Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

กองทุนพัฒนาฯ มอบอุปกรณ์กีฬา ฟื้นฟูโรงเรียน สืบสาน สร้างเสริม เติมมต่อ

กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มอบอุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียนในเชียงราย สร้างรอยยิ้มให้เยาวชน

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนบ้านสันโค้ง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ร่วมกับจังหวัดเชียงราย ได้จัดพิธีมอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมี  นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยฝ่ายส่งเสริมกีฬา และ นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นประธานในการมอบอุปกรณ์กีฬา

ส่งมอบความสุขผ่านกีฬา สร้างรากฐานเยาวชนไทย

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสเข้าถึงกิจกรรมทางกายและกีฬาอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์กีฬา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ อุปกรณ์กีฬาที่มอบให้ในครั้งนี้ประกอบด้วย อุปกรณ์กีฬาชนิดต่างๆ ที่จำเป็นต่อการออกกำลังกายและการเรียนรู้ เช่น ลูกฟุตบอล บาสเก็ตบอล วอลเลย์บอล และอุปกรณ์กีฬาอื่นๆ อีกมากมาย

เปิดโอกาสให้เยาวชนได้พัฒนาตนเอง

นอกจากการมอบอุปกรณ์กีฬาแล้ว ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาเทเบิลเทนนิสสำหรับเยาวชนในพื้นที่ และการอบรมเทคนิคการเล่นกีฬาเทเบิลเทนนิสอย่างถูกต้อง โดยมีนักกีฬาอาชีพมาให้คำแนะนำ ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากเยาวชนเป็นอย่างมาก

กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มุ่งมั่นพัฒนาเยาวชนไทย

นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีสุขภาพที่ดีและมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศในระยะยาว”

ความร่วมมือที่แข็งแกร่งเพื่ออนาคตของเยาวชน

ความร่วมมือระหว่างกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติและจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าของชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายประชุมใหญ่ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เตรียมแผนรับมือน้ำท่วม-พัฒนาชุมชน

เชียงรายขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูระยะที่ 2 เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและเศรษฐกิจท้องถิ่น

เชียงราย – เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 จังหวัดเชียงรายได้จัดการประชุมคณะกรมการจังหวัดฯ ครั้งที่ 10/2567 ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานและแผนปฏิบัติการสำหรับการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย ระยะที่ 2 โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม

สรุปผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ

ในการประชุมครั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ร่วมกันรับชมสรุปรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในรอบเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เช่น สำนักงานคลังจังหวัดเชียงรายที่สรุปผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 และแนวทางการดำเนินงานเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ส่วนสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงรายได้รายงานภาวะการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนในเดือนตุลาคมเช่นกัน

ความร่วมมือด้านสุขภาพและการท่องเที่ยว

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงรายได้เตรียมจัดหน่วยแพทย์และพยาบาลในโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 โดยมีจุดปล่อยตัวนักวิ่ง ณ สวนตุงและโคมนครเชียงราย

นอกจากนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชียงราย ยังเตรียมจัดกิจกรรม “เหนือพร้อมเที่ยว เชียงรายพร้อมแอ่ว” เพื่อเปิดโครงการ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ที่อุทยานไร่แม่ฟ้าหลวง

แผนฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในระยะที่ 2: 3 ยุทธศาสตร์ 7 กลยุทธ์

จังหวัดเชียงรายได้ขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูและเยียวยาพื้นที่ประสบอุทกภัยในระยะที่ 2 โดยแบ่งเป็น 3 ยุทธศาสตร์ 7 กลยุทธ์ ดังนี้:

  1. ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน

    • กลยุทธ์ที่ 1: การจัดระเบียบสังคม ปราบปรามอบายมุข และผู้มีอิทธิพล
    • กลยุทธ์ที่ 2: การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
  2. ยุทธศาสตร์ฟื้นฟูเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยว

    • กลยุทธ์ที่ 1: การสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
    • กลยุทธ์ที่ 2: ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
    • กลยุทธ์ที่ 3: จัดหาน้ำอุปโภคและบริโภคให้ทั่วถึง
  3. ยุทธศาสตร์ติดตามและเยียวยาความเสียหายจากอุทกภัย

    • กลยุทธ์ที่ 1: เร่งรัดการชดเชยและฟื้นฟูผู้ประสบภัย
    • กลยุทธ์ที่ 2: ติดตามการชดเชยความเสียหายของบ้านที่ถูกทำลายบางส่วนหรือทั้งหมด

การประชุมครั้งนี้สรุปผลและวางแนวทางการพัฒนาที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนจังหวัดเชียงรายมีความปลอดภัยและได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ทั้งด้านเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

‘ไทย’ มีโอกาสเจอฝนถึงเดือน พ.ย. หลังฟิลิปปินส์-เวียดนามยังมี ‘ลานีญา’

ฤดูฝนหนักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ผลกระทบและการเตรียมพร้อมสำหรับปี 2024

สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปรากฏการณ์ La Nina (ลานีญา)

สำนักข่าว BLOOMBERG รายงานว่าในปี 2024 นี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับฤดูฝนที่หนักกว่าปกติ เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญา ที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลให้น้ำอุ่นเคลื่อนตัวไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และนำมาซึ่งฝนตกหนักมากขึ้นในพื้นที่นี้ พยากรณ์อากาศท้องถิ่นคาดการณ์ว่าฝนจะตกหนักจากฟิลิปปินส์ถึงเวียดนามจนถึงเดือนพฤศจิกายน

ผลกระทบต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรมในเวียดนาม

เวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการผลิตอย่างมาก ได้รับผลกระทบหนักจากพายุไต้ฝุ่นยางิในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่เคยพัดผ่านประเทศนี้ในรอบหลายสิบปี พายุไต้ฝุ่นยางิทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามต้องสูญเสียไปถึง 40 ล้านล้านดอง (ประมาณ 48.3 พันล้านบาท) จากความเสียหายที่เกิดขึ้นในโรงงานที่น้ำท่วม และการเก็บเกี่ยวข้าวและกาแฟที่เสียหาย

ความเสียหายต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย

ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก กำลังเผชิญกับความเสียหายที่สูงถึง 30 พันล้านบาท จากน้ำท่วมในภาคเหนือ รวมถึงเชียงใหม่ที่ต้องอพยพช้างจำนวนประมาณ 100 ตัวจากศูนย์อนุรักษ์

พายุที่รุนแรงในฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์ซึ่งมีพายุตกลงมาเฉลี่ยประมาณ 9 ครั้งต่อปี ยังกำลังฟื้นตัวจากพายุที่มีความรุนแรงในเดือนที่ผ่านมา เช่น พายุไต้ฝุ่นยางิในเดือนกันยายน และพายุกระท้อนในเดือนตุลาคม

การพยากรณ์สภาพอากาศและความเสี่ยงในอนาคต

ศูนย์พยากรณ์อากาศเฉพาะทางอาเซียนกล่าวว่าปรากฏการณ์ลานีญา คาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ฝนตกหนักกว่าปกติในหลายประเทศในภูมิภาค สิงคโปร์ได้ออกเตือนภัยน้ำท่วมในวันที่ 14 ตุลาคม เนื่องจากช่วงฤดูระหว่างมรสุมทำให้เกิดฟ้าผ่าและฝนตกหนัก

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ทะเลอุ่นขึ้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มโอกาสในการเกิดพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงขึ้นและใกล้เคียงกับชายฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อมากขึ้น “ไซโคลนเขตร้อนจะมีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น” กล่าวโดย Benjamin Horton กรรมการผู้จัดการ Earth Observatory of Singapore

การเตรียมพร้อมและการป้องกันภัยพิบัติ

ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของไซโคลนในมหาสมุทรแปซิฟิกทำให้ธุรกิจและรัฐบาลในภูมิภาคที่เสี่ยงต่อสภาพอากาศต้องพิจารณาวิธีใหม่ในการป้องกันภัยจากพายุ “ถ้าพายุไต้ฝุ่นยางิพิสูจน์ให้เห็นว่าถ้าคุณต้องการป้องกันประเทศและเศรษฐกิจของคุณในอนาคต ไม่มีวิธีที่เป็นจริงจังนอกจากต้องเริ่มดำเนินการทันที” กล่าวโดย Bruno Jaspaert ประธาน EuroCham Vietnam

 
กรณีศึกษาจากอุตสาหกรรมในเวียดนาม

อุตสาหกรรมอัมมาตาซิตี้ หาลงในภาคเหนือของเวียดนามเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการเตรียมพร้อมสำหรับน้ำท่วม อุทยานอุตสาหกรรมนี้ได้ดำเนินการสำรวจความเสี่ยงจากน้ำท่วมอย่างละเอียดก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างและลงทุนในระบบป้องกันน้ำท่วมที่ทันสมัย แม้พายุไต้ฝุ่นยางิจะทำให้โรงงานบางแห่งได้รับความเสียหายจากลมแรง แต่ “โชคดีที่ไม่เกิดน้ำท่วมภายในอุทยาน” กล่าวโดยผู้ดำเนินการ Amata

อนาคตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยการคาดการณ์ว่าลานีญา จะส่งผลให้ฝนตกหนักกว่าปกติต่อเนื่องจนถึงปลายปี 2024 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การลงทุนในระบบป้องกันภัยและการปรับปรุงมาตรฐานการก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคนี้ในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : www.straitstimes.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“เชียงรายน้ำท่วมตลาดสายลมจอย กระทรวงสาธารณสุขเร่งช่วยเหลือด่วน ป้องกันดินถล่ม”

สถานการณ์น้ำท่วมเชียงราย: กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังและดำเนินการช่วยเหลือ

ในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีการน้ำเอ่อท่วมตลาดสายลมจอย นอกจากนี้ ยังมีการเฝ้าระวังน้ำป่าหลากและดินถล่มใน 9 จังหวัดภาคใต้ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น

การเฝ้าระวังน้ำป่าและดินถล่มในพื้นที่เสี่ยง

หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายโสภณ เอี่ยมศิริถาวร ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังน้ำป่าหลากและดินถล่มใน 9 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา ซึ่งจังหวัดสงขลาได้เตือนภัยระดับเตรียมพร้อมใน 4 หมู่บ้าน ส่วนยะลาเตือนภัยระดับวิกฤตใน 2 หมู่บ้าน รวมถึงเชียงรายได้มีการเตือนภัยระดับเฝ้าระวังใน 2 หมู่บ้านด้วย

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและกลุ่มเปราะบาง

จากการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม ถึง 14 ตุลาคม 2567 ทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขได้ดูแลผู้ประสบภัยรวม 239,415 ราย และกลุ่มเปราะบาง 33,830 ราย นอกจากนี้ ยังมีการจัดทีมปฐมพยาบาลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง ซึ่งจะติดตามและให้การรักษาต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดผลกระทบทางจิตใจจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น

มาตรการด้านสุขภาพจิตหลังเกิดภัยพิบัติ

กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำมาตรการดูแลสุขภาพจิตใน 3 ระยะ ได้แก่ ระยะวิกฤตและฉุกเฉินตั้งแต่เกิดเหตุจนถึง 2 สัปดาห์ ระยะหลังประสบภาวะวิกฤตตั้งแต่ 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน และระยะฟื้นฟูหลังเกิดเหตุการณ์เกิน 3 เดือน โดยการประเมินและติดตามดูแลกลุ่มเสี่ยงจะช่วยให้สามารถให้การรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา

การจัดเตรียมทีมช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง

พื้นที่น้ำท่วมขังที่เสี่ยงสูงสุดประกอบด้วย 8 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก อ.บางระกำ พระนครศรีอยุธยา อ.บางบาล สุราษฎร์ธานี อ.พระแสง สมุทรปราการ อ.พระประแดง อุดรธานี อ.เพ็ญ นครปฐม อ.บางเลน นครพนม อ.นาทม และขอนแก่น อ.หนองเรือ โดยหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้รับการเตรียมทีมบุคลากร ยา และเวชภัณฑ์เพื่อออกช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้ประสบภัย และกลุ่มเปราะบางได้อย่างทันท่วงที

ผลกระทบจากน้ำท่วมและการดำเนินการช่วยเหลือ

จากข้อมูลล่าสุด น้ำท่วมในเชียงรายทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 75 ราย บาดเจ็บ 2,421 ราย และไม่มีผู้สูญหายเพิ่มเติม นอกจากนี้ หน่วยงานสาธารณสุขยังคงให้ความสำคัญกับการปิดบริการในสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ โดยสถานพยาบาลที่ต้องปิดบริการเพียง 1 แห่ง คือ รพ.สต.บ้านวังลูกช้าง จ.พิจิตร

ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในการรับมือภัยพิบัติ

การตอบสนองต่อสถานการณ์น้ำท่วมในเชียงรายและพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ เป็นผลมาจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานท้องถิ่น และองค์กรต่างๆ ในการจัดเตรียมและดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้สามารถลดผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

บทสรุป: ความสำคัญของการเตรียมพร้อมและการตอบสนองต่อภัยพิบัติ

สถานการณ์น้ำท่วมในเชียงรายและพื้นที่อื่นๆ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมและการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากหน่วยงานสาธารณสุขและองค์กรที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผู้ประสบภัยและกลุ่มเปราะบาง รวมถึงการดูแลสุขภาพจิต เป็นสิ่งที่ช่วยลดผลกระทบจากภัยพิบัติและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

น้ำท่วมเชียงราย 9 ก.ย. – 8 ต.ค. 67 เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 3 ราย

 

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายรายงานข้อมูลสะสมระหว่างวันที่ 9 ก.ย. – 8 ต.ค. 2567 รวมทั้งสิ้น 13 อำเภอ 64 ตำบล 581 หมู่บ้าน 1 เทศบาลนคร (52 ชุมชน) โดยราษฎรได้รับผลกระทบเบื้องต้น 56,587 ครัวเรือน

  • เสียชีวิต 14 ราย
  • บาดเจ็บ 3 ราย
  • บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ(เสียหายทั้งหลัง) 112 หลัง
  • ตลาดชุมชนเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง
  • ร้านค้า/สถานประกอบการ 92 แห่ง
  • โรงงานอุตสาหกรรม 19 แห่ง
  • พื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบ 18,587 ไร่
  • ปศุสัตว์ได้รับผลกระทบ 49,054 ตัว (ได้แก่ โค 1,110 ตัว กระบือ 176 ตัว สุกร 66 ตัว แพะ/แกะ 25 ตัว สัตว์ปีก 47,677 ตัว)
  • สัตว์เลี้ยง 322 ตัว (ได้แก่ สุนัข 145 ตัว แมว 154 ตัว และอื่นๆ 23 ตัว)
  • บ่อปลา 1,074.53 ไร่ ด้านสิ่ง
  • สาธารณประโยชน์ได้รับผลกระทบ ได้แก่ โรงเรียน 42 แห่ง ถนน 42 จุด คอสะพาน 5 จุด และ รพ.สต. 1 แห่ง

รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ พร้อมกำลังพลในการเข้าไปช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง หลายวัน ทำให้วันนี้ (8 ตุลาคม 2567) ได้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่สาย อ.ดอยหลวง, อ.เทิง อ.เวียงแก่น อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย อ.เวียงชัย และอ.แม่ลาว เกิดน้ำท่วมหนักในรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจ และเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน หากประชาชนต้องการขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งเหตุ แจ้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สายด่วน 1784

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานสถานที่เกิดเหตุ/ความเสียหาย/การให้ความช่วยเหลือ (เหตุต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 67 และสถานการณ์ในวันนี้ (8 ต.ค. 67) ดังนี้
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดเชียงราย ได้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี พ.ศ. 2567 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และจัดหาปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นในการดำรงชีพ ผ่านทางธนาคาร กรุงไทย สาขาเชียงราย เลขที่บัญชี 504-3-23-732-5 ชื่อบัญชี กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี พ.ศ. 2567 โดยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า ยอดเงินบริจาค ณ วันที่ 8 ต.ค. 67 เวลา 16.30 น. จำนวน 9 9,632,815.42 บาท
 
การดำเนินการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย การดำเนินการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย อ.แม่สาย แบ่งพื้นที่ดำเนินการเป็น 2 โซนหลัก 6 โซนย่อย โซนหัวฝาย-สายลมจอย/เกาะทราย/ไม้ลุงขน : กระทรวงกลาโหม โซนเหมืองแดง/เหมืองแดงใต้/ ปิยะพร : กระทรวงมหาดไทย
 
ศูนย์พังพิงที่ยังคงให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พักพิงเทศบาลตำบลแม่สาย จำนวน 87 ราย ศูนย์พักพิงวัดถ้ำผาจม 50 ราย ศูนย์พักพิงวัดเหมืองแดง 52 ราย รวมทั้งสิ้น 189 ราย
 
การดำเนินการปิดจุดรอยรั่ว กรมการทหารช่าง วางบิ๊กแบ็ค จำนวน 13 จุด แล้วเสร็จ 12 จุด อยู่ระหว่างดำเนินการ 1 จุด 70% (จุดท่าเจ้ดาว) สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา วางชีทไพล์ 120 ต้น แล้วเสร็จ 30 ต้น รอดำเนินการ จำนวน 90 ต้น การฟื้นฟูระบบจ่ายน้ำประปา
 
แผนการซ่อมแซมระบบประปา 423 จุด ดำเนินการแล้วเสร็จ 337 จุด(79.7%) จุดซ่อมคงค้าง 86 จุด (20.3%) (จุดสำรวจแล้วรอเข้าซ่อม 76 จุด, จุดซ่อมคงค้าง 10 จุด)
 
การจ่ายน้ำเข้าพื้นที่ กปภ. สาขาแม่สาย จ่ายน้ำเข้าพื้นที่บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ห้าแยกตลาดพลอย อาคารอเนกประสงค์บ้านเกาะทราย (เฟส 1 ตามแผนการจ่ายน้ำทั้งหมด 3 เฟส) โดยได้ระดมเจ้าหน้าที่จาก กปก.ข.9 และ กปก.สาขาในสังกัดใกล้เคียง เข้าสำรวจ/ซ่อมแซมระบบประปาที่ชำรุด/เสียหาย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถจ่ายน้ำได้อย่างต่อเนื่อง ภายในวันที่ 8 ต.ค. 67 ในส่วนของพื้นที่ในเฟส 2 (ถนนไม้ลุงขน ตลาดพลอย ตลาดไม้ลุงขน เหมืองแดง) และเฟส 3 (เกาะทราย ไม้ลุงขน ผามควาย) กปก. ได้ประสานหน่วยงานฟื้นฟูพื้นที่ เพื่อร่วมกันวางแผนเคลียร์พื้นที่ตามลำดับ และคาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในวันที่ 14 ต.ค. 67
 
การจ่ายน้ำโดยรถบรรทุกน้ำ กปภ. เติมถังน้ำวัดถ้ำผาจม/ถังบ้านอาข่า แจกจ่ายน้ำพื้นที่หยุดจ่ายน้ำชุมชนเกาะทราย ชุมชนไม้ลุงขน และชุมชนภูผาคำ จำนวน 2 รอบ (รอบเช้าเวลา 06.00-08.00 น. และรอบเย็นเวลา 18.00 – 20.00 น.) เติมรถสุขาสาธารณะ ศูนย์พักพิงวัดพรหมวิหาร
 
กปภ. สาขาแม่สาย สนับสนุนน้ำให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้ รถน้ำของ ป4.พัน.104 และพัน สห.31 รถน้ำของ ส.พัน4. เพื่อสนับสนุนให้แก่ชุมชนบริเวณศาลเจ้าพ่อคำแดง รถน้ำของ มทบ.33 เพื่อสนับสนุนให้แก่โรงเรียนไม้ลุงขนฯ รถน้ำของ ร.17 และ ร.17พัน.2 เพื่อสนับสนุนให้แก่ชุมชนไม้ลุงขน โซน 3D รถน้ำของ ป.4 พัน.7 กองพันพัฒนาที่ 3 พัน สร.4 พลร.4 เพื่อสนับสนุนให้แก่ชุมชนหัวฝาย-สายลมจอย
 
– การฟื้นฟูระบบจ่ายไฟฟ้า ค้างจ่ายไฟฟ้าจำนวน 258 หลังคาเรือน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาแม่สาย ประกาศแผนกำหนดการเข้าตรวจสอบความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อต่อกลับการใช้ไฟ ในพื้นที่บ้านเกาะทราย ม.7, บ้านไม้ลุงขน ม.10 และบ้านเหมืองแดง ม.2 ทั้งนี้ ได้มีประกาศขอความร่วมผู้ใช้ไฟที่ประสงค์ต่อกลับการใช้ไฟในพื้นที่ดังกล่าว รอรับการตรวจสอบฯ ตามกำหนดการดังนี้ วันที่ 7 ตุลาคม 2567 ถนนไม้ลุงขน ตลาดพลอย วันที่ 8 ตุลาคม 2567 เกาะทราย เกาะสวรรค์ ผามควาย วันที่ 9 ตุลาคม 2567เหมืองแดง ซ.6 เหมืองแดง ซ.6 หน้าโรงเรียนไม้ลุงขนฯ
การดำเนินการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย อ.เมืองเชียงรายื หมู่บ้านธนารักษ์ กองทัพบก ต.ริมกก อ.เมืองชร. : หน่วยรับผิดชอบ ได้แก่ มทบ.37 และกอ.รมน.จว.เชียงราย ภารกิจดูดโคลนถนนสายหลักภายในหมู่บ้าน 2 สาย นำขยะไปยังที่พักขยะ และฉีดน้ำรีดโคลนออกจากบ้าน รายละเอียดดังนี้ อาคารบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ 273 หลัง แสดงเจตนาให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการ 63 หลัง ดำเนินการฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว 34 หลัง (54%) รอดำเนินดำเนินการ 29 หลัง (46%)
 
วันที่ 5 ต.ค. 67 ยอดสร้างบ้านน็อคดาวน์เพิ่มเติม ณ บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร หมู่ที่ 2 อีกจำนวน 6 หลัง
และซ่อมแซมอีก 4 หลัง รวมเป้าหมายทั้งสิ้น 4 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านน็อคดาวน์ 28 หลัง ซ่อมแซม 10 หลังการกำจัดเศษวัสดุ ขยะ และดินโคลนตามเส้นทาง จุดพักขยะจำนวน 10 จุด ปริมาณขยะ 57,613 ตัน (ดำเนินการเฉพาะวันนี้ 8,280 ตัน)
 
เทศบาลนครเชียงราย ดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชน ดังนี้ ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมเบื้องต้น ครอบครัวละ 2,500 บาท มอบไปแล้ว 7,590 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 18,975,000 บาท คงเหลืออีก 838 ครัวเรือน
เยียวยาตาม มติ ครม. เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2567 มอบไปแล้ว 3,690 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 18,450,000 บาท คงเหลืออีก 4,738 ครัวเรือน
 
การดำเนินการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย อ.เวียงป่าเป้า เทศบาลตำบลป่างิ้ว พร้อมด้วยฝ่ายปกครองร่วมกันฟื้นฟูทำความสะอาดบ้านเรือนราษฎรและซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัย เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ดำเนินการได้ 85% ของพื้นที่ได้รับผลกระทบ
 
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่ง พร้อมด้วยฝ่ายปกครองร.17พัน.3 ภาคเอกชน และราษฎรในพื้นที่ ร่วมกันฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบบ้านห้วยหินลาด(หย่อมบ้านห้วยทรายขาว) หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง
 
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเวียงป่าเป้า ซ่อมแซมระบบจ่ายไฟให้กับครัวเรือนในพื้นที่
หย่อมบ้านห้วยไม้เดื่อ บ้านดงหล่ายหน้า หมู่ที่ 7 ต.เวียง และหย่อมบ้านห้วยทรายขาว บ้านห้วยหินลาด หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง ผลดำเนินการกู้ระบบไฟฟ้าประมาณ 40%
 
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย รถประกอบอาหารเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 67 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 8 ต.ค. 67) ประกอบอาหาร จำนวน 2 มื้อ รวมทั้งหมด 3,630 กล่อง ประกอบด้วยเมนู หมูผัดพริกไทยดำ ลาบหมู ผัดคะน้าหมูชิ้น ผัดกระเพราหมูชิ้น ผัดพริกแกงหมูชิ้น ไก่กรอบผัดกระเทียม เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบอุทกภัยอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
 
ชมรมแม่บ้านมหาดไทย แม่บ้านมหาดไทยร่วมใจฟื้นฟูเชียงราย” จัดตั้งโรงครัว (ครัวแม่บ้านมหาดไทย) เพื่อผลิตอาหาร เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่ม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ณ หอประชุมชั้นล่างอาคาร 7 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 67 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 7 ต.ค. 67)
 
กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ได้ส่งกำลังพล สมาชิก อส. จากส่วนกลาง และร้อย อส.จ. จาก 36 จังหวัด กองบังคับการจังหวัด จำนวนไม่น้อยกว่า 1,462 นาย ปฏิบัติภารกิจฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ประสบอุทกภัยและช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นสุดภารกิจ รายละเอียดดังนี้ อ.แม่สาย จ่ายกำลังพล 850 นาย ดำเนินการในพื้นที่บ้านเหมืองแดงใต้ บ้านเหมืองแดง และหมู่บ้านปิยะพร เป้าหมาย 314 หลัง อ.เมืองเชียงราย จ่ายกำลังพล 612 นาย ดำเนินการในพื้นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย นอกเขตเทศบาลนครเชียงราย (พื้นที่ตำบลแม่ยาว ดอยฮาง ริมกก รอบเวียง ห้วยชมภู และนางแล) และพื้นที่สาธารณะ
 
การสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยด้านปฏิบัติการ (อุทกภัย) และกำลังพล ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ประจำวันที่ 8 ต.ค. 67 ดังนี้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 8 กำแพงเพชร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง เขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต 15 เชียงราย นำหัวลากพร้อมหางลากจูงเครื่องจักรกล รถขุดตักไฮดรอลิคยกสูง รถตักล้อยางเอนกประสงค์ รถขุดล้อยางกู้ภัยปรับฐานล้อ รถตีนตะขาบ รถบรรทุเทท้าย 6 ล้อ 6 ตัน รถบรรทุกขนาดใหญ่ 6 ล้อ รถขุดตักไฮดรอลิค ทั้งชนิดแขนสั้น และแขนยาว ทำการขุดตักขนย้ายดินโคลน เศษวัสดุ สิ่งปรักหักพัง ออกจากบ้านเรือนราษฎรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย และนำหินคลุกเททำทางเข้า-ออกพื้นที่ทิ้งเศษวัสดุ หมู่ที่ 10 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย
 
ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร นำรถบรรทุกน้ำอเนกประสงค์ขนาด 12,000 ลิตร และรถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง 10,000 ลิตร ร่วมกับ อส. ฉีดล้างทำความสะอาดบริเวณสวนสาธารณะเกาะลอย ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย
 
ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก นำรถบรรทุกน้ำดับเพลิงขนาด 10,000 ลิตร จำนวน 2 คัน และรถบรรทุกน้ำอเนกประสงค์ ขนาด 12,000 ลิตร จำนวน 1 คัน ไปส่งน้ำให้กับประชาชนบ้านกิจโพธิ์ทอง
 
ต.ริมกก ,บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย ต.สันทราย และบ้านเมืองงิม หมู่ที่ 4 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย
ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย สนับสนุนยานพาหนะและเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติภารกิจ ดังนี้นำรถขุดตักไฮดรอลิค ปรับเส้นทางสัญจร ถนนในพื้นที่บ้านแคววัวดำ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย
 
นำรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รับ – ส่ง กำลังพลกองร้อย อส. จากที่พัก (วัดห้วยปลากั้ง)
มาปฏิบัติงาน คัดแยก บรรจุ และลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ ศูนย์รับบริจาค ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงราย บรรเทาความเดือดร้อนผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบภัยน้ำท่วม ตามมาตรการ “PEA บรรเทาความเดือดร้อนผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคะวันออกเฉียงเหนือ” ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 กันยายน 2567 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ที่อยู่ในพื้นที่ที่หน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม 2567 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับผู้ประสบภัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ไม่เรียกเก็บค่าไฟฟ้า เดือนกันยายน 2567 กรณีชำระแล้ว PEA จะดำเนินการคืนเงินโดยนำไปหักลดจากค่าไฟฟ้าเดือนถัด ๆ ไป ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 30 ก่อนคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ในเดือนตุลาคม 2567
 
ศูนย์พักพิง ที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ ณ วันที่ 8 ต.ค. 67 รวมทั้งสิ้น 5 แห่ง แบ่งตามขอบเขตการปกครอง ได้แก่ อ.แม่สาย 3 แห่ง/ อ.เวียงป่าเป้า 1 แห่ง/ วันที่ 2 ต.ค. 67 อ.เมืองเชียงราย 1 แห่ง
 
ศูนย์พักพิงฯ ที่มีทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ เยียวยาจิตใจ แจกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ ทั้งหมด 4 แห่ง
 
รายละเอียดดังนี้ อำเภอแม่สาย ที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ ณ ปัจจุบัน 3 แห่ง รวมทั้งสิ้น 173 คน (โดยเป็นศูนย์พักพิงฯ ที่มีทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการ ทั้ง 3 แห่ง) ดังนี้ ศูนย์พักพิงเทศบาลตำบลแม่สาย* คงค้างจำนวน 87 ราย ศูนย์พักพิงวัดเหมืองแดง* คงค้างจำนวน 50 ราย ศูนย์พักพิงวัดถ้ำผาจม* คงค้างจำนวน 36 ราย
อำเภอเวียงป่าเป้า ศูนย์พักพิง อบต.บ้านโป่ง จำนวน 1 แห่ง คงค้างจำนวน 26 คน
 
อำเภอเมืองเชียงราย วันที่ 2 ต.ค. 67 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เปิดศูนย์อพยพ/พักพิง (ชั่วคราว) ณ อาคารเรียน 10 โรงเรียน อบจ. เชียงราย (ด้านหลังรูปปั้นบัวบาน ผามั่ง)
 
มูลนิธิสมาคมกู้ชีพกู้ภัย อาสาสมัคร จิตอาสาภาคประชาชน ร้านค้า/ผู้ประกอบการ สนับสนุนปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย ให้ที่พักพิงชั่วคราว มอบอาหารปรุงสำเร็จ และถุงยังชีพ
 
วิทยาลัยอาชีวศึกษาและโรงเรียนในเครือ ดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix It Center
ตั้งจุดบริการและจัดชุดเคลื่อนที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยจะช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ รวมถึงยานพาหนะที่เสียหาย เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. เป็นต้นมา
 
ศูนย์ซ่อมสร้าง Fix it Center ถาวร ซ่อมฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ ที่เสียหายจากเหตุอุทกภัย จำนวน 3 แห่ง ดังนี้ ภายในวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย อ.เมืองชร. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย อ.เมืองชร.
จุดบริการบ้านเวียงกือนา หมู่ที่ 2 ต.ริมกก อ.เมืองชร.
 
ช่างซ่อมจิตอาสา
ช่างซ่อมจิตอาสาจังหวัดสมุทรปราการ นำโดยช่างเต้ วัดด่าน ตั้งศูนย์ช่วยซ่อมจักรยานยนต์ที่โดนน้ำท่วม ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 3 – 15 ต.ค. 2567 ณ ศูนย์การเรียนรู้ อบจ.เชียงราย สี่แยกศูนย์ราชการ
 
นายอภิวัฒน์ เรืองโรจ และนายสุวิทย์ ขวัญแก้ว สองพี่น้องใจบุญ ที่ขับรถจักรยานยนต์มาจากกรุงเทพมหานครเพื่อช่วยซ่อมรถให้ชาวเชียงรายฟรี โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัย และตั้งใจอยู่ช่วยต่อจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ณ จุดรับซ่อมบริเวณหน้าศูนย์ยามาฮ่าสามแยกทางเข้าวัดฝั่งหมิ่น พิกัด : https://maps.app.goo.gl/fR3Y8Jt11D9BtMGVA
 
วันที่ 17 ก.ย. 67 ทภ.3 จัดตั้ง ศบภ.ทภ.3 ส่วนหน้า ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่ออำนวยการประสานงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนของหน่วยทหารทุกหน่วย ในพื้นที่ อ.แม่สาย จนถึงปัจจุบัน
 
กองบัญชาการกองทัพไทย จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ณ โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย
 
อบจ.เชียงราย ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้านดำรงชีพ ดังนี้ ค่าใช้จ่ายด้านดำรงชีพ ได้แก่
ค่าเครื่องนุ่งห่ม รายละไม่เกิน 1,100 บาท ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท ค่าเครื่องครัวและอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท
 
ค่าเครื่องนอน รายละไม่เกิน 1,000 บาท หลักฐานที่ต้องเตรียม ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของเจ้าของบ้านที่ประสบภัย รูปภาพความเสียหาย กรณีผู้เช่า แนบเอกสารสัญญาเช่า การขอรับความช่วยเหลือ ผ่าน อบต. หรือ ทต. ที่ประสบภัย ในวันและเวลาราชการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
 
 อบจ.เชียงราย ฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัย โทร. 053175329 หรือ 053175333 ต่อ 1402 ในวันและเวลาราชการ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 17 – 30 ก.ย. 2567 ขยายเวลาถึงวันที่ 15 ต.ค.67
 
การปฏิบัติงานฟื้นฟูบูรณะ และกู้คืนพื้นที่ของจิตอาสาราชทัณฑ์ (จอส.รท.) และเจ้าหน้าที่สังกัดกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ประจำวันที่ 8 ต.ค. 67 เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางเชียงรายและกำลังสนับสนุนจากเรือนจำ/ทัณฑสถาน เขต 5 (รจจ.ลำพูน, รจจ.พะเยา ,ทสบ.ลำปาง ,รจอ.แม่สะเรียง, รจก.ลำปางและ รจจ.ฝาง) จำนวน 16 นาย นำผู้ต้องขัง จำนวน 78 ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์(ในรูปแบบ CSR) บรรเทาภัยน้ำท่วมพื้นที่จังหวัดเชียงราย ดังนี้ ภารกิจภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ปรับภูมิทัศน์ ขนย้ายสิ่งของ ล้างทำความสะอาดสิ่งของเปื้อนโคลน บ้านเรือนประชาชนหลังน้ำลด จำนวน 8 จุด ภารกิจดำเนินการก่อสร้างบ้านน็อคดาวน์ จำนวน 6 หลัง บ้านเมืองงิม หมู่ที่ 4 ต.ริมกก จำนวน 1 หลัง บ้านจะเด้อ หมู่ที่ 6 ต.ดอยฮาง จำนวน 1 หลัง บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร หมู่ที่ 2 ต.แม่ยาว จำนวน 2 หลัง บ้านแควัวดำ หมู่ที่ 12 ต.แม่ยาว จำนวน 2 หลัง
 
ปรับภูมิทัศน์ ทำความสะอาด ขนย้ายสิ่งของ ขยะหลังน้ำลด และกำจัดดินโคลน ในชุมชนกกโท้งและชุมชนป่าแดง (เขตเทศบาลนครเชียงราย) ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย
 
ปฏิบัติการดูดโคลนเลนที่อุดตันบริเวณท่อระบายน้ำ ตามตรอก ถนน และจุดต่าง ๆ ที่กีดขวางทางระบายน้ำพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ในเขตพื้นที่เทศบาลนครเชียงราย ประจำวันที่ 8 ต.ค. 67
 
อบจ.สมุทรปราการ รถดูดโคลน 2 คัน ปฏิบัติงานบริเวณโรงเรียนไม้ลุงขนฯ ต.แม่สาย อ.แม่สาย ปริมาณดินโคลนที่ดูดได้ 184 ลูกบาศก์เมตร
 
เทศบาลนครพิษณุโลก ทำความสะอาดท่อระบายน้ำชุมชนแควหวาย จำนวน 10 บ่อพัก
ยิงหัวลอกท่อระบายน้ำทั้งหมดระยะ 110 เมตร จำนวน 3 เที่ยว ปริมาณดินโคลนที่ดูดได้ 24 ลูกบาศก์เมตร
โดยเทศบาลนครเชียงรายสนับสนุนบุคลากรอำนวยความสะดวกเปิดฝาบ่อพัก
 
เทศบาลตำบลบางปู ปฏิบัติงานบริเวณหมู่บ้านธนารักษ์ กองทัพบก เส้นเมนระยะทางที่ลอก 315 เมตร ขนาดท่อ 80 ซม. และ 60 ซม. ปริมาณดินโคลนที่ดูดได้ 80 ลูกบาศก์เมตร
 
เทศบาลตำบลบางเมือง ดูดโคลนเลน ซอย 8/1 แมนชั่น จำนวน 5 รอบ รอบละ 8,000 ลิตร รวม 40,000 ลิตร
ชุดปฏิบัติการดูดโคลนกรุงเทพมหานคร พร้อมรถดูดโคลน จำนวน 15 คัน ปฏิบัติงานบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงรายจนถึงแยกหลังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เริ่ม เวลา 19:00 น. ของวันที่ 8 ต.ค. 67 จนถึงเวลา 8.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2567 /อยู่ระหว่างดำเนินการโดยจะรายงานผลการปฏิบัติงานให้ทราบอีกครั้ง
บริษัท วอชแอนด์โก Code Clean ให้บริการ ซัก อบ ผ้า น้ำยา ฟรี แก่ผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วม
ตลอด 24 ชั่วโมง และเปิดให้บริการจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จำนวน 3 จุด ได้แก่
ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย หรือลานรัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดหลังแรก) ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 67 เป็นต้นมา ถึงปัจจุบัน
 
ณ สถานีดับเพลิงเทศบาลนครเชียงราย หน้าวัดดงหนองเป็ด ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. 67 เป็นต้นมา
ถึงปัจจุบัน
 
หน้ามูลนิธิสยามเชียงราย สำนักงานใหญ่ จุด 5 แยก พ่อขุนฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 67 เป็นต้นมา
ถึงปัจจุบัน
 
งานบริการถ่ายบัตรประชาชน : กรมการปกครอง โดยส่วนบัตรประจำตัวประชาชน ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค และอำเภอแม่สาย ขยายระยะเวลางานบริการถ่ายบัตรประชาชน จากเดิมตั้งแต่วันที่ 19 – 30 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. ขยายระยะเวลาออกไปตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2567 ในวันและเวลาราชการ ณ สำนักงานเทศบาลตำบลแม่สาย ชั้น 2 งานทะเบียนราษฎร์
 
วันที่ 8 ต.ค. 67 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยม
ให้กำลังใจกำลังพลทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย และดินถล่มในพื้นที่หย่อมบ้านห้วยทรายขาว บ้านบริวารของบ้านห้วยหินลาด ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พร้อมสั่งระดมความช่วยเหลือ ให้ทหารช่างพร้อมเครื่องมือ เข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม และได้ประสานรถขุดเจาะขนาดเล็กจาก พล.พัฒนา 3 เข้าให้การช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
 
วันที่ 8 ต.ค. 67 เวลา 13.00 น. นางปวีณ์ริศา เกิดสม ภริยารองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายณรงค์พล คิดอ่าน อดีตนายอำเภอแม่สาย นางยุพิน คิดอ่าน อดีตนายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สาย นางสิริพร ศรีจันทร์รักษา รักษาการนายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สาย คณะกรรมการ-สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย คณะกรรมการและสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สาย ร่วมกับ โรงพยาบาลแม่สาย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สาย ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพ ผ้าห่ม หมอน ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และสิ่งของจำเป็นแก่กลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
 
สภากาชาดไทย โดยสำนักงานยุวกาชาด และอาสาสมัครกาชาด จัดโครงการอาสาสมัครกาชาด อาสาสาด้วยใจร่วมฟื้นฟูภัยพิบัติ จังหวัดเชียงราย โดยมีอาสาสมัครกาชาด อาสายุวกาชาด คณะผู้บริหาร ครูในจังหวัดเชียงราย สกร.ระดับอำเภอจาก 18 อำเภอ กลุ่มไฟฟ้าจิตอาสา และสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดพะเยา กว่า 300 คน เข้าร่วม ณ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดเชียงราย อ.เมืองเชียงราย ซึ่งได้เร่งฟื้นฟูพื้นที่การเรียนรู้ของชุมชน ขนย้ายสิ่งของ ล้างทำความสะอาด รวมถึงซ่อมระบบไฟฟ้า ณ อาคารศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเมืองเชียงราย เพื่อคืนพื้นที่การเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชน ได้ทันช่วงเวลาที่จะเปิดภาคเรียน และประชาชนที่จะได้เข้ามาใช้บริการต่อไป
สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเชียงราย กรมบังคับคดี มีกำหนดจัดกิจกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครัวเรือน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมขึ้น ในศุกร์วันที่ 11 ตุลาคม 2567 เวลา 08.30 – 16.00 น. ณ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเชียงราย อาคารบูรณาการกระทรวงยุติธรรมจังหวัดเชียงราย ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยลูกหนี้ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมและศาลมีคำพิพากษาแล้ว สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมไกล่เกลี่ยดังกล่าวได้ในระหว่าง วันที่ 23 กันยายน 2567 – 22 ตุลาคม 2567 สอบถามเพิ่มเติม สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเชียงราย ติดต่อฝ่ายไกล่เกลี่ย เบอร์โทร.053-716080, 053-716081, 095-2363823
 
วันที่ 8 ต.ค. 67 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เก็บขนวัสดุดินโคลน ฉีดล้างพื้นที่ ปรับปรุงภูมิทัศน์ ตัดแต่งกิ่งไม้ เก็บขนออกจากพื้นที่ และบำรุงรักษาต้นไม้ตามหลักรุกขวิทยา ณ สวนสาธารณะพรหมราช(สวนสุขภาพ) ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย พื้นที่ดำเนินการประมาณ 20 ไร่ ผลการดำเนินงานวันนี้ จำนวน 10 ไร่ (50%)
วันที่ 8 ต.ค. 67 จังหวัดเชียงราย ได้จัดประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางเชียงราย เพื่อให้ความเห็นชอบให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติดังนี้ การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 5.4 ด้านการเกษตร (ด้านพืช ด้านประมง ด้านปศุสัตว์) ห้วงภัยระหว่างวันที่ 17 – 30 สิงหาคม 2567 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนี้
 
ด้านพืช ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่อำเภอพาน จำนวน 668 ราย วงเงินช่วยเหลือ 7,243,077 บาท
ด้านประมง ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่อำเภอพาน และอำเภอเทิง จำนวน 346 ราย วงเงินช่วยเหลือ 4,580,505.10 บาท ด้านปศุสัตว์ ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเทิง และอำเภอเวียงแก่น จำนวน 74 ราย วงเงินช่วยเหลือ 506,430 บาท
การพิจารณาการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 รวมทั้งสิ้น 5 อำเภอ จำนวน 3,943 ครัวเรือน จำนวนเงินทั้งสิ้น 19,755,000 บาท ในพื้นที่ดังนี้ อำเภอเวียงป่าเป้าจำนวน 1,858 ครัวเรือน อำเภอเชียงของ จำนวน 28 ครัวเรือน อำเภอแม่สรวย จำนวน 136 ครัวเรือน อำเภอแม่สาย จำนวน 1,233 ครัวเรือน อำเภอเมืองเชียงราย จำนวน 688 ครัวเรือน
 
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ต.ค. 67 ได้เห็นชอบการทบทวนหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยสาระสำคัญเป็นการเป็นปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไขฯ ซึ่ง ครม. มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 67 เพื่อให้การช่วยเหลือสอดคล้องกับสถานการณ์อุทกภัยที่ได้ส่งผลรุนแรง เกิดความเสียหายกับประชาชน ให้ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบได้รับค่าดำรงชีพเป็นกรณีพิเศษ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างโดยเร็วทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขฯ ที่ได้รับการอนุมัติทบทวนครั้งนี้ จะเป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทั้งกรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกัน เกินกว่า 7 วัน ให้ได้รับเงินช่วยเหลืออัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท ส่วนผู้ประสบภัยที่ได้รับเงินช่วยเหลือตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 67 ไปแล้ว ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้ครบ 9,000 บาทต่อไป
 
หมายเหตุ : อัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เดิม ที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 67 นั้นมี 3 อัตรา ได้แก่
 
กรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อต่อกันตั้งแต่ 1 วัน (24 ชั่วโมง) แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังเกินกว่า 7วัน แต่ไม่ไม่เกิน 30 วัน ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 5,000 บาท
 
กรณีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 7,000 บาท
กรณีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันกว่า 60 ขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 9,000 บาท
แนวโน้มสถานการณ์ คาดหมายลักษณะอากาศ (24 ชั่วโมงข้างหน้า) : บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า ในขณะที่มีลมฝ่ายตะวันออกพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือยังมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง สำหรับจังหวัดเชียงราย คาดว่าจะมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ รายละเอียดดังนี้
พื้นที่ฝนเล็กน้อย จำนวน 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย/ แม่สรวย/ แม่ลาว/ พาน/ ป่าแดด และเวียงป่าเป้า
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
EDITORIAL

สกสว.หนุนนักวิจัยปรับระบบเตือนภัย น้ำท่วม-ดินถล่ม เร่งทำ แผนที่น้ำท่วม

 

3 ตุลาคม 2567 รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรม (สกสว.) เป็นประธานเปิดการประชุมและแถลงข่าว “แนวทางการปรับปรุงระบบเตือนภัยพิบัติเพื่อลดความเสียหาย (น้ำท่วม ดินถล่ม)” ณ ห้องประชุม สกสว. เพื่อรับทราบสถานะของระบบป้องกันและแจ้งเตือนภัยในปัจจุบัน เทคโนโลยีของการป้องกันและเตือนภัย ข้อจำกัดและการปรับปรุงที่ควรมี ตลอดจนแนวทางการจัดการในพื้นที่ และงานวิจัยที่ควรดำเนินการในอนาคต

 

ผู้อำนวยการ สกสว. ระบุว่า ระบบป้องกันและเตือนภัยพิบัติน้ำท่วมและดินถล่มในปัจจุบันยังบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานไม่ทันกาล ทำให้การประมวลผลและตัดสินใจล่าช้า รวมถึงปัญหาความแม่นยำของการคาดการณ์สถานการณ์ และโครงสร้างพื้นฐานทั้งอุปกรณ์ตรวจวัดและระบบเครือข่ายยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่เสี่ยง จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง และใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัยเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์และเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ สกสว.เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวและได้หนุนเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาระบบป้องกันและแจ้งเตือนภัยพิบัติที่มาโดยตลอด การจัดประชุมและแถลงข่าวในครั้งนี้ได้ระดมความเห็นจากหน่วยงานในระดับปฏิบัติการ ภาควิชาการ และผู้นำท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การวางแผนและจัดสรรงบประมาณสนับสนุนทุนวิจัยในการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์แก่หน่วยงานต่าง ๆ และชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความแม่นยำและแจ้งเตือนได้ทันท่วงทีต่อสถานการณ์ และลดความสูญเสียต่อประชาชน

ด้าน รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงานการนำผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ ด้านการบริหารจัดการน้ำ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า ระบบเตือนภัยของไทยยังมีปัญหาในระดับปฏิบัติการ การเชื่อมโยง ข้อมูลที่เข้าถึงพื้นที่ยังไม่เพียงพอและไม่ทันการณ์ สื่อสารไม่ทั่วถึงและเข้าใจยากสำหรับชุมชน กระทรวง อว.จึงควรเข้ามามีบทบาทหนุนเสริมทางวิชาการโดยเน้นการสร้างองค์ความรู้ พัฒนาระบบเตือนภัย และร่วมพัฒนาความสามารถของชุมชนในพื้นที่ให้สามารถตอบโจทย์ในพื้นที่ ทั้งการสนองต่อสถานการณ์ได้จริงและเข้าถึงประชาชนได้ง่าย โดยจากนี้ไปจะต้องจัดลำดับความสำคัญเพื่อพัฒนางานวิจัยและทำงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในระยะสั้น-กลาง-ยาว เพื่อให้เห็นว่าวิชาการช่วยประชาชนในพื้นที่ได้จริง โดยมีสถาบันการศึกษาในพื้นที่เป็นพี่เลี้ยง สิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดทำแผนที่น้ำท่วมเพื่อเตรียมรับมือในพื้นที่เสี่ยงสูง

ที่ผ่านมา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน. )ได้พัฒนาขีดความสามารถของเทคโนโลยีเฝ้าระวังและคาดการณ์อุทกภัย ทั้งการคาดการณ์จากดัชนีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและปริมาณฝนล่วงหน้า 6-12 เดือน เทคโนโลยีข้อมูลจากการสำรวจ โทรมาตร ดาวเทียมและเรดาร์ รวมถึงระบบคาดการณ์ 1-7 วัน เพื่อเตือนภัยและสนับสนุนการปฏิบัติงาน พัฒนาต่อยอดเพื่อใช้งานทุกระดับและเป็นระบบคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติและศูนย์ข้อมูลน้ำจังหวัดที่ทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา สสน.ได้เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้ดี มีข้อมูลออกสู่สาธารณชนมากขึ้น และเริ่มถึงเชิงลึกรายพื้นที่ แต่ปัญหาในพื้นที่เฉพาะยังไม่ตอบสนองสถานการณ์ได้เพียงพอ มีผู้ประสบภัยติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม และรถจมน้ำจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดถึงประสิทธิภาพของระบบเตือนภัยและการบริหารจัดการน้ำท่วม

 

ขณะที่ รศ. ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า การปรับปรุงระบบเตือนภัยและบริหารจัดการน้ำต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากชุมชน โดยมีภาควิชาการเข้าไปช่วยเหลือ ชุมชนต้องแข็งแรงและมีความรู้ ไม่เน้นเทคนิคมากมายแต่เน้นการพัฒนาชุมชนให้มีระบบเตือนภัยฐานชุมชน ซักซ้อมเพื่อช่วยเหลือกันเอง รวมถึงสนับสนุนปราชญ์ชุมชนด้านภัยพิบัติ และพร้อมรับข้อมูลจากวิทยาการภายนอกเข้าเสริม เช่นเดียวกับ รศ. ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าศูนย์วิชาการสนับสนุนด้านการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึง ระบบเตือนภัยน้ำท่วมสำหรับพื้นที่เสี่ยงสูงต้องเริ่มมาจากการพยากรณ์น้ำล่วงหน้าที่แม่นยำและมีเวลามากพอ มีเครื่องมือสนับสนุนให้ประชาชนตะหนักถึงความลึกของระดับน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นในบริเวณต่าง ๆ โดยเครื่องที่ทำได้ก่อนใช้งบประมาณและเวลาไม่มาก ได้แก่ แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและหมุดหมายระดับน้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่น้ำท่วม ซึ่ง อว. สามารถสนับสนุนองค์ความรู้ให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้

สำหรับเสียงสะท้อนจากตัวแทนผู้นำชุมชนซึ่งเป็นเครือข่ายวิจัย พบว่าทิศทางการพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติให้มีประสิทธิภาพจะต้องได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการและวิชาการ  ปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนเ                                                                                                                                                                          น้     นการแจ้งเตือนกันเองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การโทรศัพท์ ใช้วิทยุสื่อสาร รวมถึงปัญหาสำคัญในการสื่อสารด้วยศัพท์ทางวิชาการของหน่วยงานที่เข้าใจยาก การสื่อสารข้อมูลจากส่วนกลางที่น่าเชื่อถือ รับฟังและนำไปปฏิบัติได้ยังเป็นจุดอ่อนที่ต้องหาทางแก้ไข นอกจากนี้ยังต้องซ้อมแผนเผชิญเหตุในเชิงนโยบายและระบุอำนาจของผู้นำ อปท. ว่าสามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง และจะมีหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือได้ทันที

ทั้งนี้ นายอาร์ม จินตนาดิลก ผู้อำนวยการส่วนวิชาการการเตือนภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เสริมว่า ปกติจะมีการทบทวนแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุก 5 ปี แต่ประชาชนต้องให้ความตระหนักในการฝึกซ้อมด้วย รวมถึงส่งเสริมอุปกรณ์ที่จำเป็นตามงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ขณะนี้แผนของจังหวัดมีอยู่แล้วแต่แผนของ อปท. ยังไม่ครอบคลุมแต่จะส่งเสริมให้เต็มทั่วทุกพื้นที่ และจะรื้อฟื้นเครือข่าย “มร.เตือนภัย” ให้ใช้ได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ในเวทียังมีข้อเสนอในระยะยาวว่าควรออกกฎหมายการควบคุมการก่อสร้างในพื้นที่เสี่ยง การควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินและวางระบบการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่เสี่ยง โดยปรับโครงสร้างเดิมที่จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจตาม พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำมาเป็นสถาบันมืออาชีพ  มีกลไกจัดการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินเนื่องจากเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและต้องทำจากพื้นที่ เพื่อจะได้ทราบว่ามีพื้นที่ใหม่ ๆ ที่น้ำท่วมอยู่ตรงไหน และหารือเรื่องออกผังน้ำกับกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อปรับเปลี่ยนเกณฑ์การก่อสร้าง พื้นที่สีเขียว การวางระบบจัดการ การควบคุมการใช้ที่ดิน และการจัดการของชุมชนให้ไปด้วยกันอย่างเหมาะสม มีการแบ่งอำนาจส่วนกลางกับท้องถิ่นให้สอดคล้องและชัดเจน ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าใจและวางระบบบริหารจัดการภัยพิบัติใหม่ และหวังว่านักการเมืองจะเริ่มเข้าใจถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการภัยพิบัติตามแนวคิดใหม่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรม (สกสว.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ขยะน้ำท่วม ‘เชียงราย-แม่สาย’ ตกค้าง 5.5 หมื่นตัน ขอเอกชนฝังกลบ

 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 นายสุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และรองโฆษก คพ. เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการ คพ. ติดตามสำรวจขยะมูลฝอย ประสานหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งภาคเอกชน ให้ความช่วยเหลือเร่งการจัดเก็บขนขยะมูลฝอยหลังน้ำลดให้แก่ประชาชนในจังหวัดเชียงรายเร่งด่วน..

นายสุรินทร์กล่าวว่า คพ.ได้ประสานขอความร่วมมือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด (SCG ลำปาง) และสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า พร้อมลงพื้นที่เพื่อสรุปการทำงานร่วมกันในการการคัดแยกขยะในพื้นที่ประสบอุทกภัยไปใช้ประโยชน์ โดย SCG ลำปาง ยินดีรับขยะไปเผาเป็นพลังงาน ซึ่งต้องมีการรื้อร่อนขยะเอาดินออก ขยะที่สามารถนำไปใช้ได้ ได้แก่ พลาสติก และไม้บางส่วน คาดว่าจะมีประมาณ ร้อยละ 40 ของปริมาณขยะทั้งหมด และจะเป็นผู้จัดหารถเพื่อขนขยะที่รื้อร่อนแล้วส่งไปยังโรงงาน SCG ลำปาง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ในส่วนสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่ายินดีให้การสนับสนุนเครื่องจักรในการรื้อร่อน และอยู่ระหว่างประสานกับเทศบาลนครเชียงรายเพื่อหาจุดที่ตั้งที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็น ณ บริเวณศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งใกล้บ่อฝังกลบ ส่วนดินโคลนที่เหลือจากการรื้อร่อน สมาคมจะช่วยหาแนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

นายสุรินทร์กล่าวต่อว่า รายงานการกำจัดขยะมูลฝอยพื้นที่น้ำท่วม ณ วันที่ 25 กันยายน 2567 เทศบาลตำบลแม่สาย มีปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 18,000 ตัน ปริมาณขยะที่เก็บขนได้ 3,721 ตัน นำไปฝังกลบ ณ ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยเทศบาลตำบลแม่สาย พื้นที่ตำบลเวียงพางคำ คงเหลือขยะตกค้าง 14,279 ตัน เทศบาลนครเชียงราย มีปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 50,000 ตัน ปริมาณขยะที่เก็บขนได้ 9,000 ตัน นำไป ณ จุดพักขยะชั่วคราว ดอยสะเก็น และหลังเดอะมูน คงเหลือขยะตกค้าง 41,000 ตัน ปัญหาอุปสรรค ทั้งสองพื้นที่มีจุดพักขยะไม่เพียงพอทำให้มีกองขยะสูงเริ่มส่งกลิ่นเหม็น เครื่องจักรและแรงงานไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องจัดหาจุดพักขยะ เครื่องจักร และแรงงานเพิ่มเติม พร้อมจัดระเบียบการขนย้ายระหว่างจุดพักขยะและบ่อฝังกลบให้สมดุลกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมควบคุมมลพิษ (คพ.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศปช. เคาะแผนเยียวยาเชียงรายรวบรัดให้เร็ว เพื่อเงินถึงมือประชาชน

 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานว่า จากการตั้งข้อสังเกตปริมาณฝนที่เกิดขึ้นไม่ได้มากกว่าที่ผ่านแต่เป็นการตกเฉพาะที่แบบซ้ำซาก ซึ่งน่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Change) จึงมอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาไปศึกษาให้ถ่องแท้ ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจหลักที่ต้องชี้แจงและเตือนภัย เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็น 2 ลักษณะผสมของฝนและดินโคลน ซึ่งสถานการณ์ตรงนี้แตกต่างจากที่อื่น เพราะเป็นน้ำผสมดินโคลน ดังนั้น เป็นน้ำที่อันตรายกว่าน้ำท่วมปกติ คล้ายกับภูเขาไฟระเบิดที่เป็นลาวาผสมน้ำไหลลงมา และเชื่อว่าอาจจะเกิดขึ้นได้อีก โดยมอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีไปศึกษาให้ครบถ้วน

การที่น้ำผสมโคลนที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้การกำจัดและกู้ภัยเป็นไปได้ยาก ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ประเทศไทยพบเจอ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการกับเรื่องนี้ ส่วนฝ่ายกองทัพก็ต้องเข้ามาศึกษาตั้งแต่เบื้องต้นรวมทั้งจะแก้ปัญหาในอนาคตอย่างไร รวมถึงการจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมเข้าไปในพื้นที่ประสบภัย

โดยที่ประชุมเห็นชอบแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือ/ฟื้นฟู เพื่อแก้ไขปัญหาดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย ในพื้นที่อำเภอเมือง และในอำเภอแม่สาย ดังนี้

  • พื้นที่อำเภอเมือง แบ่งเขตการดำเนินงานในเขตเทศบาลนครเชียงราย จำนวน 745 หลัง และนอกเขตเทศบาล จำนวน 6,614 หลัง กำหนดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 29 กันยายน 2567
  • พื้นที่อำเภอแม่สาย แบ่งการดำเนินการเป็น 5 โซน กำหนดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือประมาณวันที่ 20 ตุลาคม 2567

ส่วนปัญหาการเยียวยาที่มีกฎระเบียบและดำเนินการในภาวะปกติเป็นอุปสรรคนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลว่าจะทำอย่างไรให้กระบวนการตรงนี้ให้ถูกกฎหมาย แต่รวบรัดให้เร็วที่สุด เพื่อให้เงินถึงมือประชาชน ให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง ซึ่งลักษณะน้ำท่วมแบบพิเศษนี้จะต้องมีการกำหนดค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้จัดตั้งคณะที่ปรึกษาผู้มีความเชี่ยวชาญ โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน และตน เป็นโฆษกประจำศูนย์ฯ เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงสถานการณ์รายวันได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เชียงรายเพื่อกำกับดูและสถานการณ์ เนื่องจากนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายป่วย และใกล้เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ นอกจากนี้ได้มอบหมายรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปรักษาราชการแทนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จะเดินทางลงพื้นที่ไปจังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการช่วยเหลือประชาชน พร้อมประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อกำหนดทิศทาง และหาข้อสรุป เพื่อใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์รับมือกับการเกิดอุทกภัย และวาตภัยของประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

งดเก็บค่าไฟก.ย. ลด 30% เดือน ต.ค.เยียวยาพื้นที่ประสบน้ำท่วม

 

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ เรื่องของมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับค่าไฟฟ้าในเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม 2567 โดยที่เดือนกันยายน จะไม่เรียกเก็บค่าไฟฟ้า และในเดือนตุลาคมจะให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 30 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ในระยะ 2-3 ฟื้นฟูและการพัฒนาศักยภาพฟื้นฟูลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยในระยะที่ 2 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง กันยายน 25661 ตุลาคม 2567 ถึง 30 กันยายน 2568 ส่วนระยะ 3 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ไปจนถึง 30 กันยายน 2569

 

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยอีกว่า จากการเปิดรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ได้สั่งการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะอนุกรรมการ อคส. และ ศปช. ดำเนินการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ 

 

เพื่อใช้สำหรับการรายงานตัวของอาสาสมัคร เพื่อแบ่งหน้าที่ และความรับผิดชอบ และใช้ในการรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้รับคำแนะนำมาว่า การรายงานตัวของอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มีการรายงานซ้ำซ้อน ทำให้เสียเวลา และเตรียมจะใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวในการลงทะเบียนรับเงินเยียวยา และการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ให้เกิดการบูรณาการกัน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในส่วนของภาครัฐ ภาคประชาชน รวมถึงเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย หรือ ปภ. เร่งดำเนินการใช้ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน หรือ Cell Broadcast Service เพื่อให้การเตือนภัยให้ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

เมื่อถามว่าในอนาคตที่จะใช้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในการจ่ายเงินเยียวยา และเช็กสิทธิต่าง ๆ ประชาชนควรโหลดแอปฯ ดังกล่าวเก็บไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้เคยประชาสัมพันธ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้วว่าให้โหลดแอปฯ ดังกล่าวไว้ เพราะนอกจากการลงทะเบียน ยังเป็นการต่อยอดเพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเยียวยา รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ซึ่งรัฐบาลพยายามพัฒนาระบบนี้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลถึงประชาชนโดยตรงให้ได้มากที่สุด เวลาที่เราจ่ายเงินเพื่อความรวดเร็วในเวลาที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินเยียวยา ก็จะรวดเร็วขึ้น จึงขอให้ประชาชนโหลดแอปฯ ดังกล่าวไว้ และลงทะเบียนใส่ข้อมูลสำคัญให้ครบถ้วน 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทำเนียบรัฐบาล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ยื่นเยียวยาน้ำท่วมออนไลน์ 26 ก.ย.นี้ www.flood67.disaster.go.th

 

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยภายหลังการประชุมชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบวงเงิน 3,045 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ 57 จังหวัดที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 338,391 ครัวเรือน 

อธิบดีปภ.กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานนั้น ให้อำเภอแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลประจำแต่ละหมู่บ้านที่ประสบภัย ทำหน้าที่สำรวจรายชื่อผู้ประสบภัยและการลงทะเบียนพร้อมเพย์ เพื่อส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบ และรับรองข้อมูลเพื่อเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.อ.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งมาให้ปภ.และนำส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงินให้ผู้ประสบภัยต่อไป

นอกจากนี้ ปภ.กำหนดช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือฯ ไว้ 2 ช่องทาง ทั้งแบบ Onsite และ Online โดยแบบ Onsite ประชาชนสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย ส่วนแบบ Online จะดำเนินการยื่นคำร้องและติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ที่ปภ.จัดทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

สำหรับเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน) สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กรณีเป็นบ้านเช่า) และหากเป็นกรณีอื่น อาทิ บ้านพักอาศัยประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน จะต้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามร่วมกัน 2 ใน 3

ผู้ประสบอุทกภัยสามารถยื่นคำร้อง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนการยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.flood67.disaster.go.th ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.นี้ สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร เพื่อให้สามารถรับเงินช่วยเหลือได้โดยเร็ว

โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล่าวถึงการออกการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยรอบ 2 จะหารือกับศปช.วันที่ 25 กันยายน 2567 โดยพยายามให้ศปช.อนุมัติงบเยียวยาให้เร็วที่สุด คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในช่วงสัปดาห์หน้า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เร่งทำบัญชี เป็นรายครัวเรือนไม่ใช่รายบุคคล การเร่งสำรวจน่าจะง่าย และการเยียวยาก็ให้เป็นครัวเรือน

อธิบดีปภ.กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานนั้น ให้อำเภอแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลประจำแต่ละหมู่บ้านที่ประสบภัย ทำหน้าที่สำรวจรายชื่อผู้ประสบภัยและการลงทะเบียนพร้อมเพย์ เพื่อส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบ และรับรองข้อมูลเพื่อเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.อ.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งมาให้ปภ.และนำส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงินให้ผู้ประสบภัยต่อไป
 
นอกจากนี้ ปภ.กำหนดช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือฯ ไว้ 2 ช่องทาง ทั้งแบบ Onsite และ Online โดยแบบ Onsite ประชาชนสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย ส่วนแบบ Online จะดำเนินการยื่นคำร้องและติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ที่ปภ.จัดทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
 
 
 สำหรับเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน) สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กรณีเป็นบ้านเช่า) และหากเป็นกรณีอื่น อาทิ บ้านพักอาศัยประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน จะต้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามร่วมกัน 2 ใน 3

ผู้ประสบอุทกภัยสามารถยื่นคำร้อง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนการยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.flood67.disaster.go.th ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.นี้ สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร เพื่อให้สามารถรับเงินช่วยเหลือได้โดยเร็ว

โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล่าวถึงการออกการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยรอบ 2 จะหารือกับศปช.วันที่ 25 กันยายน 2567 โดยพยายามให้ศปช.อนุมัติงบเยียวยาให้เร็วที่สุด คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในช่วงสัปดาห์หน้า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เร่งทำบัญชี เป็นรายครัวเรือนไม่ใช่รายบุคคล การเร่งสำรวจน่าจะง่าย และการเยียวยาก็ให้เป็นครัวเรือน

ส่วนที่มอบหมายให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณไปพิจารณา คือเรื่องการเยียวยาใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เป็นเพียงกรอบวงเงิน แต่เรื่องการสำรวจเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย และตนก็ได้ให้แนวทางไปแล้วว่า เพราะมีประกาศเขตประสบภัยพิบัติเป็นพื้นที่อำเภอ ก็เยียวยาตามหลังคาเรือนไป

สำหรับพื้นที่ประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วม 57 จังหวัดครอบคลุม กระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นนทบุรี นครนายก นครปฐม นครพนม นครสวรรค์ นครราชสีมา นครศรีธรรมราช น่าน บึงกาฬ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พังงา พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่อง สอน ยะลา ระยอง ราชบุรี ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุทัยธานี อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี

ขณะที่การให้ความช่วยเหลือตามมมติ ครม. แบ่งออกเป็น 3 กรณี 

  • บ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังตั้งแต่ 1 วัน (24 ชั่วโมง) แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย รวมถึงกรณีน้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท
  • บ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 7,000 บาท
  •  กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 60 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท

โดยต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 มาตรา 30 และจะต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ที่ประสบสาธารณภัย

รวมถึงจะต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News