือที่ลดหลั่นคล้ายกับนาขั้นบันได พร้อมด้วยแปลงดอกดาวเรืองสีส้มทองที่สะท้อนความสวยงามของชนบท

เมนูอาหารที่ผสานวัฒนธรรมเหนือและไทย

พราวตะวันนำเสนอเมนูอาหารที่หลากหลาย โดยมีทั้งอาหารเหนือพื้นเมืองและอาหารไทยที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน เช่น

  • เซ็ตขันโตก ‘s Story’ ที่เล่าเรื่องราวประเพณีและวัฒนธรรมผ่านอาหาร 4 เซ็ต ได้แก่ โปรยข้าวตอกดอกข้าวขวัญพราวตะวัน, ละอองจันทร์ขึ้นเปียงฟ้าวันปีใหม่, สืบชะตาตานบุปผาปักตุงไชย และฟ้อนสาวไหมใจดีดซึงรำพึงเพียงเธอ
  • อาหารไทย เช่น ผัดไทย ยำใบพลูทอด ปลาทอดสมุนไพร และปลาผัดฉ่า

บาร์น้ำชาดอกไม้ไทยและเครื่องดื่มซิกเนเจอร์

บาร์น้ำของพราวตะวันเน้นใช้วัตถุดิบธรรมชาติจากท้องถิ่น โดยมีเซ็ตเครื่องดื่มแนะนำ เช่น

  • “อยู่เพียงดิน” น้ำสมุนไพรจากดอกไม้ 3 ชนิด เช่น อัญชัน ข้าวคั่ว และตะไคร้
  • น้ำผลไม้ปั่น แรงบันดาลใจจากบทกลอน เช่น
      • น้ำหว่านดอกไม้
      • น้ำกล่อมเดือนหงาย
      • น้ำถักทอฝัน
      • น้ำเกี่ยวสายรุ้ง
      • น้ำพราวตะวัน
      • น้ำพันดารา
      • น้ำนภาพราย
  • เซ็ตซิกเนเจอร์ อย่าง น้ำซ่อนรักไว้ในนภา (น้ำมะขาม) และน้ำซ่อนห่วงหาในสายลม (น้ำผลไม้รวม

แรงบันดาลใจและความหวังใน “พราวตะวัน”

พราวตะวันถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิดแห่งความหวังที่สวยงามดั่งแสงตะวัน โดยร้านนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่สำหรับการรับประทานอาหาร แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับการเติมเต็มกำลังใจและความสุขใจ

สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

พราวตะวันให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ เช่น การสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการให้พื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

เวลาเปิดให้บริการและตำแหน่งที่ตั้ง

ร้านพราวตะวันเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 21.00 น. ตั้งอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยสัก จังหวัดเชียงราย เพียงไม่กี่นาทีจากตัวเมือง

แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/o27m6mAJ58XT2DZ57 

บทสรุป

“พราวตะวัน เชียงราย” คือร้านอาหารที่ผสมผสานวัฒนธรรมและความทันสมัยอย่างลงตัว พร้อมบรรยากาศธรรมชาติที่งดงาม เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวและผู้ที่ต้องการพักผ่อนจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
Facebook: พันดาว 1000 Stars

คอลัมน์โดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News