Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

พิชัยลุยด่านแม่สาย เร่งแก้ปัญหาการค้าชายแดน กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

“พิชัย” ลงพื้นที่ด่านแม่สาย เร่งแก้อุปสรรคการค้าชายแดน ตั้งเป้าปี 70 สร้างเงิน 2 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ด่านศุลกากรแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์และเร่งขับเคลื่อนการค้าชายแดน พร้อมทั้งประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เพื่อแก้ไขอุปสรรคและผลักดันศักยภาพการค้าชายแดนของประเทศไทย

ปีทองการค้าชายแดน: ผลักดันการค้า-สร้างเศรษฐกิจไทย

นายพิชัยเปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็น “ปีทองของการค้าชายแดน” โดยในช่วง 10 เดือนแรก (มกราคม-ตุลาคม) การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยมีมูลค่ารวมกว่า 1,514,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.18 จากปีก่อนหน้า โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 872,043 ล้านบาท และการนำเข้า 642,794 ล้านบาท ซึ่งประเทศไทยได้ดุลการค้า 229,248 ล้านบาท

กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้าชายแดนให้แตะ 2 ล้านล้านบาทต่อปี ภายในปี 2570 ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนชายแดน ปี 2567-2570

เร่งเปิดด่าน เชื่อมโยงการค้าไทย-เมียนมา-ลาว-จีน

ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีจุดผ่านแดนที่เปิดใช้งานแล้ว 86 แห่ง จากทั้งหมด 94 แห่ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเปิด 73 แห่ง นายพิชัยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปิดด่านเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงการค้าในลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมา และจีน โดยเฉพาะด่านแม่สาย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถเชื่อมโยงการค้าระหว่างไทยและเมียนมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยกระดับท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน

นายพิชัยกล่าวถึงการพิจารณายกระดับท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เพื่อรองรับการค้ากับจีน โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ด่านกวนเหลี่ยในจีนรองรับผลไม้ไทยแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ในช่วง 10 เดือนแรก ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนมีมูลค่าการค้าชายแดนรวมกว่า 5,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.53 จากปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นการส่งออก 5,650 ล้านบาท และการนำเข้า 312 ล้านบาท

ผลักดันมหกรรมการค้าและพัฒนาชายแดนอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงพาณิชย์ยังวางแผนจัดมหกรรมการค้าชายแดนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศในปี 2568 รวมทั้งหมด 6 ครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นอกจากนี้ยังได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเปิดด่านเพิ่มเติมทั้งในฝั่งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

เน้นคุณภาพสินค้า ควบคุมสินค้าด้อยคุณภาพ

นายพิชัยกล่าวถึงบทบาทของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้า รวมถึงการป้องกันสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค พร้อมกำชับให้ด่านศุลกากรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ

ความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน

นายพิชัยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อแก้ไขอุปสรรคการค้า พร้อมให้คำมั่นว่า กระทรวงพาณิชย์พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนอย่างเต็มที่

บทสรุป

การลงพื้นที่ของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ในครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าหมายสร้างมูลค่าการค้า 2 ล้านล้านบาทในปี 2570 และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งขึ้นอย่างแท้จริง.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กระทรวงพาณิชย์ผลักดันสินค้าชุมชนเชียงราย คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ลงพื้นที่เชียงราย ดันสินค้าชุมชน-ท่องเที่ยวสร้างสรรค์ เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ตลาดโลก

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่ YAYO FARM บ้านดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อพบปะและหารือร่วมกับผู้ประกอบการในโครงการส่งเสริมสินค้าชุมชนในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โดยได้รับการต้อนรับจากนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่ที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

เร่งเสริมแกร่งสินค้าชุมชน เชื่อมตลาดด้วยแบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญา

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์มีนโยบายผลักดันสินค้าชุมชนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเน้นการรวบรวมสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ เช่น ชา กาแฟ และของใช้อุปโภคบริโภคต่างๆ มาเชื่อมโยงสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ กระทรวงได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ของตัวเอง พร้อมทั้งจัดนักออกแบบมืออาชีพมาให้คำแนะนำด้านการออกแบบแพ็กเกจจิ้งและจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

“กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่พูดคุยเพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เตรียมงบประมาณไว้สนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เราเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สินค้าชุมชน สินค้า SME ของเชียงรายและภาคเหนือเติบโตแข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะชาและกาแฟที่มีชื่อเสียงในระดับโลก” นายนภินทร กล่าว

เสริมแกร่งการท่องเที่ยวผ่านสินค้าท้องถิ่น เชื่อมโยงเส้นทางชา-กาแฟ

ด้านนายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่โดดเด่นจากแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนภูเขา เช่น ผ้าทอพื้นเมือง รวมถึงชาและกาแฟซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก

ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้พัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อโปรโมตชาและกาแฟ เช่น ดอยช้าง ดอยผาฮี้ ดอยผาแม่มอญ และปางขอน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในพื้นที่ รวมถึงมีโอกาสดื่มชาและกาแฟจากแหล่งปลูกโดยตรง ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

“ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงกุมภาพันธ์ 2568 เราจะมีโปรโมชั่นพิเศษเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาพักค้างที่เชียงราย พร้อมสิทธิ์รับส่วนลดจากร้านคาเฟ่ที่ร่วมรายการ นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น” นายวิสูตร กล่าว

เชียงราย: ศูนย์รวมศักยภาพผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์

เชียงรายไม่เพียงแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่ยังเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยศักยภาพในด้านผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ที่สามารถเติบโตในตลาดโลกได้ ผลิตภัณฑ์อย่างชาและกาแฟซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สามารถเป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงความโดดเด่นทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของคนท้องถิ่น

ในโอกาสนี้ การสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เชียงรายเป็นจังหวัดต้นแบบที่เชื่อมโยงสินค้าชุมชนเข้ากับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน

สรุป

การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมสินค้าชุมชน แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างทรัพย์สินทางปัญญาและการตลาดสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนเชียงรายให้ก้าวสู่เวทีระดับโลกในฐานะจังหวัดที่เต็มไปด้วยศักยภาพด้านสินค้าและการท่องเที่ยวสร้างสรรค์.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

คาดการณ์ บ้านป่าข่า อ.ขุนตาล จมน้ำอยู่อีกประมาณ 1 เดือน

 

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ เดินทางจากท่าอากาศยานฝูงบิน 466 กองทัพอากาศ จ.น่าน ไปที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์ไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่บ้านหนองบัว ม.5 ต.สันทรายงาม อ.เทิง จ.เชียงราย และบ้านหล่ายงาว ม.1 ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย 


        โดยก่อนที่จะเดินทางลงพื้นที่ประสบภัย คณะของนายภูมิธรรม ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนจาก นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ณ ห้องรับรองท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง หลังจากรับฟังรายงานแล้ว รองนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางด้วยรถยนต์ไปที่บ้านหนองบัว ม.5 ต.สันทรายงาม อ.เทิง และเดินทางต่อไปที่บ้านหล่ายงาว ม.1 ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น เพื่อพบปะให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย


สำหรับสถานการณ์น้ำที่จังหวัดเชียงราย ตอนนี้พื้นที่ทีมีปัญหาน้ำท่วมจะเป็นที่อำเภอขุนตาล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รับมวลน้ำต่อจากอำเภอเทิง บวกกับมวลน้ำที่มาจากจังหวัดพะเยาไหลมาสมทบ จนทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำอิงล้นฝั่ง เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตรเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ 2 ตำบลคือตำบลต้าและตำบลป่าตาล ขณะทื่การให้ความช่วยเหลือนั้น จังหวัดเชียงรายระดมกำลังทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่  

โดยพื้นที่ บ้านป่าข่า ม.8 ต.ป่าตาล อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ประสบอุทกภัยจากน้ำอิงที่เอ่อท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร มีชาวบ้านเดือดร้อนกว่าครึ่งหมู่บ้าน วันนี้กองทัพบกได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน โดยนำเรือท้องแบนมาบรรทุกถุงยังชีพไปแจกจ่ายผู้ประสบอุทกภัย และตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อแจกจ่ายให้ผู้เดือดร้อน

นายสอน เทพสมบัติ ผู้ใหญ่บ้านบ้านป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล กล่าวว่า ขณะนี้มวลน้ำก็ได้เข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยได้ประสานขอหน่วยงานจากทหาร หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 สำนักงานพัฒนาภาค3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นพค.35) นำเรือท้องแบนมาช่วยเหลือชาวบ้าน เพื่อส่งสิงของให้ชาวบ้านที่ยังจมน้ำ บางรายก็ออกมาได้ บ่งรายก็ออกมาไม่ได้ ตอนนี้ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐบาล ขอให้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้ทางหมู่บ้านได้รับความลำบากมาที่สุด มีบ้านเรือนที่จมน้ำ และออกบ้านได้ประมาณ 70 หลังคาเรือน ซึ่งบ้านป่าข่าเป็นพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำอิงที่มีต้นน้ำมาจาก กว๊านพะเยา ซึ่งคาดว่าหมู่บ้านจะจมน้ำอยู่แบบนี้ไปอีกประมาณ 1 เดือน ทางชาวบ้านก็ขอขอบคุณหน่วยงานต่าง งภาคเอกชนและราชการที่มาช่วยเหลือชาวบ้าน

พันตรี วัลลภ เสือโฮก หัวหน้าศูนย์บรรเทาสาธารณภัย พัฒนาสำนักงานพัฒนาภาค 3 กล่าวว่า ทางทหารหน่วยพัฒนา ได้มีการนำชุดเคลื่อนที่เร็วจำนวน 2 ชุด เรือท้องแบน และรถครัวสนามเข้ามาช่วยเหลือประชาชน โดยตั้งครัวพระราชทานอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอเทิง เพื่อสนับสนุนอาหารให้กับผู้ประสบภัย โดยได้ประสานงานกับผู้ใหญ้บานในการช่วยเหลือ นำอาหารไปส่งให้กับชาวบ้านและรับผู้ที่จะออกจากหมู่บ้านออกมา ในการเคลื่อนย้าย ปัจจุบันมีการ้องขอ 2 พื้นที่คือ บ้านป่าข่า และบ้านต้า อ.ขุนตาล ซึ่งเป็นจุดที่มีประชาชนได้รับการเดือดร้อน และยังมีเรือท้องแบบอีก 2 ลำที่จะเข้ามาสนับสนุนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย / Poom Pakpoom Wilai

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พาณิชย์หนุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อผู้สูงวัย ‘Hug Villages’

 

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรมพัฒนาธุรกิจการค้า ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการโครงการสร้างชุมชนสู่ออนไลน์สร้างรายได้ธุรกิจ (Digital Village by DBD) : Hug Villages จ.เชียงราย ถึงกับขนานนามเป็น ‘วิสาหกิจชุมชนเพื่อผู้สูงวัย’ โดยผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าปักมือ อัตลักษณ์ประจำถิ่นสุดประณีต กว่า 80% เป็นผู้สูงวัยในชุมชน สูงสุดอายุ 82 ปี ไม่เท่านั้นพ่ออุ๊ย-แม่อุ๊ย ยังช่วยไลฟ์ขายสินค้าตามสไตล์แต่ละคนที่ไม่เหมือนใคร นำรายได้เข้าชุมชนนับล้านบาท ยกย่อง ช่วยสร้างคุณค่า สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ผู้สูงอายุ เตรียมพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชนต้นแบบที่ให้โอกาสผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจชุมชน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “โครงการสร้างชุมชนสู่ออนไลน์สร้างรายได้ธุรกิจ หรือ Digital Village by DBD เป็นโครงการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการชุมชน โดยเฉพาะด้านการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ขยับตัวเองจากพ่อค้า-แม่ขายเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ที่พร้อมนำเสนอสินค้าในแบบฉบับของตนเอง สร้างรายได้ให้ชุมชน เพิ่มโอกาสทางการตลาด ขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ พร้อมยกระดับธุรกิจฐานรากให้สามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในบริบทการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น

โดยล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ลงพื้นที่วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการพัฒนาและผ่านการอบรมโครงการ Digital Village by DBD ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในปี 2566 เพื่อติดตามการดำเนินงาน พบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชนเพื่อทราบถึงแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจของวิสาหกิจชุมชนฯ และการขยายช่องทางการตลาดแบบคู่ขนานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้ง เชิญชวนวิสาหกิจชุมชนฯ ร่วมออกงานแสดงและจำหน่ายสินค้าที่กรมหรือหน่วยงานพันธมิตรจัดขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้สินค้าและบริการ ขยายโอกาสทางการตลาดให้กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งเป็น 1 ใน 9 มาตรการหลักของกรมในการสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการไทย

อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า จากการพูดคุยทำให้ทราบว่า วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ มีการจ้างแรงงานคนในชุมชนที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้พิการ เกษตรกร กลุ่มชาติพันธุ์ และแรงงานนอกระบบ เข้ามาทำงานให้กับวิสาหกิจชุมชนฯ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าปักมือ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ประจำถิ่นที่มีความประณีตสวยงาม ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนฯ มีสมาชิกซึ่งเป็นคนในชุมชน 82 คน โดย 80% เป็นผู้สูงอายุที่ยังสามารถผลิตงานผ้าปักมือได้อย่างคล่องแคล่ว โดยสมาชิกที่มีอายุสูงสุด คือ 82 ปี จนสามารถขนานนามว่าเป็น ‘วิสาหกิจชุมชนเพื่อผู้สูงวัย’ ได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังทราบว่าผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชนฯ หลังจากผ่านการอบรมโครงการ Digital Village by DBD ได้ช่วยไลฟ์สดขายสินค้าตามสไตล์ของแต่ละคนที่ไม่เหมือนใคร มีความเป็นธรรมชาติ และสามารถสร้างรายได้เข้าชุมชนนับล้านบาทต่อปี เป็นการนำความรู้ที่ได้รับจากโครงการมาใช้ในการขยายโอกาสทางการตลาดที่เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน ช่วยสร้างคุณค่า สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ผู้สูงอายุ โดยมีการส่งต่อความรู้และเทคนิคด้านการปักผ้าด้วยมือแก่สมาชิกคนอื่นๆ ที่ต้องการเข้ามาช่วยพัฒนาชุมชน ทำให้เป็นวิสาหกิจชุมชนต้นแบบที่ให้โอกาสผู้สูงอายุเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจชุมชน ใช้ประสบการณ์ของผู้สูงอายุมาต่อยอดให้เกิดการพัฒนาในแบบฉบับของวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ

นางวิไล นาไพวรรณ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ ปี 2548 โดยได้กำหนดเป้าหมายของธุรกิจไว้คือ ‘พัฒนาคน สร้างงาน สร้างสรรค์ศิลปะเพื่อสังคม ของชุมชนท้องถิ่น’ เริ่มต้นจากการผลิตตุ๊กตาไหมพรมจำหน่าย ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าปักมือ เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายผสมผ้าใยกัญชง ไหมประดิษฐ์ และเส้นฝ้ายพื้นเมือง ที่ย้อมสีเส้นด้ายจากธรรมชาติใช้เอง และมีการปรับชื่อแบรนด์เป็น ‘Hug Villages Art Design’ เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นงานปักมือที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และมีเทคนิคการปัก 7 หลักการ ใช้ทั้งทฤษฎีสี องค์ประกอบศิลป์ และจินตนาการ ผสมผสานให้เกิดเป็นลวดลายปักที่สวยงามไม่เหมือนใคร จนได้รับรางวัลชมเชย ‘ผ้าอัตลักษณ์เชียงราย’ ที่มีความละเอียดประณีต ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษนั้น ซึ่งตรงกับสโลแกนของกลุ่มที่ว่า ‘ปักด้วยมือ สัมผัสด้วยใจ’

โดยเริ่มแรกเน้นขายสินค้าผ่านหน้าร้านเป็นหลักทั้งที่วิสาหกิจชุมชนฯ ตามงานแสดงสินค้าใน จ.เชียงราย และต่างจังหวัด ซึ่งผู้บริโภครับรู้และรู้จักผลิตภัณฑ์ในระดับหนึ่ง ต่อมา ปี 2566 ได้สมัครเข้าร่วมโครงการ Digital Village by DBD ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผ่านการอบรมวิสาหกิจชุมชนที่ใช้ออนไลน์ในการขยายช่องทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาศักยภาพด้านการวางแผนธุรกิจ และการบริหารจัดการการค้าออนไลน์ให้สามารถพัฒนาและจำหน่ายสินค้าชุมชนบนช่องทางการตลาด e-Commerce ยุคใหม่ สร้างการรับรู้และช่วยกระจายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกพื้นที่ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ปัจจุบันยังเป็นสมาชิกเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ของกระทรวงพาณิชย์อีกด้วย เพื่อเพิ่มพันธมิตรและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้กว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้น ขอขอบคุณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการชุมชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อม/รายย่อย ให้มีความรู้ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ เป็นการติดอาวุธเสริมทักษะและช่วยให้ปรับตัวรับมือกระแสการค้าโลกใหม่ได้เป็นอย่างดี เป็นลมใต้ปีกและพลังสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการชุมชนสามารถแข่งขันได้อย่างเข้มแข็งและเติบโตอย่างมีศักยภาพในโลกการค้ายุคใหม่

อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้ายว่า ประชาชนและผู้บริโภคที่สนใจงานผ้าปักมือของวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ สามารถติดตามและเลือกชมสินค้าได้ทาง www.facebook.com/CraftChiangraibywilai62 ,  ID Line : wilainapaiwan โทร 088 267 4469 ซึ่งนอกจากจะช่วยอุดหนุนสินค้าของผู้ประกอบการชุมชนแล้ว ยังเป็นการให้กำลังใจผู้สูงอายุที่ร่วมสร้างสรรค์งานผ้าปักมือด้วยใจรักและช่วยหารายได้ให้ครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย ผู้สนใจและผู้ประกอบการสามารถติดตามกิจกรรมและโครงการดีๆ ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ทาง www.dbd.go.th และ สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ก.พาณิชย์ ดันกาแฟดอยตุง จ.เชียงราย 1 ใน 24 สินค้างาน THAIFEX ขึ้น Thai Select

 

เมื่อวันจันทร์ ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ให้ได้รับการขึ้นทะเบียนคุ้มครอง GI อันจะเป็นสิทธิของชุมชน รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานให้กับสินค้า GI ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และชุมชน รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้สินค้า GI ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการบริโภคสินค้า GI ทั้งในระดับประเทศและผลักดันการส่งออก นำมาสู่การสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

ทั้งนี้ได้เตรียมนำสินค้า GI จากทั่วประเทศเข้าร่วมจัดแสดงในงานแสดงสินค้าและอาหาร THAIFEX-Anuga Asia 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพื่อให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาชมงาน ได้ทดลองชิมสินค้าและสร้างโอกาสในการเจรจาธุรกิจ สร้างโอกาสในการส่งออกสินค้า GI ไปยังต่างประเทศต่อไป โดยสินค้า GI ที่มาร่วมแสดงสินค้าในครั้งนี้มีจำนวน 24 สินค้า จาก 21 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น 1.ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง 2.ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (จ.ร้อยเอ็ด และจ.สุรินทร์) 3.ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ 4.กาแฟดอยตุง(จ.เชียงราย) 5.กาแฟเทพเสด็จ (จ.เชียงใหม่) 6.ชาเชียงราย 7.กล้วยตากบางกระทุ่มพิษณุโลก 8.กล้วยหอมทองพบพระ (จ.ตาก) 9.ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง (จ.นครศรีธรรมราช) 10.ส้มโอนครชัยศรี (จ.นครปฐม) ฯลฯ

 

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษ โดยดึงเซเลบริตี้เชฟ เช่น เชฟอาร์ เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย เชฟเฟิส แชมป์จากรายการ Master Chef ไทยแลนด์ ซีชั่น 2 เชฟจารึก และเชฟบูมจากรายการเชฟกระทะเหล็ก และเชฟเนตร (เนตรอำไพสาระโกเศศ) Commentator ประจำรายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย เป็นต้น มาร่วมรังสรรค์เมนูอาหารรสเลิศจากวัตถุดิบสินค้า GI ให้ได้ชิมและชมภายในบูธ เช่น ต้มข่าไก่มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี แพนงเนื้อโคขุนโพนยางคำละมุน ผัดกะเพราหมูย่างเมืองตรังของฮิตถิ่นไทยทาร์ตมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้วครีมสดเป็นต้น ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะทำให้สินค้า GI ไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และในอนาคต กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนผลักดันสินค้า GI สู่ร้าน Thai Select ในต่างประเทศ ที่มีเครือข่ายกว่า 1,500 แห่งทั่วโลก ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการส่งออกให้กับสินค้า GI ไทยให้เติบโตในต่างประเทศ นำมาสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

“ภูมิธรรม” สั่งการกรมการค้าภายใน ตามสินค้าช่วงสงกรานต์อย่างใกล้ชิด

 
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ที่จะถึงนี้อย่างใกล้ชิด
 

โดยขอให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาสินค้าและบริการช่วงที่คนเดินทางออกต่างจังหวัด เพื่อกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องจนถึงวันที่ประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า และป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคา

 

ทั้งนี้ ได้กำชับให้เน้นการตรวจสอบพื้นที่ ๆ มีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก อาทิ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ สนามบิน รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ และให้ตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงหรือปั๊มน้ำมัน โดยให้ตรวจสอบความถูกต้องของหัวจ่ายว่ามีปริมาณเต็มลิตรหรือไม่ เพื่อเป็นการดูแลประชาชนที่เดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งจะต้องเน้นในจังหวัดที่เป็นทางผ่านออกไปยังจังหวัดต่าง ๆ และจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว

สำหรับด้านราคาสินค้าและบริการ ให้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการตามสถานีขนส่ง สถานีรถไฟทั่วประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ ผู้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการรับฝากของ บริการรถเข็นสัมภาระ จะต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการให้ชัดเจน และหากมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาหรือค่าบริการก็ต้องแสดงให้ชัดเจนด้วย

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด จำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร หรือจำหน่ายในราคาไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ

 

หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธ การจำหน่ายต้องโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

(มีคลิป)กรมการค้าภายใน จัดการผลไม้เชิงรุก รับซื้อมะม่วงเชียงราย เพิ่มช่องทางการขาย

 
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 ณ กลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงพญาเม็งราย ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย กระทรวงพาณิชย์ ยกแผนงานเชื่อมโยงการรับซื้อมะม่วง @เชียงราย ภายใต้มาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 2567 ตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดผลไม้ฤดูการผลิต ปี 2567 ให้สอดรับสถานการณ์อย่างเป็นระบบครบวงจร
 
การจัดกิจกรรมกรมการค้าภายในเชื่อมโยงรับซื้อมะม่วง@เชียงราย โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ให้เกียรติเป็นประธานสักขีพยานการเชื่อมโยงการซื้อขาย “มะม่วง” ผ่านตลาดข้อตกลง พร้อมด้วยนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และนายชโลธร พัฒน์ทวีกิจ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงพญาเม็งราย และผู้แทนเกษตรกรจาก 5 อำเภอ ในจังหวัดเชียงราย ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ผู้รวบรวม ผู้ส่งออก โรงงานแปรรูป และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ารับซื้อผลผลิตมะม่วงจากเกษตรกร ณ กลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงพญาเม็งราย ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย
 

ในการนี้กรมการค้าภายในและจังหวัดเชียงรายได้ช่วยเหลือเกษตรกรกระจายผลผลิตมะม่วงครั้งนี้ นอกจากช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรแล้ว ยังเพิ่มช่องทางในการกระจายผลผลิตออกสู่ตลาดนอกแหล่งผลิตได้มากยิ่งขึ้นด้วย

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่ากรมการค้าภายในมีเป้าหมายการรับซื้อมะม่วงในครั้งนี้กว่า 3,500 ตัน รวมมูลค่ากว่า 84 ล้านบาท โดยมีสายพันธุ์ โชคอนันต์ น้ำดอกไม้ ฟ้าลั่น แก้วขมิ้น อีกทั้งเกษตรกรยังมีแปรรูปมะม่วง เช่น มะม่วงอบแห้ง มะม่วงกวน ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มอีกทางนึงแก่เกษตรกรในพื้นที่ และกรมฯ มีนโยบายขยายพื้นที่รับซื้อในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม หากปริมาณผลผลิตออกมากหรือล้นตลาด เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร และระบายผลผลิตออกสู่ช่องทางต่างๆ

ทั้งการเปิดพรีออเดอร์มะม่วงผ่านนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ นำไปเปิดจุดจำหน่ายในห้างท้องถิ่นทั่วประเทศ แหล่งชุมชนต่างๆ และเตรียมจัดงาน Fruit Festival 2024 เป็นปีที่ 3 เพื่อรณรงค์และกระตุ้นให้มีการบริโภคผลไม้เพิ่มมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการค้าภายใน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

สสว. DIP และ PNR ลงนาม MOU เปิดเพลงในร้านฟินฟรียกคลังไม่ยั้ง ถึง 15 มี.ค. 67

 

สสว. DIP และ PNR ลงนาม MOU เรื่องช่วยเอสเอ็มอีลดค่าใช้จ่ายเรื่องลิขสิทธิ์ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้เอสเอ็มอีที่เป็นสมาชิก สสว. เปิดเพลงยกคลัง ฟินฟรีไม่ยั้ง 3 เทศกาล “ปีใหม่ ตรุษจีน และ วาเลนไทน์ ” เพื่อช่วยเรื่องส่งเสริมการขาย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง สสว. กรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป. หรือ DIP) และ บริษัท โฟโนไรทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (PNR) เพื่อมอบสิทธิพิเศษในลิขสิทธิ์เพลงแก่ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก สสว.

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)กล่าวว่า สสว. ตระหนักถึงความสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ในการประกอบธุรกิจ และเชื่อมโยงข้อมูลสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการ จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จึงได้จัดทำงานพัฒนาสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ MSME ภายใต้แนวคิด SME Privilege Club คลับพิเศษสำหรับ SME ที่รวบรวมสิทธิประโยชน์ในการทำธุรกิจด้านต่างๆ

“การลงนาม MOU ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการ ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้งานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องในสถานประกอบการ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและประโยชน์ รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำในการเข้าถึงงานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง และเป็นรูปธรรม การเชื่อมโยงพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้กับผู้ประกอบการ โดย สสว. จะประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการ และกิจกรรมของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นประโยชน์แก่เอสเอ็มอี และวิสาหกิจรายย่อย ที่เป็นผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเอสเอ็มอีผู้รับบริการภาครัฐ ผ่านสื่อต่างๆ ของ สสว. รวมถึงคัดเลือกและเชิญ
เอสเอ็มอี และวิสาหกิจรายย่อย ที่เป็นผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนผู้รับบริการภาครัฐ เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจ” ผอ.สสว. ระบุ

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน ผู้ประกอบการ SME
ต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น และต้องปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้คล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค วิธีการหนึ่งที่ได้ผลก็คือการเปิดเพลงในสถานประกอบการ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี สร้างความแตกต่าง และเพิ่มความน่าสนใจให้กับกิจการของตน อย่างไรก็ดี จากการที่เพลงต่างๆ เป็นงานที่มีลิขสิทธิ์

 

โดยที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าใช้สิทธิให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้มีอำนาจจัดเก็บตามกฎหมาย ซึ่งเป็นต้นทุนทางธุรกิจประการหนึ่ง กรมทรัพย์สินทางปัญญา สสว. และโฟโนไรทส์ (PNR) จึงร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการ ที่เป็นสมาชิกของ สสว. ให้ได้ใช้งานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องในราคาพิเศษ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ สร้างความตระหนักเกี่ยวกับการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งยังจะเป็นการสร้างธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงได้อีกทางหนึ่ง

 

นายคเณศวร์ เพิ่มทรัพย์ ประธานกรรมการ บริษัท โฟโนไรทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า PNR Music Delivery Service เป็นบริษัทบริหารลิขสิทธิ์เพลงเผยแพร่ต่อสาธารณชนและการจัดส่งเพลงในสถานประกอบการให้ค่ายเพลงสากล และ ค่ายเพลงไทยคุณภาพ กว่า 60 ค่าย มีเพลงในระบบกว่า 30 ล้านเพลง ขอมอบของขวัญให้กับผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงการใช้เพลงในสถานประกอบการอย่างถูกลิขสิทธิ เพื่อต้อนรับ 3 เทศกาลใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยของขวัญกล่อง ที่ 1 คือ ทดลองใช้บริการเปิดเพลงในสถานประกอบการ จาก PNR ฟรี จนถึงวันที 15 มีนาคม 2567 และ ของขวัญกล่องที่ 2 หากสถานประกอบการต้องการเปิดเพลงต่อไป สามารถสมัครแพ็กเกจรายปี ในราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียงวันละ 14 บาทเท่านั้น หรือลดสูงสุด 55% โดยได้รับความร่วมมือจากทาง บริษัท เอ็มพีซี มิวสิค จำกัด (MPC) ตัวแทนจัดเก็บค่าบริการจ่ายจบครบที่เดียว หมดกังวล ถูกลิขสิทธิ์ 100% และ บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี ประเทศไทย จำกัด (MCT) ดำเนินงานด้านบริหารจัดการสิทธิในงานดนตรีกรรมของนักประพันธ์

 

ผู้ประกอบการสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมได้ที่ www.sme.go.th

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : https://www.sme.go.th/

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ข้าวไทยใน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 ซื้อขายมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท

วันที่ 8 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับตัวเลขการซื้อขายข้าว และความสนใจต่อข้าวไทย ในงานแสดงสินค้าอาหาร 2566 (THAIFEX-ANUGA ASIA 2023) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2566 จากกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการค้าข้าวคุณภาพดี 15 จังหวัดของประเทศไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ และผู้นำเข้าจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยมีการเจรจาซื้อขายข้าวทันทีภายในงานมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะซื้อเพิ่มอีกประมาณ 300 ล้านบาท ตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ และคุณภาพของข้าวไทย ทั้งในด้านรสชาติ คุณภาพ มาตรฐาน 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้นำกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการค้าข้าวคุณภาพดีจาก 15 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ นครพนม ขอนแก่น สกลนคร พะเยา เชียงราย และพัทลุง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิ และข้าวคุณลักษณะพิเศษที่สำคัญของไทย ที่ได้รับการรับรองจากจังหวัด และเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยจากกรมการค้าต่างประเทศ หรือได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพมาตรฐานข้าวในระดับสากล เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร 2566 (THAIFEX-ANUGA ASIA 2023) 

ในการนี้ ข้าวไทยได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ และผู้นำเข้าจากประเทศต่าง ๆ เป็นอย่างมาก เกิดการเจรจาซื้อขายข้าวทันทีภายในงานปริมาณ 2,750 ตัน มูลค่ารวม 96 ล้านบาท และคาดการณ์คำสั่งซื้อภายในเวลา 1 ปี ปริมาณ 8,600 ตัน หรือมีมูลค่ามากกว่า 300 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 396 ล้านบาท ถือเป็นการส่งเสริมและขยายโอกาสในการส่งออกข้าวไทยให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสในการประชาสัมพันธ์ข้าวไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเเละตอกย้ำศักยภาพ คุณภาพ และมาตรฐานข้าวไทย ในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวคุณภาพของโลก 

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐานของข้าวไทย ที่ต่างประเทศให้การยอมรับ ซึ่งผลการเจรจาการค้าดังกล่าวถือเป็นความสำเร็จในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล กระตุ้นการซื้อขายข้าวไทยได้เพิ่มมากขึ้น นายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่นำข้าวไทยมาประชาสัมพันธ์ เพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้า และช่องทางการส่งออกข้าวไทยให้เพิ่มมากขึ้น” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY FEATURED NEWS

EXIM BANK จับมือ Amazon และกระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนทัพสินค้าไทยรุกตลาดการค้า E-commerce

EXIM BANK จับมือ Amazon และกระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนทัพสินค้าไทยรุกตลาดการค้า E-commerce

Facebook
Twitter
Email
Print

EXIM BANK ร่วมกับ Amazon Global Selling Thailand และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดโครงการอบรม “ติดปีกสินค้าไทย ขายออนไลน์ข้ามพรมแดนกับ Amazon” ระหว่างวันที่ 23 พ.ค.-18 ก.ค.2566 ณ EXIM BANK สนง.ใหญ่ และอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ ม.เชียงใหม่

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจและการค้าโลกต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งภาวะเงินเฟ้อ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปส่งผลกดดันเศรษฐกิจโลก ทำให้ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงเหลือ 2.8% และการค้าโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 1.7% อย่างไรก็ตาม พบว่าภาพรวมตลาดการค้าออนไลน์ (E-commerce) ของโลกยังมีแนวโน้มสดใส โดยคาดว่าจะขยายตัวกว่า 10% จาก 5.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 เป็น 6.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 และมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็น 6.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 และ 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 นอกจากนี้ ผลสำรวจผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ที่ดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนในปี 2565 พบว่า 90% มีความสนใจค้าขายข้ามพรมแดนผ่าน E-commerce แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดความเข้าใจวิธีการ ขาดความรู้เกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ มีข้อจำกัดด้านศักยภาพ ทรัพยากร และความสามารถในการแข่งขันในตลาด E-commerce

EXIM BANK จึงร่วมมือกับ อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ประเทศไทย (Amazon Global Selling Thailand) และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการอบรม “ติดปีกสินค้าไทย ขายออนไลน์ข้ามพรมแดนกับ Amazon” ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม-18 กรกฎาคม 2566 ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ และอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาศักยภาพ SMEs ไทยให้มีความพร้อมในการพัฒนาธุรกิจสู่ตลาดการค้าออนไลน์อย่างมั่นใจ ผ่านการฝึกอบรม จับคู่ทางธุรกิจ ให้คำปรึกษาด้านการเงิน แนะนำเครื่องมือบริหารความเสี่ยง และ Workshop การค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน (Cross Border E-commerce: CBEC) ไปยังตลาดสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ในการเข้าถึงเครือข่ายลูกค้าของ Amazon.com กว่า 300 ล้านคนทั่วโลก มีเนื้อหาการอบรม อาทิ การเปิดบัญชีกับ Amazon การจดทะบียนเครื่องหมายการค้าและใบรับรององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ การสร้างการบริหารจัดการคลังสินค้าและจัดส่งโดย Amazon (Fulfilment by Amazon : FBA) และการเปิดหน้าร้านค้าบน Amazon.com ผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999 และ Amazon Global Selling Thailand โทร. 08 9505 0766

“การค้าขายออนไลน์ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของธุรกิจในยุค Next Normal EXIM BANK จึงจัดโครงการ อบรมผู้ประกอบการไทยขายออนไลน์ข้ามพรมแดนกับ Amazon ให้ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ตลาด วิธีการค้าขายออนไลน์ข้ามพรมแดน การเตรียมผลิตภัณฑ์ การจดเครื่องหมายการค้าในสหรัฐฯ การจัดการร้านค้าบน Amazon.com เครื่องมือสำหรับธุรกิจ E-commerce และการวางแผนโปรโมทสินค้า เพื่อกระจายโอกาสให้ผู้ประกอบการในส่วนภูมิภาคได้เข้าถึงโครงการ การอบรมจึงจัดขึ้นที่ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ ควบคู่กับที่อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อช่วยให้ SMEs ทุกภาคส่วนมีความรู้เข้าใจเรื่องการส่งออกและการค้าขายออนไลน์ไปพร้อมกัน โดยมี EXIM BANK และ Amazon คอยเป็นพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับการแข่งขันของธุรกิจไทยไปสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นใจ ท่ามกลางความความท้าทายและโอกาสที่มีอยู่มากมายในตลาดโลก” ดร.รักษ์ กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนสื่อสารองค์กร ฝ่ายส่งเสริมภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร
โทร. 0 2169 9999 ต่อ 4110-4

EXIM Thailand Joins Forces with Amazon and Ministry of Commerce to Support Caravan of Thai Goods Penetrating E-commerce Market

Dr. Rak Vorrakitpokatorn, President of Export-Import Bank of Thailand (EXIM Thailand), said that global trade and economy in 2023 has been challenged by multi-faceted risk factors, whether they are inflation hike, upward trend of interest rates and prolonged Russia-Ukraine war, coupled with pressures from the banking crisis in the US and Europe. The International Monetary Fund (IMF) has recently lowered its global economic growth forecast to only 2.8% and global trade has tended to expand by merely 1.7%. However, bright prospects are still seen in E-commerce market in overall, predicted to grow by over 10% from 5.5 trillion US dollars in 2022 to 6.1 trillion US dollars in 2023, 6.8 trillion US dollars in 2024 and 7.4 trillion US dollars in 2025. Furthermore, according to a survey of entrepreneurs, particularly SMEs, with business operations in ASEAN in 2022, 90% of the entrepreneurs are interested in Cross-Border E-commerce (CBEC), but most of them have restrictions as regards understanding of e-commerce know-how, foreign market information, business potential, resources and competitiveness in E-commerce market dealings.

To support the entrepreneurs with such aspiration, EXIM Thailand has collaborated with Amazon Global Selling Thailand and Department of International Trade Promotion, Ministry of Commerce, in organizing a training program titled “Bring Thai Goods to Fly High on Cross-Border E-Commerce with Amazon” during May 23-July 18, 2023 at EXIM Thailand’s Head Office and the Northern Science Park, Chiang Mai University. The program aims to develop capabilities of Thai SMEs so that they would be well prepared for driving their businesses confidently toward E-commerce by providing them with training, business matching, financial advice, introduction of risk management tools, and arrangement of CBEC workshops targeting the US, European and Asian countries. This would benefit entrepreneurs and enable them to access Amazon.com network of more than 300 million customers worldwide. Some of the training topics are opening of accounts with Amazon, registration of US trademark and certificate of the US Food and Drug Administration, fulfilment by Amazon and store opening on Amazon.com. The program participation is free of charge. For further information, please contact EXIM Contact Center, Tel. 0 2169 9999 and Amazon Global Selling Thailand, Tel. 08 9505 0766.

“E-commerce is not a choice, but a salvation for businesses in the Next Normal era. EXIM Thailand has thus launched a CBEC with Amazon training program for Thai entrepreneurs by enhancing their literacy of market analysis, CBEC approaches, preparation of products, registration of trademarks in the US, arrangement of stores on Amazon.com, E-commerce tools, and product promotion planning. To thoroughly allow for provincial entrepreneurs’ access to the program, the training program will be organized at EXIM Thailand’s Head Office in conjunction with the Northern Science Park, Chiang Mai University to boost export and E-commerce literacy of SMEs of all sectors, with EXIM Thailand and Amazon closely supporting as their mentors. This aims to strengthen Thai businesses’ confidence in competing globally amid numerous challenges and opportunities in the global markets,” added Dr. Rak.

For further information, please contact Corporate Branding and Communication Department
Tel. 0 2169 9999 ext. 4110-4

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
RELATED STORIES
NEWS UPDATE