Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

นครเชียงรายนิวส์ จับมือศิลปิน “อิ๋ม พุทธรักษ์” มอบรายได้ขายกระเป๋าดูแลโรงเรียนบ้านป่าตึงตลอดปี

36 ปี นครเชียงรายนิวส์ เปลี่ยนศิลปะสู่โอกาส มอบความมั่นคงให้โรงเรียนป่าตึงตลอดปี

เชียงราย,29 ธันวาคม 2568 – เมื่อกระเป๋าผืนหนึ่งกลายเป็นมื้ออาหารหนึ่งปีเต็ม และความรักจากศิลปินกลายเป็นพลังต่อลมหายใจให้โรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งบนดินแดนล้านนา บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าตึง ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เมื่อทีมงานจากสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ นำโดยคุณกันณพงศ์ และคุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร พร้อมด้วยศิลปินหญิงชื่อดัง “อิ๋ม-พุทธรักษ์ ดาษดา” และคุณพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เดินทางมาส่งมอบความสุขในวันพิเศษที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย

กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปี (ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2532) ของสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ แต่แทนที่จะเป็นงานเลี้ยงฉลองตามปกติ ผู้ก่อตั้งกลับเลือกที่จะเปลี่ยนวาระแห่งความสุขนี้ให้กลายเป็นการสร้างโอกาสที่ยั่งยืนแก่เยาวชนในพื้นที่

เมื่อศิลปะกลายเป็นสะพานแห่งการให้

หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ กระเป๋าสะพาย Limited Edition ที่ออกแบบโดยศิลปินหญิงชาวเชียงราย “อิ๋ม-พุทธรักษ์ ดาษดา” ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานภาพวาดฝาผนัง 7-Eleven เชียงราย ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า รัก – Luck” สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคสีอะครีลิคบนกระดาษ โดยได้แรงบันดาลใจจาก “ผีเสื้อใบรัก” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความปรารถนาดี

กระเป๋าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะนี้ถูกจำหน่ายในราคา 336 บาท (จำกัดการซื้อท่านละไม่เกิน 5 ใบ) และได้รับความสนใจจากผู้ใหญ่ใจดีทั่วประเทศอย่างล้นหลาม สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นคือ รายได้จากการขายกระเป๋า ได้ถูกนำมาใช้เพื่อดูแลนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าตึงตลอดทั้งปี 2569

นายธีร์ ชมเชย รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตึง เปิดเผยถึงสภาพของโรงเรียนว่า “เด็กๆ ที่นี่ผูกพันกับพื้นที่มาก และครอบครัวส่วนใหญ่มีทุนทรัพย์จำกัดเพียงพอแค่การใช้จ่ายในท้องถิ่นเท่านั้น เราและคณะครูจึงเห็นตรงกันว่าจะเปิดทำการสอนจนกว่าจะไม่มีนักเรียนเหลืออยู่ และจะดูแลพวกเขาอย่างเต็มกำลังเท่าที่มี”

คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคณะครูที่จะไม่ทิ้งเด็กๆ ไว้ข้างหลัง แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของสังคมจะทำให้โรงเรียนขนาดเล็กหลายแห่งต้องปิดตัวลง แต่โรงเรียนบ้านป่าตึงยังคงยืนหยัดดูแลเยาวชนในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง

วันแห่งความสุขที่โรงเรียนบ้านป่าตึง

เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2568 คณะผู้มาเยือนพิเศษได้มาถึงโรงเรียนบ้านป่าตึง กิจกรรมวันนี้เริ่มต้นด้วยการจัดเตรียมอาหารกลางวันมื้อพิเศษ ซึ่งทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้จัดหามาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

เวลา 12.00-13.00 น. เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุด เมื่อเด็กๆ นั่งรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาสะท้อนให้เห็นถึงความสุขง่ายๆ ที่เกิดจากการได้รับประทานอาหารอร่อยร่วมกับผู้ใหญ่ใจดีที่เดินทางมาไกลเพื่อมอบความห่วงใยให้พวกเขา

หลังจากนั้น ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. กิจกรรมระบายสีได้เริ่มขึ้น เด็กๆ ได้แสดงออกถึงจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ผ่านสีและพู่กัน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน ซึ่งศิลปิน “อิ๋ม-พุทธรักษ์” ได้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด คอยให้กำลังใจและแบ่งปันประสบการณ์ทางศิลปะแก่นักเรียน

ในช่วงท้ายของกิจกรรม เวลา 14.00-14.30 น. เป็นช่วงเวลาแห่งการมอบของและการถ่ายภาพร่วมกัน ซึ่งนอกจากอาหารและกิจกรรมแล้ว ทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ยังได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการศึกษาให้กับทางโรงเรียน โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสให้เด็กๆ

เครือข่ายความดีจากทั่วทุกสารทิศ

สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในกิจกรรมครั้งนี้คือการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการรวมตัวเพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม โรงเรียนสกุลศึกษา (Sakulsuksa School) โรงเรียนเอกชนที่ตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมอย่างใกล้ชิด ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจและเห็นคุณค่าของการให้โอกาสแก่เยาวชนในทุกพื้นที่ของประเทศ

คุณพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมและอยู่ร่วมตลอดทั้งวัน เพื่อส่งต่อความสุขและกำลังใจให้แก่นักเรียนและคณะครู ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของหน่วยงานภาครัฐในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมในพื้นที่ ส่วนบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้สนับสนุนสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการศึกษา ซึ่งเป็นการเสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนอย่างเป็นรูปธรรม

เสียงจากผู้ให้และผู้รับ ความหมายที่ลึกซึ้งกว่าตัวเลข

คุณกันณพงศ์ และคุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ กล่าวถึงความตั้งใจในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “ยินดีที่ได้มาส่งความสุขให้กับน้องๆ นักเรียน เพราะเคยได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีอย่างโรงเรียนสกุลศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ที่เห็นความสำคัญของกิจกรรมเหล่านี้ เราก็อยากส่งต่อ และเชื่อว่าน้องๆ ที่ได้รับ เมื่อได้รับเต็มที่แล้ว สิ่งที่เหลือก็จะส่งต่อกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ต่อไป”

คำกล่าวนี้สะท้อนถึงปรัชญาการให้ที่มิใช่เพียงแค่การบริจาคครั้งเดียว แต่เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกการส่งต่อความดีให้เกิดขึ้นเป็นวัฏจักรที่ไม่สิ้นสุด การได้รับโอกาสในวันนี้จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นและส่งต่อโอกาสให้คนรุ่นต่อไปเมื่อพวกเขามีความพร้อม ศิลปิน “อิ๋ม-พุทธรักษ์ ดาษดา” กล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ยินดีและขอบคุณนครเชียงรายนิวส์ ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ซึ่งตัวเธอไม่คิดค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมครั้งนี้ และยังส่งต่อความสุข ความตั้งใจผ่านผลงานชิ้นนี้ การมาเห็นทำให้รู้สึกชื่นใจและมีกำลังใจในการทำงานต่อไป”

คำพูดจากศิลปินสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของศิลปะ ซึ่งมิใช่เพียงแค่งานสร้างสรรค์เพื่อความสวยงาม แต่คือสื่อกลางในการส่งต่อความรักและความหวังดีจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง การได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ

ด้านตัวแทนจากคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าตึง ได้กล่าวขอบคุณถึงกิจกรรมในครั้งนี้อย่างสุดซึ้ง พวกเขารู้สึกดีใจที่โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้ได้รับความเอาใจใส่ และนักเรียนได้สัมผัสกับอาหารและโอกาสที่ทุกคนมอบให้ ซึ่งเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้พวกเขามีแรงสู้ต่อไปในการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่

การให้ที่ยั่งยืน มากกว่าหนึ่งมื้ออาหาร

สิ่งที่โดดเด่นของโครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” คือการมองไปไกลกว่าการช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว ทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ตัดสินใจมอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการดูแลนักเรียนนาน 1 ปีเต็ม ซึ่งประกอบด้วย

  1. อาหารกลางวันมื้อพิเศษ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพื่อเสริมสร้างพลังกายและพลังสมองในการเรียนรู้
  2. วัตถุดิบและเครื่องปรุงสำหรับการประกอบอาหารในโรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดหาอาหารที่มีคุณภาพให้นักเรียนได้อย่างต่อเนื่อง
  3. ค่าประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียนทุกคน เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับครอบครัวและลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

การมอบความช่วยเหลือแบบครอบคลุมและยั่งยืนนี้ ทำให้คณะครูและผู้บริหารโรงเรียนสามารถมุ่งความสนใจไปที่การจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณในการดูแลเด็กๆ ตลอดทั้งปี 2569

ทีมผู้บริหารนครเชียงรายนิวส์ย้ำว่า “เราไม่ได้ต้องการช่วยเพื่อให้จบ แต่ต้องการให้การช่วยเหลือคือการต่อยอด การต่อลมหายใจ ให้มีเวลาในการต่อสู้ต่อไป การช่วยที่ดีคือช่วยให้ดำเนินดำรงชีวิตตัวเองต่อไปได้”

แนวคิดนี้สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า การช่วยเหลือที่แท้จริงมิใช่การให้ปลา แต่คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ผู้รับสามารถยืนหยัดและสู้ต่อไปได้ด้วยตัวเอง การมอบความมั่นคงด้านอาหารและสวัสดิการเป็นเวลา 1 ปี จึงเป็นการให้โอกาสแก่โรงเรียนในการวางแผนพัฒนาด้านอื่นๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความอยู่รอดขั้นพื้นฐาน

บทเรียนจาก “รัก – Luck” เมื่อ 336 บาทกลายเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

กระเป๋าสะพายราคา 336 บาท อาจดูเป็นเพียงสินค้าชิ้นเล็กๆ แต่เมื่อมีผู้ใหญ่ใจดีทั่วประเทศร่วมมือกัน มูลค่าที่เกิดขึ้นไม่ได้วัดด้วยตัวเลขเงิน แต่คือความหวังและโอกาสที่มอบให้แก่เด็กๆ ในโรงเรียนบ้านป่าตึงตลอดทั้งปี

การจำกัดการซื้อท่านละไม่เกิน 5 ใบ เป็นการกระจายโอกาสในการทำบุญและสร้างความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของโครงการให้กับผู้สนับสนุนจำนวนมากที่สุด ทุกคนที่ถือกระเป๋า “รัก – Luck” ใบนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงผู้บริโภคสินค้า แต่คือหนึ่งในผู้สร้างโอกาสให้เด็กๆ ในชนบทได้มีอนาคตที่ดีขึ้น

ความพิเศษของกระเป๋าชิ้นนี้ยังอยู่ที่การเป็น Limited Edition คอลเลกชันเดียวในโลก ที่ออกแบบโดยศิลปินระดับประเทศ และมีเรื่องราวความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ทุกครั้งที่เจ้าของกระเป๋าหยิบใช้ จะได้นึกถึงรอยยิ้มของเด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านป่าตึง และรู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคม

36 ปี แห่งการเป็นสื่อมวลชนที่รับผิดชอบต่อสังคม

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2532 ตลอดระยะเวลา 36 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการนำเสนอข่าวสารที่ถูกต้อง เป็นกลาง และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในจังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ

แต่การเป็นสื่อมวลชนที่ดีมิใช่เพียงแค่การรายงานข่าว หากแต่คือการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้น กิจกรรม CSR ครั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของสำนักข่าวในการก้าวข้ามบทบาทสื่อมวลชนไปสู่การเป็น “ผู้สร้างสังคม” (Social Creator) ที่ได้รับการยอมรับจากสังคม

กิจกรรมในครบรอบปีนี้จึงไม่ใช่การเฉลิมฉลองเพียงแค่ภายในองค์กร แต่คือการส่งต่อคุณค่าที่สำนักข่าวได้รับจากสังคมกลับคืนสู่ชุมชน เพื่อให้เด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติได้รับโอกาสที่ดีกว่า และเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคมไทย

โรงเรียนบ้านป่าตึง จุดยืนแห่งความมุ่งมั่นท่ามกลางความท้าทาย

โรงเรียนบ้านป่าตึง ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในโรงเรียนขนาดเล็กที่ยังคงเปิดทำการสอนแม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากร และข้อจำกัดด้านงบประมาณ นายธีร์ ชมเชย รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุผลสำคัญที่โรงเรียนยังคงเปิดให้บริการว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีความผูกพันกับพื้นที่อย่างลึกซึ้ง และครอบครัวของพวกเขามีทุนทรัพย์เพียงพอแค่ใช้จ่ายในท้องถิ่น หากต้องส่งบุตรหลานไปเรียนในเมือง ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะกลายเป็นภาระหนักที่รับไม่ไหว

ด้วยเหตุนี้ คณะครูจึงตัดสินใจร่วมกันว่าจะเปิดทำการสอนต่อไปจนกว่าจะไม่มีนักเรียนเหลืออยู่ และจะดูแลพวกเขาอย่างเต็มกำลังเท่าที่มี ความมุ่งมั่นนี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของครูที่แท้จริง ซึ่งไม่ได้มองการศึกษาเป็นเพียงอาชีพ แต่คือพันธกิจในการสร้างอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชนในพื้นที่

การได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ในครั้งนี้ จึงเป็นเสมือนลมหายใจใหม่ที่จะช่วยให้โรงเรียนสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและสวัสดิการของนักเรียนตลอดทั้งปี

ระบบนิเวศแห่งการแบ่งปัน บทเรียนจากความสำเร็จของโครงการ

ความสำเร็จของกิจกรรม “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” สะท้อนให้เห็นถึงการทำ CSR ที่มีประสิทธิภาพใน 3 มิติสำคัญ

  1. มิติภาพลักษณ์องค์กร นครเชียงรายนิวส์ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เกินกว่าการเป็นสื่อมวลชน แต่คือผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม การที่องค์กรใช้วาระครบรอบปีมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมแทนการจัดงานเลี้ยงฉลอง สะท้อนถึงคุณค่าและหลักการดำเนินงานที่ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม
  2. มิติความยั่งยืน การมอบทุนที่ครอบคลุมทั้งอาหาร วัตถุดิบ และค่าประกันอุบัติเหตุตลอด 1 ปี ช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจของโรงเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้บริหารและคณะครูสามารถมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความอยู่รอดขั้นพื้นฐาน
  3. มิติทางจิตวิทยา การได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีทั่วประเทศส่งผลต่อทัศนคติของเด็กๆ ในชนบท ให้รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง และพร้อมจะส่งต่อความสุขนี้ต่อไปในอนาคต ดังที่คุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ กล่าวว่า เมื่อน้องๆ ได้รับอย่างเต็มที่แล้ว วันหนึ่งพวกเขาจะส่งต่อโอกาสนี้ให้คนอื่นไปเรื่อยๆ เป็นวัฏจักรการให้ที่ไม่สิ้นสุด 

ข้อคิดสำหรับองค์กรและผู้ประกอบการ

โครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” เป็นต้นแบบของการทำ CSR ที่มีความหมายและสร้างผลกระทบที่แท้จริง ซึ่งมีหลายบทเรียนที่องค์กรอื่นๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ การร่วมมือกับศิลปินและผู้สร้างสรรค์ การเชิญศิลปินระดับประเทศมาออกแบบสินค้าเพื่อการกุศล ไม่เพียงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงศิลปะกับการทำความดี ทำให้ผู้สนับสนุนรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของงานศิลปะที่มีความหมาย

การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ การระบุว่ารายได้จะนำไปใช้ดูแลนักเรียนตลอด 1 ปี พร้อมรายละเอียดที่ครอบคลุมทั้งอาหาร วัตถุดิบ และประกัน ทำให้ผู้สนับสนุนเห็นภาพชัดเจนว่าเงินของตนจะไปช่วยเหลืออะไรบ้าง การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาจากต่างจังหวัด เป็นการขยายพลังในการทำความดีและสร้างแรงบันดาลใจให้หน่วยงานอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วม การลงพื้นที่จริง การที่ทีมผู้บริหารเดินทางไปมอบความช่วยเหลือด้วยตนเอง ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ และถ่ายทอดบรรยากาศผ่านสื่อ สร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้สนับสนุน การสื่อสารที่โปร่งใส การเปิดเผยรายละเอียดการใช้จ่ายและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน สร้างความมั่นใจให้ผู้สนับสนุนว่าเงินของพวกเขาไปถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แนวทางการส่งต่อความดีและการพัฒนาต่อยอด จากความสำเร็จของกิจกรรมในครั้งนี้ สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้วางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาต่อยอดในอนาคต ซึ่งอาจรวมถึง

การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง การกลับไปเยี่ยมเยียนและติดตามพัฒนาการของนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าตึง เพื่อดูว่าความช่วยเหลือที่มอบไปส่งผลอย่างไรต่อคุณภาพชีวิตและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กๆ การขยายเครือข่ายความช่วยเหลือ การเชื่อมโยงโรงเรียนบ้านป่าตึงกับแหล่งทุนและความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับโรงเรียนในระยะยาว การสร้างแรงบันดาลใจ การนำเสนอเรื่องราวของเด็กๆ และคณะครูที่โรงเรียนบ้านป่าตึง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้สังคมเห็นคุณค่าของการให้โอกาสแก่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกล การพัฒนาโมเดลที่ทำซ้ำได้ การรวบรวมบทเรียนและแนวทางดำเนินงานจากโครงการนี้ เพื่อให้องค์กรอื่นๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการช่วยเหลือโรงเรียนและชุมชนในพื้นที่อื่นๆ

ความหมายของการให้ที่ยิ่งใหญ่

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 ณ โรงเรียนบ้านป่าตึง ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เกิดเรื่องราวพิเศษที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมิใช่การให้เงินจำนวนมาก หากแต่คือการให้โอกาสและความหวังที่ยั่งยืน กระเป๋า “รัก – Luck” ได้กลายเป็นสะพานเชื่อมโยงความรักและความปรารถนาดีจากผู้ใหญ่ใจดีทั่วประเทศ สู่รอยยิ้มและโอกาสของเด็กๆ ในชนบท รายได้ที่ได้รับไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่คือมื้ออาหารที่อิ่มท้อง ความมั่นคงด้านสุขภาพ และที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง

ความสำเร็จของโครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” คือบทพิสูจน์ว่า การช่วยเหลือที่ดีที่สุดคือการช่วยให้คนอื่นสามารถยืนหยัดและดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยตนเอง การต่อลมหายใจให้โรงเรียนบ้านป่าตึงครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การจัดเลี้ยงอาหารเพียงหนึ่งมื้อ แต่คือการวางรากฐานความมั่นคงทางร่างกายและจิตใจให้เยาวชนเชียงรายตลอดทั้งปี 2569 สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ในนามของสื่อมวลชนที่มีอายุครบ 36 ปี ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทใหม่ของสื่อในศตวรรษที่ 21 ที่มิใช่เพียงแค่ผู้รายงานข่าว แต่คือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม การที่สำนักข่าวเลือกใช้วาระครบรอบปีมาสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับชุมชน สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจขององค์กร

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ สัญญาว่าจะมุ่งมั่นเป็นกระบอกเสียงและเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมเชียงรายให้เข้มแข็ง สดใส และยั่งยืนเช่นนี้สืบต่อไป เพราะเชื่อมั่นว่าการสร้างอนาคตที่ดีให้กับเยาวชน คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของสังคม

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ โครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” กิจกรรมวันที่ 29 ธันวาคม 2568 ณ โรงเรียนบ้านป่าตึง ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
  • นายธีร์ ชมเชย รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตึง
  • คุณกันณพงศ์ และคุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์
  • คุณอิ๋ม-พุทธรักษ์ ดาษดา ศิลปินผู้ออกแบบกระเป๋า “รัก – Luck”

หน่วยงานที่ร่วมสนับสนุน:

  • โรงเรียนสกุลศึกษา (Sakulsuksa School) อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
  • บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE EDITORIAL

ศิลปะปลุกจิตสำนึก! “Crooked River” สะท้อนวิกฤตแม่น้ำกกที่กำลังถูกปีศาจสารพิษที่มองไม่เห็นหลอกหลอน

นิทรรศการ “Crooked River แม่น้ำกก” เปิดเสียงศิลปินชาวเชียงราย สะท้อนวิกฤตสารพิษข้ามพรมแดน 5 ศิลปินร่วมถ่ายทอดเรื่องราวแม่น้ำสายชีวิต ผ่านงานจิตรกรรม ภาพถ่าย เสียงธรรมชาติ และงานไม้ มอบรายได้ 50% สนับสนุนภารกิจฟื้นฟูแม่น้ำ ท่ามกลางวิกฤตมลพิษที่ยืดเยื้อมาเกือบปี

เชียงราย, 5 ธันวาคม 2568 — ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม 2568 ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย บรรยากาศเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ นักวิชาการ และชาวเชียงรายที่แห่มาร่วมงานเปิดนิทรรศการศิลปะที่มีความหมายเป็นพิเศษ ภายใต้ชื่อ “Crooked River แม่น้ำกก” ซึ่งจัดแสดงผลงานของศิลปิน 5 ท่าน ที่พยายามบอกเล่าเรื่องราวของแม่น้ำกก สายน้ำแห่งความทรงจำและชีวิตของชาวเชียงราย ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการปนเปื้อนสารพิษครั้งรุนแรง

คุณเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเชียงราย ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ในฐานะประธานในพิธีเปิดงาน กล่าวถึงความสำคัญของนิทรรศการครั้งนี้ว่า เป็นการแสดงความรับผิดชอบของศิลปินที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาแม่น้ำที่เป็นประเด็นเร่งด่วนของจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากการทำเหมืองแร่ข้ามพรมแดน

จุดเริ่มต้นของวิกฤต เมื่อแม่น้ำสงบกลายเป็นน้ำโคลนพิษ

เรื่องราวของนิทรรศการครั้งนี้เริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ แต่ทรงพลัง อังกฤษ อัจฉริยโสภณ หนึ่งในศิลปินหลักของนิทรรศการตั้งขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกับแม่น้ำของเรา?” คำถามนี้ก่อตัวขึ้นหลังจากที่เขายืนอยู่ริมแม่น้ำกกและสังเกตเห็นว่า แม้แม่น้ำจะยังคงไหลและผิวน้ำสองข้างทางยังดูเหมือนเดิม แต่มี “บางอย่าง” ที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ว่ากำลังเปลี่ยนแปลงไป

“มันเหมือนกับผีหรือปีศาจที่หลอกหลอนเรา ทำให้เรากลัว ทำให้เรากังวล ทำให้เราไม่มั่นคงในการมีชีวิตอยู่ แต่เรามองไม่เห็นตัวมัน” อังกฤษกล่าวในพิธีเปิดงาน ด้วยน้ำเสียงที่สะท้อนถึงความกังวลที่คนในพื้นที่ต่างรับรู้ร่วมกัน

ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความวิตกกังวลไร้เหตุผล แต่มีรากฐานมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 เมื่อน้ำท่วมครั้งใหญ่พัดเอาน้ำโคลนสีเทาขุ่นข้นจากต้นน้ำในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เข้าท่วมพื้นที่อำเภอแม่สาย และหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย ชาวบ้านต้องใช้เวลาหลายเดือนในการขุดโคลนและล้างบ้านเรือน เพราะตะกอนดินที่ถูกพัดมามีปริมาณมหาศาล

ตัวเลขที่น่าตกใจ สารหนูเกินมาตรฐานเกือบ 5 เท่า

หลังเหตุการณ์น้ำท่วม กรมควบคุมมลพิษได้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำทุก 2 สัปดาห์ ผลการตรวจวิเคราะห์กลับชี้ให้เห็นภาพที่น่าตระหนกยิ่งกว่าที่คาดไว้ จากข้อมูลของสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ ที่เก็บตัวอย่างระหว่างวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2568 พบว่า แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก โดยเฉพาะ “สารหนู” และ “ตะกั่ว” เกินค่ามาตรฐานในหลายจุด

ที่บริเวณสบกกบ้านแซว ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จุดที่แม่น้ำกกไหลลงสู่แม่น้ำโขง ผลการตรวจวัดพบว่าค่าสารหนูอยู่ที่ 0.036 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่มาตรฐานกำหนดไว้ว่าต้องไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร หมายความว่าเกินค่ามาตรฐานถึง 3.6 เท่า ในบางจุดพบว่าสารหนูเกินมาตรฐานเกือบ 5 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมากและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

เพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) ระบุว่า “เกินมาเกือบ 5 เท่า ซึ่งมันสูงมาก” และยังกล่าวเสริมว่า ในการตรวจสอบตะกอนดินพบสารหนูเกินมาตรฐาน 10 จุดจาก 17 จุดตรวจ โดย 4 จุดอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัยต่อสัตว์หน้าดิน (มากกว่าหรือเท่ากับ 33 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักแห้ง)

นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ได้ออกมาแถลงถึงสถานการณ์ โดยระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งหน่วยแพทย์เฉพาะกิจร่วมกับกรมควบคุมโรคและกรมอนามัย ลงพื้นที่ตรวจหาสารหนูในห่วงโซ่อาหารเป็นระยะเวลา 4 เดือน พร้อมเฝ้าระวังอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับพิษโลหะหนัก แม้ว่าในขณะนั้นยังไม่พบผู้ป่วยจากพิษสารหนูเรื้อรัง แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่

ต้นตอจากเหมืองข้ามพรมแดน ทุนจีนกับเหมืองแร่ในรัฐฉาน

รากเหง้าของปัญหานี้สืบย้อนไปถึงการทำเหมืองแร่ทองคำและเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ขนาดใหญ่ในพื้นที่ต้นน้ำแม่น้ำกกในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะบริเวณเมืองสาด เมืองยอน และเมืองกก ซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิดของแม่น้ำกก

จากข้อมูลการสำรวจโดยองค์กรภาคประชาสังคมและนักวิชาการพบว่า บริเวณต้นน้ำแม่น้ำกกมีการทำเหมืองแร่อย่างน้อย 3 จุดใหญ่ การทำเหมืองดังกล่าวใช้สารเคมีในกระบวนการสกัดแร่ รวมถึงสารหนูที่ใช้ในการแยกทองคำออกจากแร่ เมื่อมีฝนตกหรือเกิดการชะล้างดิน สารพิษเหล่านี้จะไหลลงสู่แม่น้ำกก แล้วเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย

นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐคะฉิ่น ทำให้เกิดดินถล่มเพราะใช้การละลายแร่ใต้ดิน สร้างมลพิษต่อน้ำใต้ดินและน้ำผิวดิน ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและสัตว์ป่าจนถึงแก่ชีวิต ตลอดจนพบการปนเปื้อนในพืชอาหารอีกด้วย

แม่น้ำกกมีความยาวประมาณ 300 กิโลเมตร ไหลจากรัฐฉานเข้าประเทศไทยที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะไหลผ่านตัวเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย แม่จัน เวียงเชียงรุ้ง และดอยหลวง แล้วไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงแสน ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่กว่า 6 อำเภอของจังหวัดเชียงราย

ผลกระทบต่อวิถีชีวิต เกษตรกร-ชาวประมงรับผลโดยตรง

การปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกกส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านริมแม่น้ำ โดยเฉพาะเกษตรกรและชาวประมงที่พึ่งพาแม่น้ำกกในการประกอบอาชีพ จากการสำรวจเบื้องต้นเฉพาะในอำเภอเวียงชัย และอำเภอเวียงเชียงรุ้ง พบว่ามีพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 58,000 ไร่ที่ยังคงใช้น้ำจากแม่น้ำกก

ชาวประมงเริ่มประสบปัญหาปลาที่จับได้จากแม่น้ำกกไม่เป็นที่นิยม และถูกกดราคาจากตลาด ด้วยความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการบริโภค แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันว่าปลามีสารพิษในระดับที่เป็นอันตรายหรือไม่ แต่ความไม่แน่ใจนี้ส่งผลต่อรายได้และการดำรงชีพของชาวประมง

นอกจากนี้ ชาวบ้านริมแม่น้ำกกกว่า 100 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2567 โดยบ้านเรือนประมาณ 10 หลังถูกน้ำพัดไป ไม่เพียงแต่สูญเสียที่อยู่อาศัย แต่ยังสูญเสียที่ดินทำกินด้วย เพราะน้ำที่มีความเชี่ยวกรากพัดเอาหน้าดินไปด้วย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้วางแผนสุ่มตรวจน้ำประปาหมู่บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำกกตลอดสายจนถึงเดือนกันยายน 2568 โดยส่งตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1-1 เชียงราย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าน้ำประปายังปลอดภัย

ศิลปะกับการปลุกจิตสำนึก 5 ศิลปิน 5 มุมมอง

ท่ามกลางวิกฤตที่ยืดเยื้อมาเกือบปี กลุ่มศิลปิน 5 ท่าน ได้รวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงความเป็นแม่น้ำกกผ่านมุมมองและสื่อที่หลากหลาย นิทรรศการ “Crooked River แม่น้ำกก” จึงกลายเป็นพื้นที่สำหรับการเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับอนาคตของแม่น้ำและชุมชนริมฝั่ง

วันชัย พุทธวารินทร์ ช่างภาพชาวเชียงราย ซึ่งบ้านอยู่ทางแม่ข้าวต้ม ได้ใช้โดรนบินถ่ายภาพมุมสูงของแม่น้ำกกในหลายโค้ง หลายมุม และหลายฤดูกาล ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นความงามของแม่น้ำที่คดเคี้ยวไปตามธรรมชาติ พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่น้ำกับผู้คน ทุ่งนา แปลงเกษตร และเหมืองทราย ภาพถ่ายของเขาเผยให้เห็น “ภาพใหญ่” ที่คนบนพื้นดินไม่สามารถมองเห็นได้

อังกฤษ อัจฉริยโสภณ จิตรกรชาวเชียงรายที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ ได้สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม 40 ชิ้น โดยใช้ภาพถ่ายของวันชัยเป็นแรงบันดาลใจ เขาใช้สีสันแต่งเติมเรื่องราวและมุมมองของศิลปินเกี่ยวกับแม่น้ำกกลงไปในภาพวาด แต่ละชิ้นถูกแยกส่วนออกมา สะท้อนถึงความเชื่อที่ว่า “เรามิอาจจะเข้าถึงความจริงของแม่น้ำกกได้เพียงภาพเดียวหรือจากความจริงที่เรามีเพียงชิ้นเดียว”

เอกพงษ์ ใจบุญ ศิลปินและนักออกแบบอิสระ สร้างสรรค์ประติมากรรมไม้ตะเคียนที่จัดวางบนก้อนหินจากกลางแม่น้ำ เปรียบเหมือนคลื่นผิวน้ำที่ไหลอย่างสงบ แต่ภายใต้ความสงบนั้นกลับมีปัญหาที่ทับถม ยากแก้ไข งานของเขาใช้เป็นฐานสำหรับวางชิ้นงานจิ๊กซอว์ร่วมของอังกฤษและวันชัย

วรพจน์ บุญความดี นักธรรมชาติวิทยาอิสระและนักบันทึกเสียงธรรมชาติ ผู้เคยทำงานในการจัดตั้งและบริหารจัดการ “พื้นที่อนุรักษ์น้ำคำ” อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ระหว่างปี 2549-2559 ได้นำเสนอ “เสียงจากแม่น้ำ” ที่เราอาจไม่เคยตั้งใจรับฟัง อยากสื่อสารถึงเสียงของชีวิตอื่นๆ ที่อาศัยอยู่กับแม่น้ำกก ทั้งเสียงนก เสียงแมลง เสียงแพลงก์ตน และเสียงปลา ซึ่งกำลังจะหายไปจากสายน้ำนี้

สมชาย ชื่นทรวงจิต นักบุปผากร ผู้ทำงานไฟฟ้าควบคู่กับการจัดดอกไม้ที่อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) ได้นำเสนองานจัดดอกไม้ที่แสดงความเรียบง่ายของการใช้วัสดุธรรมชาติ กิ่งไม้ ใบไม้ ทั้งสดและแห้ง พร้อมกรวดทรายและหินในแม่น้ำกก เพื่อนำความงามมาเยียวยาใจท่ามกลางความเศร้าที่เกิดจากวิกฤตน้ำท่วมและสารพิษ

ข้อความจากผู้ใหญ่ใจ “ศิลปินคือผู้นำทาง”

ศาสตราจารย์นคร ทองน้อย ผู้อำนวยการไร่แม่ฟ้าหลวง ซึ่งมาร่วมให้กำลังใจศิลปิน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังว่า “แม่น้ำกกเราเนี่ยจะพึ่งใคร เทศบาลเหรอ ข้าราชการเหรอ ตำรวจหรือทหารหรอ พวกคุณนี่แหละที่จะต้องช่วยกันดูแลแม่น้ำกก ไม่ใช่คนอื่น การเป็นศิลปินหมายถึงการเป็นผู้ให้ การเป็นผู้เผื่อแผ่ การเป็นผู้ชี้ทาง การเป็นผู้ให้กำลังใจ ให้กำลังความคิด เป็นผู้ที่จะนำพาคนชาวเชียงราย”

เขากล่าวต่อว่า “เมืองไหนก็ตาม ถ้ามีแม่น้ำเป็นพิษแล้วเมืองนั้นอยู่ไม่ได้ มันง่ายแค่นั้นเอง” คำพูดที่ตรงไปตรงมานี้สะท้อนถึงความจริงจังของปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นการเตือนสติให้ทุกฝ่ายตื่นตัวและร่วมมือกันแก้ไขปัญหา

คุณเตือนใจ ดีเทศน์ ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวถึงบทบาทของมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา ว่า ปัจจุบันได้มีความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยทั้ง 3 แห่งของเชียงราย ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พร้อมด้วยสื่อมวลชนและองค์กรระหว่างประเทศ

ท่านยังเปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 จะมีองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ สหภาพยุโรป (EU) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เข้ามาพูดคุยกับชาวเชียงรายและภาคส่วนต่างๆ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง

“ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่เฉพาะแม่น้ำกกแล้ว แต่ลามไปถึงแม่น้ำโขงซึ่งจะส่งผลต่อภาคอีสานของเราด้วย และที่แม่น้ำสาละวินเราก็พบว่ามีเหมืองจำนวนมากถึง 5 เท่าของเกณฑ์มาตรฐาน” คุณเตือนใจกล่าวพร้อมเน้นย้ำว่า “ถ้าไม่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เราก็จะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีมนุษย์ ธรรมชาติอยู่ได้อย่างดีเลย เพราะมนุษย์นี่แหละคือผู้ที่ทำลาย ถ้าเราไม่มีความอ่อนน้อม ความเคารพ ความกตัญญูต่อธรรมชาติ”

เปิดพื้นที่แห่งบทสนทนาและความหวัง

นิทรรศการ “Crooked River แม่น้ำกก” เปิดให้ผู้ชมได้สำรวจ สัมผัส มอง ฟัง และรู้สึก ปะติดปะต่อความหมายผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับแม่น้ำจากมุมมองที่แตกต่างกัน พจวรรณ พันธ์จินดา ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ อธิบายว่า การจัดแสดงครั้งนี้ต้องการเปิดพื้นที่ให้เกิดบทสนทนาถึงแม่น้ำกกผ่านงานศิลปะและจากผู้ชม เพื่อช่วยประกอบความเป็นแม่น้ำกกให้ชัดเจนและกว้างไกลขึ้น พร้อมทั้งฉายภาพความจริง ความหวัง และความฝันในการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้

“เราไม่อาจจะเห็นแม่น้ำทั้งสายได้ เมื่อเรายืนอยู่ที่ริมฝั่ง” คือข้อความที่สะท้อนแนวคิดของนิทรรศการ ที่ต้องการเชื้อเชิญให้ผู้ชมเปิดมุมมองและเข้าใจแม่น้ำกกในมิติที่หลากหลาย ไม่ใช่เพียงแค่สายน้ำที่ไหลผ่านหน้าบ้าน แต่คือระบบนิเวศที่เชื่อมโยงชีวิตของผู้คน สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม

การจัดนิทรรศการครั้งนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อระดมทุนสนับสนุนการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยศิลปินทั้ง 5 ท่านยินยอมบริจาครายได้ 50% จากการจำหน่ายผลงานทุกชิ้น รวมถึงงานจัดดอกไม้และจิ๊กซอว์ ให้กับมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา เพื่อใช้ในโครงการรณรงค์เกี่ยวกับแม่น้ำของเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก และโขง

ความร่วมมือระดับนานาชาติ ก้าวสำคัญในการแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขาได้จัดกิจกรรมรณรงค์เรื่องของสารพิษในแม่น้ำทั้ง 4 สาย ได้แก่ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยมีศิลปินเข้าร่วมและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทำให้การรณรงค์มีสีสัน มีชีวิตชีวา และมีพลังมาก

ขณะนี้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทั้ง 3 แห่งในจังหวัดเชียงราย ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ในการศึกษาวิจัยและติดตามสถานการณ์ นอกจากนี้ยังมีองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาสนับสนุน อาทิ องค์การสหภาพยุโรป (EU) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และสหภาพสากลเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ซึ่งได้เปิดสำนักงานในพื้นที่

การเข้ามามีส่วนร่วมขององค์กรระหว่างประเทศถือเป็นก้าวสำคัญ เนื่องจากปัญหาต้นตอมาจากการทำเหมืองแร่ข้ามพรมแดน จึงจำเป็นต้องมีการประสานงานและเจรจาในระดับนานาชาติ ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงในระดับประเทศเดียว

ทางออกที่รอคอย จากความตระหนักสู่การลงมือ

แม้ว่าสถานการณ์จะยังคงน่ากังวล แต่การที่มีหลายฝ่ายเข้ามาให้ความสนใจและร่วมมือกันถือเป็นสัญญาณที่ดี นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า การแก้ปัญหาต้องทำหลายแนวทาง ทั้งการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง การให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ และที่สำคัญคือการหยุดการทำเหมืองแร่ที่ต้นน้ำ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้วางแผนในการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำประปาหมู่บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำกก รวมถึงการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากสารพิษ

สำหรับแนวทางระยะยาว มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขาพร้อมด้วยเครือข่ายภาคประชาสังคมกำลังผลักดันให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลเมียนมาเพื่อหยุดการทำเหมืองแร่ที่ก่อให้เกิดมลพิษ และมีการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังมีการผลักดันให้มีกฎหมายและกลไกในการควบคุมการลงทุนจากต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

ข้อคิดจากศิลปะ เมื่อภาพวาดกลายเป็นเสียงเรียกร้อง

นิทรรศการ “Crooked River แม่น้ำกก” ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงศิลปะทั่วไป แต่เป็นการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคม อังกฤษ อัจฉริยโสภณ กล่าวว่า “เราทำอะไรได้บ้างกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้” คือคำถามที่ศิลปินทุกคนถามตัวเอง และนิทรรศการครั้งนี้คือคำตอบหนึ่งที่พวกเขาหาเจอ

การที่ศิลปิน 5 ท่านจากหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม ภาพถ่าย การบันทึกเสียง ประติมากรรม และงานจัดดอกไม้ มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานที่มีจุดร่วมเดียวกันคือ “แม่น้ำกก” แสดงให้เห็นว่าศิลปะสามารถเป็นสื่อกลางที่ทรงพลังในการนำเสนอประเด็นสังคม และเชื่อมโยงผู้คนที่มีความห่วงใยร่วมกัน

นิทรรศการครั้งนี้ยังเป็นตัวอย่างของการทำงานแบบสหสาขาวิชา (Interdisciplinary) ที่นำเอาศาสตร์ต่างๆ มาผสมผสานกัน ตั้งแต่ศิลปะ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ชีววิทยา และสังคมศาสตร์ เพื่อนำเสนอภาพรวมของปัญหาที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่ายและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา

แขกผู้มีเกียรติและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

ในพิธีเปิดงานมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานจำนวนมาก อาทิ คุณจันทร์ นคร ทองน้อย ผู้อำนวยการไร่แม่ฟ้าหลวง คุณกิตติวัฒน์ ไลย์ศิริพันธ์ ตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย คุณพิศาล จันทร์สิน จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายกสมาคมศิลปินแห่งประเทศไทย รวมถึงตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศอย่าง IUCN และแขกจากภูเก็ต

การที่มีผู้คนจากหลากหลายภาคส่วนเข้าร่วมงานแสดงให้เห็นว่าปัญหาแม่น้ำกกเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และมีผู้คนพร้อมที่จะร่วมมือกันแก้ไข ไม่ใช่เพียงแค่ศิลปิน นักวิชาการ หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนทั่วไปที่เห็นความสำคัญของการรักษาแม่น้ำและสิ่งแวดล้อม

คุณยุวนิต เตชะไพบูลย์ แขกจากภูเก็ต ที่เดินทางมาร่วมงาน แสดงให้เห็นว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่เชื่อมโยงผู้คนจากทั่วทุกภูมิภาค และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพื้นที่ที่เผชิญกับปัญหาคล้ายกันสามารถนำไปสู่แนวทางการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

รายละเอียดการจัดแสดงและการเข้าชม

นิทรรศการ “Crooked River แม่น้ำกก” จัดแสดงระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ถึง 31 มกราคม 2569 ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. ปิดทุกวันจันทร์ การเข้าชมไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ผู้สนใจสามารถบริจาคหรือซื้อผลงานศิลปะเพื่อสนับสนุนการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมได้

ผลงานที่จัดแสดงประกอบด้วย ภาพถ่ายมุมสูงของแม่น้ำกกกว่า 20 ภาพโดยวันชัย พุทธวารินทร์ ภาพจิตรกรรม 40 ชิ้นโดยอังกฤษ อัจฉริยโสภณ จิ๊กซอว์ที่ผสมผสานระหว่างภาพถ่ายและจิตรกรรม ประติมากรรมไม้ตะเคียนโดยเอกพงษ์ ใจบุญ การบันทึกเสียงธรรมชาติจากแม่น้ำโดยวรพจน์ บุญความดี และงานจัดดอกไม้โดยสมชาย ชื่นทรวงจิต

พจวรรณ พันธ์จินดา ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ ระบุว่า การจัดวางผลงานได้ออกแบบให้ผู้ชมได้สัมผัสแม่น้ำกกผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ตั้งแต่การมอง การฟัง การสัมผัส และการรับรู้ทางอารมณ์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์และทำให้เข้าใจถึงความเป็นแม่น้ำกกในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

บทเรียนสำหรับอนาคต จากแม่น้ำกกสู่แม่น้ำอื่นๆ

ปัญหาของแม่น้ำกกไม่ใช่กรณีเฉพาะ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับแม่น้ำสายอื่นๆ ในภูมิภาค ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษและมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขาชี้ให้เห็นว่า แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำสาละวิน ล้วนมีความเสี่ยงจากการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ต้นน้ำเช่นกัน

คุณเตือนใจ ดีเทศน์ กล่าวว่า ที่แม่น้ำสาละวินซึ่งขณะนี้เป็นสายเดียวที่ไม่มีเขื่อนกั้นน้ำและยังคงสภาพธรรมชาติ กลับพบว่ามีเหมืองที่ต้นน้ำแล้ว และค่าสารพิษบางชนิดสูงถึง 5 เท่าของเกณฑ์มาตรฐาน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหามีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้น และจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน

การแก้ปัญหาในระยะยาวต้องอาศัยความร่วมมือในหลายระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การกำกับดูแลการลงทุนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญคือการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทุกภาคส่วน

เสียงจากศิลปิน “อย่างน้อยเราได้เริ่มต้นบทสนทนา”

อังกฤษ อัจฉริยโสภณ กล่าวปิดท้ายในพิธีเปิดงานว่า “อย่างน้อยศิลปะได้นำพาพวกเรามามาอยู่ร่วมกัน และเป็นจุดเริ่มต้นเล็กเล็กที่เราจะเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา” คำพูดนี้สะท้อนถึงความหวังของกลุ่มศิลปินที่ต้องการใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการสร้างการรับรู้และปลุกจิตสำนึกของผู้คน

การจัดนิทรรศการครั้งนี้อาจเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ในการแก้ปัญหาขนาดใหญ่ แต่เป็นก้าวที่สำคัญในการแสดงให้เห็นว่าศิลปินและภาคประชาสังคมพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง และยินดีที่จะสนับสนุนการทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการหรือต้องการสนับสนุนการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม สามารถติดต่อได้ที่บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย หรือมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา นิทรรศการจัดแสดงถึงวันที่ 31 มกราคม 2569 และหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • ภาพ : กีรติ ชุติชัย
  • กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่
  • กระทรวงสาธารณสุข
  • มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.)
  • องค์การแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers)
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สหภาพสากลเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) สำนักงานประเทศไทย
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย
  • เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก และโขง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME