Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ครม.ทุ่มงบหลักล้านบาท เตือนภัยดินถล่ม น้ำป่าเชียงราย

ครม.อนุมัติ 370 ล้านบาท เร่งติดตั้งระบบเตือนภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม 370,390,200 บาท เพื่อดำเนินโครงการจัดทำระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในการลดความสูญเสียจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มความถี่และความรุนแรงขึ้นทุกปี โดยเน้นพื้นที่เสี่ยงระดับสูงในภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศไทย

แนวโน้มธรณีพิบัติภัยในประเทศไทย

จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ประเทศไทยเผชิญกับภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน สถิติย้อนหลัง 5 ปี (2563-2567) พบว่า มีเหตุการณ์ดินถล่มเฉลี่ยปีละ 110–130 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 270 ราย และบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก โดยพื้นที่เสี่ยงภัยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตภูเขาและพื้นที่ลาดชันของภาคเหนือและภาคใต้

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและพายุในหลายพื้นที่ โดยในปี 2567 กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ประเทศไทยมีจำนวนวันที่ฝนตกมากกว่า 100 มิลลิเมตรต่อวัน สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยถึง 27%

สาระสำคัญของโครงการระบบเตือนภัยดินถล่ม

โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศในการเฝ้าระวังภัยพิบัติ โดยมีองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน ดังนี้

  1. ติดตั้งระบบตรวจจับมวลดินเคลื่อนตัวและน้ำป่า 120 สถานี

วงเงิน 310,840,000 บาท สำหรับการติดตั้งเครื่องมือในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับสูงและสูงมาก โดยเครื่องมือจะสามารถตรวจจับความชื้นในดิน การเคลื่อนตัวของชั้นดิน และสัญญาณการทรุดตัว เพื่อส่งสัญญาณเตือนไปยังศูนย์กลางเฝ้าระวัง

  1. พัฒนาระบบสารสนเทศดิจิทัลธรณีพิบัติภัย

วงเงิน 40,351,000 บาท เพื่อจัดทำระบบฐานข้อมูลและแผนที่เสี่ยงภัยในรูปแบบออนไลน์ ครอบคลุมข้อมูลพิกัด ระบบพยากรณ์ ภาพถ่ายดาวเทียม และผลวิเคราะห์ทางธรณีวิทยา เพื่อให้ประชาชน หน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใส

  1. สร้างเครือข่ายภาคีความร่วมมือในพื้นที่เสี่ยง

วงเงิน 19,199,200 บาท เพื่ออบรมและเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร อสม. และภาคประชาชน ให้มีทักษะในการประเมินความเสี่ยง การอพยพ และการแจ้งเตือน

พื้นที่ดำเนินโครงการครอบคลุม 17 จังหวัดหลัก

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินโครงการ 17 จังหวัด ได้แก่

  • ภาคเหนือ: เชียงราย, เชียงใหม่, ตาก, แม่ฮ่องสอน, แพร่, น่าน, อุตรดิตถ์, เพชรบูรณ์
  • ภาคใต้: ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ระนอง, พังงา, กระบี่, ภูเก็ต

โดยการดำเนินการจะใช้ระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่เมษายน 2568 ถึงมีนาคม 2569 โดยคาดว่าหลังจากติดตั้งและทดสอบระบบเสร็จจะสามารถใช้งานได้จริงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2569

การเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการความเสี่ยงในระดับประเทศ

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศในการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยเน้นระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าแบบองค์รวม สนับสนุนการตัดสินใจของผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (EOC) และหน่วยงานภาคสนาม ให้สามารถเตรียมความพร้อม อพยพ และช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

วิเคราะห์ผลกระทบเชิงบวกที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

  • ลดอัตราการเสียชีวิตจากดินถล่มในพื้นที่เป้าหมายลงไม่น้อยกว่า 60%
  • คาดว่าประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากระบบเตือนภัยนี้
  • เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 300 แห่งทั่วประเทศ
  • ลดค่าเสียหายทางเศรษฐกิจในพื้นที่เสี่ยงกว่า 800 ล้านบาทต่อปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“เชียงรายน้ำท่วมตลาดสายลมจอย กระทรวงสาธารณสุขเร่งช่วยเหลือด่วน ป้องกันดินถล่ม”

สถานการณ์น้ำท่วมเชียงราย: กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังและดำเนินการช่วยเหลือ

ในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีการน้ำเอ่อท่วมตลาดสายลมจอย นอกจากนี้ ยังมีการเฝ้าระวังน้ำป่าหลากและดินถล่มใน 9 จังหวัดภาคใต้ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น

การเฝ้าระวังน้ำป่าและดินถล่มในพื้นที่เสี่ยง

หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายโสภณ เอี่ยมศิริถาวร ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังน้ำป่าหลากและดินถล่มใน 9 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา ซึ่งจังหวัดสงขลาได้เตือนภัยระดับเตรียมพร้อมใน 4 หมู่บ้าน ส่วนยะลาเตือนภัยระดับวิกฤตใน 2 หมู่บ้าน รวมถึงเชียงรายได้มีการเตือนภัยระดับเฝ้าระวังใน 2 หมู่บ้านด้วย

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและกลุ่มเปราะบาง

จากการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม ถึง 14 ตุลาคม 2567 ทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขได้ดูแลผู้ประสบภัยรวม 239,415 ราย และกลุ่มเปราะบาง 33,830 ราย นอกจากนี้ ยังมีการจัดทีมปฐมพยาบาลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง ซึ่งจะติดตามและให้การรักษาต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดผลกระทบทางจิตใจจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น

มาตรการด้านสุขภาพจิตหลังเกิดภัยพิบัติ

กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำมาตรการดูแลสุขภาพจิตใน 3 ระยะ ได้แก่ ระยะวิกฤตและฉุกเฉินตั้งแต่เกิดเหตุจนถึง 2 สัปดาห์ ระยะหลังประสบภาวะวิกฤตตั้งแต่ 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน และระยะฟื้นฟูหลังเกิดเหตุการณ์เกิน 3 เดือน โดยการประเมินและติดตามดูแลกลุ่มเสี่ยงจะช่วยให้สามารถให้การรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา

การจัดเตรียมทีมช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง

พื้นที่น้ำท่วมขังที่เสี่ยงสูงสุดประกอบด้วย 8 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก อ.บางระกำ พระนครศรีอยุธยา อ.บางบาล สุราษฎร์ธานี อ.พระแสง สมุทรปราการ อ.พระประแดง อุดรธานี อ.เพ็ญ นครปฐม อ.บางเลน นครพนม อ.นาทม และขอนแก่น อ.หนองเรือ โดยหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้รับการเตรียมทีมบุคลากร ยา และเวชภัณฑ์เพื่อออกช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้ประสบภัย และกลุ่มเปราะบางได้อย่างทันท่วงที

ผลกระทบจากน้ำท่วมและการดำเนินการช่วยเหลือ

จากข้อมูลล่าสุด น้ำท่วมในเชียงรายทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 75 ราย บาดเจ็บ 2,421 ราย และไม่มีผู้สูญหายเพิ่มเติม นอกจากนี้ หน่วยงานสาธารณสุขยังคงให้ความสำคัญกับการปิดบริการในสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ โดยสถานพยาบาลที่ต้องปิดบริการเพียง 1 แห่ง คือ รพ.สต.บ้านวังลูกช้าง จ.พิจิตร

ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในการรับมือภัยพิบัติ

การตอบสนองต่อสถานการณ์น้ำท่วมในเชียงรายและพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ เป็นผลมาจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานท้องถิ่น และองค์กรต่างๆ ในการจัดเตรียมและดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้สามารถลดผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

บทสรุป: ความสำคัญของการเตรียมพร้อมและการตอบสนองต่อภัยพิบัติ

สถานการณ์น้ำท่วมในเชียงรายและพื้นที่อื่นๆ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมและการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากหน่วยงานสาธารณสุขและองค์กรที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผู้ประสบภัยและกลุ่มเปราะบาง รวมถึงการดูแลสุขภาพจิต เป็นสิ่งที่ช่วยลดผลกระทบจากภัยพิบัติและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News