
นักท่องเที่ยวต่างชาติสิงหาคม “ชะลอแรง” เหลือ 2.58 ล้านคน รายได้ 1.19 แสนล้าน ลดสองหลัก—ถอดบทเรียนทั้งประเทศและโจทย์ใหญ่สำหรับเชียงรายรับไฮซีซัน
เชียงราย, 13 กันยายน 2568 – เช้าตรู่ปลายฤดูฝนที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เครื่องบินเที่ยวแรกแตะรันเวย์พร้อมผู้โดยสารต่างชาติกลุ่มเล็กๆ ที่ยิ้มให้หมอกขาวเหนือดอยตุง—ภาพเรียบง่ายที่สะท้อนความจริงอันซับซ้อนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในเดือนสิงหาคม: นักท่องเที่ยวต่างชาติ “ยังมา” แต่ “มาน้อยลง” ข้อมูลทางการยืนยันว่า 1–31 สิงหาคม 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.58 ล้านคน ลดลง 12.81% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 119,000 ล้านบาท ลดลง 13.40% สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขเชิงมหภาค แต่กำลังกลายเป็นโจทย์ปลายเปิดให้ทุกจังหวัด โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม–ธรรมชาติอย่าง เชียงราย ต้องวางหมากรับไฮซีซันทันที
ภาพใหญ่ทั้งประเทศ เอเชียยังนำ, ยุโรปหนุน, อเมริกา–แอฟริกายังเล็ก
แผนที่แหล่งตลาดเดือนสิงหาคมสะท้อนทิศทางที่คุ้นเคยแต่เปราะบาง:
- เอเชียและแปซิฟิก ครองสัดส่วนสูงสุด 72.77%
- ยุโรป 19.17%
- ตะวันออกกลาง 4.18%
- อเมริกา 3.23%
- แอฟริกา 0.65%
ความหมายเชิงนโยบายคือ ไทยยังพึ่งพาตลาดระยะใกล้เป็นหลัก ซึ่งตอบสนองไวต่อปัจจัย “ต้นทุน–ความสะดวก–ความเชื่อมั่น” (ค่าโดยสาร เที่ยวบินตรง มาตรการอำนวยความสะดวก และภาพลักษณ์ความปลอดภัย) หากหนึ่งในตัวแปรสะดุด ยอดทั้งระบบสะเทือนทันที ดังเช่นเดือนสิงหาคมที่ตัวเลขภาพรวมถดถอยสองหลัก
5 ชาติหลักยังขับเคลื่อนตลาด—จีนและมาเลเซียยืนหนึ่ง แต่พฤติกรรมเปลี่ยน
รายการ 5 ประเทศที่เดินทางเข้าไทยมากสุด เดือนสิงหาคม ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น (ตามลำดับ) พร้อมเม็ดเงินจับจ่ายที่ยังทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย
- จีน 409,691 คน รายได้ 22,723 ล้านบาท
- มาเลเซีย 391,777 คน รายได้ 7,742 ล้านบาท
- อินเดีย 190,604 คน รายได้ 7,368 ล้านบาท
- เกาหลีใต้ 133,995 คน รายได้ 5,449 ล้านบาท
- ญี่ปุ่น 128,178 คน รายได้ 5,642 ล้านบาท
ตัวเลขยืนยันภาพ “ตลาดยังมา แต่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น” สะท้อนจากรายได้รวมประเทศที่ลดลงมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว (หดตัว 13.40% เทียบกับ 12.81%) แปลว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว/ทริปลดลงหรือโครงสร้างนักท่องเที่ยวเอียงไปสู่กลุ่มระยะสั้น–คุ้มค่า (value-seeking) มากขึ้น
“เหตุชะลอ” ในมุมโครงสร้าง
- ความสามารถในการบิน (Air Capacity) – เที่ยวบินตรงยังกลับมาไม่เต็มที่ในหลายเส้นทางรอง ทำให้ค่าโดยสารสูงกว่าช่วงก่อนโควิด นักท่องเที่ยวระดับกลาง–ล่างชะลอการตัดสินใจ
- อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจประเทศต้นทาง – ตลาดเอเชียบางแห่งเผชิญกำลังซื้อหดตัว ผู้เดินทางเน้นโปรโมชั่นและฤดูกาลพีคที่แน่นอน
- การแข่งขันภูมิภาค – ประเทศเพื่อนบ้านเร่งนโยบายวีซ่า–เที่ยวบิน–แคมเปญราคาดึงดูดกลุ่มเดียวกัน ส่งผลให้นักเดินทางกระจายจุดหมาย
ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าศักยภาพไทยลดลง หากแต่ “สูตรเดิม” ไม่พอในปีที่ผู้บริโภคชั่งน้ำหนัก “ความคุ้มค่า + ความสะดวก + ความปลอดภัย + ความต่าง” มากกว่าที่เคย
เชื่อมโยงสู่เชียงราย เมืองปลายทางภาคเหนือที่มีทั้ง “ข้อได้เปรียบ” และ “ช่องโหว่”
ข้อได้เปรียบ
- ภูมิทัศน์และฤดูกาลเด่น—หมอกหนาว งานไม้ดอก เดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ คือทราฟฟิกหลัก
- อัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม—วัดร่องขุน, วัดร่องเสือเต้น, บ้านดำ, ชุมชนชาติพันธุ์, วิถีชา–กาแฟดอย
- ทำเล สามเหลี่ยมทองคำ–เชียงแสน เชื่อมลาว–เมียนมา เสริมประสบการณ์ลุ่มน้ำโขง
ช่องโหว่ที่ต้องอุด
- เที่ยวบินตรงจากตลาดหลักยังจำกัด (จีน/เกาหลี/ญี่ปุ่น) ทำให้พึ่ง “บินต่อเชียงใหม่” ซึ่งเพิ่มเวลาและต้นทุน
- โครงสร้างบริการรายย่อยยังไม่สม่ำเสมอ—ภาษา, การชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดน, ป้ายสื่อสารหลายภาษา, ห้องน้ำ–ความสะอาดมาตรฐานสากล
- ไนท์อีโคโนมีและกิจกรรมช่วงเย็นยังมีช่องว่าง เมื่อเทียบเมืองท่องเที่ยวหลัก
บทสรุปเชิงกลยุทธ์ คือ เชียงรายต้อง “บีบความได้เปรียบให้สุด และลดแรงเสียดทานเล็กๆ ให้หายไป” เพื่อเปลี่ยนผู้โดยสารต่อเครื่อง/ทัวร์ข้ามจังหวัด ให้กลายเป็น “พักเชียงรายเพิ่ม 1 คืน” ให้ได้มากที่สุดในไฮซีซัน
จากตัวเลขระดับชาติ สู่ “แผนเล่นจริง” ของเชียงราย โฟกัส 5 ตลาดตามโครงสร้างเดือนสิงหา
1) จีน – ฐานใหญ่ที่ต้องชนะ ด้วยความสะดวก+ความเชื่อมั่น
- สินค้า: แพ็กเกจ “หิมะแรกเหนือเมฆ”/“ชา–กาแฟ–ศิลปะใน 48 ชั่วโมง”, จุดถ่ายรูปและคาเฟ่โทนอบอุ่น, ประสบการณ์ชุมชนปลอดโรแมนซ์สแกม–ปลอดทัวร์บังคับซื้อ
- บริการ: ป้าย–เมนูจีน, ไกด์จีน, รองรับ Alipay/WeChat Pay และ QR ข้ามแดน (ผ่านธนาคารไทย), ระบบขอคืนภาษีและชิปป์สินค้าถึงบ้าน
- การสื่อสาร: ใช้โซเชียลจีน (WeChat/RED/Weibo) อินฟลูเอนเซอร์ “ทริปสั้นคุ้มค่า” เน้นเดินทางคู่เชียงใหม่หรือบินเข้าเชียงราย–ออกเชียงใหม่
2) มาเลเซีย – กลุ่มครอบครัว–เพื่อน เน้น “ความคุ้มค่าและฮาลาล”
- สินค้า: เส้นทาง ฮาลาล–มุสลิม–โรดทริปเหนือ ร้านอาหารฮาลาล, มัสยิด, พื้นที่ละหมาดในแหล่งท่องเที่ยว
- บริการ: ภาษา มาเลย์/อังกฤษ, ระบบจ่าย e-wallet ที่ชาวมาเลย์คุ้นเคย, โปรโมชั่น Long weekend ผูกกับสายการบินโลว์คอสต์
- การสื่อสาร: คอนเทนต์ “หนาวใกล้–งบคุมได้” จุดขายวิวดอย–ชา–กาแฟ–ไนท์มาร์เก็ต
3) อินเดีย – กลุ่มรุ่นใหม่–ครอบครัว เน้น “ประสบการณ์และอาหาร”
- สินค้า: เซ็ต Vegetarian/Jain-friendly, คาเฟ่วิวสวย–กิจกรรมถ่ายภาพ–แฟชั่น, โปรแกรมโรแมนติก/พรีเวดดิ้ง
- บริการ: ภาษาอังกฤษคล่อง, ช่องทางชำระเงินสะดวก (UPI ยังไม่แพร่ในไทย—ใช้บัตร/QR), ทีมซัพพอร์ตเหตุฉุกเฉิน
- การสื่อสาร: รีล–คลิปสั้น “อากาศเย็น–วิวอลัง–ถ่ายรูปสวยทุกมุม” บน Instagram/YouTube/Shorts
4) เกาหลีใต้ – ไลฟ์สไตล์–ธรรมชาติ–คาเฟ่
- สินค้า: เส้นทาง Hygge in Chiang Rai คาเฟ่นั่งยาว–เส้นทางวิ่ง/ปั่น–ออนเซ็น/สปา–โฮมสเตย์อบอุ่น
- บริการ: ป้าย–เมนูเกาหลี, พนักงานรู้วัฒนธรรมเกาหลี (เวลาอาหาร, รสชาติ, การเซอร์วิส)
- การสื่อสาร: ใช้ Naver/Instagram, ภาพนิ่งโทนอบอุ่น–มินิมอล
5) ญี่ปุ่น – ความเรียบร้อย–มาตรฐาน–ความหมาย
- สินค้า: ทัวร์เชิงวัฒนธรรมเล็กๆ คุณภาพสูง, ชิมชา–เซรามิก–งานฝีมือทำเองได้, เส้นทาง “เงียบ–สงบ”
- บริการ: ความตรงเวลา–ความสะอาด–เสียงเบาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์, พนักงานกล่าวทักภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน
- การสื่อสาร: รีวิวละเอียด, คู่มือภาษา/มารยาทในวัด–ชุมชน

10 มาตรการ “ทำได้ทันที” เพื่อการประทับใจในปีที่แรงซื้อหดตัว
- ป้ายหลายภาษา + QR คู่มือเมือง (ไทย–อังกฤษ–จีน–เกาหลี–ญี่ปุ่น) รวมแผนที่–เวลาเปิด–เลขฉุกเฉิน
- ยกระดับห้องน้ำสาธารณะ ตามมาตรฐาน TAT Hygienic Restroom ในทุกจุดท่องเที่ยวหลักและสถานีรถ–ท่าเรือ
- Payment Friendly – รับบัตร–QR ข้ามแดน (PromptPay Cross-Border, Alipay/WeChat Pay) พร้อมป้ายราคาชัดทุกเมนู
- Tourist Help Desk ฤดูกาลพีค – จุดช่วยเหลือ 2 ภาษาในไนท์บาซาร์/ท่าเรือเชียงแสน/วัดร่องขุน ช่วยแปล–ร้องเรียน–ตามของหาย
- Night Economy แบบครอบครัว – โซนดนตรีเบา–ศิลปินพื้นบ้าน–เวิร์กช็อปช่างฝีมือ เพิ่มกิจกรรมหลัง 18.00 น. ให้ “มีเหตุผลค้างเพิ่ม 1 คืน”
- Green Rules ชัดเจน – แนวทางท่องเที่ยวรับผิดชอบ (แยกขยะ–ลดพลาสติก–ไม่ไล่จับสัตว์–เคารพวิถีชุมชน) พร้อมการสื่อสารหลายภาษา
- ขนส่งเชื่อมจุดเด่น – รถชัทเทิลไลน์ “สนามบิน–เมือง–วัดร่องขุน–บ้านดำ–ไร่ชา–ไนท์มาร์เก็ต” รัดกุมต่อเวลา
- มาตรฐานความปลอดภัยกิจกรรม – ตรวจอุปกรณ์/ใบอนุญาตเรือ–รถ–แอดเวนเจอร์ขึ้นทะเบียน โปร่งใส
- ดาต้าเรียลไทม์ – เก็บ Occupancy–Visitor Flow ช่วงพีค เพื่อจัดระเบียบคิว–เปิด–ปิดทางเข้าอย่างยืดหยุ่น
- โปรแกรมฝึกพนักงาน 20 ชั่วโมง – ภาษา/มารยาทข้ามวัฒนธรรม/การจัดการข้อร้องเรียน เร่งร่วมกับสถาบันในพื้นที่
“ให้เขารู้สึกว่าอยู่บ้านเดียวกัน”
ในปีที่นักท่องเที่ยว “เลือกมาก” เมืองที่ชนะไม่ใช่เมืองที่มีสถานที่สวยสุดเสมอไป แต่คือเมืองที่ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเป็นคนในพื้นที่ชั่วคราว สำหรับเชียงราย นี่คือเสน่ห์ที่มีอยู่แล้ว—โฮมสเตย์ชุมชนชาวเขา ชา–กาแฟที่เจ้าของไร่ชงเอง งานศิลป์ร่วมสมัยที่เกิดขึ้นจากคนในท้องถิ่น—เพียงต้องเล่าเรื่องให้ถูกตลาดและเพิ่มความสะดวกให้ไร้รอยต่อ
ลองจินตนาการ “ทริป 48 ชั่วโมง” สำหรับคู่รักจีนหรือครอบครัวมาเลเซีย: ลงเครื่องเช้า–รับชัทเทิลไปคาเฟ่ไร่ชา–บ่ายเข้าพิพิธภัณฑ์ศิลป์ร่วมสมัย–เย็นเดินไนท์มาร์เก็ตฮาลาลเฟรนด์ลี่–เช้าวันถัดไปทำเวิร์กช็อปย้อมผ้าชุมชน–บ่ายล่องเรือโขง–ค่ำชมแสงเมืองเก่าเชียงแสน แล้วระบบจ่ายเงิน–การสื่อสาร–ความปลอดภัย ลื่นไหลไร้สะดุด พวกเขาจะบอกต่อโดยไม่ต้องขอ
มุมเศรษฐกิจท้องถิ่น “เม็ดเงินน้อยลง ต้องกระจายในเมืองให้ได้นานขึ้น”
เมื่อค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวมีแนวโน้มลดลง กลยุทธ์ของเชียงรายควรย้ายจาก “ไล่ล่าปริมาณ” สู่ “ขยายเวลาพัก + เพิ่มกิจกรรมสร้างมูลค่า”:
- จาก 1–2 คืนเป็น 2–3 คืน ผ่าน Night Economy, เวิร์กช็อปทำจริง, ทริปชายแดน
- เพิ่มสัดส่วนรายได้ชุมชน เช่น แพ็กเกจ ชา–กาแฟ–เซรามิก–สิ่งทอ ที่นักท่องเที่ยว “ลงมือทำและซื้อกลับ”
- ใช้ บัตรเมือง (City Pass) รวมรถ–ค่าเข้า–คูปองร้านท้องถิ่น เพื่อทั้งเพิ่มความคุ้มค่าและกระจายเม็ดเงิน
การสื่อสารเชิงความเชื่อมั่น ความปลอดภัย–ความเป็นระเบียบคือสินค้าที่ขายได้
ในยุคที่โลกโซเชียลตัดสินใจเร็วกว่าป้ายบอกทาง เมืองต้องขาย “ความสบายใจ” ไปพร้อมกับวิวสวย:
- ช่องทางทางการสองภาษา (Facebook/Line/WeChat/Naver) รายงานสภาพอากาศ–คุณภาพอากาศ–ถนน–งานเทศกาล แบบวันต่อวัน
- ระบบรับแจ้งเหตุ–ของหาย One Touch ผ่าน QR เดียว แล้วกระจายไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- การสื่อสาร มารยาทในวัด–หมู่บ้าน ให้เข้าใจง่าย (เช่น แต่งกาย/ระดับเสียง/ถ่ายภาพ) ลดความขัดแย้งเล็กๆ ที่ทำลายประสบการณ์
ไฮซีซันใกล้เข้ามา เชียงรายควร “จัดทัพ 90 วัน”
30 วันแรก – เก็บกวาดพื้นฐาน: ห้องน้ำ–ป้าย–ซ่อมไฟ–ตรวจความปลอดภัยกิจกรรม, อบรมหน้าบ้าน (โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ไกด์)
60 วันถัดมา – เปิดชัทเทิลรูท, ทดลอง Night Economy ทุกสุดสัปดาห์, เปิด Help Desk สองภาษา, เปิด City Pass รุ่นทดลอง
90 วัน – ลุยแคมเปญตลาดเป้าหมาย 5 ประเทศผ่านอินฟลูเอนเซอร์/เอเจนซี, เสนอแพ็กเกจ “เชียงใหม่–เชียงราย 4 วัน 3 คืน” เน้นภาพลักษณ์ “ภาคเหนือสะอาด–สงบ–ปลอดภัย–ชำระเงินง่าย”
ประเด็นนโยบายที่ควรหารือร่วมจังหวัด
- อำนวยความสะดวกเที่ยวบินตรงฤดูกาลหนาว จากเมืองรองในจีน–เกาหลี–ญี่ปุ่น พร้อมกำกับคุณภาพทัวร์
- มาตรฐานโฮมสเตย์–แอดเวนเจอร์ ระดับจังหวัดเดียวกัน ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
- ข้อมูลท่องเที่ยวแบบเปิด (Open Data) ให้ผู้ประกอบการเข้าถึง เพื่อวางแผนราคา–บุคลากรอย่างมีข้อมูล
- สิ่งแวดล้อมเป็นวาระท่องเที่ยว – จัดการขยะในแหล่งท่องเที่ยว/เส้นทางยอดนิยม พร้อมมาตรการชัดเจนช่วงเทศกาล
ตัวเลขประเทศ “เตือนให้เข้ม” แต่ไม่ใช่เหตุให้ถอย
2.58 ล้านคนและรายได้ 1.19 แสนล้านบาทในสิงหาคมที่หดตัวสองหลัก เป็นสัญญาณเตือนว่า “การแข่งขันท่องเที่ยวปี 2568 ดุเดือด” เมืองที่ไปต่อได้ต้องอ่านเกมไว ปรับสินค้า–บริการให้เข้ากับความคาดหวังนักเดินทางยุคใหม่ และสร้างความสะดวก–สบายใจแบบไร้รอยต่อ
สำหรับ เชียงราย เมืองที่มีทั้งภูมิทัศน์งดงาม วัฒนธรรมเข้ม และเส้นเลือดใหญ่ชายแดน—หากทำการบ้านตามขั้นตอน (พื้นฐานแน่น/สินค้าแตกต่าง/จ่ายเงินง่าย/สื่อสารสองภาษา/ปลอดภัยรู้สึกดี) โอกาสพลิก “ผู้โดยสารต่อเครื่อง” ให้กลายเป็น “ผู้พัก 2–3 คืน” อยู่ไม่ไกล และเมื่อเขากลับบ้านพร้อมคำว่า “รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเดียวกัน” เม็ดเงินที่หายไปย่อมมีทางกลับมา
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (มท.): อินโฟกราฟิก “Tourism Situation in August 2025 – Inbound August” และสรุปสถานการณ์ท่องเที่ยว (ข้อมูล ณ 7 กันยายน 2568) ใช้ประกอบตัวเลขสำคัญ ได้แก่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.58 ล้านคน (-12.81% YoY), รายได้ 1.19 แสนล้านบาท (-13.40% YoY), สัดส่วนภูมิภาค และ 5 ประเทศแหล่งตลาดหลักพร้อมรายได้.