Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ยึด 2,800 กล้าทุเรียน เตรียมส่งข้ามโขง สปป.ลาว

นรข.เชียงรายตรวจยึดต้นกล้าทุเรียนกว่า 2,800 ต้น ลักลอบส่งออกข้ามแดนปลายทาง สปป.ลาว ผ่านแม่น้ำโขง

การขยายตัวของพืชเศรษฐกิจและความเคลื่อนไหวในพื้นที่ชายแดน

ประเทศไทย, 4 พฤษภาคม 2568 – เจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ได้ดำเนินการตรวจยึดต้นกล้าทุเรียนจำนวนกว่า 2,800 ต้น ที่ถูกลักลอบขนส่งผ่านแม่น้ำโขงเพื่อส่งออกไปยัง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายควบคุมพืชพรรณของประเทศ

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่มีความซับซ้อนมากขึ้นของขบวนการลักลอบค้าพืชเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในฤดูเพาะปลูกและฤดูแล้งที่การขนส่งทางน้ำมีความสะดวกมากกว่าช่วงอื่น

ปฏิบัติการตรวจยึดของกลางริมแม่น้ำโขง

เจ้าหน้าที่ทหารเรือจากสถานีเรือเชียงของ นำโดย ร.ท.สัญญา จันจี รักษาราชการแทนหัวหน้าสถานีฯ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่า จะมีการลักลอบนำต้นกล้าทุเรียนออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร บริเวณริมแม่น้ำโขง พื้นที่บ้านดอนมหาวัน หมู่ 9 ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

หลังได้รับแจ้งดังกล่าว หน่วยลาดตระเวนจึงจัดกำลังพลพร้อมเรือจู่โจมทางน้ำออกปฏิบัติหน้าที่ทันที ต่อมาในช่วงค่ำ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเรือยนต์ขนาดเล็กหรือ “เรือกาบ” สีดำ ลอยลำและจอดอยู่บริเวณดอนกรวด ใกล้หมู่บ้านที่ได้รับแจ้ง โดยมีชายผู้ต้องสงสัย 1 คนกำลังควบคุมเรือ

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าใกล้จุดตรวจสอบ ชายคนดังกล่าวได้ไหวตัวทันและหลบหนีขึ้นฝั่งไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นภายในเรือ และพบตะกร้าบรรจุต้นกล้าทุเรียนจำนวนมาก คาดว่าทั้งหมดมีจำนวนกว่า 2,800 ต้น บรรจุอยู่ในตะกร้าพลาสติกสีแดงรวม 21 ตะกร้า

ส่งของกลางให้ด่านศุลกากรเชียงของดำเนินคดีตามกฎหมาย

หลังการตรวจยึดเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้นำเรือและต้นกล้าทุเรียนของกลางทั้งหมด ส่งมอบให้ด่านศุลกากรเชียงของเพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507

ทั้งนี้ การส่งออกต้นกล้าพันธุ์พืชจะต้องมีการตรวจสอบและได้รับใบอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตร และผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้องก่อน จึงจะสามารถเคลื่อนย้ายข้ามแดนได้ หากไม่ปฏิบัติตามจะเข้าข่ายเป็นการลักลอบนำออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

ความเคลื่อนไหวของตลาดทุเรียนในภูมิภาค

ทุเรียนถือเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจหลักของไทย โดยเฉพาะในตลาดส่งออก ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศจีน เวียดนาม และ สปป.ลาว โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงของลาวเริ่มหันมาปลูกทุเรียนเชิงพาณิชย์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการต้นกล้าคุณภาพสูงจากฝั่งไทย ซึ่งขึ้นชื่อในด้านสายพันธุ์และการเพาะเลี้ยง

ขบวนการลักลอบนำเข้าต้นกล้าทุเรียนจึงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของตลาดทุเรียนในลาวและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งนับเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้เป็นโอกาสในการแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่สนใจผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของพรมแดน

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ พันธุกรรมพืช และความมั่นคงด้านเกษตร

การลักลอบส่งออกต้นกล้าพันธุ์พืช นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว ยังอาจนำไปสู่ปัญหาการสูญเสียพันธุกรรมพืชท้องถิ่น ซึ่งเป็นทรัพยากรทางเกษตรที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและวิทยาศาสตร์สูง หากสายพันธุ์พืชสำคัญตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี หรือไม่มีการควบคุมที่ดี อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรไทยในอนาคต

นอกจากนี้ หากมีการนำต้นกล้าปลอม หรือมีเชื้อโรคแฝงออกไป อาจสร้างปัญหาด้านสุขอนามัยพืชในภูมิภาค และทำให้ไทยถูกลดอันดับมาตรฐานการส่งออกในตลาดโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเกษตรกรรมไทย

ความพยายามร่วมของหน่วยงานความมั่นคงชายแดน

หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในลำน้ำโขง โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือที่ติดกับชายแดนลาว การลาดตระเวนเชิงรุกและการประสานข่าวกรองกับชุมชนในพื้นที่ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสกัดกั้นการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย รวมถึงสินค้าการเกษตร

การจับกุมในครั้งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชุมชน ที่ช่วยแจ้งเตือนภัยและร่วมกันเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งต้นทางของการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ข้อมูลจาก กรมวิชาการเกษตร (2566) ระบุว่า ประเทศไทยมีการขออนุญาตส่งออกต้นกล้าทุเรียนไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างถูกต้องเฉลี่ยเพียง 9,400 ต้นต่อปี ในขณะที่พบการลักลอบนำออกกว่า 3,000-5,000 ต้น/ปี
  • ศูนย์บัญชาการป้องกันชายแดนภาคเหนือ (2567) รายงานว่าในรอบปีงบประมาณ 2567 มีการตรวจยึดต้นกล้าทุเรียนลักลอบส่งออกในภาคเหนือรวม 12 ครั้ง คิดเป็นมูลค่าของกลางกว่า 3.2 ล้านบาท
  • สำนักงานศุลกากรภาคที่ 3 เปิดเผยว่า การลักลอบส่งออกพืชเศรษฐกิจโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 17% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบทศวรรษ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมวิชาการเกษตร
  • ศูนย์บัญชาการป้องกันชายแดนภาคเหนือ
  • สำนักงานศุลกากรภาคที่ 3
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เรือชาวประมงล่มอีกแล้ว! แม่น้ำโขงเชียงของ รอด 3 สูญหาย 2 คน

 

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ ได้รับแจ้งจากกำนัน ต.เวียง ว่ามีชาวบ้านจำนวน 5 คน ออกเรือหาปลาในแม่น้ำโขง ในเวลา 05.00 น. จากพื้นที่บ้านดอนมหาวัน ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย จากนั้นเรือได้ล่มบริเวณกลางแม่น้ำโขง บริเวณท่าดูดทรายฝั่ง สปป.ลาว ตรงข้ามกับศาลพญานาค พื้นที่เชื่อมต่อระหว่าง บ้านปากอิง ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ กับบ้านแจ่มป๋อง ตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย

โดยพบว่ามีผู้รอดชีวิตจำนวน 3 ราย คือนายธนวัตร อายุ 29 ปี นาสบุญรัตน์ อายุ 36 ปี โดย นายสัมฤทธิ์ อายุ 42 ปี ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเชียงของ เพื่อตรวจร่ายกาย ทั้ง 3 คนเป็นชาวต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย
ทั้งนี้ยังมีผู้สูญหาย 2 คน คือ นายนัฐวัฒน์ อายุ 29 ปี ชาว ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย และ นายอัสนัย 42 ปี ชาว ต.สถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย
 
หลังจากเกิดเหตุ นายอำเภอเชียงของ ได้ประสานงานกับทางหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) เชียงของ พร้อมกับหน่วยกู้ภัย ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อค้นหาผู้สูญหาย โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดที่มีน้ำเชี่ยวและน้ำวน หลายแห่ง รวมไปถึงมีความลึกมาก ซึ่งยากแก่การค้นหา
 
นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ กล่าวว่า หลังลงพื้นที่ตรวจสอบในช่วงเช้าที่ผ่านมา ในเบื้องต้นได้รายงานให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ทราบแล้ว พร้อมทั้งประสานไปยัง หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง หรือ นรข. และตำรวจน้ำ ที่ประจำการในพื้นที่ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เพื่อค้นหาผู้สูญหาย และประสานไปยังมูลนิธิสยามร่วมใจ เพื่อขอสนับสนุนชุดกู้ภัยทางน้ำ เพื่อนำเรือจากอำเภอเมืองเชียงราย มาสแตนบายในพื้นที่ เพื่อค้นหาผู้สูญหายหลังจากนี้จะได้สอบปากคำผู้ที่รอดชีวิตอีกครั้ง ถึงสาเหตุของเหตุการณ์เรือล่มดังกล่าว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ท้องถิ่นนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News