
วธ. เปิด “ชุมชนยลวิถีวัดห้วยปลากั้ง” เชียงราย ต้นแบบพหุวัฒนธรรมล้านนา สู่แหล่งท่องเที่ยวสร้างสรรค์ระดับประเทศ
เชียงราย, 17 พฤษภาคม 2568 – กระทรวงวัฒนธรรมเดินหน้ายกระดับชุมชนท้องถิ่นสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ผ่านโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” โดยในวันนี้ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง” จังหวัดเชียงราย หนึ่งใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบของประเทศที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทยและพหุวัฒนธรรมล้านนา
พิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ สะท้อนเอกลักษณ์ชุมชนหลากหลายชาติพันธุ์
บรรยากาศที่ลานอเนกประสงค์บริเวณองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม วัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย ในช่วงเช้าวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เต็มไปด้วยความคึกคักจากผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมในพิธีเปิด “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง” อย่างเป็นทางการ โดยมี นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี
ภายในงานมีบุคคลสำคัญในระดับท้องถิ่นและประเทศเข้าร่วม อาทิ
- พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง
- นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
- นางสินีนาฏ ทองสุข ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย
- นางรพีพร ทองดี ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนสุดยอดชุมชนต้นแบบ
- นายโชติ ศิริดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย
พร้อมด้วยผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และสื่อมวลชนทั้งในและนอกพื้นที่ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง
กิจกรรมหลากหลาย แสดงอัตลักษณ์พหุวัฒนธรรมล้านนา
กิจกรรมในงานสะท้อนถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการทอผ้าลายประจำเผ่าของชาวลาหู่ การเต้นจะคึของชาวปอยเตเว การละเล่นสะบ้า การจักสานไม้ไผ่ ไปจนถึงการทำไม้กวาดของชาวไทลื้อ นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีพื้นเมือง และจำหน่ายอาหารท้องถิ่นจากกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ลาหู่ อาข่า ไทลื้อ ให้ได้ลิ้มลองอย่างใกล้ชิด
นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งรถรางเที่ยวชมชุมชน เยี่ยมชมพบโชคธรรมเจดีย์ (เจดีย์ 9 ชั้น) และโบสถ์สีขาวอันวิจิตรตระการตา ซึ่งสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี
ชุมชนต้นแบบที่สร้างรายได้จากทุนวัฒนธรรม
นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง เป็นหนึ่งในชุมชนต้นแบบที่นำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านงานหัตถกรรม อาหารพื้นถิ่น และกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สอดแทรกองค์ความรู้ สะท้อนถึงความสามารถของคนในพื้นที่ในการพัฒนาโดยไม่สูญเสียอัตลักษณ์
“โครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นการใช้ทุนวัฒนธรรมสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2564 และดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน” นายสถาพรกล่าว
ศูนย์กลางของพหุวัฒนธรรมล้านนา
ชุมชนวัดห้วยปลากั้งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ อาข่า ไทลื้อ ลั้วะ และชาวไทยพื้นเมือง ซึ่งสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติและพึ่งพาอาศัยกันได้เป็นอย่างดี
ความหลากหลายดังกล่าวสะท้อนผ่านการจัดกิจกรรมที่ทุกกลุ่มชาติพันธุ์มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม เช่น การแสดงพื้นเมือง การสาธิตงานฝีมือ และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งสร้างรายได้และความภาคภูมิใจให้แก่สมาชิกในชุมชน
เปิดพื้นที่เพื่อโอกาสของผู้ด้อยโอกาส
อีกหนึ่งจุดแข็งของชุมชนวัดห้วยปลากั้ง คือการเปิดพื้นที่รองรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ให้สามารถเข้ามาใช้ชีวิตร่วมในชุมชนอย่างมีศักดิ์ศรี โดยเฉพาะในบริเวณวัดห้วยปลากั้ง ซึ่งมีการดูแลทั้งผู้สูงอายุ เด็กยากไร้ และผู้ไร้บ้าน ทำให้พื้นที่แห่งนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันบนฐานของความเข้าใจและเมตตา
“เที่ยวชุมชน ยลวิถี” จุดประกายท้องถิ่นไทย
โครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ที่ริเริ่มโดยกระทรวงวัฒนธรรม มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับชุมชน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ พร้อมส่งเสริมภูมิปัญญาและอัตลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งในปีนี้ได้คัดเลือกชุมชนต้นแบบจากทั่วประเทศจำนวน 76 แห่ง และคัดเลือกเหลือเพียง 10 ชุมชนที่มีศักยภาพรอบด้าน
ชุมชนวัดห้วยปลากั้งถือเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดในการนำพลังของวัฒนธรรมท้องถิ่นมาใช้พัฒนาพื้นที่และสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน โดยไม่ต้องพึ่งพาทุนจากภายนอกมากนัก
ผลลัพธ์จากการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่
การประสบความสำเร็จของชุมชนวัดห้วยปลากั้ง เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ชุมชนวัด กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มชาติพันธุ์ และเยาวชนในพื้นที่ โดยมีการประชุม วางแผน และทำงานร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ จนสามารถสร้างโมเดลการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืนขึ้นมาได้
ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง
ตามข้อมูลจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ระบุว่า โครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2564 จนถึงปัจจุบัน มีชุมชนเข้าร่วมแล้วกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ และมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนมากกว่า 5 ล้านคน/ปี
จากการประเมินผลของ สำนักวิจัยพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 38.2 ต่อปี โดยรายได้มาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน, การจัดกิจกรรมท่องเที่ยว, และบริการโฮมสเตย์
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม
- สำนักวิจัยพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- สมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย
- วัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย
- สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย