Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเปิดเส้นทางธรรมครูบาศรีวิชัย

เชียงรายเปิดกิจกรรม “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธาครูบาศรีวิชัย” เดินหน้าส่งเสริมศรัทธา ยกระดับวัดและชุมชนสู่แหล่งเรียนรู้ทางศาสนา

เชียงราย, 5 กรกฎาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ร่วมกับกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เดินหน้าเปิดกิจกรรม “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธาครูบาศรีวิชัย” ภายใต้โครงการจาริกเส้นทางบุญในมิติทางศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับวัด ชุมชน และศาสนสถานให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างแรงศรัทธาในรูปแบบที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น

พิธีเปิด ณ วัดพระธาตุแม่เจดีย์ สะท้อนความร่วมมือของทุกภาคส่วน

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม 2568 ณ วัดพระธาตุแม่เจดีย์ ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยนายพงศ์ศักดิ์ เพชรคงแก้ว นายอำเภอเวียงป่าเป้า เป็นประธานในพิธี ตามคำสั่งมอบหมายจากนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ด้วยตนเอง โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวรายงาน และได้รับเกียรติจากพระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแม่เจดีย์ เป็นผู้กล่าวสัมโมทนียกถา

ภายในพิธี มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านจากชุมชน เช่น การฟ้อนแม่ขะจานที่รัก ฟ้อนเวียงป่าเป้าดี้ดี และฟ้อนบุบผานารีแม่เจดีย์อวยชัย สะท้อนถึงความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากหัวหน้าส่วนราชการ สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง

FAM Trip ตามรอยศรัทธา เสริมการเรียนรู้-ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น

กิจกรรมไฮไลต์ของงาน คือ “FAM Trip: One Day Trip” ซึ่งจัดนำร่องขึ้นใน 4 วัด ได้แก่

  1. วัดพระธาตุแม่เจดีย์ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า
  2. วัดศรีคำเวียง ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า
  3. วัดศรีสุทธาวาส ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า
  4. วัดเจดีย์หลวง ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย

โดยมีพระภิกษุผู้ดูแลวัดแต่ละแห่งให้เกียรติเป็นวิทยากรนำชมสถานที่ พร้อมบรรยายประวัติศาสตร์และความสำคัญของแต่ละวัด โดยเฉพาะในบริบทที่เกี่ยวข้องกับ “ครูบาศรีวิชัย” นักบุญแห่งล้านนา ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการจาริกแสวงบุญในภาคเหนือ

ในช่วงบ่าย ได้จัดการบรรยายเสวนาเกี่ยวกับประวัติครูบาศรีวิชัย โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ จากจังหวัดลำพูน และนายอภิชิต ศิริชัย นักวิชาการอิสระจากเชียงราย ร่วมถ่ายทอดแง่มุมเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และบทบาทของครูบาศรีวิชัยต่อการพัฒนาสังคมล้านนา

วัด – ศาสนสถาน – ชุมชน: การยกระดับอย่างบูรณาการ

นายพงศ์ศักดิ์ เพชรคงแก้ว กล่าวถึงเป้าหมายของโครงการว่า “การส่งเสริมให้วัดและศาสนสถานเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ควบคู่กับการยกระดับชุมชนให้เข้มแข็ง เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน”

นอกจาก 4 วัดนำร่องที่เข้าร่วม FAM Trip ในครั้งนี้ ยังมีอีก 2 วัดที่อยู่ในโครงการ คือ

  1. วัดพระธาตุจอมแว่ ต.เมืองพาน อ.พาน
  2. วัดพระธาตุดอยตุง ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย

เส้นทางทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้กลายเป็นเครือข่าย “เส้นทางธรรมแห่งศรัทธาครูบาศรีวิชัย” ซึ่งไม่เพียงสะท้อนพุทธศาสนา แต่ยังสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น วิถีชีวิต และเศรษฐกิจของชุมชน โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายมีแผนที่จะขยายผลโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ ในอนาคต

เชียงรายกับการเป็น “เมืองแห่งจิตวิญญาณ”

เชียงรายในปัจจุบัน กำลังขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในมิติใหม่ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นด้านธรรมชาติหรือศิลปวัฒนธรรมเท่านั้น หากแต่กำลังพัฒนาแนวทางการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ (Spiritual Tourism) โดยใช้ศรัทธาและเรื่องราวของบุคคลสำคัญทางศาสนา เช่น ครูบาศรีวิชัย มาเป็นจุดศูนย์กลางในการออกแบบเส้นทาง

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเชื่อมโยงวัด ชุมชน และนักท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมสร้างการรับรู้เชิงบวกต่อบทบาทของวัดในฐานะ “ศูนย์กลางทางจิตใจ” และ “ศูนย์กลางการเรียนรู้” ของสังคมไทยยุคใหม่

จากกิจกรรมสู่ระบบนิเวศการเรียนรู้ในระยะยาว

ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมเปิดตัว สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายมีแผนในการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งวิดิทัศน์ แผ่นพับ และป้ายแนะนำเส้นทาง เพื่อเผยแพร่ไปยังศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวและเครือข่ายโรงเรียนในพื้นที่ พร้อมส่งเสริมให้วัดที่เข้าร่วมโครงการสามารถจัดกิจกรรมต้อนรับนักเรียนและนักท่องเที่ยวได้อย่างมีระบบ

ในระยะยาว โครงการ “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธาครูบาศรีวิชัย” มีเป้าหมายในการเป็นต้นแบบของการยกระดับศาสนสถานให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงคุณธรรม ที่สามารถเป็นจุดดึงดูดทั้งคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยวทั่วไป ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ที่สร้างแรงบันดาลใจมากกว่าการสวดมนต์และไหว้พระ

สรุป

การจัดกิจกรรม “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธาครูบาศรีวิชัย” ในจังหวัดเชียงราย ไม่เพียงแต่เป็นการรำลึกถึงบุคคลสำคัญทางศาสนาเท่านั้น หากยังเป็นการขับเคลื่อนโมเดลใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่เชื่อมโยงวัด ชุมชน และวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน พร้อมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และศรัทธาที่ลึกซึ้งต่อรากเหง้าแห่งล้านนาอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
  • สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เที่ยวเชียงรายยามเย็น เส้นทางใหม่ “แสงเวียง”

เชียงใหม่จัดประชุมออกแบบเส้นทาง “มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา” 6 จังหวัดภาคเหนือ เชื่อมโยงเมืองเก่า สู่วิถีใหม่ทางวัฒนธรรม

เชียงใหม่, 20 พฤษภาคม 2568 – ณ ห้องดอยหลวง ชั้น 24 โรงแรมดวงตะวันเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดประชุมหารือภายใต้โครงการ “ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเก่าอารยธรรมล้านนา” เพื่อออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ในชื่อว่า “มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา” ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัดในภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน

โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่า ผ่านการนำเสนออัตลักษณ์ล้านนาในช่วง “ยามแลง” หรือช่วงเย็น ด้วยกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม อาหารพื้นถิ่น และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เพื่อสร้างเส้นทางท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันอย่างกลมกลืน

การประชุมระดับภูมิภาค – ความร่วมมือระหว่าง 6 จังหวัดล้านนา

ในการประชุมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน มีหัวหน้าส่วนราชการจากทั้ง 6 จังหวัดเข้าร่วม ประกอบด้วย วัฒนธรรมจังหวัด พัฒนาชุมชนจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด และภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว

จากจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายยุทธนา สุทธสม นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนางสาวมณฑา กิติมา นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ เข้าร่วมประชุม ร่วมกับคุณสิกัญพัสส์ ปาละวรรณ์ กรรมการสมาคมมัคคุเทศก์จังหวัดเชียงราย โดยการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

3 เวทีวิชาการ บรรยายแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อออกแบบเส้นทาง

การประชุมประกอบด้วยการบรรยาย 3 หัวข้อ ได้แก่

  1. “เสน่ห์เมืองเก่า คุณค่าอารยธรรมล้านนา” โดยอาจารย์ภูเดช แสนสา นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
  2. “การออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวจากวิถีชีวิตและต้นทุนวัฒนธรรม” โดยอาจารย์นรพรรณ โพธิพฤษ์ หัวหน้าภาควิชาการจัดการการท่องเที่ยว ม.ฟาร์อีสเทอร์น
  3. “การจัดทำเส้นทางท่องเที่ยว ‘มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา’” โดยคุณธนกร สมฤทธิ์ จากบริษัท เกรท มอร์ โซลูชั่น จำกัด

หัวใจของการออกแบบเส้นทางอยู่ที่การใช้ทุนวัฒนธรรมเป็นฐาน เสริมด้วยความคิดสร้างสรรค์และแนวคิดการท่องเที่ยววิถีใหม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพักค้างในพื้นที่ เดินทางซ้ำ และเกิดรายได้หมุนเวียนภายในชุมชน

“6 แสง” – เส้นทางนำร่องตามอัตลักษณ์ท้องถิ่น

เส้นทางท่องเที่ยวนำร่องภายใต้โครงการนี้มีชื่อเรียกตามอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ดังนี้:

  • แสงธรรม แสงมู (เชียงใหม่)
  • แสงเวียง (เชียงราย)
  • แสงศรัทธา (พะเยา)
  • แสงกาด (ลำปาง)
  • แสงแห่งวิถี (ลำพูน)
  • แสงสี…ปายยามเย็น (แม่ฮ่องสอน)

แนวคิด “6 แสง” ไม่เพียงเป็นการตั้งชื่อเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ ศาสนา และเศรษฐกิจของแต่ละท้องถิ่น ที่จะถูกนำเสนอผ่านกิจกรรมและประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวในช่วงเย็นถึงค่ำ

วิเคราะห์ผลลัพธ์และแนวโน้มในอนาคต

นักวิชาการด้านการท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า การส่งเสริมเส้นทางเมืองเก่าในช่วงเย็นถือเป็นการใช้จังหวะเวลาที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม การใช้จ่ายในช่วงค่ำคืนมีแนวโน้มสูงขึ้นและเพิ่มเวลาการพักในพื้นที่ ส่งผลต่อการหมุนเวียนเศรษฐกิจชุมชนโดยตรง

ขณะที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ชี้ว่า เส้นทางเมืองเก่าแบบ “แสงล้านนา” มีโอกาสขยายผลในเชิงพื้นที่และเชิงธีมต่อยอด เช่น แสงศิลป์ แสงเสียง แสงสุขภาพ เพื่อเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

  • จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2567 พบว่า นักท่องเที่ยวที่เข้าพื้นที่เมืองเก่าใน 6 จังหวัดล้านนามีจำนวนรวมกว่า 5.4 ล้านคน/ปี โดยช่วงเย็น-ค่ำมีอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว 1,980 บาท/คน/วัน สูงกว่าช่วงกลางวันประมาณร้อยละ 26
  • การสำรวจโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ากิจกรรมวัฒนธรรมช่วงเย็นได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35 ภายใน 3 ปีที่ผ่านมา
  • รายงานของ CEA ระบุว่า การออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวจากต้นทุนทางวัฒนธรรมสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้พื้นที่ได้เฉลี่ยร้อยละ 18 ต่อปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
  • มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น
  • มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE