Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เที่ยวสงกรานต์เชียงแสน สีสันวิถีไทยสู่มรดกโลก

จังหวัดเชียงรายจัดงานแถลงข่าวและเวทีเสวนา “ยล เยือน เมืองเชียงแสน : มหาสงกรานต์บ้านฉัน สีสันวิถีถิ่นวิถีไทย สุขไกลทั่วโลก” ประจำปี 2568

เชียงราย, 31 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายได้จัดงานแถลงข่าวและเวทีเสวนาเพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน “ยล เยือน เมืองเชียงแสน : มหาสงกรานต์บ้านฉัน สีสันวิถีถิ่นวิถีไทย สุขไกลทั่วโลก” ประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-18 เมษายน 2568 ณ ลานกิจกรรมริมน้ำโขง หมู่ 3 เทศบาลเวียงเชียงแสน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

การแถลงข่าวและเวทีเสวนา

การแถลงข่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ร้านอาหารดาขันข้าว เชียงราย โดยมีผู้เข้าร่วมแถลงข่าวและเสวนา ได้แก่

  • นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย
  • นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน
  • นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • นายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย

ในงานยังมี น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย เขต 2 และหัวหน้าส่วนราชการ รวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวและเสวนา

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน

การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักดังนี้:

  1. ส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น – อนุรักษ์และสืบสานประเพณีสงกรานต์ให้คงอยู่ต่อไป
  2. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม – กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย
  3. สร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่น – ยกระดับวัฒนธรรมท้องถิ่นสู่เวทีระดับโลก

นอกจากนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่ ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO)

กิจกรรมไฮไลต์

ภายในงานจะมีกิจกรรมหลากหลายที่แสดงถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองเชียงแสน ได้แก่:

  • วันที่ 12 เมษายน 2568 เวลา 09.00 น. – พิธีฟ้อนถวายพระเจ้าพรหมมหาราช ณ วัดเจดีย์หลวง
  • วันที่ 16 เมษายน 2568 เวลา 14.00 น. – ขบวนแห่สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับอำเภอเชียงแสน
  • วันที่ 17 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น. – การแสดงระบำเชียงแสนและการบรรเลงดนตรีพื้นเมืองจากเยาวชนท้องถิ่น
  • วันที่ 17 เมษายน 2568 เวลา 18.30 น. – พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยมีปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน
  • วันที่ 18 เมษายน 2568 เวลา 09.30 น. – การแข่งขันรำวงย้อนยุคจาก 7 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอเชียงแสน
  • วันที่ 18 เมษายน 2568 เวลา 13.00 น. – การประกวดเทพบุตรเจียงแสนหลวง ประจำปี 2568

การส่งเสริมการท่องเที่ยว

การจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้จำนวนมาก เนื่องจากอำเภอเชียงแสนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อาทิ วัดเจดีย์หลวง และ สามเหลี่ยมทองคำ นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมเชื่อมโยงวัฒนธรรมระหว่างประเทศเพื่อนบ้านใน ลุ่มแม่น้ำโขง จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในระดับภูมิภาค

ความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง

  • ฝ่ายสนับสนุนการจัดงาน: นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดงานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองประเพณีสงกรานต์เท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
  • ฝ่ายผู้เข้าร่วมงาน: นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน กล่าวเสริมว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงศักยภาพด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเมืองเชียงแสนสู่สายตานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จากข้อมูลของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัดเชียงรายมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนมากกว่า 2 ล้านคน ต่อปี โดยมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 10,000 ล้านบาท
  • การจัดงานสงกรานต์ในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้ให้กับชุมชนในจังหวัดเชียงรายกว่า 300 ล้านบาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • กระทรวงวัฒนธรรม
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • UNESCO – รายงานการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
  •  
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ถ้ำหลวงไม่กระทบแผ่นดินไหว พร้อมเปิดที่ใหม่ “เลียงผา-พญานาค

อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ยืนยันไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว พร้อมเตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่

เชียงราย, 30 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยและความพร้อมของอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบโดยละเอียดทั้งโครงสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้าง และเส้นทางท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ พบว่าไม่มีความเสียหายหรือผลกระทบใด ๆ ต่อพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมอุทยานฯ ได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังมีการยืนยันจากทีมวิศวกรที่ได้ร่วมตรวจสอบแล้วว่า โครงสร้างต่าง ๆ ยังคงมีความแข็งแรงปลอดภัย

เตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ “ถ้ำเลียงผา-ถ้ำพญานาค”

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายอรรถพล ยังได้ติดตามความคืบหน้าการเตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ภายในอุทยานฯ ได้แก่ เส้นทาง “ถ้ำเลียงผา-ถ้ำพญานาค” ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับตำนานท้องถิ่นของเจ้าแม่นางนอน โดยเส้นทางดังกล่าวได้รับการปรับปรุงให้มีความปลอดภัย พร้อมติดตั้งป้ายสื่อความหมายเพื่อให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า การเปิดเส้นทางใหม่นี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย และเพิ่มทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น

มาตรการความปลอดภัยและการเฝ้าระวังแผ่นดินไหว

แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้ แต่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ถ้ำหลวงที่เคยเป็นจุดสำคัญของภารกิจกู้ภัยในอดีต นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของเส้นทางท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ

เยี่ยมชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่าดอยตุง

หลังจากตรวจสอบอุทยานฯ นายอรรถพล ได้เดินทางต่อไปยังสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ทรงงานดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง เพื่อติดตามการปฏิบัติงานและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยเน้นย้ำให้มีการลาดตระเวนและเฝ้าระวังไฟป่าอย่างเข้มข้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความสำคัญทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อมและเป็นพื้นที่ทรงงาน

ข้อมูลสถิติและการเฝ้าระวังแผ่นดินไหว

จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 มีศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา และสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย รวมถึงจังหวัดเชียงราย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบล่าสุดยังไม่มีรายงานความเสียหายที่รุนแรงในพื้นที่ประเทศไทย

สถิติย้อนหลังระบุว่า จังหวัดเชียงรายตั้งอยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว เนื่องจากใกล้กับแนวรอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) ของเมียนมา ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังสูง การเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ความคิดเห็นจากสองฝ่าย

  • ฝ่ายที่เห็นด้วยกับการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่: นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่เห็นว่าการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่จะเป็นโอกาสที่ดีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในท้องถิ่น และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน
  • ฝ่ายที่มีความกังวล: บางฝ่ายกังวลว่าการเปิดเส้นทางใหม่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในกรณีที่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีก จึงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเส้นทางอย่างสม่ำเสมอ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัยในพื้นที่เสี่ยง

สรุป

อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยไม่มีความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกัน การเปิดเส้นทางใหม่ “ถ้ำเลียงผา-ถ้ำพญานาค” จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมอุตุนิยมวิทยา (www.tmd.go.th)
  • กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (www.dnp.go.th)
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
EDITORIAL

ริมโขงสองเมือง เชียงของ – นครพนม มุ่งหน้าสู่การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

เชียงของ vs นครพนม: เปรียบเทียบแนวทางพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวริมฝั่งโขง

นครพนม, 6 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงของและนครพนมเป็นสองเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของไทย ทั้งสองเมืองมีโครงการพัฒนาที่โดดเด่น แต่มีแนวทางที่แตกต่างกันในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามแนวแม่น้ำโขงได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการค้าและการท่องเที่ยวอย่างเชียงของ จังหวัดเชียงราย และนครพนม ทั้งสองพื้นที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดนระหว่างไทย ลาว เมียนมา และจีน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทั้งสองพื้นที่จะมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่คล้ายกัน แต่แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่กลับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

การพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของนครพนม

นครพนมเป็นจังหวัดที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีโครงการ Mekong River Eye และ ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Maekhong River Eye ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเมืองให้กลายเป็น “Restination” หรือเมืองหลักแห่งการพักผ่อน การลงทุนในโครงการนี้มีมูลค่ารวมกว่า 54.5 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น

รายละเอียดโครงการ Mekong River Eye นครพนม

  • โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง ซึ่งรวมถึงสวนสาธารณะและชิงช้าสวรรค์ยักษ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
  • ระยะเวลาดำเนินการ 300 วัน โดยมีกำหนดสิ้นสุดโครงการในวันที่ 15 ตุลาคม 2568
  • การวางเป้าหมายเศรษฐกิจของนครพนม ให้มีอัตราการเติบโตของ GDP จังหวัดอยู่ที่ 7% ต่อปี และเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวจาก 5,000 ล้านบาทเป็น 8,700 ล้านบาทภายในปี 2571
  • การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว จาก 2.5 ล้านคน เป็น 3.68 ล้านคน ภายในปี 2571
  • กลยุทธ์ 5 สร้าง ได้แก่
    1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย
    2. การสร้างแบรนด์เมืองผ่านอัตลักษณ์ท้องถิ่น
    3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นภายใต้แนวคิด One Day One District (ODOD)
    4. การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสู่ระดับสากล
    5. การยกระดับกิจกรรมระดับจังหวัดเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว

การพัฒนาเชียงของและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง

เชียงของเป็นอำเภอชายแดนที่มีศักยภาพในการเป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษ ของภาคเหนือ โดยมีโครงการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญหลายโครงการ เช่น โครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงของ และ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบขนส่งเชียงของ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3,800 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมฝั่งโขง และ พื้นที่นันทนาการใหม่ริมแม่น้ำโขง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

รายละเอียดโครงการพัฒนาเชียงของ

  • โครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงของ มีระยะทาง 323.1 กิโลเมตร ผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย มีสถานีทั้งหมด 26 สถานี
  • โครงการพัฒนาเขื่อนป้องกันตลิ่งริมฝั่งโขง และ พื้นที่นันทนาการ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจพิเศษเชียงของ
  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักลงทุน เช่น ศูนย์โลจิสติกส์เชียงของ และ ศูนย์ซ่อมอากาศยาน MRO ของเชียงราย ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าและการท่องเที่ยวในพื้นที่
  • เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของเชียงของ โดยมุ่งเน้นการเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ และรองรับการขยายตัวของ ระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor)

การเปรียบเทียบระหว่างนครพนมและเชียงของ

ปัจจัย

นครพนม

เชียงของ

ลักษณะพื้นที่

เมืองริมแม่น้ำโขง เน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวและนันทนาการ

เมืองชายแดน เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและโลจิสติกส์

โครงการสำคัญ

Mekong River Eye, ชิงช้าสวรรค์ Maekhong River Eye

รถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงของ, ศูนย์โลจิสติกส์, เขตเศรษฐกิจพิเศษ

เป้าหมายหลัก

ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพักผ่อน

พัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน

งบประมาณโครงการ

54.5 ล้านบาท

มากกว่า 3,800 ล้านบาท

จำนวนนักท่องเที่ยวเป้าหมาย

3.68 ล้านคนภายในปี 2571

มุ่งเน้นการเติบโตของภาคโลจิสติกส์และการค้า

จากข้อมูลที่ได้รับ นครพนมและเชียงของมีแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวและการพัฒนาเมืองให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจข้ามพรมแดน

ข้อดีของการพัฒนานครพนม:

  • ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยว
  • สร้างงานในภาคบริการและการท่องเที่ยว
  • ดึงดูดนักลงทุนในภาคธุรกิจบริการ

ข้อเสียของการพัฒนานครพนม:

  • อาจต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น
  • ใช้งบประมาณที่สูงในการก่อสร้าง แต่ผลตอบแทนอาจไม่แน่นอน

ข้อดีของการพัฒนาเชียงของ:

  • ส่งเสริมการค้าข้ามพรมแดน และช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
  • มีโอกาสในการเติบโตระยะยาวจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและอาเซียน
  • โครงการโครงสร้างพื้นฐานช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในท้องถิ่น

ข้อเสียของการพัฒนาเชียงของ:

  • ต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาและคืนทุน
  • อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและที่อยู่อาศัยของประชาชน

บทสรุป

ทั้ง นครพนมและเชียงของ ต่างมีแนวทางพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวริมโขงที่แตกต่างกัน นครพนมเน้นการท่องเที่ยวเชิงนันทนาการและวัฒนธรรม ผ่านโครงการชิงช้าสวรรค์และการสร้างอัตลักษณ์เมือง ในขณะที่ เชียงของเน้นพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการค้าไทย-จีน

แม้ว่าทั้งสองโครงการจะมีข้อดีและข้อเสีย แต่สิ่งที่สำคัญคือ ความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม / chiang khong tv / ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

“เราเที่ยวด้วยกัน” คัมแบ็ก! รัฐจ่ายครึ่ง เที่ยวคุ้ม พ.ค.-ก.ย.

เราเที่ยวด้วยกัน” กลับมาอีกครั้ง! รัฐช่วย 50% กระตุ้นท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น

กรุงเทพฯ, 28 กุมภาพันธ์ 2568 – ข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวไทย! โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน” กำลังจะกลับมาอีกครั้ง โดยปรับโฉมใหม่ในรูปแบบ รัฐจ่าย 50% และประชาชนจ่ายอีก 50% ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของนักเดินทาง และกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่น ระหว่าง พฤษภาคม – กันยายน 2568

โครงการนี้จะมี เฟสแรกจำนวน 1 ล้านสิทธิ์ ครอบคลุม ค่าใช้จ่ายโรงแรมและร้านอาหาร ส่วนค่าโดยสารเครื่องบินกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มเติม คาดว่าการเปิดลงทะเบียนจะได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ

ภาครัฐอัดงบ 3,500 ล้านบาท กระตุ้นท่องเที่ยวช่วงกลางปี

นาย สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเตรียม เสนอของบประมาณกลาง 3,500 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการนี้ โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการคลังในการพิจารณารายละเอียดของมาตรการ

เงื่อนไขของโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” โฉมใหม่ มีรายละเอียดดังนี้:

  • รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 50% และประชาชนจ่ายเอง 50%
  • สามารถใช้สิทธิ์กับโรงแรมที่พัก และร้านอาหาร ที่เข้าร่วมโครงการ
  • เปิดให้ จองสิทธิ์ล่วงหน้า 1 ล้านสิทธิ์
  • ใช้สิทธิ์ได้ระหว่าง พฤษภาคม – กันยายน 2568

ส่วนของ ตั๋วเครื่องบิน ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกระทรวงการคลังกำลังหารือว่ารัฐจะสามารถสนับสนุนได้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเร็ว ๆ นี้

ระบบการจองผ่านแพลตฟอร์มกลาง พร้อมดึง OTA และโรงแรมเข้าร่วม

เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีแผนพัฒนา แพลตฟอร์มกลาง เพื่อให้สามารถจองสิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย โดยคาดว่าจะมีการเปิดรับ บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) เช่น Agoda, Booking.com, Traveloka และโรงแรมโดยตรงให้เข้าร่วมโครงการ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกจองห้องพักและบริการได้สะดวกขึ้น

รัฐคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงกลางปีที่มักเป็นช่วง โลว์ซีซั่น ของการท่องเที่ยวไทย ช่วยให้โรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ผลกระทบและความคาดหวังของโครงการ

  • ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย
  • ส่งเสริมการเดินทางในช่วงโลว์ซีซั่น ให้ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารมีรายได้มากขึ้น
  • ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ
  • ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในภาคท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

สถิติที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

  • จำนวนนักท่องเที่ยวไทยในประเทศ ปี 2567: 135 ล้านคน (ที่มา: ททท.)
  • รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ ปี 2567: 650,000 ล้านบาท (ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวฯ
  • โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ปี 2566: กว่า 10,000 แห่ง (ที่มา: ททท.)
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปของนักท่องเที่ยวไทย: 5,200 บาท/ทริป (ที่มา: ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจการท่องเที่ยว)

บทสรุป

โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน” โฉมใหม่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ ในช่วงโลว์ซีซั่น โดยภาครัฐเพิ่มสัดส่วนการสนับสนุนเป็น 50% และเปิดให้จอง 1 ล้านสิทธิ์ นักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้สิทธิ์ควรติดตามข่าวสารและเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อโครงการเปิดรับลงทะเบียน เพราะสิทธิ์อาจหมดอย่างรวดเร็ว

รัฐบาลคาดว่า โครงการนี้จะมีผลช่วยเพิ่มการเดินทางภายในประเทศ และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

เตรียมแพลนเที่ยวได้เลย! พฤษภาคม – กันยายนนี้ เราเที่ยวด้วยกัน กลับมาแล้ว!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) / ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ / ธุรกิจการท่องเที่ยว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชียงรายเปิดลานกีฬาเอ็กซ์ตรีมริมน้ำกก แลนด์มาร์คใหม่

เชียงรายเปิดตัวแลนด์มาร์คใหม่ ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีมริมน้ำกก

เชียงราย, 6 กุมภาพันธ์ 2568 – นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยส่วนงานที่รับผิดชอบ ได้ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกก ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ตั้งแต่ฝายเชียงรายถึงหาดเชียงราย

การพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกก

โครงการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกก เป็นโครงการที่เทศบาลนครเชียงรายให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกกให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ออกกำลังกายสำหรับประชาชน ปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการไปแล้ว 3-4 กิโลเมตร ประกอบด้วย สวนสาธารณะริมน้ำกก เลนวิ่ง เลนจักรยาน และลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม

ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม เทศบาลนครเชียงราย

ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม เทศบาลนครเชียงราย บริเวณชุมชนร่องเสือเต้น เป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกก หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมและดินโคนทับถม ปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูและปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพื่อเปิดพื้นที่ให้นักกีฬาและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาใช้พื้นที่ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

นายกเทศมนตรีเน้นส่งเสริมกีฬา

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม เทศบาลนครเชียงราย แห่งนี้ ไม่ได้เน้นการแข่งขันอย่างเดียว แต่เน้นตั้งแต่เริ่มต้นเป็นนักกีฬาจนประสบความสำเร็จ และเป็นการกระตุ้นให้ออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพ

เชียงรายเมืองแห่งกีฬา

นายกเทศมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ผลงานหลายมิติที่ทำให้เชียงรายต้องขับเคลื่อนต่อไปด้านกีฬา และได้จัดกิจกรรมมากมายทางด้านกีฬารวมทั้งถนนสายกีฬา และเชื่อว่าอนาคตการจัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศจะทำให้นักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบกีฬาเข้ามาจังหวัดเชียงรายมากยิ่งขึ้น

สรุป

การพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกกและลานกีฬาเอ็กซ์ตรีมในครั้งนี้ จะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของจังหวัดเชียงราย ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

“คาราวานมาเหนือ” กระตุ้นท่องเที่ยว 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

“คาราวานมาเหนือ” เปิดตัวยิ่งใหญ่ กระตุ้นท่องเที่ยว 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 –  โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “คาราวานมาเหนือ” อย่างเป็นทางการ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประจำปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยงในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน

ความพร้อมของเชียงรายในการรองรับนักท่องเที่ยว

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความพร้อมของจังหวัดเชียงรายในการรองรับนักท่องเที่ยวว่า เชียงรายเป็นจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทย มีพรมแดนติดกับสองประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ภูมิประเทศของจังหวัดเต็มไปด้วยเทือกเขาสลับกับที่ราบลุ่มแม่น้ำ อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่งดงามและสมบูรณ์ พร้อมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่หลากหลาย อาทิ วัดร่องขุ่น วัดมิ่งเมือง วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยปลากั้ง และจุดชมวิวสำคัญอย่างสามเหลี่ยมทองคำ ดอยตุง และภูชี้ฟ้า ที่นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศหนาวเย็นและวิวทิวทัศน์อันตระการตา นอกจากนี้ เชียงรายยังเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยมีชนเผ่ากว่า 30 กลุ่ม เช่น อาข่า ม้ง กะเหรี่ยง ไทลื้อ และไทใหญ่ ส่งผลให้มีเอกลักษณ์ทางศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร และวิถีชีวิตที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จังหวัดเชียงรายพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ด้วยระบบขนส่งที่สะดวกสบาย โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การจัดคาราวานในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และส่งเสริมภาพลักษณ์ของเชียงรายให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักเดินทางทั่วโลก

รายละเอียดของกิจกรรม “คาราวานมาเหนือ”

นางวิภาวี ลีไพบูลย์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โครงการ “คาราวานมาเหนือ” เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่าง ๆ เข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือตอนบน 2 ผ่านเส้นทางท่องเที่ยว โดยมีการออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละจังหวัด ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ท้องถิ่น กิจกรรม “คาราวานมาเหนือ” จะจัดขึ้นตลอดเดือนมีนาคม 2568 ครอบคลุมทั้ง 4 จังหวัด โดยมีอินฟลูเอนเซอร์และนักเดินทางชื่อดังร่วมเดินทางในเส้นทางต่าง ๆ ได้แก่

  • น่าน – แพร่ (7-9 มีนาคม 2568): นำโดย คุณลีโอ พุฒิ, คุณต้า เผ่าพล และคุณเร แม็คโดแนลด์ (รายการเร่ร่อน)
  • เชียงราย – พะเยา (14-16 มีนาคม 2568): นำโดย คุณเร แม็คโดแนลด์
  • เชียงราย – พะเยา (21-23 มีนาคม 2568): นำโดย คุณภูริ หิรัญพฤกษ์ (วิวไฟน์เดอร์)
  • น่าน – แพร่ (28-30 มีนาคม 2568): นำโดย คุณเบนซ์ ถาวร ภัสสรสิริกุล (เบนซ์ไกจิน – แบกเป้เที่ยวคนเดียว)

ทั้งนี้ คาราวานจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า และร้านอาหารสำคัญในพื้นที่ พร้อมเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวในอนาคต

การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นายสุขสันต์ เพ็งดิษฐ์ ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย กล่าวว่า สำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย (อพท.) เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงราย ผ่านกิจกรรมคาราวานเชื่อมโยงเส้นทางสร้างสรรค์ เชียงรายในฐานะเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของยูเนสโก (UCCN) มีศักยภาพโดดเด่นด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และสถาปัตยกรรมล้านนา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ อพท. ที่มุ่งพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยใช้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) เป็นแนวทางในการพัฒนา อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการนี้ คือ การศึกษาเส้นทางสร้างสรรค์ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 15-18 มกราคม 2568 ซึ่งช่วยให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้เรียนรู้เพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

สรุป

โครงการ “คาราวานมาเหนือ” เป็นความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่คาราวานท่องเที่ยว เส้นทางสร้างสรรค์ จนถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแบบครบวงจร ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : คาราวานมาเหนือ หรือโทร 053 716 434

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พบกาแฟ-ชาคุณภาพ ล้านนาตะวันออกที่เชียงราย

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จับมือจัดงานเทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ร่วมกันจัดงาน “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟและชาในภูมิภาค พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางธุรกิจและการท่องเที่ยว

เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่

งานแถลงข่าวจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ณ ร้านอาหารภูภิรมย์ สิงห์ปาร์ค อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้แทนจากจังหวัดต่างๆ และสถาบันชาและกาแฟ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมงาน

ศักยภาพของชาและกาแฟล้านนาตะวันออก

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีศักยภาพในการผลิตชาและกาแฟคุณภาพสูง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลผลิตที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้จึงเป็นการนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

เป้าหมายของการจัดงาน

  • ส่งเสริมการท่องเที่ยว: สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2
  • สร้างโอกาสทางธุรกิจ: สร้างเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจชาและกาแฟ
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์: ส่งเสริมให้ผู้ผลิตพัฒนาคุณภาพและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น
  • สร้างรายได้ให้ชุมชน: สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่

ไฮไลท์ภายในงาน

  • การแสดงสินค้า: รวบรวมร้านค้าผู้ประกอบการชาและกาแฟกว่า 50 ร้านค้า มาจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์
  • การแข่งขันลาเต้อาร์ต: การแข่งขันสร้างสรรค์ลวดลายบนกาแฟนม
  • กิจกรรมเจรจาธุรกิจ: สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พบปะกับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ
  • นิทรรศการและกิจกรรมอื่นๆ: นิทรรศการเกี่ยวกับชาและกาแฟ การแสดงวัฒนธรรม และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ

การสนับสนุนจากภาครัฐ

รัฐบาลให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมกาแฟอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตและการค้ากาแฟคุณภาพในอาเซียน การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

อนาคตของอุตสาหกรรมชาและกาแฟในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

ด้วยศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติและการสนับสนุนจากภาครัฐ เชื่อว่าอุตสาหกรรมชาและกาแฟในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในตลาดโลกได้

สำหรับ “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – วันที่ 1 มกราคม 2568 ตั้งแต่ เวลา 16:00 น. ถึง 22:00 น. ณ สิงห์ปาร์คจังหวัดเชียงราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-5973823 (เวลาทำการ 09.00-16.00 น.) หรือที่
Facebook: Eastern Lanna Coffee & Tea Festival
LineOA : @easternlanna
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เช็ก 93 ประเทศ “ฟรีวีซ่า” อยู่ไทยได้ไม่เกิน 60 วัน ทั้งหมดที่นี่

 

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทย กำหนดรายชื่อประเทศและดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงาน หรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน เป็นกรณีพิเศษ

โดยประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของนักธุรกิจและภาคการท่องเที่ยวถดถอย

เมื่อภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการค้าการลงทุน เป็นกลไกหนึ่งที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของไทย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และส่งเสริมให้นักธุรกิจจากต่างประเทศซี่งมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจในประเทศไทยสูง ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้นในการเดินทางเข้าราชอาณาจักรเพื่อการท่องเที่ยว ทำงาน หรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 87/25657 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 และมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

ข้อ 2 ให้กำหนดรายชื่อประเทศและดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทน หนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินหกสิบวัน ดังนี้

 

  1. สาธารณรัฐแอลเบเนีย
  2. ราชรัฐอันดอรร์รา
  3. เครือรัฐออสเตรเลีย
  4. สาธารณรัฐออสเตรีย
  5. ราชอาณาจักรบาห์เรน
  6. ราชอาณาจักรเบลเยียม
  7. ราชอาณาจักรภูฏาน
  8. สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
  9. บรูไนดารุสซาลาม
  10. สาธารณรัฐบัลแกเรีย
  11. ราชอาณาจักรกัมพูชา
  12. แคนาดา
  13. สาธารณรัฐประชาชนจีน (รวมทั้งฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน)
  14. สาธารณรัฐโคลอมเบีย
  15. สาธารณรัฐโครเอเชีย
  16. สาธารณรัฐคิวบา
  17. สาธารณรัฐไชปรัส
  18. สาธารณรัฐเช็ก
  19. ราชอาณาจักรเดนมาร์ก
  20. เครือรัฐดอมินีกา
  21. สาธารณรัฐโดมินิกัน
  22. สาธารณรัฐเอกวาดอร์
  23. สาธารณรัฐเอสโตเนีย
  24. สาธารณรัฐฟีจี
  25. สาธารณรัฐฟินแลนด์
  26. สาธารณรัฐฝรั่งเศส
  27. จอร์เจีย
  28. สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
  29. สาธารณรัฐกัวเตมาลา
  30. สาธารณรัฐเฮลเลนิก
  31. ฮังการี
  32. สาธารณรัฐไอซ์แลนด์
  33. สาธารณรัฐอินเดีย
  34. สาธารณรัฐอินโดนีเชีย
  35. ไอร์แลนด์
  36. รัฐอิสราเอล
  37. สาธารณรัฐอิตาลี
  38. จาเมกา
  39. ญี่ปุ่น
  40. ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน
  41. สาธารณรัฐคาซัคสถาน
  42. สาธารณรัฐเกาหลี
  43. สาธารณรัฐคอซอวอ
  44. รัฐคูเวต
  45. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
  46. สาธารณรัฐสัตเวีย
  47. ราชรัฐลิกเตนสไตน์
  48. สาธารณรัฐลิทัวเนีย
  49. ราชรัฐลักเชมเบิร์ก
  50. มาเลเซีย
  51. สาธารณรัฐมัลดีฟส์
  52. สาธารณรัฐมอลตา
  53. สาธารณรัฐมอริเชียส
  54. สหรัฐเม็กซิโก
  55. ราชรัฐโมนาโก
  56. มองโกเลีย
  57. ราชอาณาจักรโมร็อกโก
  58. ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
  59. นิวซีแลนด์
  60. ราชอาณาจักรนอร์เวย์
  61. รัฐสุลต่านโอมาน
  62. สาธารณรัฐปานามา
  63. รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี
  64. สาธารณรัฐเปรู
  65. สาธารณรัฐฟิลิปปีนส์
  66. สาธารณรัฐโปแลนด์
  67. สาธารณรัฐโปรตุเกส
  68. รัฐกาตาร์
  69. โรมาเนีย
  70. สหพันธรัฐรัสเซีย
  71. สาธารณรัฐซานมารีโน
  72. ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
  73. สาธารณรัฐสิงคโปร์
  74. สาธารณรัฐสโลวัก
  75. สาธารณรัฐสโลวีเนีย
  76. สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
  77. ราชอาณาจักรสเปน
  78. สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
  79. ราชอาณาจักรสวีเดน
  80. สมาพันธรัฐสวิส
  81. ราชอาณาจักรตองกา
  82. สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก
  83. สาธารณรัฐตุรกี
  84. ยูเครน
  85. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  86. สหราชอาณาจักร
  87. สหรัฐอเมริกา
  88. สาธารณรัฐโอเรียนทัลอุรุกวัย
  89. สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน
  90. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ข้อ 3 ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติตามที่กำหนดไว้ในข้อ 2 ซึ่งจะเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อทำงานหรือติดต่อธุรกิจระยะสั้นตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมการจัดหางานว่าด้วยการกำหนดงานอันมีลักษณะจำเป็นหรือเร่งด่วนหรืองานเฉพาะกิจให้ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน

ข้อ 4 ในกรณีที่คนต่างด้าวประสงค์จะขออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปภายหลังจากที่ครบกำหนดเวลาอนุญาตตามประกาศนี้แล้ว ก่อนครบกำหนดเวลาอนุญาต ให้คนต่างด้าวดำเนินการยื่นขอขยายระยะเวลาอนุญาตตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองประทับตราขยายระยะเวลาอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปได้อีกไม่เกิน 30 วัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

‘สุริยะ’ ขานรับนโยบายเตรียมทำแผน รองรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้

 

เมื่อ10 มิ.ย. 2567  นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปจัดทำแผนรองรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปี 2567 หรือไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ สอดรับกับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ที่คาดว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

 

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ไปดำเนินการจัดเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งในส่วนของแผนเพิ่มจำนวนเครื่องบิน และเที่ยวบินให้เพียงพอต่อผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ ครอบคลุมผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศที่เดินทางผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่

 

“จากการรายงานของ ทอท. พบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวนผู้โดยสารเข้า-ออก 6 ท่าอากาศยานรวม 9,503,475 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.08% และมีจำนวนเที่ยวบิน 61,435 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.90% ขณะเดียวกัน ทอท. ยังได้คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในช่วงเดือนมิถุนายน – พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมจำนวน 60.3 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบิน 380,000 เที่ยวบิน ดังนั้น เชื่อว่า ในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นด้านการท่องเที่ยว จึงมีแนวโน้มสูงว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”นายสุริยะกล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ ทอท. จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการบริหารจัดการการให้บริการในท่าอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคน ได้สัมผัสกับการบริการที่สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว สร้างความความประทับใจ และเกิดภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ โดยได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารในขั้นตอนต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ให้เกิดความคล่องตัว ไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่นในแต่ละจุดบริการ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วย

 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สั่งการให้จัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟ ทั้งเส้นปกติและขบวนพิเศษ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมแผนฯ โดยในเบื้องต้น จะเพิ่มขบวนนำเที่ยวเส้นทางสายวัฒนธรรมของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย จากก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการในหลายเส้นทาง ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในรูปแบบไปเช้า-เย็นกลับ (วันเดย์ทริป) เช่น ขบวนรถไฟนำเที่ยวน้ำตกไทรโยค, ขบวนรถไฟนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์, ขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นต้น

 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดทำแผนเตรียมความพร้อมขบวนรถไฟฟ้าและสถานีของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร ทั้ง 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีชมพู และสายสีเหลือง เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/2567 เบื้องต้นได้เตรียมขบวนรถเสริมให้บริการในกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น พร้อมทั้ง จัดเตรียมช่องทางพิเศษสำหรับจำหน่ายเหรียญโดยสาร เตรียมไว้ในสถานีที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก

 

ขณะเดียวกัน จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่ผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง โดยการประกาศทางเสียง ป้ายประชาสัมพันธ์ และจอแสดงผล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยโดยจัดให้มีพนักงานสถานีเพิ่มเติม เพื่อให้มีเพียงพอและพร้อมปฏิบัติงานในสถานีที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการหนาแน่น รวมถึง มีระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในสถานี และภายในขบวนรถไฟฟ้า ครอบคลุมทุกพื้นที่การให้บริการ และยังจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลความปลอดภัยบนสถานี และตรวจสัมภาระผู้โดยสาร ดังนั้น รฟม. มั่นใจว่าประชาชนผู้ใช้บริการจะได้รับความสะดวก ปลอดภัย ตลอดเส้นทาง

 

“ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้การกำกับดูแล พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในทุก ๆ ด้าน และทุกการคมนาคมต้องมีความปลอดภัยในระดับสูงสุด เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยหากทุกหน่วยงานฯ มีความคืบหน้าของแผนรองรับการท่องเที่ยวสำหรับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว จะดำเนินการรายงานต่อประชาชนให้ ทราบโดนทันที“ นายสุริยะ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงคมนาคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

เพิ่มวีซ่าฟรีเป็น 93 ประเทศ ดันรายได้ กระตุ้นท่องเที่ยว 1 ล้านล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการและแนวทางการตรวจลงตรา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาถดถอยเรื้อรังมายาวนาน โดยทำให้อัตราการเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น

 

ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้น คือ การให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ ฟรีวีซ่า ให้กับ 93 ประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 36 ประเทศ จากเดิมที่ 57 ประเทศ สามารถพำนักในไทยไม่เกิน 60 วัน โดยเป็นมาตรการของไทยฝ่ายเดียว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยประเทศที่เพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย ไซปรัส ฟีจี จอร์เจีย คาซัคสถาน มอลตา ไต้หวัน เป็นต้น เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. นี้ นอกจากนี้ การให้สิทธิ Visa on Arrival (VOA) ได้ปรับปรุงรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองใหม่ เพิ่มเป็น 36 ประเทศ จากเดิม 19 ประเทศ

 

ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเปิดวีซ่าฟรีเพิ่มขึ้น 36 ประเทศ สามารถพำนักยาวขึ้นอีก เป็น 60 วัน ทำให้กระทรวงการต่างประเทศสูญเสียรายได้ 12,300 ล้านบาท ถือว่ายอดเงินไม่น้อย แต่หากเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้ ได้เล็งไปที่ระดับ 8 แสนล้านบาท-1 ล้านล้านบาท

 

ขณะที่วีซ่าประเภทคนต่างด้าวที่มีทักษะและทำงานทางไกลผ่านระบบดิจิทัล หรือ ทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน กลุ่มฟรีแลนซ์ อาชีพอิสระ ปัจจุบันสามารถพำนักได้ 60 วัน และอยู่ได้ครั้งเดียว 30 วันเท่านั้น จะให้สิทธิประโยชน์ อายุวีซ่าขยายเป็น 5 ปี สามารถพำนักได้ครั้งละ 180 วัน และขยายอยู่ต่อได้อีกไม่เกิน 180 วัน ส่วนกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป โดยขยายเวลาพำนักในประเทศไทยหลังสำเร็จการศึกษาได้ 1 ปี เพื่ออำนวยความสะดวก หากต้องการหางานทำ เดินทางท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นๆ

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News